##น้ำคร่ำมาจากไหน มีประโยชณ์ยังไง##

[Amelia]

เอามาฝากค่ะ
น้ำคร่ำมาจากไหน ??

น้ำคร่ำเป็นของเหลวที่ห่อหุ้มทารกในครรภ์ ที่มีการเปลี่ยนแปลงขององค์ประกอบ และที่มาตลอดระยะเวลาของการตั้งครรภ์ โดยในช่วงต้นของการตั้งครรภ์ องค์ประกอบหลักของน้ำคร่ำจะมาจากน้ำเหลืองของเลือดมารดาที่ซึมผ่านรกและเยื่อหุ้มเด็ก เมื่อมีการตั้งครรภ์เข้าสู่ไตรมาสที่ 2 องค์ประกอบของน้ำคร่ำก็เปลี่ยนไป โดยส่วนใหญ่มาจากของเหลวที่ซึมผ่านจากผิวของทารกและผิวด้านในของรก เมื่อเข้าสู่สัปดาห์ที่ 20 ผิวหนังของทารกจะพัฒนามากขึ้นจนสารละลายไม่สามารถซึมผ่านออกมาได้อีกต่อไป แต่ไตของทารกจะทำงานและขับปัสสาวะออกมาปนกับน้ำคร่ำ

ไตของทารกเริ่มสร้างปัสสาวะเมื่ออายุครรภ์ประมาณ 12 สัปดาห์ และเมื่อถึงอายุครรภ์ประมาณ 18 สัปดาห์ ปริมาณปัสสาวะจะเพิ่มมากขึ้นเป็น 7-14 ซีซีต่อวัน

นอกจากปัสสาวะที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของน้ำคร่ำแล้ว ยังมีเซลล์ผิวหนังทารกที่หลุดลอกออกมา ไขของทารก ขนทารก และสารคัดหลั่งต่างๆ รวมทั้งน้ำที่ออกมาจากปอดทารก และสารละลายที่ซึมผ่านผิวหนังด้านในของทารกเป็นองค์ประกอบอีกด้วย โดยปริมาณของน้ำคร่ำในช่วงต่างๆ ของการตั้งครรภ์จะแตกต่างกันออกไปดังนี้
จากอายุครรภ์ 8 สัปดาห์ น้ำคร่ำจะเพิ่ม 10 ซีซีต่อสัปดาห์
เมื่ออายุครบ 21 สัปดาห์ น้ำคร่ำจะเพิ่ม 60 ซีซีต่อสัปดาห์
ที่อายุครรภ์ 12 สัปดาห์ ปริมาณน้ำคร่ำเท่ากับ 50 ซีซี
ที่อายุครรภ์ 20 สัปดาห์ ปริมาณน้ำคร่ำเท่ากับ 400 ซีซี
ที่อายุครรภ์ 36 สัปดาห์ ปริมาณน้ำคร่ำเท่ากับ 1,000 ซีซี


น้ำคร่ำกับทารก เกี่ยวกันยังไงนะ

เมื่อเราทราบที่มาของน้ำคร่ำแล้ว ที่นี้มาดูซิว่า น้ำคร่ำมีหน้าที่อะไรที่เกี่ยวข้องกับทารกในครรภ์บ้าง
ประการแรก ทำหน้าที่เป็นเกราะคุ้มกันอันตรายจากภายนอกให้กับทารกในครรภ์ ช่วยให้กระดูกและกล้ามเนื้อสามารถพัฒนาได้อย่างอิสระ
ประการที่สอง ทำหน้าที่ควบคุมอุณหภูมิของทารกให้คงที่ และเป็นแหล่งอาหารส่วนน้อยสำหรับทารก
ประการที่สาม ช่วยให้พัฒนาการการเจริญเติบโตของปอด และทางเดินอาหารมีความเหมาะสม โดยที่ทารกจะหายใจและกลืนน้ำคร่ำเข้าไปในปอดและทางเดินอาหาร
เมื่อทราบหน้าที่และปริมาณน้ำคร่ำที่เหมาะสมในระยะต่างๆ แล้ว ดังนั้น น้ำคร่ำที่มีปริมาณน้อยเกินไปหรือปริมาณมากเกินไปก็ถือว่าผิดปกติ



น้ำคร่ำมากไป น้อยไป ไม่ดีแน่

น้ำคร่ำที่มีปริมาณมากเกิน 2 ลิตร จึงเรียกว่ามาก พบได้ปริมาณร้อยละ 1 ของการตั้งครรภ์ ส่วนหนึ่งไม่ทราบสาเหตุุ อีกส่วนหนึ่งพบว่ามารดาเป็นโรคเบาหวาน ตั้งครรภ์แฝดชนิดแฝดไข่ใบเดียว ความผิดปกติของระบบประสาทส่วนกลาง ชนิดทารกไม่มีกะโหลกศีรษะ และความผิดปกติของทางเดินอาหาร ชนิดหลอดอาหารตีบตันส่วนภาวะน้ำคร่ำน้อยเกินไป อาจพบร่วมกับภาวะผิดปกติต่างๆ คือ
1. ทารกผิดปกติ ได้แก่ โครโมโซมผิดปกติ ความผิดปกติแต่กำเนิด ได้แก่ ไม่มีไตหรือท่อปัสสาวะอุดตัน ทารกเจริญเติบโตช้า หรือทารกเสียชีวิตในครรภ์ ครรภ์เกินกำหนด ถุงน้ำคร่ำแตก
2. รก ภาวะลอกตัวก่อนกำหนด หรือมีการถ่ายเทเลือดระหว่างทารก
3. มารดา ภาวะเลือดไปเลี้ยงทารกไม่เพียงพอ ความดันโลหิตสูง โรคพิษแห่งครรภ์ และเบาหวานอย่างรุนแรง
4. ยาบางชนิด
5. ไม่ทราบสาเหตุุ
นอกจากนี้การที่ถุงน้ำคร่ำรั่วก่อนเวลาอันสมควรก็เป็นสาเหตุุที่ทำให้ปริมาณน้ำคร่ำ ลดต่ำกว่าที่ควรจะเป็นและยังทำให้มีการอักเสบติดเชื้อแบคทีเรียภายในถุงน้ำคร่ำด้วย

สำหรับการพยากรณ์โรค ดูเหมือนว่าภาวะน้ำคร่ำน้อยจะมีผลกระทบต่อทารกมากกว่าภาวะน้ำคร่ำมาก และการรักษาก็ยังไม่มีวิธีใดที่เป็นจำเพาะเจาะจงและได้ผลดี

ดังนั้นการฝากครรภ์กับสูติแพทย์ตั้งแต่ไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์จะเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุด สำหรับการคัดกรองภาวะผิดปกติของปริมาณน้ำคร่ำเพื่อจะได้รับการดูแลรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสมที่สุด

มาจากนี่เลยค่ะ
<a href='http://www.elib-online.com/doctors46/lady_aminotic002.html' target='_blank'>http://www.elib-online.com/doctors46/lady_aminotic002.html</a>

[swomoakor]

ขอบคุณคะพี่แจ๋ที่มาให้ความรู้เพิ่มเติมเรื่องน้ำคร่ำ

[Knight]

ตั้งหน้าตั้งตาอ่านเลยค่ะ ขอบคุณพี่แจ๋ที่นำมาให้อ่านค่า....