รู้สึกตัวอีกทีตี5 คิดอีก อยากจะลุกขึ้นมานั่งสมาธิ แต่...เขาเริ่มต้นกันอย่างไร ไม่มีความรู้ ไม่มีคนสอน ไม่มีใครแนะนำ แต่ก็เอาเถอะ ไหนๆเราก็เกิดความศรัทราแล้ว ลุกขึ้นมาระบายความในใจออกมาเป็นตัวหนังสือก็ยังดี....
วิธีนั่งสมาธิหาได้ไม่ยากบนอินเตอร์เนท แต่จะสอนจะแนะนำให้ตรงนี้เลยก็ได้ เริ่มแรกก่อนจะนั่งสมาธิ ยายหนูควรสวดมนต์ ทำวัตรเช้า หรือจะท่องคาถาชินบัญชร (หรือเปิดเทปธรรมะฟัง อะไรก็ได้ที่จะทำให้จิตเราคลายจากความคิดที่ฟุ้งซ่าน) ทางที่ดี ควรสวดมนต์แบบออกเสียง เพื่อนำจิตใจเราให้อยู่กับตัวในขณะที่เราสวดมนต์ เมื่อสวดจบแล้ว ก็ให้นั่งขัดสมาธิบนพื้น หลังตรง ไม่ต้องโน้มไปข้างหน้าหรือข้างหลังมากเกินไป สบายๆนะ หลับตาลงเบาๆ อย่าบีบหนังตาจนแน่น มือวางซ้อนกันบนหน้าตัก เมื่อเรานั่งได้ตามที่ตัวเองรู้สึกดีแล้ว ก็ให้กำหนดลมหายใจเข้าออก บางคนชอบกำหนดโดยใช้คำว่า 'พุทโธ' เมื่อหายใจเข้าให้กำหนดว่า "พุท" หายใจออก กำหนดว่า "โธ" การหายใจนั้นก็ให้ทำอย่างปรกติ คือไม่ต้องช้าหรือเร็ว ทีนี้ก็ให้เราตามดูลมหายใจว่า เวลาหายใจเข้า มันเริ่มจากปลายจมูก เข้าไปในหน้าอกและลงไปจนถึงในท้อง เวลาหายใจออกก็เช่นกัน คือออกจากท้องขึ้นมาที่หน้าอกและออกทางปลายจมูก ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ระหว่างที่เราทำนั้น แน่นอนจิตใจเราต้องมีการวอกแวก ตามประสาของจิตที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ก็ให้เรารู้เท่าทันจิตของเราว่า อ้อ... นี่เราไปคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้อีกแล้วนะ เมื่อเรารู้ทันจิตอย่างนี้แล้ว ก็ให้เรานำจิตของเรากลับมาอยู่กับการกำหนดลมหายใจใหม่ บางคนอาจจะรู้สึกหงุดหงิดในครั้งแรกๆว่า โอย... ทำไมจิตไม่อยู่นิ่งซักที ก็อย่าได้ไปหงุดหงิด ให้เพียงแต่รู้ทันมันว่า อ๋อ... จิตมันก็เป็นอย่างนี้เอง ไม่หยุดนิ่ง ไม่เป็นไร เอามันกลับมาอยู่กับลมหายใจใหม่
เรื่องการกำหนดลมหายใจด้วย'พุทโธ'นี้ ก็ไม่ได้เป็นกฎตายตัว ขึ้นอยู่ที่ว่า ใครจะถูกใจกับแบบไหน อย่างที่พี่เรียนมาจากวัดมาบจันทร์ ท่านบอกว่า ใช้วิธีการนับเลขก็ได้ (ซึ่งถูกกับพี่มากกว่าการท่องพุทโธ) วิธีนี้ให้ทำด้วยการนับลมหายใจเข้าออก คือเมื่อหายใจเข้าก็นับ 1 หายใจออกก็นับ 1 พอหายใจเข้าอีกทีก็นับ 2 ออกก็นับ 2 พอเรานับลมหายใจเข้าออกไปได้ถึงเลข 5 แล้ว ก็ให้เริ่มรอบใหม่ คือมานับเข้า 1 ออก 1 ใหม่ แต่รอบสองนี้ให้นับไปจนถึง 6 พอถึง 6 แล้ว ก็ให้เริ่มรอบใหม่อีก แต่นับจนถึง 7 ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนถึงเลข 10 ฟังดูเหมือนจะง่ายใช่มั้ย แต่ไม่ง่ายเลย เพราะระหว่างที่เรานับนั้น จิตใจเรามันจะคอยหนีไปเที่ยว แต่เมื่อเรารู้ทันว่า อ้อ... จิตเราหนีไปเที่ยวอีกแล้ว พระท่านก็บอกว่าเราห้ามขี้โกง เราต้องกลับไปเริ่มรอบแรกใหม่ คือนับ 1-5 ใหม่ เมื่อทำนานเข้า จิตของเราก็จะสงบลง
อีกวิธีก็คือ การตามลมหายใจเข้าออกแบบ 'ยุบหนอ พองหนอ' คือหายใจเข้าท้องป่อง หายใจออกท้องแฟบ ให้เรากำหนดจิตไว้ตามความรู้สึกขึ้นลงของท้องเราเอง พอเราหายใจเข้า ก็ให้รู้สึกว่าท้องพอง แล้วท่องว่า 'พองหนอ' เมื่อหายใจออก ก็ให้รู้สึกว่าท้องเราแฟบลง แล้วท่องว่า 'ยุบหนอ'
ส่วนใหญ่การปฎิบัติธรรมนี้จะต้องมีการเดินจงกรมร่วมด้วย เพราะการที่เรานั่งอย่างเดียวอาจจะทำให้เราเกิดการง่วงเหงาหาวนอน ผู้ที่ต้องการฝึกอย่างจริงจัง จึงต้องเปลี่ยนจากการนั่งมาเป็นการเดินบ้าง วิธีการเดินจงกรมก็เช่นกัน คือเราต้องเอาจิตของเรามาไว้ที่เท้าทั้งสองข้าง เริ่มด้วยการยกเท้าเดินอย่างช้าๆ ตามองดูเท้าในขณะที่เดิน เมื่อเรายกเท้าขึ้นจากพื้น ก็ให้เรากำหนดว่า 'ยกหนอ' พอเราย่างเท้าไปข้างหน้า ก็กำหนดว่า 'ย่างหนอ' พอเราเหยียบเท้าลง ก็กำหนดว่า 'เหยียบหนอ' พอเท้าเราแตะพื้น ก็กำหนดว่า "แตะหนอ' การทำเช่นนี้จะทำให้จิตอยู่กับตัวเราตลอดเวลา
ลองทำดู แรกๆอาจจะได้ไม่นาน แต่เมื่อฝึกบ่อยๆ จิตจะสงบและนั่งได้นานขึ้น ได้ฟังเทปและอ่านหนังสือที่พี่ให้ไปมั่งหรือเปล่าล่ะ หนังสือเล่มนั้นดีมากนะ
<br><span style='font-family:Times'><span style='color:blue'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>"It does not matter how slowly you go as long as you do not stop."</span></span></span> — <i>Confucius</i>