ครัวไกลบ้านได้ทำการปรังปรุงเวบไซต์ให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นในระบบสมาร์ทโฟน และได้รวมข้อมูลเมนูอาหารและ สมาชิกจากทั้งเวบไซต์เก่าและใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว

สมาชิกท่านไหนมีปัญหาไม่สามารถล็อกอินได้ ให้ทำการเปลี่ยนพาสเวิร์ดโดยคลิ๊กลิ้งค์นี้ ลืมรหัสผ่าน
ถ้าท่านใดมีชื่อสมาชิกมากกว่าหนึ่งชื่อแล้วต้องการรวมโพสทั้งหมดให้อยู่ในชื่อสมาชิกเดียว หรือมีปัญหาในการใช้เวบไซต์
สามารถส่งอีเมล์แจ้งรายละเอียดมาได้ที่ admin@kruaklaibaan.com หรือส่งข้อความได้ที่ user: sillyfooks

ถ้าชอบครัวไกลบ้าน อย่าลืมคลิ๊กไลค์เฟสบุ๊คให้ครัวไกลบ้านด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

สูตรลดน้ำหนัก ของคุณสุมณี คุณะเกษม

ห้องนี้สำหรับสมาชิกพูดคุย ปรึกษาปัญหาเรื่องสุขภาพค่ะ

โพสต์โดย PHAN » อาทิตย์ พ.ค. 23, 2010 3:08 am

<span style='font-size:14pt;line-height:100%'><span style='color:red'>บทสัมภาษณ์คุณ สุมณี</span></span>
ดิฉันดูแลตัวเองมาก เวลาดิฉันเห็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรือสมุนไพรอะไรที่ว่าดี ก็จะนำไปปรึกษาคุณหมอ นี้คุณหมอขอไห้เอาออก และไม่ไห้ทานตั้ง ๑๑ อย่างแล้วคะเพราะเดี๋ยวไตจะแย่ และดิฉันได้สูตรลดความอ้วนมากจาก โรงพยาบาล Memarial Hospital นิวยอร์ก พอมีนิตยสาร หรือรายการทีวีมาขอสัมภาษณ์ คนใกล้ตัวก็จะบังคับไห้ดิฉันลดความอ้วน ดิฉันก็จะทานสูตรนี้ ครั้งสุดท้ายดิฉันทานอยู่ ๔ อาทิตย์ ลดได้อาทิตย์ละกิโล แต่ถ้าเคร่งครัดจริง ๆ คุณลดได้ถึงอาทิตย์ละ 4-5 กิโลกรัม และขอแนะนำไห้ไทน ๓ อาทิตย์ หยุดแล้วทานอาหารตามปรกติแล้วค่อยกลับมาทานใหม่

“สูตรนี้ไม่ใช่การอดอาหาร แต่ต้องทานตามสูตร ทานตามสูตรแล้วยังหิวก็ไห้ทานซุปผักเยอะ ๆ ต้มซุปผักทิ้งไว้ตักทานได้ทั้งวัน” และนี้คือสูตรที่เธอใช้คะ

สูตร ซุปลดความอ้วน
หอมหัวใหญ่ขนาดใหญ่ ๖ ลูก
พริกหยวกเขียวใหญ่ ๑ หัว
กะหล่ำปีหัวใหญ่ (ไม่ใช่ดอกกะหล่ำ) ๑ หัว
มะเขือเทศลวกลวกเปลือกและเม็ดไห้หมด ๒ กระป๋อง
ผักเซเลอรี่ ๑ มัด
Lipton Soup Mix รสใดก็ได้ ๑ ซอง

<span style='font-size:14pt;line-height:100%'><span style='color:blue'>วิธีต้ม</span></span>

หั่นผักต่าง ๆ เป็นชิ้นเล็ก ๆ ขนาดลุกเต๋า ใส่หม้อใหญ่ ต้มน้ำไห้ท่วมผัก ใส่เกลือ พริกไทย ผงกะหรี่เล็กน้อย ใส่ผักชี ซุปก้อน และซอสศรีราชานิดหน่อย (ไม่มีไม่จำเป็นคะใส่เท่าที่มี)
จากนั้นตั้ง ไฟแรง ๆ ไห้เดือด 10 นาที ลดไฟและปล่อยไห้ซุปเดือดปุด ๆ จดกระทั้งผักเปื่อย ตักทานได้เท่าที่ต้องการ ซุปนี้ไม่เพิ่ม แครอรี่ ยิ่งกินมากยิ่งผอม ซุปที่เหลือเอาเข้าช่องแช่แข็งไว้ได้ หรือเวลาไปไหน ไห้ใส่กระติกเก็บความร้อนไปกิน

<span style='font-size:14pt;line-height:100%'><span style='color:red'>สูตรควบคุมน้ำหนัก</span></span>

<span style='color:blue'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>วันที่ ๑</span></span>
กินผลไม้อย่างเดียวตลอดทั้งวัน สามารถทานผลไม้ได้ทุกชนิด ยกเว้น กล้วย แตงโมทุกชนิด และดื่มน้ำเปล่า สามารถดื่มชาได้ ห้ามใส่น้ำตาล วันนี้ห้ามกินซุป และดื่มน้ำ Cranberry (ไม่ผสมน้ำตาล) วันนี้ห้ามกินซุป

<span style='color:blue'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>วันที่ ๒</span></span>
กินแต่ผักอย่างเดียวทั้งวัน (ห้ามกินผลไม้เลยในวันนี้) โดยกินคู่กับซุปข้างต้น กินได้ทั้งผักสด ผักกระป๋อง พยายามเลือกผักทีมีใบเขียวไห้มากกว่าอย่างอื่น มื้อเย็นไห้กินมันฝรั่งอบเนยได้

<span style='color:blue'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>วันที่ ๓</span></span>
กินซุป ผลไม้ และผักได้มากตามที่ต้องการ แต่ห้ามกินมันฝรั่งอบเด็ดขาด (ถ้ากินได้เช่นนี้ ๓ วัน น้ำหนักจะลด 5-7 ปอนด์)

<span style='color:blue'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>วันที่ ๔</span></span>
กินแต่กล้วยได้ถึง ๓ ลูก กับนมพร่องไขมัน และซุป และดื่มน้ำตามมาก ๆ (เนื่องจากกล้วยมีแคลอรี่และคาร์โบไฮเดรตสูง นมก็เช่นกัน ในวันนี้ร่างกายต้องการ โปแตสเซียม คาร์โบไฮเตรต โปรตีน และแคลเซียม เพื่อลดความอยากของหวาน)

<span style='color:blue'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>วันที่ ๕</span></span>
กินเนื้อวัว เนื้อไก่ปิ้ง หรือไก่อบ (ลอกหนังออก) 10-20 ออนซ์ กับมะเขือเทศกระป๋อ ๑ (หรือมะเขือเทศสุก ๖ ลูก) ดื่มน้ำอย่างน้อย 6-8 แก้ว ในวันนี้ไห้ทานซุป อย่างน้อย ๑ ครั้ง (๑ มื้อ) สูตรในวันนี้จะล้างกรดยูริกในร่างกาย

<span style='color:blue'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>วันที่ ๖</span></span>
กินเนื้อวัน เนื้อไก่ หรือไก่อบ (หลอกหนังออก กินพออิ่ม) หรือปลากับผัก ซึ่งกินทั้ง ๒ อย่างได้มากเท่าที่ต้องการ วันนี้ไห้กิน เนื้อ 2-3 ชิ้น กับใบผักกาดได้ถ้าต้องการ (เลือกเซทใดเซทนึง) แต่ห้ามกินมันฝรั่งอบ ไห้กินซุปได้อย่างน้อย ๑ ครั้ง ในวันนี้

<span style='color:blue'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>วันที่ ๗</span></span>
กินข้าวซ้อมมือ น้ำผลไม้ไม่ผสมน้ำตาล และไม่ผสมน้ำเชื่อม และกินผักต่าง ๆ ได้เต็มที่ กินซุปไห้ได้อย่างน้อย ๑ มื้อในวันนี้
(ซุปทานได้ทุกวันได้มากเท่าที่ต้องการ ยกเว้นวันที่ ๑)

<span style='color:red'>หมายเหตุ</span>กรณีที่ลดได้ ๑๕ ปอนด์ ในอาทิตย์แรกไห้เลิกปฏิบัติไปก่อน ๒ วัน แล้วค่อยเริ่มใหม่ สูตรนี้จะช่วยเผาผลาญพลังงานมากกว่าที่ได้รับ
ห้ามดื่มแอลกอฮอล์เลย เนื่องจากร่างกายต้องกำจัดไขมันที่สะสมอยู่ออกจากระบบ เมื่อออกจากสูตรต้องหยุดอย่างน้อย ๒๔ ชั่วโมง จึงดื่มแอลกอฮอล์ได้ส่วนกาแฟดื่มได้

