ครัวไกลบ้านได้ทำการปรังปรุงเวบไซต์ให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นในระบบสมาร์ทโฟน และได้รวมข้อมูลเมนูอาหารและ สมาชิกจากทั้งเวบไซต์เก่าและใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว

สมาชิกท่านไหนมีปัญหาไม่สามารถล็อกอินได้ ให้ทำการเปลี่ยนพาสเวิร์ดโดยคลิ๊กลิ้งค์นี้ ลืมรหัสผ่าน
ถ้าท่านใดมีชื่อสมาชิกมากกว่าหนึ่งชื่อแล้วต้องการรวมโพสทั้งหมดให้อยู่ในชื่อสมาชิกเดียว หรือมีปัญหาในการใช้เวบไซต์
สามารถส่งอีเมล์แจ้งรายละเอียดมาได้ที่ admin@kruaklaibaan.com หรือส่งข้อความได้ที่ user: sillyfooks

ถ้าชอบครัวไกลบ้าน อย่าลืมคลิ๊กไลค์เฟสบุ๊คให้ครัวไกลบ้านด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

หญิงแกร่งแห่งอลาสก้าใกล้ถึงตอนอวสาน

อยากคุย อยากเล่า อยากบ่น เรื่องสุข เรื่องทุกข์ เรื่องสารพันปัญหา เชิญคุยกันได้ตามสบายที่ห้องนี้ค่ะ

โพสต์โดย ยายหนู » เสาร์ ก.ค. 07, 2007 8:01 am

2-3อาทิตย์มานี่คิดมากเรื่องขอวีซ่าเพื่อเอาลูกมาช่วยงาน ตัดสินใจไม่ถูก ไปสอบโอนสัญชาติก็ไม่เลวเสียเงินน้อย แต่รอช้า7-9ปี

ถ้าเอามาด้วยวีซ่าทำงาน อันนี้เรื่องมาก ต้องใช้หลักฐานหลายอย่าง เราจะต้องมีเงินเหลืออยู่ในบัญชี เพื่อแสดงให้เห็นว่าเรามีเงินกำไรเหลือพอที่จะจ่ายเงินเดือนได้ ค่าธรรมเนียมก็แพงและจะต้องเสีย2-3ต่อ แล้วยังจะต้องใช้ทนายซึ่งแพงเอาการอยู่ และจะต้องรอปีหรือปีครึ่ง

และอย่างสุดท้าย ขอแบบท่องเที่ยวหรือมาเยี่ยมก็จะได้มาเลยแต่มาช่วยชั่วคราวก็ยังดีกว่าไม่ได้มา อันสุดท้ายนี้น่าสนมาก.....

แต่ 2วันนี้ความคิดที่แตกต่างออกไป ตั้งแต่ยายหนูมาอยู่อเมริกา ทำแต่งานไม่เคยได้ไปเที่ยวไหนเลย ด้วยเหตุผลที่ว่า ทำงานเก็บเงินก่อน อย่างเช่นโบราณว่า น้ำขึ้นให้รีบตัก เอาไว้แก่แล้วทำงานไม่ไหวค่อยเที่ยว 2-3ปีแรกหลังจากเลิกงานหรือวันหยุดก็ขับรถชมรอบๆเมืองหรือช็อป

แต่พอมาเปิดร้านอาหาร เหมือนติดคุกทำงานได้เงินแต่ไม่มีโอกาสได้ใช้ ธุรกิจเติบโตใหญ่ขึ้นทุกวันๆ ร่างกายก็ยิ่งแย่ลงๆเพราะทุ่มเทงานหนัก ยิ่งคุณบิลเป็นแบบนี้แล้ว วันหนึ่งยายหนูก็ต้องเป็นอีกคน อาการมันฟ้องทุกวันถึงตอนนี้เงินไม่สามารถช่วยอะไรได้เพราะร่างการต้องการพัก

คุณบิลจะเกษียณ เมษา 2008 ยายหนูคิดว่า สิ่งแรกคือยายหนูต้องไปสอบโอนสัญชาติให้ผ่าน แล้วยื่นเรื่องเอาลูกมา จะขายกิจการร้านอาหารนี้ แล้วกลับไปพักผ่อนหรืออาจจะเรียกว่าพักฟื้นก็ได้ที่เมืองไทย หลังจากนั้นอาจจะกลับเข้ามาอเมริกาซื้อบ้านเป็นของตัวเองสักหลังที่รัฐอื่นทางตอนล่างของอเมริกาด้วยเงินก้อนนั้น และหาเป็นลูกจ้างคนอื่นทำวันละ 8ชั่วโมงก็พอ จนกว่าลูกๆจะได้วีซ่า ค่อยคิดเริ่มหาทำเลเริ่มต้นใหม่แล้วให้ลูกๆสานต่อทำกันเอง ถึงวันนั้นคุณบิลก็ประมาณ 70ปี

หรืออาจจะขายได้เงินก้อน แล้วอยู่เมืองไทยแบบถาวรไปเลย กินเงินเกษียณของคุณบิลไปเดือนๆก็คงจะพอเพราะบ้านเราก็มีแล้ว มีเวลาอยู่ด้วยกันแบบพักผ่อนจริงๆเพราะเราเหนื่อยกันมามากพอแล้ว แต่ก็ห่วงอนาคตลูกๆหลานๆซึ่งคิดว่าได้มาอยู่อเมริกามีอนาคตที่ดีกว่า แต่พอคิดอีกที 6ปีของยายหนู กลับมองว่าอเมริกาไม่น่าอยู่ บ้านเราดีกว่าเยอะ เอ...เอาไงดีอ่ะ แต่คุณบิลยืนยันว่ายังมีรัฐอื่นๆที่น่าอยู่กว่าเมืองไทย

