เรียนถ่ายรูปแบบเล่นๆ ภาคสอง

[Smallville]

พี่ขุน มาต่อเร็วๆนะคะ สนใจมากเลยค่ะ แหะๆ ตอนนี้เริ่มเบื่อกล้องใหม่ที่เพิ่งซื้อน่ะค่ะ มีบางอย่างไม่ค่อยจะสบอารมณ์เท่าไหร่ เกี่ยวกับแสงน้อยหรือถ่ายในที่ร่มน่ะค่ะ กวนใจมากเลย อยากจะเปลี่ยนใหม่อีกแล้วค่ะ แต่มันก็ไม่ถึงกับแย่ แต่จะต้องคอยปรับคอยเปลี่ยนอันโน้นอันนี้กันอยู่ตลอดเวลาน่ะค่ะแต่ผลรวมๆออกมาก็ใช้ได้ค่ะ

[ขุนสุพรรณ]

ตอบนัท
รีบเข้ามาทันที ใจเย็นน่า....ของทุกอย่างต้องมีจุดดีจุดด้อย...และเราต้องหาวิธีที่จะแก้
ไขจุดด้อยนั้นให้ได้....ชึวิตมันมีรสชาติก็ตรงนี้แหละ....
.....กล้องดีจิทอลมีข้อดีที่ว่าไม่ต้องเปลืองฟีล์ม ถ่ายออกมาไม่ด้ก็ถ่ายใหม่ เอาผิดเป็นครู
.....ลองแล้วลองอีก ปรับตรงโน้นตรงนี้..อ่านคู่มือไปทดลองไป...ไม่เข้าใจตรงไหนก็ถาม
มา...
......อย่างที่ว่าถ่ายในร่มแล้วรูปออกมามืดเกินไป....ก็งงกับคำถามอยู่ เพราะโดยปกติเมื่อ
เราตั้งให้แฟลชอยู่ที่ออโต้แล้ว ตอนแสงน้อยแฟลชจะติดเอง หรือว่ามันไม่ติด..หรือติดแต่
ว่าสว่างไม่พอ หรือว่าจะถ่ายโดยไม่ให้แฟลชติดแล้วมันมืดเกินไป....
.....บอกมาใหม่ ถ้ามีรูปมาด้วยก็ยิ่งดี

[Smallville]

พี่ขุน มาแล้วค่ะ นี่เป็นรูปเพิ่งถ่ายวันนี้เองค่ะ อากาศก็มีแดดจัดเหมือนกัน ใช้ระบบออโต้ค่ะ จริงๆแล้วมันน่าจะคมชัดและสว่างกว่านี้น่ะค่ะ ปัญหาแบบนี้เป็นบ่อยค่ะ ลองปรับอะไรๆแล้วก็ยังเป็นเหมือนเดิม แต่ถ้าถ่ายใก้ลๆอย่างเช่นรูปอาหาร หรือซูมรูปหน้าคนเข้ามาถ่ายใก้ลๆจะไม่ค่อยมีปัญหา

[Smallville]

รูปนี้วันนั้นไม่มีแดด แต่ท้องฟ้าดูสว่าง แล้วนั่งอยู่ในที่ร่ม

[แนท]

แนทส่งการบ้านผิด ขอลบออกนะคะคุณครู อายจัง

[Smallville]

อีกรูปนึงค่ะ มีเยอะกว่านี้แต่ลบทิ้งไปหมดแล้ว อันนี้ถ่ายในตัวตึก วันที่ลูกชายเรียนจบอนุบาลน่ะค่ะ ขอบอกว่าวันนั้นน่ะโมโหมากเลยค่ะ ปรับถ่ายแบบที่เค้าบอกว่าin doorแล้วก็ไม่ได้ผล รูปที่แย่กว่านี้ลบทิ้งไปหมดแล้ว คือรูปมันจะเป็นแบบมืดๆเห็นคนไม่ชัด เหมือนกับแสงไม่พอ รู้สึกว่าจะเหมือนรูปข้างบนของพี่ขุนที่มีผู้หญิงกับผู้ชายแล้วก็แจกันน่ะ แต่มันจะเห็นชัดกว่านั้นนิดนึง แต่มันไม่ควรจะเป็นแบบนั้นใช่ไหมคะ คือแบบหมดอารมณ์มากๆเลยค่ะ กะว่าจะได้รูปสวยๆ ในโอกาสดีๆ ก็พลาดไปหมดค่ะ แต่หนูเข้าไปอ่านคอมเมนต์กล้องรุ่นนี้ไหมแล้ว เค้าแนะนำว่าอย่าซื้อรุ่นนี้ค่ะอิอิ

[ขุนสุพรรณ]

+++ Smallville ดีมากที่ส่งรูปมาให้ดูจะได้วิเคราะห์ออก
ตามรูปแรก และรูปสองนั้น เกิดจากกล้องวัดแสงจากจุดอื่น คือส่วนรวมๆของรูป
ซึ่งสว่างกว่า จึงปรับแสงให้พอดีกับส่วนเหล่านั้น
.....เรื่องนี้ผมได้เขียนอย่างค่อนข้างละเอียดไว้แล้ว ใน <span style='color:blue'>เรียนถ่ายรูปแบบเล่นๆ ภาคแรก</span>เมื่อ Nov 18 2006 คุณต้องเคยอ่านแล้วแต่ไม่ได้สนใจ เพราะคุณก็โพสเข้าไปพอดีเหมือนกัน กลับไปอ่านอีกครั้งซะโดยดี
....อีกรูปหนึ่งถ่ายโดยใช้แฟลช...ผมก็เคยสอนไว้แล้วอีกแหละ... ว่าถ้าหาใช้แฟลชโดยมี
สิ่งที่สีอ่อนอยู่ใกล้กล้องมาก กล้องมันจะเข้าใจว่าแสงมากพอแล้ว(สำหรับส่วนที่อยู่ใกล้)
ที่ห่างออกไปก็มืด รูปที่ว่าแย่มากๆนั้นลองไปดูอีกที จะพบว่ามีอะไรมาเป็น <span style='color:red'>ฉากหน้า</span> อยู่แทบทุกรูป
.....วิธีป้องกัน หลีกเลียงการถ่ายด้วยแฟลชที่อาจมีอะไรมาบังเป็นฉากหน้า
.....................ถ้ามีแสงพอควร ลองปิดแฟลช แล้วตั้ง ISO ให้สูง ก็ใช้ได้
(ไปอ่านข้างบนในภาคสองนี่แหละ สอนวิธีทำไว้แล้ว)

+++ แนท นี่น้องแนทเข้าใจผิดหรือจะมายั่วให้หิวกันแน่ ตอนตอบนี้บ้านพี่ 5 โมงเย็นพอดี
....ก็รูปที่แนทส่งมานี่มันไม่มี <span style='color:red'>ฉากหลัง</span> นี่ครับ

<span style='color:blue'>เอาละ ถือโอกาสเรียนศัพท์ถ่ายรูปกันตรงนี้เลย</span>

เริ่มกันที่จะถ่ายรูปวัตถุเช่นคนหรือสิ่งของ นะครับไม่ใช่วิวทิวทัศน์ สมมูติว่าเป็น <span style='color:blue'>ปลากระป๋อง</span> ก็แล้วกัน เขาจะเรียกปลากระป๋องนั้นว่า
<span style='color:red'>ตัวแบบ หรือ Object</span>
ส่วนภาพด้านหลัง ตัวแบบ ออกไปนั้น เรียกว่า <span style='color:red'>ฉากหลัง Background</span>
และถ้าหากว่ารูปนั้นมีอะไรโผล่ออกมาตามขอบข้างหน้าปลากระป๋องหรือ ตัวแบบ
เขาก็เรียกสิ่งนั้นว่า <span style='color:red'>ฉากหน้า Foreground</span>

และก็มีรูปอีกมากมายที่ไม่ต้องการมีทั้ง Background และ Foreground อย่างเช่นจานอาหารทีถ่ายใกล้ แล้วเล็งกล้องลงมาให้พอดีเฟรม อย่างรูปยั่วน้ำลายที่คุณแนทส่งมานี่แหละ

พอแค่นี้ หิวแล้วไปทำอะไรกินดีกว่า

[Smallville]

โอเคซิกาแล๊ตจ้าพี่ขุน จาลองขึ้นไปทบทวนบนเรียนเก่าๆละกันนะคะ ขอบคุณที่เข้ามาตอบคำถามนะคะ ไปทำไรกินแก้หิวได้แล้วค่ะอิอิ

[แนท]

อ้าว......หมดกัน....ทำการบ้านผิดอะ ฮือ ๆ ๆ ๆ คุณครูขา เดี๋ยวแนททำการบ้านใหม่นะคะ แนทปล่าวยั่วนะคะคุณครู

นี้เป็นผีเสื้อที่มาเกาะไฟหน้าบ้านแนทค่ะ

[ขุนสุพรรณ]

+++ แนท นี่แหละรูปฉากหลังเบลอร์
ซึ่งก็ใช้หลักที่ว่า ถ้ายให้ใกล้ตัวแบบ และ ฉากหลัง ต้องอยู่ห่างๆ....
...อันนี้ใตการถายรูปนอกบ้านทั่วไปมักจะมีโอกาสทำได้ แต่ถ้าหากเป็นการ
ถ่ายรูปอาหารภายในบ้านก็ออกจะมีปัญหา

มีรูปตัวอย่างมาให้ดู

ผมถ่ายจานขนม ซึ่งเป็นขนาดใกล้เคียงกับที่พวกเราเคยโพสกัน..
ถ้ายใกล้แบบเต็มที่ และฉากหลังก็ไกลออกไปพอควร



ภาพนี้ถ่ายด้วยกล้องคอพแพ็คคือกล้องเล็ก ซูมสุดที่ 75 mm หน้ากล้อง F 5.6
คือใช้เท่าที่กล้องขนาดนี้จะอำนวยให้ ผลว่าฉากหลังเบลอร์นิดหน่อย แต่ก็ยังดู
รู้ว่าอะไรเป็นอะไร คือปกปิดข้างหลังไม่ได้ว่างั้นเถอะ

[ขุนสุพรรณ]

อันนี้ถ่ายด้วยกล้องแบบ SLR



ตั้งซูมที่ 75 mm หน้ากล้องที่ F 5.6 เหมือนกัน ให้สังเกตว่าฉากหลังจะเบลอร์มากกว่า
รูปแรก ทั้งๆที่ตั้งทุกอย่างเท่ากัน

เป็นเพราะอะไรจะอธิบายที่หลัง

[ขุนสุพรรณ]

กล้องแบบ SLR ตัวเดิม



เป็นไงครับ ฉากหลังเหมือนกับหายไปเลย มีแต่แสงเลอะๆ

.....รูปนี่ตั้งเลนซ์ที่ 75 mm เท่ากัน แต่เปิดรูรับแสงให้กว้างเป็น F 1.8

[ขุนสุพรรณ]

คราวนี้ก็จะมีคำถามว่า
อ้าว งั้นกล้องเล็กก็หมดสิทธิ์ถ่านรูปอาหารให้ฉากหลังเบลอร์นะซิ...
.....ตอบว่า พอทำได้ครับ...
**ก็กฏเขามีไว้แล้วว่าให้ถ่ายใกล้มากๆ เราก็ถ่ายจนจานอาหารเต็มจอแล้วนีนา...

......ก็ถ่ายให้มันใกล้กว่านั้นอีกซี.....โดยใช้ถ่ายรูปของที่มันจานเล็กๆไงเล่า



นี่ไง ข้างหลังเบลอร์ดูไม่รู้เรื่องไปแล้ว

[ขุนสุพรรณ]

อาจมีใครถามต่ออีกว่า
ก็นั้นมันจานนิดเดียว ถ้าจะถ่ายรูปอาหารจานใหญ่ด้วยกล้องเล็ก
แล้วให้ฉากหลังเบลอร์เหมือนกล้องตัวใหญ่ทำไม่ได้เลยหรือ...
...ตอมว่าทำได้
นี่ไงล่ะ.



ใช้วิธีขี้โกง ....โดยใช้ PhotoShop แต่งเอา....จะเอาให้เบลอร์แค่ไหนก็บอกมา....

วันนี้สวัสดีครับ

[cake]

คุณจูฝีมือไม่เลวครับ ถ่ายรูปที่มีแสงนุ่มนวล ก็สวยไปอีกแบบนะครับ
วันนี้จะเริ่มหัวข้อใหม่

<span style='color:blue'>ถ่ายรูปให้ฉากหลังเบลอร์</span>
รูปที่มีฉากหลังเบลอร์หรือมัวแบบนุ่มๆ ก็เป็นการเพิ่มสีสรรค์และความเก๋ไก๋อีกแบบหนึ่ง
และยังช่วยเสริมให้ภาพดูเด่นขึ้นมา และทีดีอีกอย่างคือช่วยปิดบังฉากหลังที่บางครั้งไม่
ค่อยจะน่าดูให้ไม่ออกมาโชว์ได้อีกด้วย

แต่การจะทำให้ฉากหลังเบลอร์ด้วยกล้องคอมแพ็คนี่ <span style='color:blue'>เป็นเรื่องยากพอควร</span>
เพื่อความเข้าใจ ขอย้อนประวัติศาสตรหน่อย
ในยุคที่ใช้ กล้องฟีล์ม นักถ่ายรูปจะกลัวกันเรื่อง ชัดไม่ลึก ชัดไม่ตลอด...
เนื่องจากว่า ฟีล์มมีความไวแสงในขึดจำกัด หน้ากล้องก็ต้องให้เปิดได้กว้างๆ เพื่อจะรับแสงได้พอเพียง จะไปปรับที่ความเร็วชัตเตอร์ให้ช้ามากเกินไปเดี๋ยวภาพก็จะสั่นอีก กล้องทีดี
หน่อยในสมัยนั้นจึงมักจะมีเลนซ์ที่มีรูรับแสงที่กว้างมาก ส่วนมากมักจะใช้ที่ F 1.4 เป็นมาตราฐานกัน คงจำกันได้นะครับ ผมเคยบอกแล้วว่า ตัวเลขยิ่งน้อยคือเลนซ์ยิ่งกว้าง

.....หลักของการจะถ่ายรูปให้ฉากหลังเบลอร์นั้นก็คือ
1 ตัวแบบต้องอยู่ไกล้กล้อง
2 ฉากหลังต้องอยู่ไกล
3 เปิดหน้ากล้องไห้กว้าง
4 ใช่ทางโฟคัสตื้น คือซุมมากๆ

ไนข้อ 1-2 เกี่ยวกับตัวแบบและฉาก ส่วนข้อ 3-4 อยู่ที่กล้อง ซึ่งกล้องสมัยนั้นทำได้สบายมากอยูแล้ว
...แต่ ณ วันนี้ ยุคดิจิทอลนี้ จะไปหวังที่จะเห็นเลนซ์ที่มีหน้ากล้องกว้างเป็นอันเลิกฝันได้
เพราะการทำเลนซ์ให้ดี ได้ภาพคมชัด สีสวย แล้วก็ต้องใหญ่ด้วยนั้น มันทำได้ แต่ว่าจะขาย
ให้ใคร เพราะราคามันต้องแพงมาก
อีกอย่างก็คือ กล้องดิจิทอลสมัยนี้ เขาไม่กลัวเรื่องแสงน้อยกันแล้ว เพราะเจ้าแผ่นที่แทน
ฟีลืมนั้นมันมีความไวแสงสูงกว่า แล้วก็ตอนถ่ายออโต้ กล้องยังช่วยเพิ่มความไวแสงให้
ในตอนแสงน้อยไปได้อีกด้วย
......เมือเป็นดังนั้น..เลนซ์เดี่ยวนี้มันจึงทำออกมาแต่ตัวเล็กๆ....
(ยังมีต่อ)

มาแอบอ่านหลายรอบแล้วคะ มีข้อสงสัยค่ะอันนี้อยากทราบจริงๆไม่ได้กวนนะคะ...หลักของการจะถ่ายรูปให้ฉากหลังเบลอนั้น...
ตัวแบบต้องอยู่ใกล้กล้อง และฉากหลังต้องอยู่ไกลกล้องในระยะเท่าไหร่ค่ะ และการเปิดหน้ากล้องให้กว้าง ต้องปรับตรงไหนกันค่ะ ขอบคุณค่ะ