<span style='color:red'>ข้อควรระวัง</span>ซุปลดความอ้วนดื่มไปเรื่อยๆ โดยไม่จำกัด จะทำไห้เป็นโรคขาดสารอาหาร ส่วนอาหารที่ห้ามกินเด็ดขาดระหว่างเข้าโปรแกรม คือขนมปัง น้ำอัดลม (รวมทั้ง Diet drink) อาหารทอดและผัด ถั่วตากแห้งทุกชนิด ข้าวโพด เครื่องดื่มที่ดื่มได้ก็มีน้ำเปล่า กาแฟดำ ชาดำ
ไม่ใส่น้ำตาล น้ำเชื่อม น้ำ Cranberry และนมพร่องไขมัน


<span style='color:red'>สูตรลดน้ำหนักที่สอง</span>
สำหรับ หนึ่งอาทิตย์ ไห้กิน เฉพาะซุปผัก กับผักและผลไม้ ยกเว้นกล้วยกับแตงโมทุกชนิด (อาหารเครื่องดื่มข้อห้ามก็เหมือนสูตรที่ ๑)
ทานได้มากตามที่ต้องการในเวลาหิว แต่สูตรนี้ไม่ช้วยล้างกรดยูริกจากกะหล่ำปี สูตรนี้สามารถหยุดได้ ตาม ที่ตัวเองพอใจในน้ำหนักตัวแล้ว

สูตรนี้เป็นสูตรลดน้ำหนัก ที่ค่อยข้างรู้จัก พอสมควรคะ เพราะเพื่อนปาน หลายเชือชาติ เขาจะรุ้จักสูตรนี้เกือบจะทุกคนคะ ไม่ทราบว่าในครัวนี้มีใครใช้สูตรนี้กันบ้างคะ


ขอบคุณนิตยสารโอเค ฉบับภาษาไทย และเจ้าของสูตรด้วยคะ
<img src='http://i.imgur.com/DNncB.jpg' border='0' alt='user posted image' /><br><br><a href='http://olddreamz.com/bookshelf/properties/propcon2.html' target='_blank'>พูดดี ทำดี คิดดี</a><br><br><a href='http://www.consumerthai.org/main/index.php' target='_blank'><span style='font-size:10pt;line-height:100%'>มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค</span></a><br><br><a href='http://dodee2011.blogspot.com/' target='_blank'>เคล็ดลับในครัว</a>
ภาพประจำตัวสมาชิก
PHAN
แม่ไข่หวาน พ่อไข่เค็ม
 
โพสต์: 1485
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. พ.ค. 07, 2009 6:54 am

โพสต์โดย นิรินธนา » อาทิตย์ พ.ค. 23, 2010 4:26 am

<span style='color:deeppink'>ถ้าทำแล้วลดเยอะๆ มันจะสลด ฟี๊บ เหมือนลูกโป่งถูกปล่อยลมมั้ยเนี่ย อิ อิ อิ
แต่เท่าที่พี่อ่านๆดูแล้วก็ดูดีนะ

พอดีพี่ขอลดไขมัน เรื่องน้ำหนักไม่ค่อยเท่าไหร่ เดี๋ยวรอคนอยากลดน้ำหนักเอาไปทดลองเนอะ
ขอบใจนะจ๊ะที่เอาสูตรไม่ลับมาแบ่งปันกัน
(คิดไปคิดมาน่าจะเอาให้คนที่นอนๆข้างพี่ทานสักอาทิตย์นึง ฮิ ฮิฮิ)



</span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
นิรินธนา
แม่ไข่นกกระทา พ่อไข่จะละเม็ด
 
โพสต์: 2540
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 11, 2006 3:29 pm

โพสต์โดย PHAN » อาทิตย์ พ.ค. 23, 2010 11:59 am

นิรินธนา เขียน: <span style='color:deeppink'>ถ้าทำแล้วลดเยอะๆ มันจะสลด ฟี๊บ เหมือนลูกโป่งถูกปล่อยลมมั้ยเนี่ย อิ อิ อิ
แต่เท่าที่พี่อ่านๆดูแล้วก็ดูดีนะ

พอดีพี่ขอลดไขมัน เรื่องน้ำหนักไม่ค่อยเท่าไหร่ เดี๋ยวรอคนอยากลดน้ำหนักเอาไปทดลองเนอะ
ขอบใจนะจ๊ะที่เอาสูตรไม่ลับมาแบ่งปันกัน
(คิดไปคิดมาน่าจะเอาให้คนที่นอนๆข้างพี่ทานสักอาทิตย์นึง ฮิ ฮิฮิ)



</span>

ปานเห็นเพื่อนปาน (ค่อนข้างมีอายะ) ทานก็เห็นผลกันคะ เหมือนการ ล้างท้องล้างสารพิษออกจากร่างกายและกระแสเลือด ไปในตัวด้วยคะ ถ้าทำได้ปีละ เดือน ก็คงดีต่อสุขภาพ คะ ปานก็กะจะหาโอกาส สักวัน ทำดูคะ พอดีอ่านเจอในหนังสือ คิดว่าไม่ค่อยหนักเท่าไหร่ และไปแนะนำเพื่อน เพื่อนก็เลยบอกว่า สูตรนี้เขาใช้มานานพอสมควรแล้วคะ คือพอน้ำหนักตัวเกิน แล้วรู้สึกอึดอัดเขาก็จะเข้าสูตร นี้ก็คุยกับเพื่อนว่า จะเข้าสูตรพร้อม กันขอเวลาทำใจกับความสวยในอนาคตก่อน อิ อิ
<img src='http://i.imgur.com/DNncB.jpg' border='0' alt='user posted image' /><br><br><a href='http://olddreamz.com/bookshelf/properties/propcon2.html' target='_blank'>พูดดี ทำดี คิดดี</a><br><br><a href='http://www.consumerthai.org/main/index.php' target='_blank'><span style='font-size:10pt;line-height:100%'>มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค</span></a><br><br><a href='http://dodee2011.blogspot.com/' target='_blank'>เคล็ดลับในครัว</a>
ภาพประจำตัวสมาชิก
PHAN
แม่ไข่หวาน พ่อไข่เค็ม
 
โพสต์: 1485
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. พ.ค. 07, 2009 6:54 am

โพสต์โดย naddyswiss » อาทิตย์ พ.ค. 23, 2010 2:38 pm

บอกตามตรงเลยว่า อ่านแล้วเหมือนจะง่าย แต่ความจริงแล้วโหน่งว่าจะทำได้ยากนะ

วิธีการลดความอ้วนที่ถูกต้อง คือต้องไม่อด และทานอาหารครบห้าหมู่

ช่วงเช้าควรได้รับโปรตีนประมาณ 3/4 ฝ่ามือ กลางวัน1/2 ฝ่ามือ เย็น 1 ฝ่ามือ

ช่วยลดความอ้วนโปรตีนเป็นสิ่งสำคัญมากๆ พอการทานโปรตีนเพียงพอช่วงที่ลดน้ำหนักมันสามารถไปกระตุ้นไขมันเก่าเพื่อนำออกมาใช้

คนที่จำกัดอาหารช่วงลดความอ้วน มันอาจจะลดได้ช่วงนึง และจากนั้นก้อจะกลับมาอ้วนอีกรอบ และทานแบบเบรคแตก

และบางคนที่ลดความอ้วน ดื่มแต่น้ำผลไม้ อยากบอกว่าไม่ได้ช่วยให้ลดได้เลย

ส่วนคนอดเพื่อที่จะให้น้ำหนักลด ก้อจะยิ่งอ้วนเข้าไปใหญ่

จะสาธยายอย่างไรดีอ่ะ คือโหน่งได้อ่านหนังสือ ชื่อ "ผอมเลือกได้" ของ เภสัชกรหญิง นันทวดี พิทยาพิบูลย์พงศ์ มันสอดคล้องกับอาหารเสริมที่โหน่งทานช่วงลดน้ำหนัก เพราะโหน่งลดน้ำหนักด้วยการทานโปรตีน และกากไยอาหารอัดเม็ด แต่ไม่ได้กินแต่อาหารเสริมแทนข้าวนะ คือทานควบคู่ไปกับอาหารปรกติเนี่ยแหละ

ที่โหน่งใช้อาหารเสริมช่วยเพราะบอกตามตรงโหน่งไม่สามารถมานั่งคำนวนโปรตีนไก่กี่ชิ่น หมูกี่ชิ้นได้ เจ้าโปรตีนนี้มันช่วยได้มาก

อยากให้ลองไปหาหนังสือเล่มนี้อ่านดู เพราะมันทำให้เราได้ลดน้ำหนักอย่างไม่ทรมาน แถมยังกินขนมในช่วงลดน้ำหนักได้อีกต่างหาก