เหตุผลที่ต้องขายคือ ทำกันแค่สองคน ขายดีมาก เฉลี่ยวันละไม่ต่ำกว่า $1,000 เหนื่อย หาผู้ช่วยไม่ได้ เมืองเล็กไม่มีคนไทยอาศัยอยู่

1 ทำเลดี จอดรถได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลังของอาคาร สัญญา 5ปี ค่าเช่าถูก ตารางฟุตละเหรียญ(2,400ตารางฟุต))
2 ของใช้ภายในร้านใหม่หมด มี16โต๊ะ 64ที่นั่ง แต่ละโต๊ะห่างกันแบบรถเข็นผ่านได้
3 ได้ทุนคืนเร็วเพราะลูกค้าขาประจำเยอะตลอดทั้งปี ทัวร์ก็เยอะ ถ้าสามารถทำทั้งบัฟเฟ่และตามสั่ง รวยแน่นอน
4 ในกรณีที่ไม่ไช่คนไทย เราจะบอกสูตรอาหารทุกอย่าง หลังจากจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว ถ้าต้องการให้เราทำงานด้วยเป็นการสอนในภาคปฏิบัติก็ยินดีร่วมงาน 3เดือนหรือจนกว่าท่านจะทำเองได้ หลังจากนั้นถ้ามีปัญหาในการปรุงอาหารยินดีให้คำปรึกษาทางอีเมล
5 ในกรณีที่เป็นคนไทย เราให้มาอยู่เป็นลูกจ้างช่วยเราก่อน เพื่อดูให้แน่ใจว่าร้านเราขายดีจริงๆจึงค่อยตัดสินใจซื้อ
6 สัญญาว่าเราจะไม่กลับมาเปิดแข่งกับท่าน หรือไปทำงานให้กับร้านอื่นๆในเมืองนี้ อย่างแน่นอน

ยายหนูคิดว่าจะตั้งราคาที่ $200,000-$250,000
ภาพประจำตัวสมาชิก
ยายหนู
แม่ไข่นกกระทา พ่อไข่จะละเม็ด
 
โพสต์: 2789
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.พ. 15, 2006 11:54 pm

โพสต์โดย pimlapas » เสาร์ ก.ค. 07, 2007 8:19 am

เรื่องนี้อ่านไป และคิดตามแต่ละขั้นตอนที่พี่ยายหนูเล่ามา
เรื่องจะขายร้าน มันก็เป็นเรื่องที่ดีในกรณีที่เราทำไม่ไหว เช่นร่างกายเราไม่ไหว

หากไม่ขายร้านนี้ และสู้ทำต่อไปตามที่บอกมา ก็ถามใจเราอีกครั้งว่า ทำได้หรือเปล่า คุ้มกันหรือเปล่า กับการได้เงินดี ขายดี แต่ไม่มีโอกาสได้ใช้ ไม่ว่ากรณีใด ๆ เมื่อคิดเปรียบเทียบกันแล้ว
คิดยากจังค่ะพี่ยายหนู แต่ทุกอย่างมีทางออกที่ลงตัวได้ สุขภาพเป็นเรื่องสำคัญมาก หากมีเงินแต่สุขภาำพแย่ ก็จบกัน เ็ฺฮ่อ ถอนหายใจดีกว่า
<a href='http://www.freewebs.com/pimlapas/' target='_blank'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>หิวๆเชิญแวะ ร้านน้ำพริก มีบริการส่งความสุขให้ครอบครัวที่เืมืองไทยในทุกเทศกาล และรับฝากซื้อของส่งจากไทยไปทั่วโลก คลิ๊กเลยจ้า</span> </a><img src='http://i131.photobucket.com/albums/p301/pimmybraz/smjk.jpg' border='0' alt='user posted image' />
ภาพประจำตัวสมาชิก
pimlapas
แม่ไข่นกกระทา พ่อไข่จะละเม็ด
 
โพสต์: 3740
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ม.ค. 15, 2006 1:46 pm

โพสต์โดย หนูนิด » เสาร์ ก.ค. 07, 2007 2:12 pm

เป็นไปได้หรือเปล่าค่ะ ถ้ายายหนูจะจัดระเบียบร้านใหม่ เช่น เปิดขายตอนกลางวัน ถึงเย็น กี่โมงก็ว่าไป ชนิดของอาหารในแต่ละวันก็ไม่มากจนเกินไป แต่เพิ่มปริมาณในต่อวันมากขึ้น หรือ เพิ่มวันหยุดเป็นสองวันต่อสัปดาห์ เงินรายได้อาจน้อยลง แต่มีเวลาพักผ่อนมากขึ้น เป็นช่วงเวลาที่รอให้วีซ่าลูกชายด้วย เมื่อลูกชายได้วีซ่า มีคนมาช่วย ก็ค่อยเริ่มขยันกันอีกที
<span style='color:red'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'><b>Nid_Hong Kong ปีนี้ 30 แล้วค่ะ</b></span></span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
หนูนิด
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 86
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร มี.ค. 13, 2007 7:44 pm

โพสต์โดย yummy » เสาร์ ก.ค. 07, 2007 2:53 pm

เห็นด้วยกับพี่หนูนิดค่ะลดรายได้ลงนิดหน่อยรอลูกหลานมาแล้วเทคโอเวอร์ร้านดีไหมค่ะแต่ถ้ารอไม่ไหวก็คงต้องขายแหละค่ะยังไงก็พักผ่อนบ้างน่ะค่ะอย่าหักโหมเกินไปเป็นห่วงสุขภาพค่ะ
<b><span style='color:green'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>I luv Hello Kitty</span></span></b><img src='http://i12.photobucket.com/albums/a232/angelpigzy/cute/cartoon_102.gif' border='0' alt='user posted image' /><br><br><span style='color:red'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>yummy from Sydney</span></span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
yummy
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 22
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มิ.ย. 25, 2007 8:52 pm
ที่อยู่: Sydney

โพสต์โดย โทนโทน » เสาร์ ก.ค. 07, 2007 4:37 pm

ไม่อยากให้พี่ยายหนูขาย เลยค่ะ เหนื่อยมานาน

กาญจน์ แอบดูอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ มาตลอด และ แอบ ยินดีกับ ยายหนูมาตลอดและ นับถึอยายหนูเป็นแม่แบบ มาตลอดค่ะ

กว่าจะมีลูกค้าประจำได้นี่ มันยากมากเลยค่ะ ต้องฝีมือล้วนๆเลย

พี่ยายหนูไม่หากุ้ก มืออาชิพมาช่วยดูละคะ ที่เค้าเป็นงานแล้ว แล้วพี่ยายหนู ก็ ช่วยดูและคุมเค้าแล้ว ให้เค้าทำอย่างรสชาติที่ยายหนูทำ คนไทยคุยกันได้ สอนกันได้

เหมือนร้านเฟรนใชน์ฝรั่ง เจ้าของเค้าคอยคุมร้าน บริหารอย่างเดียว ไม่มีใครไปทำเองค่ะ แต่พี่ยายหนูได้เปรียบตรงตัวเองทำเอง ทำเองได้ก็ต้องสอนคนอื่นได้

กาญจน์เข้าใจว่า ปัญหา มันอยู่ที่ร้านใหญ่เกินไปค่ะ ทำให้พี่ยายหนูเหนื่อย กับตรงนี้ มัน เกินแรงแม่ครัว 1 คนที่จะทำเองได้ อะไรที่มันเกินกำลัง แรกๆไหวค่ะ แต่ต่อไปมันแย่ เราไม่ใช่เครื่องยนตร์นะคะ


กาญจน์ก็มีร้านอาหารไทยเหมือนกัน แต่ มีแขกแค่ 20โต้ะ ทำอาทิตย์ละครั้ง ตั้งแต่ ปีไหม่ มาถึง เดือนที่แล้ว จะเต็มเกือบทุกเสาร์เลยค่ะ ทำทุกอย่างเหมือนกันค่ะ คนเดียว
สามีเป็นคนเสริฟ ทำตั้งแต่ 7โมงเช้า-4ทุ่ม แทบจะ ขอลาสามีออกเลยค่ะ มันเหนื่อยมาก แต่ดีหน่อย เราทำแค่อาทิตย์ละวัน เหมือน มีแรง พักตลอดอาทิตย์

มีคืนหนึ่งแขก 37 คน พี่ยายหนูเอ้ย หนูอยากวิ่งเข้าป่าไปเลยทำไม่ไหว บอกสามีว่า ต่อไป ถ้าเกิน 20 คน ฉันไม่ทำ เพราะทำไม่ไหว เงินอยากได้ค่ะ แต่ กำลังกายมันไม่ไหว กาญจน์ 32 เองนะคะ .

ร้านกาณน์มันอยู่ในไกลเมืองค่ะ ขับรถออกมา 45 นาที และต้องจองก่อน ส่วนมากแขกจะเยอะ หน้า หนาว-ใบไม้ผลิ เพราะ ยูคอน มันเมืองเล็ก ไม่มีที่ไป ไม่มีร้านไทยที่ไหน ยังไง เค้าก็มาอยู่ดี

แล้วกาญจน์ก็เลี้ยงลูกไปด้วย ลิงน้อยมัน 4ขวบครึ่งแล้ว กันยานี้ก็ไปโรงเรียนแล้ว กาญจน์กํจะเต็มที่กับงานสักที ตอนนี้กาญจน์ทำข้าวกล่อง ส่งปั้ม จันทร์ กับ ศุกร์ เสาร์ ก็ทำร้าน คือ อยากได้ตังค์ ให้ พ่อทำบ้านให้เสร็จที่เมืองไทย แต่ ลูก กับ สามี ต้องมาก่อน แบ่งเวลา กับ งานจนหัวฟูแล้วค่ะ แต่ ยังเรียนรู้ต่อไป

ที่เล่ามาแค่ อยากให้กำลังใจยายหนูค่ะ ว่า ทางเดิน มันมีหลายทาง ยายหนูเก่ง กาญจน์มั่นใจว่า จะผ่านตรงนี้ไปได้ค่ะ

สู้ๆนะคะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
โทนโทน
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 9
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ม.ค. 29, 2006 10:01 pm

โพสต์โดย piyada » เสาร์ ก.ค. 07, 2007 5:27 pm

ติดตามเรื่องราวของพี่หนูมานานค่ะ เห็นตั้งแต่ร้านยังไม่เป็นรูปเป็นร่างจนมาถึงวันนี้
ชื่นชมในความต่อสู้พยายามของพี่หนูกับคุณบิลมากๆนะคะ..
แต่ก็เข้าใจว่าตอนนี้พี่หนู รู้สึกท้อแท้อย่างไร ไม่ใช่ขายไม่ดี แต่คงเพราะเหนื่อยทางกายมากจนทำให้ใจท้อไปด้วย..
อย่าเพิ่งท้อนะคะ อย่างที่คุณนิดว่าก็ดีนะคะ พี่หนูอาจต้องปรับเวลาขายของที่ร้านใหม่
เอาแบบที่เราไม่เหนื่อยมาก อาจเปิดแค่ช่วงเย็นหรือเฉพาะกลางวัน ช่วงไหนที่มีลูกค้าเยอะกว่ากัน เปิดแค่ช่วงเดียวพอ จะได้มีเวลาพักบ้าง สบายๆไม่เครียด จะได้สนุกกับมัน ร้านที่หนูอยู่เนี่ย เจ้าของเปิดแค่ตอนเย็น อาทิตย์นึงปิด 2 วัน วันว่างแกก็ไปช็อปปิ้ง
เย็นก็ไปดริ้งส์กับเพื่อนๆ ชีวิตแกมีความสุขดีค่ะ(นี่ขนาดแกมีคนไทยมาช่วยที่ร้านเยอะนะเนี่ย) พี่หนูคงต้องรอให้มีคนช่วยมากกว่านี้หน่อย ถึงค่อยขยับขยายเวลาเพิ่มจะดีกว่านะคะ เงินทองของนอกกายค่ะ เอาสุขภาพเราก่อนดีกว่า
อย่าเพิ่งคิดขายตอนนี้เลยนะคะ เสียดายที่พี่หนูทำเองทุกอย่างมากับมือตั้งแต่เริ่ม
เอาใจช่วยนะคะ (น้องอุ๋ม...จากเมือง ลีดส์ อังกฤษค่ะ)
ภาพประจำตัวสมาชิก
piyada
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 1
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ มิ.ย. 30, 2007 9:39 pm

โพสต์โดย MCC » เสาร์ ก.ค. 07, 2007 5:46 pm

เคยทำงานเป็นลูกจ้างร้านอาหารมาสามแห่ง ทั้งไทย จีน และญี่ปุ่น

แถมปัจจุบันก็ทำงานพาร์ทไทม์ร้านอาหารอิตาลีไปด้วย เรียนหนังสือไปด้วย

เข้าใจเลยค่ะว่างานร้านอาหารจุกจิกแค่ไหน ถ้าไม่มีคนช่วย

และก็เข้าใจคุณบิลด้วยถึงเรื่องเกษียณอายุ และอยากพักผ่อน เพราะแฟนแนทก็อายุมากแล้วเหมือนกัน (อิๆๆ) แฟนแนทเองก็มีแผนที่จะพยายามพัฒนาธุรกิจแล้วขายให้ได้เงินส้กก้อนเพื่อเก็บไว้ใช้หลังเกษียณเหมือนกันค่ะ

แฟนแนทเนี่ยเป็นแฟนคลับของโรงพยาบาลเลย แนทเลยเข้าใจดีที่ยายหนูพูดถึงเรื่องสุขภาพ และเชื่อด้วยว่า ถ้าสุขภาพไม่ดีต่อให้มีเงินมากมายแค่ไหนก็ไม่สำคัญเลย

เจ้าของร้านอาหารหลายรายก็ทำแบบที่ยายหนูพูดถึงอยู่เหมือนกัน คือ พยายามทำร้านให้บูมแล้วเซ้งต่อทำกำไร แล้วหันไปทำอย่างอื่นต่อ หรือไม่ก็พักผ่อนท่องเที่ยว

อีกอย่างนึงแนทเชื่อในความสามารถด้านการทำอาหาร และการทำธุรกิจของยายหนูค่ะ ถ้ามีเงินก้อนจากการขายร้าน และยายหนูยังอยากทำงานต่อ แนทเชื่อว่ายายหนูสามารถเอาไปลงทุนด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวกับด้านอาหารอันเป็นความถนัดของยายหนูได้ค่ะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
MCC
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 70
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร มี.ค. 21, 2006 3:54 am

โพสต์โดย suk » เสาร์ ก.ค. 07, 2007 8:02 pm

น่าเสียดายถ้าจะขายร้านไป แต่จะทำต่อสุขภาพก็ไม่ไหว สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยยายหนูด้วยคะ
<br><br><span style='color:blue'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>สุขภาพกายดี........สุขภาพจิตดี</span></span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
suk
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 71
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ธ.ค. 17, 2006 4:52 am

โพสต์โดย ยายหนู » อาทิตย์ ก.ค. 08, 2007 7:30 am

วันนี้แค่เกริ่นๆกับลูกค้าบางคน ว่าเราจะขายธุรกิจเพราะเหนื่อยมากและที่สำคัญตอนนี้คุณบิลทำต่อไม่ไหว อาทิตย์นี้หลังมือบวมกำมือไม่ลง ยายหนูก็แย่ใกล้เป็นรอบเดือนด้วยละก็เวลายืนหั่นของหรือปรุงอาหารแทบจะตายตรงนั้นให้ได้เลย ปวดบั้นเอวและปวดร้าวไปทั่วทั้งร่างแขนขาตึงไปหมด....ลูกค้าตกใจ โอ..โน.. กันเป็นแถว คนนึงเข้ามากอดแล้วบอกว่า "ฉันเข้าใจ เรื่องหาคนช่วยไม่ได้ หยุดพักสักเดือนนึงจะดีกว่าไหม อย่าขายเลย เธอคิดว่าฉันพอจะช่วยอะไรเธอในครัวได้บ้างหลังเลิกงานหรือวันอาทิตย์ฉันยินดี" ยายหนูอยากจะร้องไห้เมื่อได้ยินเช่นนั้น.....

<span style='color:red'>เจ้าของร้านอาหารหลายรายก็ทำแบบที่ยายหนูพูดถึงอยู่เหมือนกัน คือ พยายามทำร้านให้บูมแล้วเซ้งต่อทำกำไร แล้วหันไปทำอย่างอื่นต่อ หรือไม่ก็พักผ่อนท่องเที่ยว

อีกอย่างนึงแนทเชื่อในความสามารถด้านการทำอาหาร และการทำธุรกิจของยายหนูค่ะ ถ้ามีเงินก้อนจากการขายร้าน และยายหนูยังอยากทำงานต่อ แนทเชื่อว่ายายหนูสามารถเอาไปลงทุนด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวกับด้านอาหารอันเป็นความถนัดของยายหนูได้ค่ะ </span>

อีกเหตุผลหนึ่งก็เหมือนอย่างที่แนทพูด ขายให้ได้กำไรมากพอ ให้คุ้มกับการที่เราบำบากทุ่มเทแรงกายแรงใจ ฝ่าฟันจนมันบูมอัพขึ้นมาอย่างที่เห็น...ได้เงินก้อนหนึงแล้วไปพักฟื้นให้หายดีมีแรงที่จะลุกขึ้นต่อสู้อีกครั้งโดยที่ไม่ต้องเสียค่าเช่าร้านและค่าเช่าบ้านไปเปล่าๆ และเมื่อไรที่พร้อมก็เริ่มต้นใหม่ในที่ใหม่ประสบการณ์ก็เคยมีมาแล้วย่อมจะทำได้ดีกว่าที่ผ่านมา แต่ต้องเริ่มต้นจากศูนย์อีกครั้งต้องเรียนรู้หลายๆอย่างและที่สำคัญเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าในพื้นที่นั้นๆจะมีลูกค้าสักเท่าไรที่ชอบอาหารไทย ต่อให้มีฝีมือขนาดไหน ถ้าพวกเขาไม่ชอบมันก็ขายยาก

แต่ถ้าได้ผู้ช่วยเพิ่มก็คงจะดีอาจจะไม่ต้องขายมันก็ได้ เสียดายอยู่เหมือนกัน อีกอย่างมีความผูกพันธ์กับลูกค้าในเมืองนี้อย่างบอกไม่ถูก ทุกๆคนเสมือนญาติพี่น้อง ทานเสร็จก็ต้องขอบคุณเรา และถ้าเราขอบคุณเขา เขาก็จะบอกว่าไม่ไช่ พวกฉันต้องขอบคุณคุณที่ทำอาหารให้พวกเราทาน....

การที่จะหากุ๊กฝีมือดีมาช่วยมันไม่ไช่เรื่องง่ายเลย ถ้าจะต้องจ้างมาจากต่างประเทศจะต้องใช้เงินสูง ทำแค่สองปีพวกก็เผ่นหนีไปทำกับคนอื่นแล้วเพราะเขาสามารถสมัครขอกรีนการ์ดได้ ไม่คุ้มกับเงินที่เราลงทุนทำเรื่องเอาเขามา นี่แหละคือเหตุผลที่เจ้าของร้านในอเมริกาไม่ต้องการจ้างกุ๊กมาจากต่างประเทศ(เพื่อนเจ้าของร้านอาหารเล่าให้ฟังซึ่งเขาเข็ดแล้ว) และถ้าเอามาได้ง่ายๆ ยายหนูอยากจะเอาครอบครัวมามากกว่า เพราะจะต้องอยู่บ้านเดียวกัน ปกครองง่ายกว่ากันเยอะ มันไม่ไช่แค่งานในร้าน งานบ้านก็ต้องช่วยกันทำด้วย

ตอนนี้เรามีเด็กนักเรียนผู้หญิงอายุ 15เป็นแม็กซิกัน มาช่วยล้างจานแทนเด็กผู้ชายที่ลาไปเที่ยว เธอทำงานเร็วสอนง่าย ยายหนูต้องการเก็บเธอไว้ วันนี้เลยบอกเธอว่าหลังจากที่เด็กผู้ชายกลับมา ฉันก็ยังต้องการเธออยู่ แต่จะให้มาช่วยคุณบิลเก็บโต๊ะ และช่วยยายหนูในครัว เธอยินดี พรุ่งนี้วันอาทิตย์เธอจะมาช่วยทำความสะอาดร้าน,ในครัว(Deep Clean) และช่วยหั่นของ ยายหนูว่าถ้าเธอมีใจรักงานนี้จะสอนทุกอย่าง เธอดีใจและบอกว่า อนาคตอยากจะเป็นเชฟเหมือนกัน....


วันนี้ยืนต่อไปไม่ไหว 4ทุ่มแล้ว งานล้างยังไม่เสร็จเลยให้เด็กกลับบ้านได้ แล้วค่อยมาทำกันต่อพรุ่งนี้ซึ่งเป็นวันหยุด(วันอาทิตย์) พรุ่งนี้จะนอนตื่นสายๆสักวันไม่รู้ว่าจะทำได้หรือเปล่า
ภาพประจำตัวสมาชิก
ยายหนู
แม่ไข่นกกระทา พ่อไข่จะละเม็ด
 
โพสต์: 2789
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.พ. 15, 2006 11:54 pm

โพสต์โดย แมวเหมียว » อาทิตย์ ก.ค. 08, 2007 11:21 am

โอ๊ะโอ๋....จะอวสานง่ายๆได้ยังไงคะยายหนู Lord of the ring ยังมี 3 ภาค ยิ่งแจ็ค สแปโรว์ของเหมียวก็ยังมี 3 ภาคเหมือนกัน แฮรี่ พอตเตอร์ จนป่านนี้ยังภาค 7 เข้าไปแล้ว เหมียวก็เลยอยากให้ยายหนูมีหลายๆภาคเหมือนกันค่ะ (อันนี้แซวเล่น ให้ขำๆนะคะ ไม่อยากให้ซีเรียสค่ะ)ชีวิตของยายหนูไม่เหมือนภาพยนต์ก็จริง แต่น่าเสียดายในสิ่งที่ยายหนูลงทุนลงแรงมาทั้งหมดเลยนะคะ เหมียวว่ายายหนูคงจะผูกพันธ์กับมันไม่ใช่น้อย ขนาดเหมียวขายรถคันเก่า เห็นเจ้าของใหม่ขับจากไป น้ำตายังซึม ใจหายบอกไม่ถูก ทั้งๆที่คันใหม่ก็จอดอยู่ข้างๆ แต่ความอาลัยอาวรณ์ยังคงมีอยู่ นั้นยังเป็นเพียงแค่รถ แต่ร้านยายหนูแทบจะเป็นชีวิตจิตใจของยายหนูเชียวนะคะ ฝ่าฝันมาได้ขนาดนี้ นับว่าเป็นหญิงแกร่งที่สุด แต่สุดท้ายเหมียวก็เข้าใจค่ะ สุขภาพต้องมาก่อน ขอให้ยายหนูรักษาสุขภาพมากๆนะคะ และขอให้ได้พนักงานตามที่ต้องการนะคะยายหนู (ความฝันที่จะไปนั่งทานอาหารที่ร้านยายหนูปลายปีหน้าของเรา งือๆ)
<br><span style='color:blue'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>ไม่รู้ว่าจะเขียนอะไรตรงลายเซน แต่เห็นคนอื่นเขามีกัน เราก็เลยอยากมีบ้าง</span></span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
แมวเหมียว
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 29
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร มี.ค. 07, 2006 9:38 am

โพสต์โดย Rotjana Geneva » อาทิตย์ ก.ค. 08, 2007 1:13 pm

เข้ามาให้กำลังใจพี่ยายหนูด้วยค่ะ EM126

ที่เจนีวา....รจนามีเพื่อนที่รับทำอาหารส่งตามงานเลี้ยง มีรายได้ดีพออยู่ได้สบาย สามีก็ทำงาน...ตัวเขาเองก็มีเวลาอยู่กับลูก ๆ และทำกิจกรรมส่วนตัว ชีวิตมีความสุขทีเดียว

อีกคนหนึ่งเปิดขายอาหารประเภทข้าวราดแกงเฉพาะกลางวันๆธรรมดา....ก็ขายดีเช่นกัน....เขาถนอมเวลาตอนเย็นและวันหยุดไว้พักผ่อนกับครอบครัว

อีกร้านหนึ่งได้ดาวจากมิเชแล็งไกด์ (ร้านติดดาว)....เขาขายเฉพาะจันทร์ถึงศุกร์....เสาร์อาทิตย์ไม่ขาย และขายเฉพาะอาหารเย็น....เรียกว่า เขาให้ความสนใจกับชีวิตส่วนตัวและการพักผ่อนด้วย

ร้านที่นี่ส่วนมากจะปิดขายตามเทศกาลและซัมเม่อร์ค่ะ....ช่วงอีสเตอร์มักจะตรงกับสงกรานต์ไทย....ร้านไทยหลายแห่งก็ปิดกัน และกลับไปสงกรานต์เมืองไทย....ส่วนเดือนสิงหาฯ ร้านอาหารฝรั่งปิดเที่ยวหน้าร้อนกันเป็นแถว ๆ....ร้านไทยหลายแห่งก็ตามเทรนด์ไปด้วย....อาจเป็นไปได้ว่า วัฒนธรรมของแต่ละเมืองไม่เหมือนกัน....คนที่นี่ให้ความสำคัญกับการพักผ่อนมาก ๆ เลยค่ะ....ทุกวันหยุดก็ต้องหยุดไปเที่ยวกัน....หยุดกันทั้งประเทศ....ก็เลยสร้างบรรยากาศให้คนทำมาค้าขายต้องหยุดพักผ่อนไปด้วย....ที่อลาสก้าคงจะไม่เหมือนกัน....เลยทำให้พี่ยายหนูไม่มีเวลาหยุดพัก

น่าเห็นใจเรื่องล้างจานจริง ๆ เลยค่ะ เพราะใช้เวลานานและหนักมาก....รจนาไม่ค่อยรู้เรื่องธุรกิจร้านอาหารมาก แต่รู้ว่า ร้านอาหารที่นี่มีเครื่องล้างแก้วแน่นอน เพราะประหยัดเวลา....และ ไม่แน่ใจว่าพี่ยายหนูสามารถหาซื้อเครื่องล้างจานแบบอุตสาหกรรมร้านอาหารได้หรือเปล่าคะ? อาจจะเป็นทางออกหนึ่งที่ทำให้ประหยัดเวลาและแรงงานไปได้...และจะได้ล้างเฉพาะอะไรที่ลงเครื่องไม่ได้จริง ๆ.....เครื่องล้างจานไม่เปลืองน้ำอย่างที่คิดค่ะ และยังอบจานแห้งให้เลย ไม่ต้องมาเช็ด หรือหาที่วางตากจานอีก....แต่ก็ต้องลงทุนหน่อย....แต่อย่างน้อย หากมีเครื่องทุนแรงเพิ่มขึ้น ก็จะทำให้พี่ยายหนูได้ทำงานส่วนที่รักได้เต็มที่ (หั่นและปรุงอาหาร).....และได้ทำอาหารขายต่อไปตามใจรัก

เรื่องคนช่วยทำงานหั่นอาหารไม่ได้ดังใจ บางทีก็ต้องอาจ "ทำใจ" เหมือนกันค่ะ....แต่คนเราก็สอนกันได้นะคะ....คนที่ทำอะไรไม่เข้าท่าในวันนี้ ฝึกฝนและอดทนกับเขา ก็เหมือนการสร้างคนให้ทำอะไรเป็นและเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อเหมือนกัน....แต่ก็เข้าใจว่าพี่ยายหนูเองก็งานในครัวแยะ จะคอยจ้ำจี้จ้ำไชผู้ช่วยทุกทีไปก็คงยาก....

ดีใจที่พี่ยายหนูมีน้องเม็กซิกันที่ทำงานถูกใจค่ะ......เขาคงช่วยเบาแรงได้มากในช่วงนี้

และหากปิดร้านหยุดพักผ่อนสักระยะหนึ่งก็ดี จะได้ทบทวน และจะได้ฝึกคนมาช่วยงานไงคะ....

ทางเลือกพอมีอยู่นะคะ เพียงแต่จะเลือกตัวไหนเท่านั้นเอง.....

ขออวยพรให้พี่ยายหนูพบหนทางที่ดีที่สุดนะคะ และให้หายปวดเมื่อยและมีสุขภาพแข็งแรงโดยเร็ววันค่ะ....พี่เป็นคนสู้ชีวิตอยู่แล้ว และทำอะไรด้วยความสามารถและด้วยหัวใจ....ดังนั้น เรื่องนี้คงไม่ยากเกินไปค่ะ......
ภาพประจำตัวสมาชิก
Rotjana Geneva
แม่ไข่ยัดไส้ พ่อไข่ลูกเขย
 
โพสต์: 658
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ค. 02, 2007 10:35 am
ที่อยู่: เจนีวา สวิตเซอร์แลนด์

โพสต์โดย ยายหนู » อาทิตย์ ก.ค. 08, 2007 7:15 pm

<span style='color:red'>น่าเห็นใจเรื่องล้างจานจริง ๆ เลยค่ะ เพราะใช้เวลานานและหนักมาก....รจนาไม่ค่อยรู้เรื่องธุรกิจร้านอาหารมาก แต่รู้ว่า ร้านอาหารที่นี่มีเครื่องล้างแก้วแน่นอน เพราะประหยัดเวลา....และ ไม่แน่ใจว่าพี่ยายหนูสามารถหาซื้อเครื่องล้างจานแบบอุตสาหกรรมร้านอาหารได้หรือเปล่าคะ? อาจจะเป็นทางออกหนึ่งที่ทำให้ประหยัดเวลาและแรงงานไปได้...และจะได้ล้างเฉพาะอะไรที่ลงเครื่องไม่ได้จริง ๆ.....เครื่องล้างจานไม่เปลืองน้ำอย่างที่คิดค่ะ และยังอบจานแห้งให้เลย ไม่ต้องมาเช็ด หรือหาที่วางตากจานอีก....แต่ก็ต้องลงทุนหน่อย....แต่อย่างน้อย หากมีเครื่องทุนแรงเพิ่มขึ้น

</span>
รูปภาพ

ที่อลาสก้าถ้าไม่มีเครื่องล้างจาน ก็ไม่สามารถเปิดร้านได้ค่ะ แต่เครื่องล้างจานไม่สามารถล้างได้สะอาด เคยลองแล้ว
<span style='color:red'>คุณบิลเก็บจานจากโต๊ะ กวาดเศษอาหารออกจากจานจนเกลี้ยง แล้วนำมาแช่ลงในอ่างน้ำ เวลาจะล้างก็ยกจานวางบนตะแกรง เอาเข้าเครื่องล้าง ออกมาไม่เกลี้ยงเลยค่ะ</span> บางจานยังมีคราบอาหารติดอยู่ ถ้าเป็นร้านฝรั่ง จานใบไหนไม่เกลี้ยงเขาจะเช็ดก่อนใช้ หรือเอาไปล้างใหม่ ใช้เฉพาะใบที่เกลี้ยงๆ แต่เราทำไม่ได้ เราจึงต้องล้างแบบเกราๆ ก่อนนำเข้าเครื่องอีกที...ไช่ค่ะออกมาแห้งเพราะจะต้องใช้น้ำยาถึง 3อย่างและน้ำจะต้องร้อนจัด เขามีที่วัดอุณหภูมิของน้ำในเครื่องล้างจาน เวลาเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบเขาต้องเช็คตัวนั้นด้วย เครื่องที่ยายหนูใช้นี้เป็นแบบสองประตู ไม่ต้องยกเข้ายกออก ใช้เลื่อน หลังจากดึงออกมาจากเครื่องล้างมันจะยังเปียกอยู่แต่ร้อนมากควันโขมงเลย(เครื่องไม่ได้อบ) ก็ต้องทิ้งไว้ประมาณ 5-10นาทีจึงจะแห้งสนิท และถ้าไม่ใช้น้ำยานั้นๆ เวลาแห้งแต่จะเป็นคราบจุดๆ(ร้านเพื่อนตัวปล่อยน้ำยาเสียเขาเล่าให้ฟังจึงรู้)

แต่ปัญหาหลักของยายหนู มันอยู่ที่คนหั่นของและช่วยในครัว เมืองนี้เมืองเล็กมาก ฤดูร้อนงานจะเยอะเพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวคนก็ไปสมัครทำงานอื่นๆกันหมด เช่นพนักงานบริการเพราะงานไม่หนัก แต่พอหมดช่วงเทศกาลจะกลับมาทำกับเรา แบบนี้เราก็ไม่เอา คนที่นี่บางส่วนจะทำงานกันแค่ครึ่งปีเท่านั้น หน้าหนาวเขาจะสมัคร"คนว่างงาน"กินเงินรัฐบาลซึ่งหักจากนายจ้างอีกทีนั่นแหละ จัดเป็นกลุ่มผู้ที่มีรายได้น้อย อย่างคนไทยที่อยู่เมืองติดกัน ที่นั่นมีโรงงานทำหอย คนจะแห่กันไปสมัครงานเพียบ จ้างเป็นพาวด์ ทำแค่ 6เดือนก็สมัครคนว่างงาน(Unemployment)อีก6เดือน.... 6เดือนที่ว่างงานนี้รัฐบาลจ่ายเงินให้แบบพอกินพอใช้เลยแหละขึ้นอยู่ที่ว่าทำมากแค่ไหนจ่ายเป็นเปอร์เซ็นต์ แถมอยู่ครบปีได้เงินปันผลของอลาสก้าจากการขายน้ำมันอีก พอเป็นค่าตั๋วเครื่องบินไปเที่ยวเมืองไทยหรือที่อื่นๆ ยายหนูคิดว่าอยากจะย้ายไปทำแบบนั้นหลังจากขายร้านแล้วเอาเงินไปซื้อบ้านอยู่สักหลังจะได้ไม่ต้องเช่า คิดหนักวุ๊ย...
ภาพประจำตัวสมาชิก
ยายหนู
แม่ไข่นกกระทา พ่อไข่จะละเม็ด
 
โพสต์: 2789
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.พ. 15, 2006 11:54 pm

โพสต์โดย noiak » จันทร์ ก.ค. 09, 2007 12:06 am

อ่านแล้ว ใจหายยังไงไม่รู้ ค่ะ แต่ถ้าพี่อัจกับคุณบิลไม่ไหว จริงๆ เรื่อง สุขภาพก็สำคัญ หน่อยว่า พี่อัจลองลดระยะเวลา เปิดร้าน ลง ก็น่าจะมีเวลาพักผ่อนมากขึ้นนะคะ
ร้าน ไทยคิทเช่น ในแอนคอเรจนี่ เค้าเปิดร้านแค่ช่วง บ่ายๆเอง สี่หรือ ห้าโมงเย็นก็ปิดแล้ว เสาร์อาทิตย์ ก็อาจปิดด้วยหรือเปล่า อันนี้ไม่แน่ใจ เค้าขายแต่อาหารกลางวันน่ะค่ะ ลูกค้าส่วนมากก็จะเป็น วันธรรมดา คนทำงานออฟฟิศ หน่อยไปทีไรก็เต็มทุกที

ลองลดระยะเวลาดู รายได้น้อยนิดหน่อยแต่ประคองไปจนกว่าจะได้ลูกมาช่วยก็น่าจะดีนะคะ เพราะยังไงก็เป็นที่รู้จักแล้ว พี่กับคุณบิล ทำมาจนถึงขนาดดนี้แล้วจะ ขายไปเสียก็น่าเสียดาย

แต่ก็นั่นแหละ สุขภาพก็เรื่องใหญ่ค่ะ ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่ถึงจะได้คนมาสืบทอด ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพี่กับคุณบิลแหละค่ะ ถ้าขายก็จะได้พักผ่อนกันก่อน ชาร์ตแบตไห้เต็มที่ แล้วค่อยลุยไหม่อีกทีตอนที่ ลูกๆ พี่มาอยู่ด้วยแล้วหน่อยก็ว่ายังไม่สายเกินไปสำหรับนักสู้อย่างพี่หรอกค่ะ

หน่อยเอาใจช่วย อีกแรงนะคะ ไม่ว่าพี่จะตัดสินใจแบบไหน ถ้าจะสู้ต่อก็ ขอให้อย่าเจ็บไข้ ถ้าจะขาย ก็ไห้ได้ ราคาตามที่ต้องการนะคะ
รูปภาพ
<b><span style='color:orange'>--Positive Mind--</span></b><br><a href='http://myak.50webs.com/' target='_blank'> ไปเที่ยวกันค่ะ </a><br><a href='http://www.wealaskan.blogspot.com/' target='_blank'>ALASKA</a>
ภาพประจำตัวสมาชิก
noiak
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 13
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มี.ค. 18, 2007 8:09 pm

โพสต์โดย missEsaan » จันทร์ ก.ค. 09, 2007 2:26 am

หนูเอ้อเป็นไงบ้าง พี่นางเจอจั่วหัวข้อแล้วใจหาย พี่นางเห็นจ้าเข้าใจการทำร้านอาหารมันเหนื่อยทั้งกายทั้งใจเลย ขนาดตาซ่ามีเพื่อนมาทานอาหารที่บ้านบ่อย ๆ
คือหน้าร้อนนี่ทุกวันเสาร์เลยพี่นางต้องหาคนมาช่วยแต่ก็ช่วยอะไรได้ไม่มากเหนื่อยเราอีกยืนทั้งวันขาน่ะมันปวดเพราะใช้ทั้งเดินและยืน พี่นางเห็นด้วยที่จะปิดร้านอาทิตย์
2 วันเพื่อพักขา รายได้น้อยลงแต่รักษาสุขภาพเราเอาไว้ พี่นางไม่อยากให้ขายมันใจหายนะเพื่ออนาคตลูกเราด้วย เป็นห่วงนะจ๊ะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
missEsaan
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 49
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 19, 2006 9:03 pm

โพสต์โดย ยายหนู » จันทร์ ก.ค. 09, 2007 4:30 am

วันนี้ร้านปิด(วันอาทิตย์)แต่มีงานจะต้องทำคือไปหั่นไก่หมูและอื่นๆเตรียมไว้สำหรับวันรุ่งขึ้น ทำจากบ่าย 2โมง 2ทุ่มกลับบ้าน ยืนไม่ไหวแล้วถ้าได้เคลื่อนไหวบ้างจะดีกว่ายืนอยู่กับที่ เหลือผักที่จะต้องหั่นเล็กๆน้อยๆ เก็บเอาไว้ทำพรุ่งบ้าง....

ยืนหั่นของไป คิดไป จะเอายังไงดี ตัดสินใจไม่ถูก
ภาพประจำตัวสมาชิก
ยายหนู
แม่ไข่นกกระทา พ่อไข่จะละเม็ด
 
โพสต์: 2789
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.พ. 15, 2006 11:54 pm

ต่อไป

ย้อนกลับไปยัง คุยกันเจ๊าะแจ๊ะ

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน