สวัสดีครับ
สาเหตุุุุุุุุุที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาก็เนื่องจากว่ามีเพื่อนสมาชิกบางท่านแจ้งว่ามีปัญหาตอนเปิดอ่าน
ใช้เวลาโหลดนานมาก เพราะเรื่องราวมันมากแล้ว อันนี้เป็นความผิดพลาดของผมเองที่ไม่
ได้คิดถึงข้อนี้ อีกอย่างหนึ่งก็ลืมไปว่าฟอรรั่มนี้ตั้งกระทู้เองได้แล้ว ไม่เหมือนเมือก่อน
<span style='color:blue'>เพื่อเป็นการจัดให้เป็นหมวดหมู่เสียเลย ผมขอนุญาตน้ำข้อเขียนในกระทุ้เก่าบางตอน มาลง
ซ้ำ เพื่อเวลาอ่านจะได้ไม่ต้องย้อนไปอ่านที่โน่น</span>
รู้ทฤษฎีกันหน่อย
รูปถ่ายเกิดจากแสงจำนวนหนึ่ง เข้ามาติดอยู่บนฟีล์มของกล้องแบบเก่า หรื่อบน
แผ่นเซ็นเซอร์ของกล้องดิจิตอล
รูปที่มีสีแสงพอดี เพราะรูปนั้น มีจำนวนแสง ที่เหมาะสม ซึ่งประกอบด้วย
ความเร็วของชัตเตอร์ คือระยะเวลาที่เปิดให้แสงเข้ามา
ความกว้างของรูรับแสง ที่เป็นช่องให้แสงเข้ามากน้อย
ความไวแสงของฟีล์มหรือแผ่นเซ็นเซอร์
ใครที่เคยใช้กล้องถ่ายรูปใช้ฟีล์มสมัยยี่สิบกว่าปีมาแล้ว คงเคยเห็นตัวเลขของสิ่งต่างๆ
ทีกล่าวมาแล้ว เพราะสมัยนั้นการตั้งค่าความเร็วและขนาดรูรับแสงต้องปรับตั้งเองทั้ง
นั้น ส่วนเรื่องความไวแสงของฟีล์มนั้น ก็เลือกซื้อเอา ซื้อมามีความไวเท่าไหร่ก็เท่านั้น
ทั้งม้วน
สำหรับวันนี้จะยังไม่สอนให้ปวดหัวกันมาก จะว่าเรื่องเดียวที่ทำไม่ยาก คือการปรับตั้งความไวแสงของตัวเซ้นเซอร์ ส่วนอย่างอื่นปล่อยให้กล้องทำงานแบบ Auto
ความไวแสงของฟีล์มหรือของตัวเซ็นเซอร์..ต่อไปนี้ผมจะพูดเรื่องของตัวเซ็นเซอร์
อย่างเดียวนะครับ เอาเป็นว่าเรารู้ว่ามันคล้ายกัน
ความไวแสงของตัวเซ็นเซอร์ คือความสามารถที่จะรับแสงได้จำนวนมากหรือน้อยกว่ากัน ในขนะที่ความเร็วชัตเตอร์และรูรับแสงเท่ากัน
สมมุตินะครับ เพราะเมื่อคุณตั้งกล้องที่ Auto คุณจะไม่เห็นตัวเลขเหล่านี้หรอก
สมมุติว่าคุณปรับตั้งกล้องแบบแมนวล ใช้ความเร้ว 1/125 รูรับแสงที่ f 8 ตั้งความไวแสงของตัวเซ็นเซอร์ไว้ที่ ISO 100 ถ่ายรูปออกมาแล้วมันดูมืดไปนิด
คราวนี้ในความเร็วชัตเตอร์และรูรับแสงที่เท่ากัน คุณเปลี่ยนค่าความไวแสงของเซ็นเซอร์เป็น ISO 200 คราวนี้รูปที่ได้จะดูสว่างขึ้น เพราะเจ้าตัวนั้นมีความไวในการระบแสงได้มากขึ้น พอจะเข้าใจนะครับ
.....ถ้าไม่มีการไปปรับแต่งอะไร เจ้า ISO นี่ จะอยู่ที่ Auto ครับ แต่บางครั้งเราไม่ไว้ใจเรือง Auto ของมัน เราจึงต้องมาหัดตั้งด้วยตัวเองไงครับ
ISO มาจากคำว่า International Organization for Standardization.
........ก็คงจะแปลว่า องค์กรมาตราฐานสากล...มั้ง
อันนี้เมื่อสมัยก่อน การบอกค่าความไวแสงของฟีล์มนั้น แต่ละประเทศใช้ไม่เหมือนกัน
บางกลุ่มเช่นอเมริกาใช้ค่าเป็น ASA ฝ่ายทางยุโรปใช้ค่าเป็น DIN ต่อมาเมื่อมีการตั้ง
องค์กรมาตราฐานสากลขึ้น จึงให้ใช้ค่าเดียวกัน คือ ISO
ซึ่งค่าตัวนี้สำหรับกล้องดิจิทอล เป็นค่าอ้างอิง ไม่เหมือนกับฟีล์มแบบตรงเผง...
และสำหรับกล้องดิจิทอลเอง ก็ไม่เท่ากันเป๊ะอีกแหละ เพราะกล้องอันที่มีรายละเอียด
ของภาพมากขึ้น หรือพูดแบบลูกทุ่งว่ามีเม็กกาพิกเซลมากขึ้น นั้นก็มาจากตัวเซ็นเซอร์ใหญ่ขึ้น ในค่า ISO 100 เหมือนกันก็ต้องไวแสงกว่าตัวที่มีเม็กกาพิกเซลน้อยกว่า
.....ปวดหัวไหมครับ
ถ้างั้นอย่าไปสนมันเลย เรามาดูซิว่าจะปรับตั้ง ISO ให้สูงๆได้ยังไง
อาจจะมีคำถามว่า ตั้งให้สูงเพื่ออะไร....
ตอบว่า เพื่อในตอนที่มีแสงน้อยๆ หรือใช้แฟลชกับสิ่งทีอยู่ไกลก็ยังสว่างไม่พอ
อ้าว แล้วที่ว่า ISO นั้นมันตั้งมา Auto ไม่ใช่เหรอ
ใช่ครับ แต่เจ้า ออโต้นั้นมันไม่เคยยอมปรับให้เกิน 200 สักที
ทำไมล่ะ
เพราะมันกลัวภาพออกมาจะ หยาบ หรือมีสิ่งเปื้อนเปรอะ ที่ภาษากล้องดิจิทอลเขาเรียก
ว่า Noise
มาต่อครับ
เพื่อประกอบความเข้าใจ และเพื่อบางท่านที่เคยลองใช้ระบบ Manual มาบ้างแล้ว
จะขอกล่าวถึงตรงนี้เสียเลย
ความเร็วชัตเตอร์ กำหนดเป็น 1/10 1/25 1/60 1/125 1/250 1/500 1/1000
อาจมีค่าที่ทำได้ต่ำหรือสูงกว่านี้ แล้วแต่ชนิดของกล้อง ตัวเลขยิ่งสูงยิ่งเปิด/ปิดเร้ว
ขนาดรูรับแสง กำหนดเป็น 1.4 1.7 2.8 3.5 4 4.5 5.6 6.3 8 11 16 22
ในการเขียน เขาจะมีตัว f อยู่ข้างหน้า เพราะอะไร เรื่องมันยาว วันหลังค่อยว่ากัน
ตัวเลขยิ่งต่ำ รูรับแสงยิ่งกว้าง
(กล้องบางอัน ตัวเลขอาจไม่ตรงตามนี้นะครับ)
รูปที่จะดูว่าพอดี เกิดจาะแสงจำนวนที่เหมาะสม สมมุติว่าเป็นจำนวน N
สมมุติว่ารูปนี้แสงพอดี ถ่ายด้วยความเร็ว 1/125 รูรับแสงที่ f 8
รูปออกมาดีนะครับ คือได้รับแสงจำนวน N
คราวนี้ถ้าภาพนั้นเป็นสิ่งเคลื่อนไหว เราต้องการใช้ความเร็วในการเปิด/ปิดหน้ากล้อง
ให้เร็วขึ้นเพื่อนกันภาพจะพร่ามัว เราปรับเลื่อนความเร็วขึ้นอีกขั้นหนึ่ง เป็น 1/250
ถ้าเลื่อนแค่ความเร็ว แต่รูรับแสงคงเป็นขนาดเดิม จำนวนแสงที่กล้องได้รับก็จะต้อง
น้อยกว่าเดิมใช่ไหมครับ เพราะระยะเวลาทีแสงเข้ามามันสั้นลง..
....การชดเชยก็คือ ปรับขนาดรูรับแสงให้กว้างขึ้น...ตามหลักวิชา เมื่อเพิ่มความเร้วขึ้น
1 ขั้น ก็ต้องเพิ่มขนาดรูรับแสงให้กว้างขึ้น 1 ขั้น เหมือนกัน ภาษาช่างถ่ายรูปไทยเขาเรียกว่า เพิ่มอีก 1 สต๊อพ ก็จะเป็น f 5.6 (เลขน้อยลง รูรับแสงกว้างขึ้น)จำนวนแสงที่กล้องได้รับก็ตะยังคงเป็นจำนวน N เหมือนเดิม
เอ้า ยกตัวอย่างอีกที
สมมุติว่าแสงจำนวน N นั้น เป็นน้ำ 1 ลิตร
คุณเปิดก๊อกน้ำด้วยเวลา 20 วินาที ผ่านกรวยที่มีรูกว้าง 1 นี้ว คุณได้น้ำ 1 ลิตร
คราวนี้ถ้าคุณต้องการใช้เวลาให้น้อยกว่านั้น คือเป็นแค่ 10 วินาที แต่ต้องให้ได้น้ำจำนวน
1 ลิตรเท่าเดิม คุณก็เพิ่มกรวยที่รูมันกว้างกว่าเดิมอีกเท่าหนึ่ง คือ 2 นิ้ว
เข้าใจแล้วนะครับ