โหน่งได้อ่านแล้วก้อชื่นชอบมากๆ มันดีมากๆเลยอ่ะ อ้ออ่านเจอมาเหมือนกันว่า สาวๆบางคนลดน้ำหนักก้อจะทานแต่พวกส้มตำแซ่บๆ แกงส้มเผ็ดๆ ขอบอกเลยอาหารพวกนี้ดูเหมือนแคลอรี่ต่ำ แต่อยากบอกว่า มันทำให้เราจะผอมช่วงบน มีไหปลาร้าขึ้น แต่ช่วงล่างบึกบึนอ่ะนะจ๊ะ อิอิ
naddyswiss
 

โพสต์โดย naddyswiss » อาทิตย์ พ.ค. 23, 2010 3:01 pm

เผอิญไปคุ้ยเนื้อหานิดหน่อยในหนังสือเล่มนี้ โหน่งว่ามันอาจจะเกิดประโยชน์กะเพื่อนๆไม่มากก้อน้อย

☺ เปิดใจคนอยากผอม ☺
คุณไม่ต้องกลุ้มใจเรื่องการลดความอ้วนอีกต่อไปแล้ว เพราะสิ่งที่คุณจะได้อ่านต่อไปนี้ ตั้งแต่บรรทัดแรก จนถึงบรรทัดสุดท้าย จะทำให้คุณมองภาพการกินอาหารเปลี่ยนไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง คุณจะกลับมากินอาหารได้เหมือน

คนปรกติทั่วไป มีความสุขในการกิน เหมือนเมื่อครั้งเรายังเด็กๆ ที่คุณพ่อ คุณแม่ ท่านเลี้ยงเรามาโดยกินอาหารครบทั้ง 3 มื้อ และมีอาหารว่างได้ด้วยคุณจะแปลกใจที่คุณ สามารถลดความอ้วนได้ทั้งๆ ที่ยังกินเป็นปรกติ และ ไม่ต้องทรมานกับการอดอาหารอีกต่อไป

การลดความอ้วนด้วยวิธีที่จะแนะนำนี้ เป็นการลดความอ้วนที่ไม่ฝืนขบวนการ ทางธรรมชาติ ของร่างกายการที่ร่างกายหิวนั้น ก็คือร่างกายต้องการสารอาหารเพื่อเอาไปใช้สร้างสารที่จำเป็นต่างๆ และ ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ อีกทั้งยังเอาไปใช้เป็นพลังงานเพราะฉะนั้นการกินอาหารจึงมีความสำคัญต่อร่างกาย ไม่ใช่สิ่งที่บางคนเข้าใจว่าถ้ากินอาหารให้ครบทุกมื้อ ตัวเองต้องอ้วนแน่ๆ

ถ้าคุณทราบและเข้าใจตามหนังสือเล่มนี้แล้ว คุณจะกล้าที่จะกลับมากินได้เหมือนคนอื่นเขาสักที
แต่คุณต้องกินให้เป็นเท่านั้นโดยมีวิธีอธิบายง่ายๆ ให้เข้าใจว่า เมื่อขบวนการที่อาหารเข้าไปในร่างกายแล้ว จะนำไปใช้อย่างไร
. . ......................................

☺ รู้จักสารอาหารกันก่อน ☺
. . . อันดับแรกเราต้องทำความเข้าใจว่า กลุ่มอาหารและขบวนการเผาผลาญอาหารมีผลต่อความอ้วนอย่างไร กันก่อน

. . . ก่อนอื่นเราต้องทราบก่อนว่าอาหารที่เรากินนั้น แบ่งเป็นหมวดหมู่อะไรบ้าง

1. คาร์โบไฮเดรต / 2.โปรตีน / 3.ไขมัน / 4. วิตามิน และแร่ธาตุ / 5. น้ำ

. . . อาหารที่เกี่ยวข้องกับความอ้วนนั้นมีอยู่ 3 กลุ่ม คือ

1. คาร์โบไฮเดรต (Carbohydrates) / 2.โปรตีน (Proteins) / 3.ไขมัน (Fats)

. . . ดังนั้น คนที่ชอบกินผลไม้ หรือดื่มน้ำผลไม้ แทนอาหาร โดยเข้าใจว่าจะทำให้ผอมนั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้ตรงกันข้าม น้ำหนักของคุณจะเพิ่มได้ถึง วันละ 1 กิโลกรัม ได้อย่างสบายๆ

. . . การลดความอ้วน จะลดเฉพาะแป้งและน้ำตาลอย่างเดียว คงไม่พอแต่คุณต้องเพิ่ม ปริมาณโปรตีน มากกว่าปรกติ เล็กน้อยด้วย

. . . วิธีนี้จึงไม่ใช่เป็นการนับแคลอรีจากอาหาร แต่จะเป็นการกินอาหารให้ครบโดยปรับสัดส่วนให้มี ปริมาณของโปรตีน มากกว่าปรกติเล็กน้อย เพื่อให้เอาไขมันเก่าที่สะสมอยู่ออกมาได้ง่ายขึ้น ตอนนี้ก็ทราบแล้วว่า อาหารเมื่อเข้าไปในร่างกาย แล้วจะทำให้เกิดขบวนการอย่างไรบ้าง และคุณก็จะมองภาพการรับประทานอาหารต่างไปจากเดิมแล้ว การรับประทานอาหารให้ครบทุกหมวดหมู่(Balanced Food) จึงจะทำให้ลดความอ้วนได้ง่ายและ ไม่ต้องทรมาน ไม่ต้องเครียด จากการอด และ หิวอีกต่อไป
naddyswiss
 

โพสต์โดย naddyswiss » อาทิตย์ พ.ค. 23, 2010 3:03 pm

☺ เรียนรู้ขบวนการเผาผลาญ ☺
. . . ดังนั้นถึงแม้จะกินน้อยลง แต่ก็ยังเผาผลาญไม่หมด จึงอ้วนขึ้นได้ ทั้งๆที่กินน้อย
. . . อาหารที่ได้รับในแต่ละวัน ต้องไม่ต่ำกว่าที่ต้องใช้เป็นพลังงานพื้นฐาน อย่าอดอาหารเด็ดขาด
เพราะจะทำให้เรากลับมาอ้วนขึ้นมาอีกได้ทั้งๆที่กำลังอดอยู่ เนื่องจากร่างกายจะลดการเผาผลาญลง
. . . จึงเป็นการกินได้ตามความต้องการของร่างกาย โดยนำเอาการกินที่สมดุล เข้ามาช่วยให้ร่างกายมีการ
เผาผลาญไขมันเพิ่มขึ้น
. . . . . . . . . . . . . . . . . . .
☺ จำกัดแป้งแค่พอเพียง ☺
. . . เราจึงต้องจำกัดปริมาณให้พอใช้เป็นพลังงานเท่านั้น จะไม่ให้เหลือจากการใช้ จนต้องเก็บไปสะสม
. . . . . . . . . . . . . . . . . . .
☺ คำแรกต้องโปรตีน ☺
. . . ในการบริโภคอาหาร เราควรตักโปรตีนเข้าไปในปากก่อนซัก 2 – 3 คำ
ยกตัวอย่างเช่น มื้อเช้า รายการอาหารคือ โจ๊กหมูสับใส่ไข่
ให้เราตักหมู และ หรือ ไข่ไก่ รับประทานก่อน 2 – 3 คำ แล้วจึงตามด้วย หมูและไข่ที่เหลือปนกับเนื้อโจ๊กทีหลัง
ทำไมต้องโปรตีนก่อน เพราะ . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . .
☺ หลีกเลี่ยงอาหารรสแซ่บ ☺
. . . อาหารพวกนี้จะแฝงไปด้วยความเค็ม . . . ความเค็มก็คือโซเดียม คุณสมบัติทางเคมีของมันก็คือ ชอบน้ำ
ก็จะดึงน้ำเข้าหาตัว
ดังนั้นลักษณะที่เห็นก็คือ บวมน้ำ โดยจะมีน้ำบวมคั่งอยู่ในเนื้อเยื่อ จึงขยายตัวออกมา และลักษณะของน้ำก็คือ
จะไหนลงสู่ที่ต่ำเสมอ เพราะฉะนั้น ปัญหาจึงอ้วน ตั้งแต่หน้าท้อง สะโพก ต้นขา และถ้าเป็นมากๆจะลงน่อง และข้อเท้า
. . . เราทราบแล้วว่าความเค็มจะทำให้อ้วนหลอกๆ คืออ้วนแบบบวมน้ำ . . .
. . . . . . . . . . . . . . . . . . .
naddyswiss
 

