หน้า 1 จากทั้งหมด 1

โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 11, 2006 9:45 pm
โดย cake
<span style='color:green'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>จัดโซนนิ่งในตู้เย็น</span>

ที่ประตูตู้ชั้นบนสุด (อุณหภูมิประมาณ ๘ องศาเซลเซียส) ชั้นนี้จะเหมาะกับการวางไข่สด โยเกิร์ต หรือนมเปรี้ยว

ช่องชั้นใต้ช่องฟรีซ (อุณหภูมิประมาณ ๕ องศาเซลเซียส) เหมาะสำหรับการเก็บเนื้อสัตว์ประเภทต่างๆที่ยังดิบอยู่ ไส้กรอก ลูกชิ้น แต่เนื่องจากช่องนี้มักจะมีหยดน้ำจากช่องฟรีซหยดลงมา ซึ่งนอกจากจะมีความชื้นแล้ว ยังอาจมีเชื้อแบคทีเรียบางอย่างปะปนอยู่ด้วย ฉะนั้นเพื่อไม่ให้ของสดเน่าเสียเร็วก่อนเวลาอันสมควร จึงควรแพ็กของสดที่แช่อยู่ในช่องนี้ให้มิดชิด

ช่องลิ้นชักชั้นล่างสุด (อุณหภูมิประมาณ ๑๐ องศาเซลเซียส) ช่องนี้เป็นช่องของผักสด และผลไม้ต่างๆ แต่มีเคล็ดลับอยู่นิดหนึ่งก่อนเก็บคือ ควรจะล้างผักผลไม้ให้สะอาดก่อนเก็บ เพราะจะช่วยให้ผักผลไม้เหล่านั้นอยู่ได้นานวันขึ้น และตู้เย็นของคุณก็ยังไม่เป็นที่หมักหมมของเชื้อแบคทีเรียอีกด้วย

ช่องชั้นตอนกลางของตู้ และตรงประตูตู้ชั้นกลางถึงชั้นล่าง (อุณหภูมิประมาณ 15 องศาเซลเซียส) บริเวณช่องชั้นต่างๆเหล่านี้ เหมาะกับการแช่ขวดน้ำ และเครื่องดื่มต่างๆ</span>

<span style='color:purple'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>ระยะเวลาของอาหารชนิดต่างๆที่อยู่ในตู้เย็น</span>

อาหารที่ปรุงสำเร็จแล้ว หากต้องการเก็บเข้าตู้เย็น ควรแพ็กใส่กล่องหรือภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิดให้เรียบร้อย แต่ถ้าอาหารนั้นยังร้อนอยู่ก็ควรปล่อยทิ้งไว้ให้เย็นลงก่อน อย่างไรก็ดีถ้าหากอยากให้เย็นเร็วขึ้นก็ยกอาหารในภาชนะไปแช่ในน้ำเย็น

อาหารสด หากเป็นเนื้อสัตว์ที่ยังสดอยู่จะเก็บไว้ในตู้เย็นได้นาน ๒-๕ วัน แต่ถ้าหากเป็นเนื้อสัตว์ที่สุกแล้วจะเก็บได้นาน ๒-๖ วัน ส่วนเนื้อสัตว์ที่สับหรือบดแล้วจะเก็บได้ไม่เกิน ๑ วัน แต่ถ้านำไปทำให้สุกจะอยู่ได้ ๒-๔ วัน และสำหรับไข่จะตรงกันข้ามกับเนื้อสัตว์ เพราะไข่สดจะเก็บได้นาน ๓-๔ สัปดาห์ ซึ่งจะนานกว่าไข่ต้มสุกที่อยู่ได้แค่ไม่เกินสัปดาห์เดียว ก็จะเริ่มมีกลิ่นตุๆเสียแล้ว ส่วนผักใบจะมีระยะในการเก็บในตู้เย็นประมาณ ๑-๓ วัน แต่ถ้าเป็นผักประเภทกะหล่ำจะอยู่นาน ๕-๗ วัน

ในช่วงที่อากาศข้างนอกร้อนอบอ้าว ยิ่งควรรีบเก็บอาหารเข้าตู้เย็นให้เร็วขึ้นหรือทันทีที่นึกได้ ไม่ควรทิ้งอาหารไว้ข้างนอกตู้เย็นนานเกินไป เพราะเชื้อโรคในอากาศอาจล่องลอยมาปะปนกับอาหารได้โดยง่าย และประตูของตู้เย็นก็ไม่ควรจะถูกปิดๆเปิดๆบ่อย ยิ่งไปกว่านั้นก็ควรจะปรับอุณหภูมิภายในตู้เย็นให้มีความเย็นยิ่งขึ้นด้วย</span>