ขอขึ้นหัวข้อใหม่นะคะ พอมันยาวแล้วชักเวียนหัว
เอสทีเอสนี่แบ่งเป็นสามช่วง ช่วงแรกเป็น muscle endurance ฝึกความอดทนของกล้ามเนื้อตามชื่อของมัน
เดือนที่สองของเอสทีเอสเป็นเดือนแห่ง Hypertrophy คือสร้างกล้ามเนื้อ
ฉะนั้นน้ำหนักที่ยกจึงหนักมาก
เดือนที่สามจะเป็น Strength อันนี้ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ จะรอดูว่าเป็นยังไง คิดว่าทำเสร็จหมดทั้งสามเดือน ก็จะทำอย่างอื่นนิดหน่อย แล้วจะกลับมาซ้ำอีก โดยคราวนี้รู้แล้วว่าจะต้องทำอะไรบ้าง ขาดอะไร แก้ไขยังไงให้ดีกว่าปัจจุบัน
การยกน้ำหนักอย่างจริงจัง และดันทำที่บ้าน แถมมีอุปกรณ์ไม่ครบนี่ มีปัญหาเหมือนกัน
พยายามมาหลายปีแล้ว ว่าจะซื้อบ้านใหม่ เพื่อจะได้มีเนื้อที่ใหญ่ๆกว้างขวางทำโฮมจิ๋มได้ แต่ไม่สำเร็จซักที ฉะนั้น แทนที่จะซื้อบ้านใหม่ เลยแก้ปัญหาด้วยการไปโรงยิมวันเสาร์เพื่อทำส่วนต่างๆที่ทำที่บ้านไม่ไหว
ยกตัวอย่างเช่น squats หรือ lunges ขาก็เป็นกล้ามเนื้อใหญ่ที่รับน้ำหนักได้มาก แต่มือน้อยๆของข้าพเจ้าถือเจ้า 30 ปอนด์ได้ไม่นาน คืออาจจะได้สัก 2 เซ็ต พอเซ็ตที่ 3 มันชักทรยศแล้ว ต้องแก้ปัญหาด้วยการใช้น้ำหนักน้อยลง repetition มากขึ้น แต่มันกลายเป็น muscle endurance ไปน่ะสิ ต้องไปใช้สมิธแมทชีนที่โรงยิมใหญ่ และใช้น้ำหนักเยอะหน่อย ทำเสร็จขาสั่นเลย
สั่นซู่นะคะ
อกอีแป้นก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่รู้สึกว่าทำได้ไม่ครบ เพราะถ้ามี incline และใช้ลูกบอลแทนม้าที่ทำเอียงๆได้ ก็จะใช้น้ำหนักมากไม่ได้ เพราะลูกบอลมันไม่อยู่นิ่ง ดีไม่ดีทำดัมเบลล์ร่วงใส่หัวตัวเองละแย่เลย เลยทำกับพื้นแบนๆโดยไม่สนเรื่องความเอียง ซึ่งจะเทรนกล้ามเนื้ออกส่วนบน
การเทรนกล้ามเนื้อส่วนหลัง ปัญหาของคนไม่มีบาร์คือ ตอนทำ pull ups หรือ chin ups หรือตอน lat pull down นี่ทำได้ไม่หนักสะใจ กล้ามเนื้อหลัง เป็นกล้ามเนื้อใหญ่ ใช้สำหรับดึง มันดึงน้ำหนักได้มาก แต่เราไม่มีอะไรจะดึงได้หนักพอ
วันเสาร์ที่ผ่านมา ขณะที่กำลังทำ Lat row อยู่ด้วยน้ำหนัก 60 ปอนด์ น่าประทับใจตัวเอง ก็มีชายคนหนึ่งใช้บาร์ดึงตัวเองขึ้น คุณเธอทำตั้งหลายรอบแน่ะ แบบว่าทำเสร็จแล้วพัก แล้วกลับมาทำอีกน่ะ ทำให้ต้องมองด้วยความชื่นชม แต่เขาบอกว่าเขาเกลียดไอ้ pull up นี้มาก
แหม เหมือนกันเลย.....................
พอเขาไปแล้ว ก็ยังมองบาร์เปล่าๆนั้นต่อ ไปทำอะไรก็จะหันไปมองอย่างหมายมาด น่าจะทำได้นะ เพราะนึกถึงสมัยเด็กๆที่เราเคยโหนไต่บาร์ที่โรงเรียน จำได้ว่าไต่ทีไรมือพองทุกที น่าจะมีใครสอนให้ใส่ถุงมือนะนั่น
แต่นั่นคือเป้าหมายของเรา คิดว่าแรกๆจะแค่โหนๆทำความรู้จักกะมันก่อน แล้วค่อยดึงตัวขึ้น ได้สักครั้งหนึ่งก็คงจะดีใจแย่แล้ว เพราะทำแบบไม่มีเครื่องช่วยอย่างที่เคยทำปกติ
ปกตินี่ใช้ assisted chin up and dips ค่ะ คือเราเลือกว่าจะให้มันช่วยเรากี่ปอนด์ ตัวเราเองโหนขึ้นได้กี่ปอนด์ ปัจจุบันทำได้แค่ 30 ปอนด์เอง คงอีกนานกว่าจะดึงน้ำหนักตัวเองทั้งหมดขึ้นได้เปล่าๆไม่มีอะไรช่วย
ถึงงั้นก็เถอะ รู้สึกว่ากล้ามจะชัดขึ้นหน่อยๆแล้ว มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นหรอกนะคะ ต้องเข้าห้องน้ำห้องหนึ่งที่ออฟฟิศ แสงทำมุมตกได้ยอดเยี่ยมมากเลย ปกติจะเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมลุยในห้องนั้น
ก็จะปล่อยแขนลงธรรมดาๆ ยืดตัว แขม่วพุง (ไม่งั้นเดี๋ยวหมดกำลังใจ) หันข้างให้กระจก แม่เจ้าโว้ย แขนเรานี่ไม่เลวแฮะ มิเสียแรงฝึกมาตั้งนาน ขนาดไม่ได้เกร็งยังเห็นกล้ามเป็นลูกๆ เวลาเคลื่อนตัวก็ไหวเป็นระรอกให้เห็น จุ๊ๆๆๆๆ เยี่ยมๆๆๆๆ
แต่พอเข้าห้องอื่น ซึ่งแสงไม่เป็นใจ ก็จะไม่เห็นอะไรเลย ทำไมมันเศร้ายังงี้????
.