<span style='font-size:14pt;line-height:100%'><span style='color:red'>วันนี้คุณออกกำลังกายแล้วหรือยัง</span></span>
<span style='color:blue'>1 วันมี 24 ชั่วโมง ยายหนูมีเรื่องที่จะต้องทำมากมายหลายอย่าง และมักจะใช้คำว่า ไม่มีเวลาในการออกกำลังกาย มาเป็นข้ออ้างเสมอๆ
แต่หลังจากที่มีอายุมากขึ้น ร่างกายเริ่มเปลี่ยนไป ไขมันเริ่มพอกพูน สุขภาพเริ่มแย่ลง มีอาการปวดเข่า และเหนื่อยง่าย จึงเริ่มได้คิดว่า ถึงเวลาที่จะต้องลุกขึ้นมาออกกำลังกายเสียที ก่อนที่สุขภาพร่างกายจะแย่มากไปกว่านี้ และถ้าโรคภัยไข้เจ็บเข้ามาเยี่ยมเยียนเราจะทำอย่างไร เพราะเราอยู่ต่างประเทศ ค่ารักษาพยาบาลก็แพงแสนแพง แถมยังต้องทำงานส่งเงินไปให้แม่ที่เมืองไทยได้ใช้จ่ายอีก ลูกๆหลานๆก็ยังเล็ก เรายังต้องเป็นที่พึ่งของพวกเขาอีกนาน เหนื่อยได้(ได้เงิน) แต่ป่วยและตายไม่ได้(มีแต่เสียกับเสีย)
เมื่อคิดได้ดังนั้น ยายหนูจึงลุกขึ้นมาออกกำลังกาย เวลาผ่านไป7เดือน สามารถลดน้ำหนักลงไปได้ 10กิโล ทำให้เห็นคุณค่าของการออกกำลังกายมากยิ่งขึ้น และศึกษาค้นคว้าหาวิธีที่ถูกต้อง จนกระทั่งได้พบวิธีเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ เพื่อรีดไขมัน ด้วยการฝึกยกน้ำหนัก ยายหนูทำมันได้ช่วงหนึ่งพอได้เห็นกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นมาบ้าง ก็ต้องหยุดพัก เนื่องจากเหนื่อยกับหน้าที่การงาน และอื่นๆโดยเฉพาะจิตใจ...
วันแล้ววันเล่า ที่ฉันผลัดวันประกันพรุ่งโดยอ้างว่าเหนื่อยบ้าง ไม่มีเวลาบ้างเนื่องจากเวลามันรัดตัวจริงๆทั้งๆที่มีเวลาหลังเสร็จงานนั่งหน้าคอมและดูทีวี
แต่ด้วยความที่เห็นคุณค่าของการออกกำลังกาย จึงเอาเวลานั่งหน้าคอมหรือดูรายการทีวีนั้นมาออกกำลังกาย แต่กว่าจะฝึกและอาบน้ำเสร็จ ก็ 5ทุ่ม เข้านอน สมองตื่น และกว่าจะหลับลงได้ตี1 ตี2โน่น นอนเต็มอิ่ม 8ชั่วโมง ต้องตื่น9โมง ได้เวลาทำอาหารพอดี นี่คือเหตุผลที่ไม่สามารถออกกำลังกายหลังจากปิดร้านได้ แต่เวลาอื่นก็มีไม่ไช่หรือ...
จึงพยายามจัดแบ่งเวลาออกเป็นช่วงๆ แต่มันก็ต้องมีอันต้องเลื่อนตารางการออกกำลังกายนี้ไปเรื่อยๆ ถ้าเอามาไว้ในช่วงหลังตื่นนอน ถ้าวันนั้นตื่นสาย ก็เลื่อนมาออกสายๆ ถ้าสายๆมีออเดอร์เข้า(เป็นแม่ครัวร้านอาหาร)ก็ต้องเลื่อนไปเป็นบ่าย และถ้าบ่ายยุ่งงานอีกก็ต้องเลื่อนไปเป็นหลังปิดร้าน(3ทุ่มครึ่ง)และเมื่อถึงเวลา ฉันมักจะบอกกับตัวเองว่า เหนื่อยจังวันนี้ของดการออกกำลังกาย เอาไว้พรุ่งนี้เช้าหลังตื่นนอนก็แล้วกัน พอวันรุ่งขึ้นก็เป็นแบบนี้อีก วันแล้ววันเล่า 2เดือน 3เดือน และ4เดือน...
เนื่องด้วยจิตใต้สำนึกของฉันยังคงเห็นความสำคัญของการออกกำลังกายอยู่ วันนี้ฉันจึงลุกขึ้นมาปรับเปลี่ยนความคิดและจัดตารางใหม่ โดยให้ความสำคัญในการนอนหลับพักผ่อนเป็นอันดับหนึ่ง คือต้องได้นอนอย่างน้อย 8ชั่วโมง อันดับต่อไปก็คือการออกกำลังกาย หลังตื่นนอนฉันจะให้เวลาตัวเอง 30-60นาทีในการออกกำลังกายโดยปราศจากข้ออ้างใดๆทั้งสิ้น(นอกจากอาการเจ็บป่วยเพราะอายุ48ปีแล้ว อาการของโรควัยทองกำลังเข่ามาเยี่ยมเยือน) โดยเริ่มจากดื่มน้ำ 1แก้ว ทานกล้วยหอมครึ่งผล ดื่มน้ำอีก 1แก้ว จากนั้นก็ออกกำลังกาย การที่เราได้ทำในสิ่งที่ไม่ชอบและน่าเบื่อนี้ก่อน โดยเอาเรื่องอื่นๆไว้ทีหลัง เป็นการกำจัดข้ออ้างที่ว่าไม่มีเวลาออกกำลังกายให้หลุดพ้นไป...
และถ้าหลังตื่นนอนไม่มีเวลาพอจริงๆ ก็จะเลื่อนไปเรื่อยๆ จนหลังปิดร้าน ไม่มีเวลา 60นาที ก็ขอให้ได้ทำสัก 30นาทีก็ยังดี...
ท้ายสุด อยากจะบอกว่า ถ้าคุณเห็นความสำคัญของการออกกำลังกาย จนทำมันติดเป็นนิสัยแล้ว คุณจะไม่มีข้ออ้างใดๆทั้งสิ้น เพราะถึงแม้ว่าคุณจะเหนื่อย ไม่มีเวลา แต่คุณก็สามารถจัดแบ่งเวลาสำหรับมันจนได้ เพราะจิตใต้สำนึกของคุณจะคอยเตือนและบอกคุณอยู่ตลอดเวลาว่า วันนี้เรายังไม่ได้ออกกำลังกายเลยนะ และต้องทำ...
อยากให้เพื่อนๆถามตัวเองว่า
ถึงเวลาแล้วหรือยัง
ยังมีข้ออ้างอะไรอีก
30นาทีไม่มีเวลาเลยหรือ
หรือจะรอให้นอนเจ็บ นอนป่วยก่อนจึงจะลุกขึ้นมาออกกำลังกาย
มาเถอะค่ะลุกขึ้นมาดูแลสุขภาพตัวเอง ก่อนที่เราจะไม่สามารถดูแลตัวเองได้
การออกกำลังกายคือการบริหารกล้ามเนื้อหัวใจทำให้เลือดลมสูบฉีดไปทั่วร่าง ดังนั้นมันจึงต้องเหนื่อย ถ้าไม่เหนื่อยก็ไม่ไช่การออกกำลังกาย...</span></span>