โพสต์โดย greenfrog » อาทิตย์ พ.ค. 23, 2010 3:05 pm

สูตรนี้อ้อยเคยทดลองมาแล้วค่ะ
ขอบอกมันทรมารมากค่ะ
ต้องคนใจแข็งพอที่ทำได้
แต่ถ้าให้ดีทำแบบที่คุณโหน่งพูดดีกว่าค่ะมันดีกว่าเยอะค่ะ
<a href="http://daisypath.com/"><img src="http://davf.daisypath.com/TikiPic.php/iUkuvJ9.jpg" width="60" height="80" border="0" alt="Daisypath - Personal picture" /><img src="http://davf.daisypath.com/iUkup8.png" width="400" height="80" border="0" alt="Daisypath Anniversary tickers" /></a><br><span style='color:green'>{Aoy} perth ออสเตรเลีย</span>^_^
ภาพประจำตัวสมาชิก
greenfrog
แม่ไข่ดาว พ่อไข่เจียว
 
โพสต์: 450
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 06, 2007 10:31 am

โพสต์โดย naddyswiss » อาทิตย์ พ.ค. 23, 2010 3:05 pm

☺ ขาดไม่ได้คือน้ำบริสุทธิ์ ☺
. . . ดังนั้นจะเห็นได้ว่า สาเหตุุของการเกิดเซลลูไลท์ แท้ที่จริงแล้วเกิดจากการไหลเวียนของระบบน้ำเหลืองที่
จะนำสิ่งขับถ่ายออกไปนั้น ไม่สามารถไหลเวียนได้ อันมีสาเหตุุมากจากน้ำน้อยนั่นเอง
. . . ดังนั้นถ้าดื่มน้ำเพียงพอก็จะสามารถช่วยลดความอ้วนได้ โดยทำให้การเผาผลาญเพิ่มขึ้น
และช่วยเพิ่มการไหลเวียน ลดอาการบวมคั่งของน้ำในเนื้อเยื่อ จึงช่วยลดเซลลูไลท์ได้ด้วย
. . . . . . . . . . . . . . . . . . .
☺ กากไยอาหารผู้ช่วยนางเอกของแท้ ☺
. . . ดังนั้นในอาหารและอาหารว่างทุกมื้อ เราต้องมีทั้งโปรตีนและกากใย ของผักและหรือผลไม้อยู่ด้วยเสมอ
เพื่อให้อาหารย่อยช้า (Slow – Digestion) และถูกดูดซึมอย่างช้าๆ (Slow – Absorption)
รวมทั้งยังสามารถกระตุ้นให้ร่างกายนำเอาไขมันสะสมออกมาใช้ด้วย
จึงกล่าวได้ว่า ช่วยป้องกันไม่ให้มีไขมันใหม่ไปสะสม แถมเอาไขมันสะสมออกมาใช้ได้
แบบนี้ยิ่งจะทำให้ ลดความอ้วน ได้ง่ายขึ้นเข้าไปอีก
. . . . . . . . . . . . . . . . . . .
☺ อย่าอดอาหารเด็ดขาด ☺
. . . ทุกครั้งที่คุณอด คุณจะสูญเสียมวลกล้ามเนื้อไปเรื่อยๆ
. . . น้ำหนักลดลง และ ขึ้น ตลอดเวลา โยโย่ (Yo – yo effect)
. . . เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นแบบเดียวกันกับ คนที่กิน ยาลดความอ้วน เพราะ ยาลดความอ้วน จะกดศูนย์หิว
. . . . . . . . . . . . . . . . . . .
☺ อาหารเช้าสำคัญที่สุด ☺
. . . การงดมื้อเช้าจะทำให้ร่างกายลดการเผาผลาญ
. . . คุณกำลังอยู่ในขบวนการ สะสมไขมันอยู่ตลอดเวลา จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า ยิ่งทำให้อ้วนง่ายขึ้นไปอีก
. . . . . . . . . . . . . . . . . . .
☺ มื้อเย็นก็จำเป็น ☺
. . . คุณจะแปลกใจที่ คุณสามารถกินมื้อเย็นได้โดยไม่ต้องกลัวอ้วนอีกต่อไป แต่กลับกลายช่วยลดความอ้วนได้ง่ายขึ้น
. . . . . . . . . . . . . . . . . . .
☺ เพิ่มอาหารระหว่างมื้อ ☺
. . . ยกตัวอย่าง
อาหารเช้า 8.00 น.
อาหารเที่ยง 12.00 น.
อาหารว่าง 16.00 น.
อาหารเย็น 18.00 / 19.00 / 20.00 น.
. . . . . . . . . . . . . . . . . . .
☺ กินขนมและผลไม้ให้ถูกเวลา ☺
. . . เวลาจะ ลดความอ้วน คุณไม่จำเป็นต้องงดของอร่อย เช่น ขนม ไอศกรีม และผลไม้ ที่คุณชอบกิน
แต่ควรให้มันเป็น ส่วนหนึ่งของอาหารสมดุล (Balanced Food)
โดยควรบริโภค ขนม ไอศกรีม และผลไม้ หลังอาหารทันที หรือเต็มที่ ไม่ควรเกิน 15 นาทีหลังอาหาร
เพราะเราต้องการผลของโปรตีนในอาหาร ช่วยย่อยแป้งและน้ำตาล ในขนม ไอศกรีม และผลไม้
ให้เป็นไปอย่างช้า ๆ (Slow Digestion) โอกาสสะสมไขมันจะลดลง
. . . . . . . . . . . . . . . . . . .
☺ ตัวอย่างรายการอาหาร ☺
. . . มื้อเช้า (มื้อแรก)
. . . มื้อกลางวัน (มื้อที่สอง)
. . . อาหารว่าง
. . . อาหารเย็น (มื้อที่สาม)
. . . . . . . . . . . . . . . . . . .
☺ ไม่ต้องนับแคลอรีอีกต่อไป ☺
. . . ดังนั้นจำนวนแคลอรี (The Amount of Calories) ของอาหาร
จึงไม่สำคัญเท่ากับชนิดของแคลอรี (Type of Calories) ที่เรากินเข้าไป
ดังนั้นการ ลดความอ้วน จึงไม่ควรนับแคลอรี แต่ให้ยึดหลักง่ายคือกินให้ครบ (Balanced Food) เท่านั้นก็พอ
. . . . . . . . . . . . . . . . . . .
☺ เครียด . . . อ้วน ☺
. . . แล้วผลลัพธ์ก็คือสะสมไขมันเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะบริเวณกลางลำตัว นั่นก็คือมี หน้าท้อง และ พุง ยื่นนั่นเอง
. . . . . . . . . . . . . . . . . . .
☺ ระวังโรคไธรอยด์แย่เพราะอด ☺
. . . อวัยวะที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับอัตราการเผาผลาญในร่างกาย นั่นก็คือ ต่อมไธรอยด์ (Thyroid Gland)
โดยต่อมไธรอยด์ จะหลั่ง ฮอร์โมนไธรอยด์ (Thyroid Hormones) ซึ่งจะควบคุมให้ทุกเซลล์ในร่างกาย
มีการเผาผลาญพลังงานในอัตราความเร็วที่ดี มีประสิทธิภาพ อาหารจะถูกเผาผลาญหมดไป จึงไม่เหลือให้เก็บเป็นไขมัน
. . . . . . . . . . . . . . . . . . .
☺ นอนหลับให้เป็นสุข ☺
. . . เพียงพอในการที่จะซ่อมแซมเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อ และดึงเอาไขมันสะสมออกมาใช้
. . . ทำให้เนื้อตัวแน่น (Firm) กระชับ รวมไปถึงผิวหน้า และ หน้าท้องด้วย
. . . . . . . . . . . . . . . . . . .
☺ ออกกำลัง . . พอเหมาะ ดริงก์ . . พอดี ☺
. . . เราจะไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง ก่อนออกกำลังกายเด็ดขาด
. . . ดริงก์ พอดี ห้ามดื่มตอนท้องว่าง หรือดื่มพร้อมกับแกล้มที่เป็นแป้ง เช่น พวกข้าวเกรียบ
. . . . . . . . . . . . . . . . . . .
☺ หลัก 7 ข้อ กินให้ผอม ☺
. . . . . . . . . . . . . . . . . . .
☺ ขอให้คุณมีความสุขกับการกินที่อิ่มอร่อย โดยไม่ต้องอดอาหารเหมือนที่ผ่านมา แล้วคุณจะเริ่มเห็นว่าคุณสามารถ
ผอมลงได้ ภายในเวลา 1 – 2 สัปดาห์ และการผอมครั้งนี้ จะทำให้คุณมีหน้าตาที่สดใส พูดง่ายๆคือ หน้าเด้ง
แต่ตัว ผอมกระชับ ซึ่งต่างจากการอดอาหาร ที่ทำให้ผอม แต่ตัวกลับย้วย แถมหน้าตาก็ยังดูไม่ได้อีกต่างหาก
ต่อไปนี้ให้ลบคำว่า ไดเอต ออกไปจากสมองของคุณเลย คุณจะมีความสุขกับรูปร่างใหม่ที่ ผอม อย่างมีสุขภาพ
โดยในชีวิตนี้ จะไม่ต้องทรมานจากการ ไดเอต (Diet) อีกเลย ☺
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

<span style='color:red'>ส่วนหนึ่งจากหนังสือผอมเลือกได้ ตีพิมพ์ครั้งที่ 4</span>
naddyswiss
 

โพสต์โดย ยายหนู » อาทิตย์ พ.ค. 23, 2010 7:13 pm

<span style='color:red'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>การทานน้อยๆส่งผล กระทบต่ออัตราการเผาผลาญ </span></span>

การ อดอาหาร ลดอาหาร กับผลกระทบต่อ อัตราเผาผลาญของร่างกาย

รู้หรือไม่ครับว่า ? การลดน้ำหนักด้วยการอดอาหาร หรือการกินอาหารที่ให้พลังงานต่ำ อาจจะทำให้เกิดผลกระทบ ที่ทำให้การลดความอ้วน ไม่เป็นไปอย่างที่เราคิดได้นะครับ แล้วมันจะยิ่งทำให้ขั้นตอนการลดความอ้วน สลับซับซ้อน มีปัญหายากๆ ที่ทำให้น้ำหนักไม่ลดอย่างใจคิด ความอ้วนไม่หายไปอย่างใจอยาก เรื่องพวกนี้ไม่ใช่ไสยศาสตร์ครับ

เราทำความเข้าใจ และหาคำอธิบายให้มันได้ ถ้าคุณเป็นคนนึง ที่กำลังต่อสู้อยู่ในสงครามกับความอ้วน แล้วหละก็ มาฟังบรรยาย ยุทธศาสตร์การพิชัยสงคราม เพื่อคุมชัยชนะไว้ในกำมือเราให้ได้ กันดีกว่าครับ

<span style='color:red'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>เหตุ ของปัญหา</span></span>

เวลาที่เราเริ่มลดน้ำหนัก ด้วยการอดอาหาร หรือกินอาหารที่มีแคลอรี่ต่ำ ร่างกายเราก็จะเริ่มรู้สึกเหมือนกับว่า เราอยู่ในภาวะที่กำลังจะอดอยาก ร่างกายไม่รู้แน่ชัดว่าในอนาคต จะอดอยากกว่านี้อีกมั้ย เพื่อความแน่ใจ ไม่ให้เจ้าของร่างเนื้อนั้นตาย ร่างกายจึงเลือกที่จะเก็บสะสมไขมันไว้ให้มากที่สุด เพื่อว่าอย่างน้อยจะได้ใช้เป็นพลังงานในอนาคต ไอ้

กระบวนการนี้แหละ ครับ เป็นส่วนนึง ที่ทำให้การลดน้ำหนักด้วยวิธีที่ว่า มันจะยิ่งยากขึ้นเมื่อดำเนินไปในระยะนึง อีกทั้งยังมีผลทำให้มีการเปลี่ยนแปลง ระดับฮอร์โมนหลายอย่าง ซึ่งก็จะยิ่งทำให้ลดยากมากขึ้นอีกในที่สุด ทีนี้ถ้าเรายังลดน้ำหนัก ด้วยวิธีเดิมต่อมาอีกเป็นระยะเวลานานขึ้น ร่างกายเราก็จะมีการเปลี่ยนแปลงกระบวนการมากขึ้น

โดยมันจะไปดึงเอา กล้ามเนื้อออกมา เพื่อใช้เป็นแหล่งพลังงาน เวลาที่มันดึงเอาโปรตีนออกมาใช้งาน มันจะมีกระบวนการทางเคมีเกิดขึ้น ซึ่งจะมีผลลัพธ์อย่างนึงออกมาเป็น "ไนโตรเจน" ซึ่งร่างกายเราก็จะหาทางกำจัดเจ้า ไนโตรเจน ที่ว่านี้ออกไป โดยปลดปล่อยไปกับน้ำ ที่ดึงออกจากเนื้อเยื่อเซลล์ต่างๆ ซึ่งจะส่งผลให้มีการสุญเสียมวลน้ำในร่างกาย และจะทำให้น้ำหนักตัวเราลดลงไป

ซึ่ง ตอนนั้นเอง เป็นช่วงเวลาที่หลายๆคน กำลังดีใจกระหยิ่มยิ้มย่อง ว่าฉันลดได้แล้ว.... แต่หารู้ไม่ว่า....

อันดับแรกเลย น้ำหนักของมวลน้ำที่สูญเสียไปนั้น มันเป็นการลดเพียงแค่ชั่วคราวครับ ไม่นานร่างกายก็จะอมน้ำไว้เช่นเดิม เพราะทั่วร่างกายของเรามีส่วนที่เป็นของเหลวอยู่มากถึง70%

และ อันดับที่สำคัญ ไอ้การที่เราต้องสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ ไปกับการถูกเปลี่ยนมาเป็นพลังงาน นี่แหละจะไม่เป็นผลดีต่ออัตราเผาผลาญพลังงาน ในระยะยาว

<span style='color:red'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>ทำไมหละ ?</span></span>

เพราะ ว่าไอ้กล้ามเนื้อนี่แหละครับ เป็นตัวที่ทำให้มีการกระตุ้นการเผาผลาญพลังงาน ร่างกายเราจะต้องใช้พลังงานจำนวนนึง ไปให้กับการรักษาสภาพของกล้ามเนื้อไว้ นั่นหมายความว่ายิ่งเรามีมวลกล้ามเนื้อในร่างกาย มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งต้องใช้พลังงานมากขึ้นตลอดเวลา ไม่เว้นแม้แต่เวลานั่งหรือเวลานอน

ตัวอย่าง นะครับ สมมุติว่ากล้ามเนื้อ 1 lbs จะใช้พลังงานวันๆนึง อย่างน้อย 50 cal (คิดเฉพาะนั่งเฉยๆทั้งวัน)

แล้วถ้าเราเสียมวลกล้ามเนื้อไปซัก 10 lbs ไประหว่างที่เราอดอาหาร นั่นหมายถึงว่าวันๆนึง เราจะใช้พลังงานลดลงถึง 500 cal เชียวนะครับ แล้วถ้าเรายังกินเท่าเดิมอยู่ อย่างดีก็อาจจะแค่ถึงทางตัน คือลดไม่ลง แต่ถ้าเจออย่างเลวหละครับ ก็คืออาจจะอ้วน หรือมีไขมันสะสมเพิ่มมากขึ้นด้วยก็เป็นไปได้

ซึ่ง ก็คือ นน.ตัวอาจจะเท่าเดิม แต่กล้ามเนื้อลดลง ไขมันแอบๆสะสมเพิ่มขึ้น

ต่อ จาก ตัวอย่างข้างต้นนะครับ อย่างที่รู้ๆกัน ก็คือคนอดอาหาร หรือลดอาหารใครจะไปคุมได้จนตาย ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

ทีนี้พอเราอด อาหารจนเราได้นน.ตัวอย่างที่ต้องการแล้ว (โดยที่ กล้ามเนื้อสูญหายไปแยะเลย) แล้วเรากลับมากิน ตามแบบเดิมๆ ทีนี้หละครับ จะยิ่งอ้วนง่ายมากขึ้นกว่าเก่าเอง เพราะเราได้ทำลายเตาเผาพลังงาน ในร่างกายเราไปแล้ว ในการอดอาหารรอบแรก นี่แหละครับ บ่อยครั้งที่หลายคนเมื่ออดอาหาร แล้วพอหยุด มันเกิดอ้วนขึ้นมาเท่าเดิม หรือมากกว่าเดิมได้ไม่ยาก บางทีก็มีคนเรียกแบบนี้ว่าโยโย่... ทั้งหลายทั้งปวงก็เพราะสาเหตุุุุุข้างบนนี่แหละครับ

<span style='color:red'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>ทางออกที่ดีกว่า</span></span>

ก็ ไม่ยากอะไรครับ สูตรเดิมที่เป็นสัจธรรม หนีไม่พ้นครับ กับการออกกำลังกายทั้งแบบแอโรบิค และการเล่นเวท ซึ่งต้องทำควบคู่ไปกับการ ควบคุมโภชนาการอย่างถูกต้อง

<span style='color:red'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>แล้วโภชนาการยังไงหละที่ถูกต้อง ?</span></span>

การโภชนาการที่ถูกต้อง และเหมาะสม ก็คือเราจะต้องทานอาหารให้เป็นประโยชน์ มีสารอาหารหลากหลาย ครบถ้วน มีทั้งผัก ผลไม้ และอาหารจำพวกโปรตีน เนื้อ นม ไข่

การแบ่งมื้ออาหาร จากที่เคยกินมื้อใหญ่ 2-3 มื้อ ออกเป็น มื้อเล็กๆ 4-6 มื้อ จะช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงานได้

และยังช่วยไม่ให้เราหิวเร็ว และโหยมาก จนต้องซัดเข้าไปเต็มคราบ ในมื้อใหญ่ๆมื้อเดียว <span style='color:red'>หลีกเลี่ยง</span>อาหารหวานๆ มันส์ๆ พวก junk food น้ำอัดลม และพวกเหล้า เบียร์ (ไอ้อันหลังนี่ถ้าเลิกได้ ดีมากเลยครับ)
<span style='color:red'>(ยายหนู)ปล. คำว่า หลีกเลี่ยง คือการเบนเบี่ยง ลบหลีก เลี่ยงที่จะไม่ทาน ซึ่งความหมายคนละอย่างกับคำว่า งด หรือห้าม เพราะคนเราไม่สามารถที่จะเริ่มต้นทำอะไรได้สุดโต่งกับอาหารที่เคยชิน ดังนั้นจึงควรเลี่ยงเท่าที่จะทำได้โดยต้องฟังเสียงของร่างกายไปด้วย อย่าปล่อยให้หิวมาก หรืออย่าปล่อยให้อดมาก ควรเดินสายกลาง ตึงบ้าง หย่อนบ้าง</span>

ซึ่งการกินให้ถูกต้องตาม หลักโภชนาการนี้ คุณสามารถจะกินแบบนี้ไปได้ จนแก่จนเฒ่าหละครับ ต่างจากการลดอาหาร หรือการอดอาหารซึ่งคุณจะทำได้แค่ไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น

ส่วน ถ้าจะกินแบบ ลดพลังงานจากอาหารลง เพื่อความเหมาะสม ก็ให้รักษาอยู่ที่ระดับประมาณ 10-15 % ของพลังงานที่เราต้องใช้ในแต่ละวัน (ซึ่งตรงนี้ แต่ละคนจะแตกต่างกันไป ตามเพศ วัย อายุ และโครงสร้างร่างกาย) หรือประมาณ 250 cal นะครับ เพื่อไม่ให้ร่างกายเสียมวลกล้ามเนื้อมากเกินไป

แล้ว ถ้าทำได้ทั้งหมด คือทั้งออกกำลังกาย และควบคุมอาหารตามหลักโภชนาการข้างบน แล้วละก็ ก็อาจจะเป็นไปได้ที่ว่า ในสัปดาห์นึงเราจะสามารถเพิ่มมวลกล้ามเนื้อได้ซัก 1lbs และลดไขมันลงได้ซักประมาณ 1 lbs เช่นกัน ซึ่งตรงนี้ เมื่อไปชั่งน้ำหนักแล้ว มันอาจจะไม่มีอะไรเปลี่นยแปลงบนตาชั่ง แต่ว่าถ้าทำไปเรื่อยๆ และเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ในทางกายภาพ รูปร่างคุณจะเปลี่ยนไปแน่นอน คุณจะหยิบเอาเสื้อผ้าเก่าๆ ที่เคยคับไปแล้ว มาใส่ได้ แม้ว่าน้ำหนักตัวอาจจะไม่ลดเลยก็ตาม !! นั่นก็เพราะว่า กล้ามเนื้อนั้นมีความหนาแน่น มากกว่าไขมัน ด้วยน้ำหนักที่เท่ากันแล้ว ไขมันจะใช้พื้นที่ หรือมีปริมาตร มากกว่ากล้ามเนื้ออยู่แล้ว ... ดังนั้นอย่าเอาชีวิตเราไปแขวนไว้กับตาชั่งครับ ลองใช้สิ่งอื่น เป็นตัววัดความสำเร็จดูบ้าง บางทีอาจจะทำให้รู้สึกดีขึ้น กว่าการที่เอาชีวิตไปผูกติดกับ scale ของเครื่องชั่งน้ำหนักครับ

<span style='color:green'>ท้าย ที่สุดนี้

พึงระลึกไว้นะครับ ว่าการลดความอ้วนที่ดี คือการลดไขมันส่วนเกิน คือการเปลี่ยนแปลงรูปร่าง สัดส่วน

โดยที่เรา จะต้องมีสุขภาพกายที่ดี สุขภาพจิตที่ดี ไม่ใช่เพียงแค่การลดน้ำหนักตัวได้ แต่สุขภาพกายเสีย สุขภาพจิตเสื่อม

นะครับผม !!</span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
ยายหนู
แม่ไข่นกกระทา พ่อไข่จะละเม็ด
 
โพสต์: 2789
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.พ. 15, 2006 11:54 pm

โพสต์โดย Anne_in_Holland » อาทิตย์ พ.ค. 23, 2010 8:19 pm

naddyswiss เขียน: ☺ ขาดไม่ได้คือน้ำบริสุทธิ์ ☺
. . . ดังนั้นจะเห็นได้ว่า สาเหตุุุุของการเกิดเซลลูไลท์ แท้ที่จริงแล้วเกิดจากการไหลเวียนของระบบน้ำเหลืองที่
จะนำสิ่งขับถ่ายออกไปนั้น ไม่สามารถไหลเวียนได้ อันมีสาเหตุุุุมากจากน้ำน้อยนั่นเอง
. . . ดังนั้นถ้าดื่มน้ำเพียงพอก็จะสามารถช่วยลดความอ้วนได้ โดยทำให้การเผาผลาญเพิ่มขึ้น
และช่วยเพิ่มการไหลเวียน ลดอาการบวมคั่งของน้ำในเนื้อเยื่อ จึงช่วยลดเซลลูไลท์ได้ด้วย
. . . . . . . . . . . . . . . . . . .


อันนี้ ขอสนับสนุนค่ะ คนน้ำหนักเกิน ส่วนใหญ่ มักเข้าใจผิดว่า ดื่มน้ำมากๆๆ ทำให้บวมน้ำ แต่ที่จริงแล้ว อาการบวมน้ำก้อคือ การที่ร่างกายได้รับน้ำน้อยเกินไป จนต้องกักตุนน้ำเอาไว้ในเนื่อเยื่อ แล้วที่นี้ สาวๆๆเราชอบทานอาหารรสชาติจัดจ้าน เกลือสูง จึงทำให้เกิดอาการบวมน้ำ หรือกักเก็บน้ำ ตามแขน ขา สะโพก พุง และก้นเป็นต้นจ้า

เริ่มดื่มน้ำ สะอาดให้เพียงพอกับร่างกาย เทียบกับนน. เมื่อนน.เราลดลง การใช้น้ำของร่างกายในกระบวนการต่างๆ ก้อจะน้อยลงไปด้วย แต่ก้อไม่ควรต่ำกว่า 8 แก้วต่อวันจ๊ะ

หนังสือเล่มนี้ มีประโยชน์จริงๆๆค่ะ แอนซื้อติดมาหลายเล่ม จากเมืองไทย หาซื้อยากมากๆๆเลย เพื่อนๆลองหามาอ่านดูได้นะคะ **ผอมเลือกได้**
<img src="http://i556.photobucket.com/albums/ss6/Thidarat_anne/beachRunner2-1.jpg" height=200><br><a href='http://www.newsamplepack.com/firm' target='_blank'>ไม่ต้องอด ไม่ต้องลด ให้ทรมาน แต่กินให้พอดีแล้วผอมจริง ทำอย่างไร...ไม่ยาก สั่งชุดทดลองที่นี่ จัดส่งทั่วโลกค่ะ</a>
ภาพประจำตัวสมาชิก
Anne_in_Holland
แม่ไข่ดาว พ่อไข่เจียว
 
โพสต์: 418
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ค. 13, 2009 11:14 am

โพสต์โดย ยายหนู » จันทร์ พ.ค. 24, 2010 8:15 am

☺ ไม่ต้องนับแคลอรีอีกต่อไป ☺
. . . ดังนั้นจำนวนแคลอรี (The Amount of Calories) ของอาหาร
จึงไม่สำคัญเท่ากับชนิดของแคลอรี (Type of Calories) ที่เรากินเข้าไป
<span style='color:red'>ดังนั้นการ ลดความอ้วน จึงไม่ควรนับแคลอรี แต่ให้ยึดหลักง่ายคือกินให้ครบ (Balanced Food) เท่านั้นก็พอ</span>

ข้อนี้ไม่เห็นด้วยเลยค่ะ ต่อให้คุณทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน แต่ถ้าปริมาณแคลอรี่มากเกิน ใช้ออกไปหมดก็อ้วนได้เช่นกัน...

ในตารางอาหารเสริมของเฮอร์บาไลฟ์ก็มีบอกไว้ว่า ทานแค่ไหนเพิ่มน้ำหนัก ทานแค่ไหนควบคุมน้ำหนัก และทานแค่ไหนเพื่อลดน้ำหนัก...
ดังนั้นยายหนูเห็นด้วยกับเฮอร์บาไลฟ์ค่ะว่า พลังงานที่เราควรจะได้รับไม่ควรต่ำกว่า1200 และปริมาณแคลอรี่1200นี้ จะต้องมีสารครบถ้วน จึงจะเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ไม่ไช่นับให้ได้ 1200แต่เป็นอาหารไร้ประโยชน์ซะ500 แบบนี้เสียสุขภาพ เพราะเท่ากับว่าร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ จะผอมแบบโทรมๆ แล้วก็ผอมไม่ยั่งยืนด้วย...
ปล.ไม่ได้ช่วยหะโหน่งและน้องแอนขายนะ แต่ตามหลักการมันเป็นแบบนั้น
ส่วนที่ว่าอาหารสดย่อมดีกว่าอาหารเสริม ก็เห็นด้วยอีกแหละ แต่คุณจะมั่นใจได้อย่างไรว่า อาหารในแต่ละมื้อที่เราทานนั้นได้รับสารอาหารครบถ้วน จะมีสักกี่คนที่สามารถทำได้ และจุดนี้แหละที่เราควรได้รับอาหารเสริมบ้าง แต่ไม่ควรทานแทนอาหารสด...
ภาพประจำตัวสมาชิก
ยายหนู
แม่ไข่นกกระทา พ่อไข่จะละเม็ด
 
โพสต์: 2789
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.พ. 15, 2006 11:54 pm

โพสต์โดย PHAN » จันทร์ พ.ค. 24, 2010 8:54 am

ขอบคุณคะที่แนะนำข้อมูลเพิ่มเติม ในการปรับเปลี่ยน สำหรับการใช้ลดน้ำหนัก ได้ความรู้เพิ่มเติมเยอะเลย
<img src='http://i.imgur.com/DNncB.jpg' border='0' alt='user posted image' /><br><br><a href='http://olddreamz.com/bookshelf/properties/propcon2.html' target='_blank'>พูดดี ทำดี คิดดี</a><br><br><a href='http://www.consumerthai.org/main/index.php' target='_blank'><span style='font-size:10pt;line-height:100%'>มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค</span></a><br><br><a href='http://dodee2011.blogspot.com/' target='_blank'>เคล็ดลับในครัว</a>
ภาพประจำตัวสมาชิก
PHAN
แม่ไข่หวาน พ่อไข่เค็ม
 
โพสต์: 1485
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. พ.ค. 07, 2009 6:54 am

โพสต์โดย Anne_in_Holland » จันทร์ พ.ค. 24, 2010 10:53 am

ยายหนู เขียน:
☺ ไม่ต้องนับแคลอรีอีกต่อไป ☺
. . . ดังนั้นจำนวนแคลอรี (The Amount of Calories) ของอาหาร
จึงไม่สำคัญเท่ากับชนิดของแคลอรี (Type of Calories) ที่เรากินเข้าไป
<span style='color:red'>ดังนั้นการ ลดความอ้วน จึงไม่ควรนับแคลอรี แต่ให้ยึดหลักง่ายคือกินให้ครบ (Balanced Food) เท่านั้นก็พอ</span>

ข้อนี้ไม่เห็นด้วยเลยค่ะ ต่อให้คุณทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน แต่ถ้าปริมาณแคลอรี่มากเกิน ใช้ออกไปหมดก็อ้วนได้เช่นกัน...

ในตารางอาหารเสริมของเฮอร์บาไลฟ์ก็มีบอกไว้ว่า ทานแค่ไหนเพิ่มน้ำหนัก ทานแค่ไหนควบคุมน้ำหนัก และทานแค่ไหนเพื่อลดน้ำหนัก...
ดังนั้นยายหนูเห็นด้วยกับเฮอร์บาไลฟ์ค่ะว่า พลังงานที่เราควรจะได้รับไม่ควรต่ำกว่า1200 และปริมาณแคลอรี่1200นี้ จะต้องมีสารครบถ้วน จึงจะเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ไม่ไช่นับให้ได้ 1200แต่เป็นอาหารไร้ประโยชน์ซะ500 แบบนี้เสียสุขภาพ เพราะเท่ากับว่าร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ จะผอมแบบโทรมๆ แล้วก็ผอมไม่ยั่งยืนด้วย...
ปล.ไม่ได้ช่วยหะโหน่งและน้องแอนขายนะ แต่ตามหลักการมันเป็นแบบนั้น
ส่วนที่ว่าอาหารสดย่อมดีกว่าอาหารเสริม ก็เห็นด้วยอีกแหละ แต่คุณจะมั่นใจได้อย่างไรว่า อาหารในแต่ละมื้อที่เราทานนั้นได้รับสารอาหารครบถ้วน จะมีสักกี่คนที่สามารถทำได้ และจุดนี้แหละที่เราควรได้รับอาหารเสริมบ้าง แต่ไม่ควรทานแทนอาหารสด...

แอนมาช่วยขยายต่อ ให้ค่ะ ว่า การลดน้ำหนักที่ดี ไม่ควรแค่ นับพลังงานแคลอรี่ เท่านั้น แต่ต้องดูให้หลากหลาย ครบถ้วนทุกหมวดหมู่ คือ Balance Food

แอนยกตัวอย่างตามในหนังสือเล่มนี้นะคะ ว่าการทานอาหารเช้า เป็น ข้าวต้มหมูสับใส่ไข่ ย่อมดีกว่าการดื่มกาแฟกับขนมเค้ก ที่มีปริมาณแคลอรี่ที่เท่ากัน เพราะข้าวต้มมีสารอาหารที่ครบถ้วน ในขณะที่กาแฟกับขนมปัง มีแต่แป้งและน้ำตาล จึงมีโอกาสสะสมไขมันง่ายกว่า

แต่ถ้าลองเพิ่ม ไข่ดาว ลงไปในมื้อเช้าที่มีกาแฟกับขนมปัง ดูเหมือนจะมีแคลอรี่ที่เพิ่มมากกว่า แต่ว่ากับเป็นมื้อที่ทำให้ลดนน.ได้มากว่า การทานแต่คาร์โบไฮเดรต

เพราะโดยการทานแป้งและน้ำตาลโดยลำพัง จะมีคาร์โบไฮเดรตเพียงอย่างเดียว ซึ่งย่อยได้เร็วกว่า ใช้เวลาย่อยแค่ 40 นาที และดูดซึมเร็ว ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงอย่างรวดเร็ว จึงใช้ไม่หมดใช้ไม่ทัน ในเวลานั้น เจ้าน้ำตาลก้อจะแปลงร่าง มาเป็นไขมันสะสมทันที แต่ถ้าเราทานไข่ดาวซึ่งเป็นโปรตีนเพิ่มเข้าไป จะทำตัวเป็นตัวปิดกั้นทำให้น้ำย่อยค่อยๆแทรกซึมเข้าไปย่อยแป้งและน้ำตาล ร่างกายก้อจะมีเวลาทยอยใช้ที่ละน้อย จนหมดไม่เหลือให้กลายเป็นไขมันค่ะ

ดังนั้น การทานอาหารให้ให้สมดุลย์ จึงสำคัญกับการลดน้ำหนัก และการดูแลสุขภาพระยะยาวค่ะ อย่าไปอด อย่าลดจนเกินไป ทรมาน แต่กลับไม่ได้ผลจ๊ะ
<img src="http://i556.photobucket.com/albums/ss6/Thidarat_anne/beachRunner2-1.jpg" height=200><br><a href='http://www.newsamplepack.com/firm' target='_blank'>ไม่ต้องอด ไม่ต้องลด ให้ทรมาน แต่กินให้พอดีแล้วผอมจริง ทำอย่างไร...ไม่ยาก สั่งชุดทดลองที่นี่ จัดส่งทั่วโลกค่ะ</a>
ภาพประจำตัวสมาชิก
Anne_in_Holland
แม่ไข่ดาว พ่อไข่เจียว
 
โพสต์: 418
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ค. 13, 2009 11:14 am

โพสต์โดย roziiniite » จันทร์ พ.ค. 24, 2010 2:25 pm

ออกกำลังกายค่ะ นอกจากจะเผาผลาญพลังงานแล้วยังทำให้ร่างกายแข็งแรงอีกด้วยค่ะ
<img src='http://i105.photobucket.com/albums/m227/roziiniite/ged1.jpg' border='0' alt='user posted image' />
ภาพประจำตัวสมาชิก
roziiniite
แม่ไข่กุ้ง พ่อไข่ปู
 
โพสต์: 2419
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 19, 2006 12:45 pm

โพสต์โดย ยายหนู » อังคาร พ.ค. 25, 2010 8:08 am

Anne_in_Holland เขียน:
ยายหนู เขียน:
☺ ไม่ต้องนับแคลอรีอีกต่อไป ☺
. . . ดังนั้นจำนวนแคลอรี (The Amount of Calories) ของอาหาร
จึงไม่สำคัญเท่ากับชนิดของแคลอรี (Type of Calories) ที่เรากินเข้าไป
<span style='color:red'>ดังนั้นการ ลดความอ้วน จึงไม่ควรนับแคลอรี แต่ให้ยึดหลักง่ายคือกินให้ครบ (Balanced Food) เท่านั้นก็พอ</span>

ข้อนี้ไม่เห็นด้วยเลยค่ะ ต่อให้คุณทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน แต่ถ้าปริมาณแคลอรี่มากเกิน ใช้ออกไปหมดก็อ้วนได้เช่นกัน...

ในตารางอาหารเสริมของเฮอร์บาไลฟ์ก็มีบอกไว้ว่า ทานแค่ไหนเพิ่มน้ำหนัก ทานแค่ไหนควบคุมน้ำหนัก และทานแค่ไหนเพื่อลดน้ำหนัก...
ดังนั้นยายหนูเห็นด้วยกับเฮอร์บาไลฟ์ค่ะว่า พลังงานที่เราควรจะได้รับไม่ควรต่ำกว่า1200 และปริมาณแคลอรี่1200นี้ จะต้องมีสารครบถ้วน จึงจะเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ไม่ไช่นับให้ได้ 1200แต่เป็นอาหารไร้ประโยชน์ซะ500 แบบนี้เสียสุขภาพ เพราะเท่ากับว่าร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ จะผอมแบบโทรมๆ แล้วก็ผอมไม่ยั่งยืนด้วย...
ปล.ไม่ได้ช่วยหะโหน่งและน้องแอนขายนะ แต่ตามหลักการมันเป็นแบบนั้น
ส่วนที่ว่าอาหารสดย่อมดีกว่าอาหารเสริม ก็เห็นด้วยอีกแหละ แต่คุณจะมั่นใจได้อย่างไรว่า อาหารในแต่ละมื้อที่เราทานนั้นได้รับสารอาหารครบถ้วน จะมีสักกี่คนที่สามารถทำได้ และจุดนี้แหละที่เราควรได้รับอาหารเสริมบ้าง แต่ไม่ควรทานแทนอาหารสด...

แอนมาช่วยขยายต่อ ให้ค่ะ ว่า การลดน้ำหนักที่ดี ไม่ควรแค่ นับพลังงานแคลอรี่ เท่านั้น แต่ต้องดูให้หลากหลาย ครบถ้วนทุกหมวดหมู่ คือ Balance Food

แอนยกตัวอย่างตามในหนังสือเล่มนี้นะคะ ว่าการทานอาหารเช้า เป็น ข้าวต้มหมูสับใส่ไข่ ย่อมดีกว่าการดื่มกาแฟกับขนมเค้ก ที่มีปริมาณแคลอรี่ที่เท่ากัน เพราะข้าวต้มมีสารอาหารที่ครบถ้วน ในขณะที่กาแฟกับขนมปัง มีแต่แป้งและน้ำตาล จึงมีโอกาสสะสมไขมันง่ายกว่า

แต่ถ้าลองเพิ่ม ไข่ดาว ลงไปในมื้อเช้าที่มีกาแฟกับขนมปัง ดูเหมือนจะมีแคลอรี่ที่เพิ่มมากกว่า แต่ว่ากับเป็นมื้อที่ทำให้ลดนน.ได้มากว่า การทานแต่คาร์โบไฮเดรต

เพราะโดยการทานแป้งและน้ำตาลโดยลำพัง จะมีคาร์โบไฮเดรตเพียงอย่างเดียว ซึ่งย่อยได้เร็วกว่า ใช้เวลาย่อยแค่ 40 นาที และดูดซึมเร็ว ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงอย่างรวดเร็ว จึงใช้ไม่หมดใช้ไม่ทัน ในเวลานั้น <span style='color:red'>เจ้าน้ำตาลก้อจะแปลงร่าง มาเป็นไขมันสะสมทันที</span> แต่ถ้าเราทานไข่ดาวซึ่งเป็นโปรตีนเพิ่มเข้าไป จะทำตัวเป็นตัวปิดกั้นทำให้น้ำย่อยค่อยๆแทรกซึมเข้าไปย่อยแป้งและน้ำตาล ร่างกายก้อจะมีเวลาทยอยใช้ที่ละน้อย จนหมดไม่เหลือให้กลายเป็นไขมันค่ะ

ดังนั้น การทานอาหารให้ให้สมดุลย์ จึงสำคัญกับการลดน้ำหนัก และการดูแลสุขภาพระยะยาวค่ะ อย่าไปอด อย่าลดจนเกินไป ทรมาน แต่กลับไม่ได้ผลจ๊ะ

ถ้ารับปริมาณแคลอรี่เกิน จะเหลือสะสม เป็นแคลอรี่สะสมก่อน และถ้าวันต่อๆมาทานเหลือเพิ่มเข้าไปอีก ร่างกายก็จะสะสมเพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยๆ และรอการแปลงเป็นไขมันต่อไป ซึ่งอาจจะใช้เวลานานถึง 2-3เดือน

วิธีแก้ ถ้าวันไหนเราทานมาก วันรุ่งขึ้นก็ทานน้อยหน่อย เพื่อหักล้างแคลอรี่ ร่างกายก็จะไปนำเอาแคลอรี่ที่สะสมนั้นออกมาใช้ วิธีนี้สามารถทำติดต่อกันได้ แต่ไม่ควรนานกว่า 8สัปดาห์ แคลอรี่สะสมนั้นก็จะหมดลง เหลือแต่ไขมันสะสม ซึ่งต้องออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญมันออกไป...

ถ้าทำทั้งลดปริมาณอาหารเพื่อลดแคลอรี่สะสม(เพิ่งสะสมใหม่) และออกกำลังกายเพื่อลดไขมันสะสม(สะสมมานาน) จะทำให้เห็นผลเร็วขึ้น แต่น้ำหนักก็จะกลับขึ้นมาง่ายเช่นเดียวกัน

ต่างกับการทานอาหารให้สมดุลและเพียงพอต่อการใช้งาน โดยทานแต่อาหารที่ดีและมีประโยชน์ ก้เท่ากับว่าเรารับแต่แคลอรี่ดีๆและไม่ให้มีเหลือสะสม แล้วออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญไขมันสะสมเก่าออกไป แต่น้ำหนักอาจจะลดน้อยกว่าการลดปริมาณอาหาร...

ทีนี้ก็อยู่ที่เพื่อนๆล่ะว่า จะเลือกใช้วิธีไหน แต่ยายหนูเลือกอย่างหลัง แต่การควบคุมอาหารส่วนตัวแล้วทำได้ยากจัง(แก้ยากเพราะมันยั่วอยู่ทั้งวัน)บางมื้อจึงต้องพึงโปรตีนเสริมบ้าง เพราะโปรตีนจากเนื้อสัตว์กินแล้วย่อยยากมาก...อยากจะลองอาหารเสริม แต่อาหารสดก็เต็มบ้าน ซื้อมาก็จะกลายเป็นทานทั้งอาหารเสริมและอาหารสด แทนที่จะลด อาจจะกลายเป็นเพิ่มน้ำหนักไป...

ตอนที่กลับไปเมืองไทย เจอหลานสาว(วัย38 ยัยพัดก็เห็น) ดูผอมไปเยอะ เลยคุยกัน เธอบอกว่า ใต้ถุนคอนโดเป็นร้านค๊อฟฟี่ช็อป เขาชงอาหารเสริมเฮอร์บาไลฟ์ขายเป็นแก้ว เธอลงไปทานเป็นอาหารเช้า และกลางวัน ไม่ได้ทำกับข้าวเพราะต้องเลี้ยงลูกน้อย ส่วนมื้อเย็นสามีชอบพาไปทานนอกบ้าน แล้วก็ทานเยอะด้วย แต่น้ำหนักเธอก็ลดลงดี ผอมแล้วไม่โทรม...
ภาพประจำตัวสมาชิก
ยายหนู
แม่ไข่นกกระทา พ่อไข่จะละเม็ด
 
โพสต์: 2789
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.พ. 15, 2006 11:54 pm

ต่อไป

ย้อนกลับไปยัง คลีนิคชาวครัว

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน