ครัวไกลบ้านได้ทำการปรังปรุงเวบไซต์ให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นในระบบสมาร์ทโฟน และได้รวมข้อมูลเมนูอาหารและ สมาชิกจากทั้งเวบไซต์เก่าและใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว

สมาชิกท่านไหนมีปัญหาไม่สามารถล็อกอินได้ ให้ทำการเปลี่ยนพาสเวิร์ดโดยคลิ๊กลิ้งค์นี้ ลืมรหัสผ่าน
ถ้าท่านใดมีชื่อสมาชิกมากกว่าหนึ่งชื่อแล้วต้องการรวมโพสทั้งหมดให้อยู่ในชื่อสมาชิกเดียว หรือมีปัญหาในการใช้เวบไซต์
สามารถส่งอีเมล์แจ้งรายละเอียดมาได้ที่ admin@kruaklaibaan.com หรือส่งข้อความได้ที่ user: sillyfooks

ถ้าชอบครัวไกลบ้าน อย่าลืมคลิ๊กไลค์เฟสบุ๊คให้ครัวไกลบ้านด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

ใครว่ามาอยู่เมืองนอกแล้วชีวิตสวยหรูอย่างที่คิด

อยากคุย อยากเล่า อยากบ่น เรื่องสุข เรื่องทุกข์ เรื่องสารพันปัญหา เชิญคุยกันได้ตามสบายที่ห้องนี้ค่ะ

โพสต์โดย jinny » พฤหัสฯ. ก.ค. 12, 2007 12:59 am

ตอนจินนี่อยู่เมืองไทย ก็ทำงานดีพอสมควรค่ะ ทำอยู่ฝ่าย Customs Import ที่ FedEx ทำงานเอง ใช้เงินเอง ให้คุณแม่บ้าง ซื้อรถเอง ส่งตัวเองเรียนต่อปริญญาโท MBA ที่ ABAC และก็ได้ทุนส่วนหนึ่งจาก FedEx ด้วย ก่อนจะย้ายมาอยู่แคนาดา ชีวิตก็เรื่อยๆสะดวกสบายดีไม่เดือดร้อนอะไร แต่พอย้ายมาอยู่กับสามีที่แคนาดานี่ สามีไม่ให้ทำอะไร แค่เป็นแม่บ้านทำอาหารอร่อยๆให้เค้าทานทุกวันก็พอ (ส่วนล้างจาน ซักผ้า เค้าทำเองหมด อิอิ)ต้องอยู่บ้านเฉยๆตลอดปีกว่าๆ เพราะยังไม่สามารถทำงานได้ เนื่องจากอยู่ในระหว่างการดำเนินการเรื่องขอเป็นประชาชนถาวรของที่นี่ ช่วงหลังเริ่มเบื่อจัด เลยแอบทำที่ร้านอาหารไทยบ้างไม่กี่เดือน แล้วเผอิญเรื่องวีซ่าถาวรเสร็จพอดี ก็เลยแว้บกลับไปเมืองไทยมาเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แล้วกลับมาแคนาดาใหม่เมื่อเดือนที่แล้วค่ะ

กลับมาแคนาดาในสถานะที่สามารถทำงานได้อย่างถูกกฎหมายแล้วเลยลองส่ง Resume ไปสมัครงานดู (แต่แฟนไม่อยากให้ทำงานเลย เค้าบอกเค้าทำคนเดียวพอ สงสัยจริงๆ กลัวทำงานเหนื่อยแล้วเลิกทำกับข้าวอร่อยๆมั้ง) มีหลายที่เรียกไปสัมภาษณ์ทันทีเลยค่ะ แล้วก็ตกลงกับบริษัทนึงไป ซึ่งเป็นบริษัทเกี่ยวกับยา ทำในตำแหน่ง order desk คือว่าดูแลเรื่อง order จากลูกค้า ไม่ว่าจะสั่งมาทาง internet หรือทางโทรศัพท์ ออก invoice เช็ค credit ทั้งลูกค้า wholesale และ retail ไปยันเช็คของและ shipping ทั้งในแคนาดาและอเมริกาค่ะ ติดอยู่ที่ไม่ตรงกับ field เราเลยซักอย่าง ชื่อยาก็มีเป็นพันๆอย่าง และชื่อยาแต่ละตัวมันปกติที่ไหนล่ะคะ ยาวๆแปลกๆทั้งนั้น บางตัวก็เป็นภาษาละตินอย่างนี้ ก็เครียดเรื่องนี่อยู่เหมือนกัน เพราะไม่มีประสบการ์ณทางนี้เลย เดือนนี้ทั้งเดือนก็ไปเทรนงานกับเค้าอยู่ตลอดเลย เพราะคนที่ทำอยู่จะลาออกสื้นเดือนนี้ โชคดีที่เจ้าของบริษัทใจดีมากๆ

แต่พอดีมีอีกบริษัทนึงเรียก เป็น Frieght Forwarder ระหว่างแคนดา-อเมริกา (U.S.-based company) เค้าเรียกสัมภาษณ์ในตำแหน่ง Customs Import Documentation Clerk วันนี้ ก็ลองแว้บไปสัมภาษณ์ดู เพราะลักษณะงานมันคงคล้ายกับที่เคยทำมาที่ FedEx มากกว่า คุยไปซักครึ่งชั่วโมงก็เสร็จ เค้าก็บอก benefit ต่างๆให้ฟัง (น้ำลายไหลมากมาย :P) พอจะลากัน เค้าก็บอกมาว่า "I can tell, right now you are the top of my list!" แล้วก็บอกมาว่าจะติดต่อกลับไปหากว่าได้สัมภาษณ์ครั้งที่ 2 จินนี่ก็ดีใจมากๆ แต่ไม่คาดหวังอะไร เพราะงานดูยุ่งยากมากๆ แถมเราเป็น new immigrant ด้วย ยังไม่เคยมีประสบการ์ณการทำงานที่แคนาดามาก่อน ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องสำคัญมากๆ แล้วยังต้องแข่งกับพวกฝรั่งทั้งหลายที่เกิดและโต เรียนจบที่ประเทศนี้อีก พอขับรถออกมาได้ซักครึ่งชั่วโมง ก็มีโทรศัพท์เข้ามา และแล้วประโยคที่ได้ยินก็คือ...."Hi Jinny....I'm Dennis. I just call to offer you a job!"

อึ้งกิมกี่ค่ะ แทบจะจอดรถกลางไฮส์เวย์เดี๋ยวนั้นเลย แล้วก็ตั้งสติและตอบตกลง เย่ๆๆๆไม่ต้องมี second interview แล้ว (สงสัยเค้าไม่อยาก delay เราเพราะเทรนงานอื่นอยู่ด้วย) และพรุ่งนี้เค้าขอให้เข้ามาเซ็นต์ agreement ต่างๆ ดูระบบงาน ตอนนี้ดีใจมากมายเลยค่ะ เพราะงานนี้ offer เงินเดือนดีมากๆสำหรับคนที่เพิ่งได้ immigrant มาเดือนกว่าๆ ( start เดือนละแสนกว่าๆ แถมโบนัส 4 ครั้งต่อปี + Christmas bonus + Profit Sharing program และประกันสุขภาพต่างๆ ^.^ ไม่น้อยเลยสำหรับผู้หญิงอายุ 25 ย่าง 26 อย่างจินนี่ตอนนี้) แต่ก็ทำใจโทรไปบอกงานบริษัทยาอย่างลำบากใจมากมาย เพราะเจ้าของเค้าดีมากๆ และสอนงานเรามาเยอะแล้วด้วย แต่เพื่อความก้าวหน้า ก็ต้องทำค่ะ และจะได้ตอบแทนบุพการีด้วย

ที่เล่ามาทั้งหมด ก็อยากเป็นกำลังใจให้ทุกๆคนที่กำลังหางานอยู่ พยายามหาต่อไปเรื่อยๆ แล้วซักวันโชคอาจเข้าข้างเราก็ได้นะคะ สู้ๆ อย่าท้อนะคะ เพราะท้อมีไว้ให้ลิงถือเท่านั้นค่ะ เอิ้กๆๆ
<br><img src='http://i140.photobucket.com/albums/r20/jinnynaka/purdy3.jpg' border='0' alt='user posted image' />
ภาพประจำตัวสมาชิก
jinny
แม่ไข่ดาว พ่อไข่เจียว
 
โพสต์: 445
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ มิ.ย. 02, 2006 4:23 am
ที่อยู่: Vancouver, BC, Canada

โพสต์โดย kuk » พฤหัสฯ. ก.ค. 12, 2007 2:14 am

แอบเข้ามาอ่านคะ ขอเป็นกำลังใจให้ทุก ๆ คนเลยนะคะ ตัวเองไม่มีอะไรฝ่าฟันเท่าไร เพราะมีชีวิตเรียบง่ายในเมืองไทยนี่ละคะ

เรียนจบ ปวส. ก็ทำงานในบริษัท ไอซีซีฯ ในเครือสหพัฒน์ฯ ประมาณครึ่งปี ช่วงนั้นก็เรียนปริญญาตรีภาคค่ำไปด้วย ก็เข้ารับราชการ จนถึงปัจจุบัน ก็ 17 ปีแล้วที่ทำงานมา เป็นคนกรุงเทพฯ ญาติพี่น้องทางพ่อกับแม่ก็เป็นคนกรุงเทพฯ พอมาแต่งงานก็เจอแฟนคนกรุงเทพฯ อีก ชีวิตเลยวนเวียนอยู่ในกรุงเทพฯ นี่ละคะ

อีกครั้งที่เราต้องปรับตัวก็ตอนมีครอบครัวนี่ละคะ เราต่างพ่อต่างแม่กันมาอยู่ด้วยกัน กว่าจะเข้ากันได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ อยู่กันมา 16 ปีแล้วนะเนี่ย ทุกวันนี้ก็ยังต้องปรับกันอยู่เลยคะ


คนเราทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนมานาน ก็มีความฝัน ความอยาก มีธุรกิจเล็ก ๆ เป็นของตัวเองนะคะ เส้นทางชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางครั้งเราต้องเลือกเพื่อที่จะได้อีกสิ่งหนึ่งมาทดแทน อาจได้เป็นกำไรชีวิต หรือขาดทุนก็ได้ ก็ขอให้สู้ ๆ เวลาท้อแท้ หรือท้อถอย ก็ให้นึกถึงแต่สิ่งที่ดี ๆ จะทำให้มีความสุขขึ้นคะ
<i><span style='font-family:Times'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>ความรู้สึกดี ๆ ๆ มีให้กันเสมอ</span></span></i><br><br><img src='http://i198.photobucket.com/albums/aa193/kuk_111/49339c8d679b5-1.jpg' border='0' alt='user posted image' /><br><br><a href='http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=baanbaitong' target='_blank'>บ้านใบตองคะ</a>
ภาพประจำตัวสมาชิก
kuk
แม่ไข่กุ้ง พ่อไข่ปู
 
โพสต์: 1810
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ค. 02, 2007 2:17 am

โพสต์โดย ยายหนู » พฤหัสฯ. ก.ค. 12, 2007 8:10 am

เจอกระทู้นี้ตัดสินใจอยู่พักหนึ่ง จะเล่าหรือไม่เล่าดี เพราะเพื่อนๆส่วนใหญ่ที่เคยติดตามอ่านเรื่องราวในอดีตของยายหนูคิดว่าคงจะทราบกันดีอยู่แล้ว แต่ไหนๆน้องตีได้ตั้งกระทู้นี้แล้ว ยายหนูก็อยากจะแจมบ้าง เพราะคิดว่าเรื่องของเราก็เป็นชีวิตที่ไม่ธรรมดา.....

ยายหนูเรียนสูงกว่าเพื่อนๆ จบประถมปีที่7 โรงเรียนวัด อยากเรียนแต่พ่อแม่ไม่มีเงินส่ง แต่งงานครั้งแรกกับข้าราชการทหารอากาศ มีลูกด้วยกัน 3คน สามีไม่ค่อยจะรับผิดชอบครอบครัวเท่าไร ยายหนูจึงสมัครไปทำงานฮ่องกง เรียนภาษากวางตุ้ง และภาษาอังกฤษพอสนทนาได้ ไปได้ไม่ถึง3เดือน สามีก็พาผู้หญิงใหม่เข้ามาอยู่ในบ้าน

ชีวิตการเป็นลูกจ้างคนอื่นแบบ24ชั่วโมงไม่ไช่เรื่องง่ายๆ มีปัญหากับนายจ้างแต่ตกลงกันได้โดย นายจ้างซื้อตั่วให้เรากลับเมืองไทย แต่เราไม่ได้กลับ เพื่อนชวนหนีอยู่ต่อ แล้วหาทำงานทำความสะอาดทั่วไป(ทำเยี่ยงชาย)เพื่อเงินเพราะลูกๆกำลังเข้าเรียนชั้นมัธยมต้น

พอครบ2ปีกลับมาขอหย่า เปลี่ยนนามสกุล ทำหนังสือเดินทางใหม่ แล้วก็บินกลับไปฮ่องกงอีกเพราะไม่มีงานจะทำ ไม่มีเงินส่งให้ลูกๆเรียน คราวนี้ได้งานร้านซักอบรีด เป็นคนดูแลและคุมทุกอย่างทำบัญชีเองเป็นภาษาอังกฤษ(จริงๆแล้วยายหนูไม่เก่งหรอกแต่เป็นเพราะเจ้าของร้านอ่านไม่ออกเราอ่านออกคนเดียวฮิฮิ) มีผู้ช่วยเป็นฟิลิปปินส์ 1คน ทำได้เกือบปีก็ถูกเจ้าหน้าที่เข้ามาจับถึงที่ร้านข้อหาหนีวีซ่า ถูกติดคุกเดือนกว่าๆ แล้วก็กลับเมืองไทย

กลับมาได้3-4เดือนหลานสาวก็ชวนให้ไปทำบริการโทรศัพย์ระหว่างประเทศบนเรือสินค้าใหญ่กับต่างชาติซึ่งต้องใช้ภาษา พอเริ่มคล่องก็หาช่องทางหารายได้เพิ่มโดยเปิดร้านขายอาหารตามส่งบนเรือและแอบขายเสบียงอาหารให้ลูกเรือด้วย

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ยายหนู
แม่ไข่นกกระทา พ่อไข่จะละเม็ด
 
โพสต์: 2789
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.พ. 15, 2006 11:54 pm

โพสต์โดย ยายหนู » พฤหัสฯ. ก.ค. 12, 2007 8:44 am

รูปภาพ


รายได้ดีมากเพราะได้เป็นเงินดอลล่ายูเอส สวนกระแส มีเงินซื้อบ้านจัดสรรไว้ให้ลูกๆ แต่ทำได้ไม่นาน ทุกอย่างก็สะดุด ด้วยค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลงไปมากถึง ดอลล่าละ 56บาท ลูกเรือไม่มีเงินโทรศัพย์ กัปตันไม่มีเงินซื้อเสบียง เพราะบริษัทไม่ยอมจ่ายเงิน แต่ให้เรือไปแวะเอาเสบียงที่สิงคโปร์เพราะใช้เครดิต

ทำไงดีมีเงินเก็บอยู่ก้อนหนึ่ง ไม่เที่ยวเกาะช้างดีฝ่า ไปดูลู่ทางเห็นเขาว่ากำลังบูมอัพ เพือ่โชคดีได้ร้านขายอาหารหรือที่ทำบังกะโล

ไปเที่ยวดูทำเลที่นั่น 3-4เที่ยว ก็เจอกับX แต่งงานแล้วก็มาอยู่อลาสก้าได้ไม่ถึงเดือนก็หางานทำเลย ได้งานทำความสะอาดโรงแรม ชั่วโมงละ8.50เหรียญ วันละ 8ชั่วโมง ส่วนXทำตัวบ่าเบื่อหน่ายเมาไม่ยอมทำงาน เราทำฝ่ายเดียวเพราะต้องส่งเงินให้แม่และผ่อนบ้านซึ่งเหลืออีกไม่ถึง2แสนบาท แต่เขาให้เราส่งแค่เดือนละ 300เหรียญเท่านั้นที่เหลือเอาไปจ่ายบิลต่างๆ

จึงขอหย่า ต่อมาก็มาแต่งกับคุณบิล เราสองคนมีแค่กระเป๋าใบเดียวหิ้วมาอยู่ด้วยกัน ช่วยกันสร้างช่วยกันทำจนกระทั่งมีทุกวันนี้

ถึงแม้ว่าจะเรียนมาต่ำ แต่ก็ภูมิใจมากที่มีส่วนช่วยสร้างชื่อเสียงให้ประเทศชาติในเรื่องอาหารไทย ภูมิใจที่มีเงินส่งให้แม่ใช้ทุกเดือน ภูมิใจที่ได้ช่วยรับภาระเรื่องค่าเทอมให้เด็กๆข้างบ้าน2คนได้เรียนหนังสือฯลฯ

อยากจะบอกเพื่อนๆว่า อย่าหมั่นไส้นะ 555 (เลียนแบบมั่ง) ที่เล่ามานี่ไม่ได้อยากอวด แต่อยากจะบอกว่า ถึงแม้ว่ายายหนูจะไม่ได้เรียนจบสูงๆ ด้อยโอกาสทางด้านการศึกษา แต่ยายหนูไม่ได้ด้อยปัญญา มีความขยัน มานะ อดทนและความเพียรพยายาม ซึ่งเชื่อว่าเพื่อนๆก็ต้องทำได้เช่นกัน

<span style='font-size:14pt;line-height:100%'><span style='color:blue'>การกตัญญูรู้คุณต่อผู้ให้กำเหนิด จะเป็นบารมีช่วยสร้างเสริมให้ชิวิตเราดีขึ้น</span></span>

ไม่ว่าจะเป็นชีวิตในฝั่งไทยหรือฝั่งอเมริกา ยายหนูก็ยังคงลำบาก เป็นความบำบากที่มีความสุขใจแฝงอยู่ ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะถึงตอนอวสาน แต่ก็อยากจะให้จบอย่างมีความสุข

<span style='font-size:14pt;line-height:100%'><span style='color:green'>"การเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด ทุกอย่างอยู่ที่โอกาสและความพยายาม"</span></span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
ยายหนู
แม่ไข่นกกระทา พ่อไข่จะละเม็ด
 
โพสต์: 2789
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.พ. 15, 2006 11:54 pm

โพสต์โดย แตง » พฤหัสฯ. ก.ค. 12, 2007 7:29 pm

เข้ามาอ่านเรื่องของน้องตี และน้องๆเพื่อนๆทุกคน ชีวิตสุขสบายหรือไม่อยู่ที่ความพอใจของแต่ละคน บางคนทำงานหนักแต่เค้าคิดว่าเป็นความสุขของเค้ามันก็ใช่ บางคนไม่ทำอะไรแต่คิดว่ามีความสุขก็ใช่ หรือไม่ทำอะไรแล้วคิดว่าไม่สุขมันก็ใช่อีกแหละนะ น้องตีทำแล้วมีความสุข ครอบครัวไม่มีปัญหาก็ทำไปเถอะ ทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการแล้วไม่มีใครเดือดร้อน มีรายได้ส่วนตัวส่งให้่ทางบ้านด้วย เหนื่อยเมื่อไหร่ค่อยพักเนอะ เห็นน้องข้าหลวงตอนนี้ดูโตขึ้นมาก้เลยนะ
บุญเหมือนน้ำใสสะอาด ส่วนบาปเหมือนตะกอนในน้ำแห่งบุญ
คนเราควรทานอาหารที่มีประโยชน์ แค่พอดีพออิ่ม อย่าทานเพราะความอยาก ทานเกินอิ่มซึ่งเป็นโทษต่อร่างกาย เป็นการเพิ่มกิเลสตัณหา ทุกอย่างเข้าปากไปแล้วเวลาออกมาก็เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจทั้งนั้น
แวะทักทายที่ http://rueanthai2.lefora.com/
ภาพประจำตัวสมาชิก
แตง
แม่ไข่คาร์เวียร์
 
โพสต์: 7789
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ม.ค. 18, 2006 10:43 pm

โพสต์โดย katai_123 » ศุกร์ ก.ค. 13, 2007 11:23 am

เข้ามาแอบอ่านค่ะ...อิจฉาหนูนามากเลยหน้าหนาวปีนี้มีเจ้าตัวน้อยๆเป็นเพือน..คงจะนอนกอดกันทั้งวัน
katai_123
 

โพสต์โดย Mocha Latte » ศุกร์ ก.ค. 13, 2007 4:43 pm

แพมมาเรียนโทที่ลอนดอนแบบทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย เพิ่งจะจบเมื่อตอนต้นปี ตอนนี้ก้อเป็นเวลาที่ต้องตัดสินใจว่าจะอยู่ต่อหรือกลับเมืองไทย พยายามสมัครงานบริษัทที่นี่แต่ว่ายากเหลือเกินที่จะได้งานอย่างที่เรารักตอนนี้ก้อทนทำงานอื่นไปก่อนแบบเต็มเวลาเพราะวีซ่ายังเหลืออีกปีกว่า เงินก้อไม่เลวนักมีเก็บเล็กน้อยแล้วยังเหลือให้ส่งกลับบ้านนิดหน่อย ตอนที่แม่โทรมาต่อว่าว่าส่งเงินมาทำไมเพราะกลัวแพมไม่มีใช้แต่แม่ก้อร้องไห้เพราะปลื้มใจทำให้เรารู้สึกว่าที่เราเหนื่อยมามันคุ้มแค่ไหน

ปัญหาอีกอย่างคือแพมมารู้จักแฟนซึ่งเป็นคนที่นี่ได้เกือบสามปีแล้วทำให้ตัดสินใจยากพอสมควร แพมยังโชคดีที่คุณพ่อคุณแม่เข้าใจเพราะที่บ้านรับรู้ตลอดว่าเราคบกัน เวลาที่แม่มาเยี่ยมหรือตอนที่แพมกลับไทยก้อพาแฟนไปพบผู้ใหญ่ด้วย ใจจริงแล้วอยากกลับเมืองไทยเพราะโอกาสทางการงานมีสูงกว่า(อย่างที่พี่ๆเข้าใจดี) แต่ตอนนี้ชีวิตกำลังมีความสุขเลยอยากเป็นคนเห็นแก่ตัว (ให้หัวใจนำทางก่อน) แม่แพมเองก้อบอกเสมอว่าแม่แค่อยากเห็นหนูมีความสุข บ้านเราไม่หนีไปไหนไม่ว่าลูกจะกลับพรุ่งนี้หรืออีกสิบปีหนูก้อยังเป็นที่รักเท่าเดิม......ครอบครัวเราเชื่อในลัทธิสุขนิยมค่ะ
what goes around, comes around
ภาพประจำตัวสมาชิก
Mocha Latte
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 5
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร มิ.ย. 26, 2007 3:50 pm

โพสต์โดย Jeabie » เสาร์ ก.ค. 14, 2007 1:59 am

เข้ามาอ่านประสบการณ์ของแต่ละคนแล้วก็อดชื่นชมไม่ได้ค่ะ
เพื่อนๆ เป็นสาวเก่งกันทุกคนเลย ทั้งงานในบ้านและนอกบ้าน
ขอให้ประสบความสำเร็จดั่งที่หวังไว้นะคะ จะเป็นกำลังใจให้ค่ะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jeabie
แม่ไข่ดาว พ่อไข่เจียว
 
โพสต์: 353
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ก.ย. 21, 2006 11:22 am

โพสต์โดย มะเหมี่ยว » เสาร์ ก.ค. 14, 2007 2:09 pm

<span style='color:green'>ขอบคุณพี่ตีเจ้าของกระทู้ ที่ให้ได้มาแชร์กัน เหมี่ยวได้เข้ามาอ่านแล้วก็อยากเล่าบ้าง ตลอดระยะเวลาที่เหมี่ยวอยู่กรุงเทพฯเรียนจิตวิทยาเอกจิตบำบัดด้วยนะเพราะหวังว่าวันหนึ่งจะได้เป็นส่วนหนึ่งที่ได้ช่วยสังคม แต่เนื่องจากเป็นเด็กต่างจังหวัดพ่อแม่เป็นชาวไร่ชาวนา จึงอยากหางานทำส่งเสียตัวเองเรียนและแล้วก็ได้งานโฆษณาตอนเรียนปีสองซึงไม่ได้เกี่ยวกับสาขาที่เรียนเลย เริ่มแรกเป็น Booking ปีถัดมาเป็น Assistant Casting Manager ทำสองปีแรกทุกอย่างไปได้สวยทั้งที่ไม่มีใบปริญญาเหมือนคนอื่นๆเขา แต่อาศัยว่าเป็นคนเรียนรู้เร็วเข้าใจงานเร็ว มีมุมมองและไอเดียร์ที่แตกต่างคือได้ช่วยเขาคิด จึงไม่เป็นแกะดำสักเท่าใหร่ เพื่อนร่วมงานจบโทจากออสบ้างล่ะ จบโทจากจุฬาบ้างล่ะแต่ทุกคนก็ให้ความอบอุ่นและความรักต่อเหมี่ยวมาโดยตลอดนับว่าตรงนี้เหมี่ยวโชคดี เหมี่ยวดร๊อปเรื่องเรียนเพราะสนุกกับการทำงานมากออกกองถ่ายทุกอาทิตย์ มีงานใหม่ๆเข้ามาทุกวัน จนเวลาล่วงเลยไปปีที่สามได้เป็น Casting Manager และ Booking ในเวลาเดียวกันได้ติดต่อกับเอเยนซี่หลายๆประเทศเพื่อเอาแบบเข้าขายงานโฆษณาบ้านเรา สนุกมาก ภูมิใจมาก เราก็ทำได้ เจ้านายไว้ใจและปลอบใจเสมอว่า เราอยู่ร่วมสังคมอย่างสง่างามได้ด้วยความสามารถ ไม่ใช่สิ่งปรุงแต่งที่คุณปรุงขึ้นมาเพื่อบอกกับสังคมว่าฉันสง่างาม จนปีสุดท้ายก่อนที่เหมี่ยวจะลาออกมาใช้ชีวิตกับแฟน เจ้านายได้ให้หุ้นสิบเปอร์เซ็นต์ในบริษัท สรุปคือได้เงินเดือน ได้คอมมิชชั่นสิบเปอร์เซ็นต์ต่องานและยังได้ถือหุ้นอีกสิบเปอร์เซ็นต์ในบริษัท นั่นคือความภูมิใจของนางสาวคนหนึ่งที่เธอมาจากไหนก็ไม่รู้ เส้นสายก็ไม่มี อาศัยแค่สองมือกับหนึ่งหัวเป็นตัวช่วยเป็นเพื่อนร่วมทางให้อยู่ได้ในสังคม ภูมิใจสุดๆ

พอมาอยู่ที่สโลวาเกียได้สี่เดือน กินและก็นอน เวลาว่างปลูกผัก ปลูกต้นไม้ไปตามประสา อีกอย่างสโลวาเกียเป็นประเทศเล็กๆ เหงามาก คิดถึงบ้านมาก คิดถึงเพื่อน คิดถึงที่ทำงาน พอดีได้รู้จักกับพี่คนไทยที่มาอยู่ก่อนเขาเปิดร้านขายของไทยและอาหารไทยที่นี่ก็อบอุ่นดีพี่แกมาเที่ยวที่บ้านเห็นผักที่เหมี่ยวปลูกไว้ทั้งถั่วฝักยาว มะเขือเปราะ กะเพรา โหระพา สระแหน่ นาๆผัก พี่แกเลยพูดขึ้นมาว่าปลูกขายสิเหมี่ยว "...หะ...ปลูกผักขายหรอ ฉันจะเป็นแม่ค้าขายผักหรอ" แอบถามตัวเอง จำประโยคหนึ่งที่พ่อเหมี่ยวบอกเอาไว้เสมอว่าถ้าเราอยู่อย่างมีปัญญา และใช้ปัญญาให้เป็นประโยชย์ไม่ว่าไปอยู่ที่ไหนเราก็จะอยู่ได้ อย่างสง่างาม...

เหมี่ยวเริ่มแพลนเอาไว้ว่าเอาล่ะกลับบ้านไปปีหน้าจะไปเรียนเพาะเห็ด เมื่อกลับมาจะปลูกผักขายเพาะเห็ดขาย แฟนบอกว่า คุณจะบ้าหรอผมพาคุณมาอยู่ที่สโลวาเกียไม่ได้พามาเป็นเกษตรกรนะ เขาเป็นสุภาพบุรุษที่สุดในโลกของเหมี่ยวตั้งแต่ไหนแต่ไร ดูแลภรรยาเหมือนลูกสาว นึกว่ามีพ่อเพิ่มอีกคน เหมี่ยวเลยย้อนเขาไปว่า คุณมีที่ดินว่างเปล่าตั้งยี่สิบไร่ให้เขาเช่าปลูกข้าวบาเลย์ไม่กี่ไร่ที่เหลือปล่อยไว้ทำไม ... คุณรู้ใหมนั่นน่ะมันที่ทำเงินชัดๆ...

พี่ตีคะเหมี่ยวชื่นชมพี่ตีที่เป็นทั้งแม่และภรรยาที่เลิศ และขอชื่นชมแม่บ้านหลายๆท่านที่มีความสามารถในหลายๆด้านต่างแบบกันไป ขอชื่นชมคุณพี่ยายหนูด้วย พี่ตีพูดได้ดีมากที่ว่าทำงานเพื่อความสุข เหมี่ยวก็เป็นอีกคนที่บอกตัวเองเสมอว่าลมหายใจที่เหลืออยู่คือเพื่อใช้ธาตุขันธ์ให้เป็นประโยชย์ที่สุด ปัญญาที่มีอยู่จะใช้ให้คุ้มค่าที่สุด สามีเขาเลี้ยงเราได้และเลี้ยงได้ดีด้วยแต่การทำงานเป็นการบริหารและจัดสรรสมองอีกอย่างหนึ่งที่เหมี่ยวชอบทำ การเป็นเกษตรกรที่ต่างแดนไม่ใช่เรื่องสนุก แต่เหมี่ยวก็ภูมิใจถ้าหากว่าได้ทำอย่างน้อยก็บอกตัวเองได้อย่างองอาจว่า "แหม๊ฉันทำได้ตั้งหลายอย่าง" ได้อ่านเรื่องราวของหลายๆท่านแล้วก็อดเป็นปลื้มไม่ได้ค่ะ</span>
<span style='color:gray'>"A person who lives right, and is right, has more power in their silence than another has by words."</span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
มะเหมี่ยว
แม่ไข่หวาน พ่อไข่เค็ม
 
โพสต์: 967
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ เม.ย. 08, 2007 3:59 pm

โพสต์โดย lea » เสาร์ ก.ค. 14, 2007 6:14 pm

ลีขอมาแชร์อีกด้านของชีวิตนะคะ
ลีถือว่าลีคุ้มค่ะที่มาอยู่ที่อังกฤษ เพราะลีมาจากครอบครัวธรรมดา ไม่ร่ำรวยอะไร เรียนมหาวิทยาลัยก็ไม่จบ เพราะแต่งงานกับสามีคนไทย แล้วอดีตพ่อผัวไม่อนุญาตให้สามีส่งลีเรียน แกกลัวลีปีกกล้าขาแข็ง ออกจากมหาลัยมาช่วยงานอดีตสามีที่บ้าน เป้นร้านเหล็กดัดมุ้งลวด ทุกคนเรียกเถ้าแก่เนี้ย เลี้ยงดูพ่อผัว แต่ไม่ค่อยได้จุนเจือแม่ตัวเอง ต้องแอบจิ๊กเงินกงสีไปให้แม่ตัวเองทีละเล็กละน้อย
พออย่ากับอดีตสามี ตั้งปณิธานว่า"ฉันจะเลี้ยงแม่ จะให้แม่ออกจากงานแล้วอยู่บ้าน มีเงินเดือนให้แม่ใช้" ออกจากบ้านอดีตสามีด้วยเงินติดบัญชีเจ็ดพันบาท(แถมอดีตพ่อผัวยังให้อดีตสามีมาทวงคืนอีกต่างหาก แต่ไม่ให้ไปหรอก กลัวอดตาย)กับทองหนึ่งบาท ก็ออกล่าหางานทำ ใช้เวลาสามเดือนได้งานแจกใบปลิวชั่วคราว สัญญาสองเดือนแถวประตูน้ำ ได้เงินวันละสองร้อย พอสัญญาหมดเจ้านายก็ให้ทำตำแหน่งพนักงานเก็บเงินลานจอดรถ เงินเดือนหกพันห้า ด้วยเงินเดือนแค่นี้ลีออกค่าใช้จ่ายในบ้านเท่าที่จะทำได้ ช่วยแม่ส่งแชร์ (เพื่อหาเงินมาซือที่ๆอยุ่ทุกวันนี้ เพราะเจ้าของเค้าเดือดร้อนเงินต้องการขายด่วน ถ้าลีไม่ซื้อคนอื่นก็จะซื้อตัดหน้า) แต่ยังไม่สามารถให้แม่หยุดทำงานได้ บุพเพสันนิวาสได้เจออดีตแฟนชาวอเมริกัน คบกันได้ปีครึ่งก็เหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น มีสาวอเมริกันโทรมาบอกว่าเป็นภรรยา อดีตแฟนไม่สามารถมาแต่งงานด้วยได้ ก็เลยต้องจบกันโดยปริยาย แต่อดีตแฟนก็มีน้ำใจส่งเงินมาช่วยซื้อที่จำนวนหนึ่งเพื่อเป็นการไถ่โทษ
พอมาเจอสามี แต่งงานมาอยู่อังกฤษ สามเดือนลีก็หางานทำสามารถส่งเงินกลับบ้านได้ หลังจากที่ก่อนมาบอกทางบ้านว่าไม่รู้ว่าจะได้ส่งเงินมาให้เมื่อไหร่ ให้ใช้เงินกันอย่าประหยัด ก่อนมาลีถอนเงินออกจากบัญชีที่เมืองไทยจนเกลี้ยงเอาให้แม่ลีไว้ใช้จ่ายก็ไม่ได้มากมายหรอกค่ะ ส่วนตัวไม่มีเงินติดตัวมาสักบาท แล้วตอนนี้ลีก็สามารถเลี้ยงแม่ได้แล้วค่ะ แม่ลีเลิกทำงาน อยู่บ้านเลี้ยงหลาน ทำบุญเข้าวัดตามประสาแกไปค่ะ
ทุกวันนี้ทุกบาททุกสตางค์ที่ลีหาได้ลีภูมิใจกับมันมากๆค่ะ ทุกวันนี้ก็เบื่อแล้วก็ท้อกับงานที่ทำอยู่มากๆ งานหนักขึ้นทุกวัน แต่ลีก็ภูมิใจค่ะ
<span style='color:red'><span style='font-size:21pt;line-height:100%'><span style='font-family:Optima'>ลีเป็นกำลังใจให้พี่ตีนะคะ</span></span></span>
<a href='http://www.glitterkiss.com' target='_blank'><img src='http://img355.imageshack.us/img355/9264/d8e5d75b62963c6588d62d8.gif' border='0' alt='user posted image' /></a><br><br><span style='font-size:14pt;line-height:100%'><span style='color:red'>ท้อได้ แต่อย่าถอย</span></span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
lea
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 174
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 17, 2006 1:11 pm

โพสต์โดย missEsaan » เสาร์ ก.ค. 14, 2007 8:14 pm

พี่นางอ่านนิยายชีวิตนำเน่าของน้อง ๆ แล้วนำเน่าในนิยายอายม้วนตลบไปเลยทุกคนเกิดมาเพราะกรรม พี่นางเกิดมาลืมตาดูโลกได้ 50 ปีแล้วนี่คิดว่านะ(คิดเอาเอง)กำหนดชีวิตได้จากเด็กอีสานที่คนภาคอื่นบางคนเรียกว่าลาวมีแม่เป็น แม่ค้าขายขนมหวาน อาหารคาวขึ้นชื่อในอำเภอปานกลางการศึกษา ม.ศ 5 ไม่จบ สอบเทอมแรกแหกกฎของโรงเรียน หลายอย่างที่เห็นว่าเกินเหตุเลยเฉยแม่เลยส่งเข้า กทม ไปอยู่กับป้า ๆส่งเข้าเรียนโรงเรียนวัดกลัวผีหนีเรียน (ร.รวัดหัวลำโพง สามย่าน)ไปดูเค้ารีดพิษงูเจอ
เด็กฝรั่งเลยนั่งคุย(ภาษาไทยฝรั่งเกิดในไทย)ติดใจแม่เด็กชวนไปบ้านเลยไปเล่นทุกวัน(คนไทยโดนฝรังหลอกให้สอนภาษาไทยให้ฟรี)ตั้งกะนั้นมาเลยให้สัญญาตัวเองว่าจะเอาเงินฝรั่งมั่ง เลยได้งานเป็นเพื่อนเล่นกับเด็กฝรั่ง(พี่เลี้ยงเด็ก)ไปฮ่องกงเลี้ยงเด็กแรกเกิดจนเด็กสามขวบย้ายกลับอังกฤษ พี่นางได้งานไปญี่ปุ่นเด็ก 5 ขวบเด็กย้ายกลับเมกา ได้งานใหม่เด็กสามเดือนเลี้ยงจนสามขวบมีเพิ่มมาอีกหนึ่งที่นี้เบื่อญี่ปุ่นแล้วเด็กย้ายกลับลอนดอน อยากไปวางกุหลาบขาวหน้าวังเคนซิ่งตันให้เจ้าหญิงไดอาน่าเลยตกลงตามเด็กเข้าลอนดอน ไม่ชอบอากาศลอนดอนเลยหนึ่งวันมีสี่ฤดูมีเพื่อนอยู่เมกาบอกว่าเมกาอากาศมีหนาวร้อนฝนหิมะเข้าเมกาสิ กรรมกำหนดเด็กต้องย้ายไปเมกาเลยตามไปเอาเงินฝรั่งต่อที่เมกา ดีนี่นาอากาศใช้ได้เงินก็สวย เลขหกหลักยังไม่ตกเด็กจะย้ายไปญี่ปุ่น พี่นางเต้นเป็นเจ้าเข้าดีจายจะได้กลับญี่ปุ่น กรรมกำหนดอีกแล้วเจอตาซ่าที่วัดไทย ตาซ่าบอกว่าอยากให้อยู่ใช้เงินที่มีไม่มากของแก อ๊ะดีจะได้เอาเงินฝรั่งต่อจนบัดนี้และต่อไปอีกหลายปี ที่พี่นางจิ้มมายืดยาวนี่ก็แค่ว่า อยากให้น้อง ๆ
หลาน ๆหลายคนสนุกกับการเอาเงินใช้เงินของฝรั่งด้วยความสนุก ไม่ว่าอยู่ไหนสถาน
ภาพอะไรอยู่ที่ตัวเรากำหนดได้ สถานที่ สถานภาพอะไรจะสูขจะทุกข์อยู่ที่เรากำหนด
จริงไหม?????? งานตำงานสูงก็งานเงินมากหรือน้อยก็เงิน
ภาพประจำตัวสมาชิก
missEsaan
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 49
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 19, 2006 9:03 pm

โพสต์โดย misspiggyNuchKa » เสาร์ ส.ค. 11, 2007 7:47 pm

<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>นุชอยู่ที่อังกฤษมานานพอสมควรค่ะ และมีชีวิตที่เรียบง่ายไม่ได้ร่ำรวยอะไร ขอให้ทุกคนมีแต่ความสุขทุกวันไปค่ะ</span>
<embed allowscriptaccess="never" src="http://i946.photobucket.com/albums/ad307/dream5168/dream20101026-13.swf" width="450" height="400" type="application/x-shockwave-flash" Wmode="transparent"></embed><br>
ภาพประจำตัวสมาชิก
misspiggyNuchKa
แม่ไข่ดาว พ่อไข่เจียว
 
โพสต์: 371
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ส.ค. 07, 2007 12:56 pm

โพสต์โดย nuntita_air » เสาร์ ส.ค. 18, 2007 9:31 am

หวัดดีค่ะพี่ตี แอค่ะ ขอแนะนำตัวหน่อย

แอเคยเข้ามาจิ้กสูตรประจำ ส่วนมากเป็นของพี่ตีแหละ
เพราะสูตรพี่ทำง่ายๆแล้วก้ออร่อยด้วย
เคยนึกสงสัยว่าทำไมไปอยู่เมืองนอก
เพราะเท่าที่อ่านๆดูสามีเป็นคนไทยใช่มั้ยคะ
แอน่ะฝันจะไปทำงานที่อื่นบ้าง เบื่อเมืองไทยแล้ว
สงสัยอาจจะต้องคิดใหม่มั้งเนี่ย?
<img src='http://i236.photobucket.com/albums/ff149/nuntita_air/p4.jpg' border='0' alt='user posted image' /><br>Love me love my baby.<br><br>Air Thailand Ka......<br><br><a href='mailto:nuntita_air@hotmail.com'>nuntita_air@hotmail.com</a>
ภาพประจำตัวสมาชิก
nuntita_air
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 7
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ส.ค. 17, 2007 10:26 am
ที่อยู่: Koh Samui,Thailand

โพสต์โดย เด็กชายข้าหลวง » เสาร์ ส.ค. 18, 2007 3:49 pm

nuntita_air เขียน: หวัดดีค่ะพี่ตี แอค่ะ ขอแนะนำตัวหน่อย

แอเคยเข้ามาจิ้กสูตรประจำ ส่วนมากเป็นของพี่ตีแหละ
เพราะสูตรพี่ทำง่ายๆแล้วก้ออร่อยด้วย
เคยนึกสงสัยว่าทำไมไปอยู่เมืองนอก
เพราะเท่าที่อ่านๆดูสามีเป็นคนไทยใช่มั้ยคะ
แอน่ะฝันจะไปทำงานที่อื่นบ้าง เบื่อเมืองไทยแล้ว
สงสัยอาจจะต้องคิดใหม่มั้งเนี่ย?

<span style='color:green'>น้องแอจ๋า พี่ตีนะแต่งงานกับหนุ่มใหญ่ชาวอังกฤษค่ะ ไม่ใช่หนุ่มไทย ที่ไหนหรอกค่ะ ขอบใจนะจ๊ะสาวน้อยที๋เข้ามาอ่านเรื่องที่พี่ตีโพส...</span>
<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>แม่บอกกับผมว่า ผมคือลมหายใจ น้องคือหัวใจ แม่จะขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไปไ่ม่ไ้ด้ <br> ~ เพราะว่าเราสองคนคือชีวิตของแม่ครับ~</span><br><br><img src='http://i782.photobucket.com/albums/yy105/Srimada/Shop.gif' border='0' alt='user posted image' /><br><a href='http://thai-kaaluang.webs.com/' target='_blank'><span style='font-size:12pt;line-height:100%'>บ้านข้าหลวง ขาย น้ำพริกต่างๆ ลูกชิ้นสารพัน ไส้กรอกสารพัดฯลฯ</span></a>
ภาพประจำตัวสมาชิก
เด็กชายข้าหลวง
แม่ไข่ยัดไส้ พ่อไข่ลูกเขย
 
โพสต์: 848
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร มิ.ย. 27, 2006 3:48 pm
ที่อยู่: England

โพสต์โดย BabyMuffin » อาทิตย์ ส.ค. 19, 2007 1:09 pm

อ่านแล้วก็อยากเป็นกำลังใจให้ทุกๆ คนเลยค่ะ แอนเองก็เหมือนกะเปิ้ล คือว่าเพิ่งจะรียนจบ แล้วก็แต่งงานเลย ไม่มีประสบการณ์ที่เมืองไทยเกี่ยวกับการทำงาน หาเงินเองเลย พอได้มาอยู่ที่อังกฤษแล้ว ก็รู้สึกกลัวในตอนแรกๆ คือว่าไม่มั่นใจในการออกไปพูด พบปะ ทำงาน หรืออะไรต่อมิอะไรกับเจ้าของภาษา คือไม่มั่นใจเลยน่ะค่ะ แต่ก้ได้กำลังใจจากคุณสา เหมือนกัน

แอนร่อน CV ไปตั้งหลายบริษัท ก็ได้ไปสัมภาษณ์แบบงูๆ ปลาๆ คือบวกกับความไม่มีประสบการณ์ด้วย เลยทำให้ท้อใจว่าเราคงทำไม่ได้ แต่สุดท้ายน้องสะใภ้มาแนะนำที่บริษัทแม่ ที่ The Boots Company PLC ที่ Nottingham ก็เลยส่ง CV ไป ก็คิดเหมือนเดิมว่าคงไม่ได้ ตอนนั้นเพิ่งจะมาอยู่ที่อังกฤษได้แค่ 3 เดือนเองค่ะ

พอถูกนัดไปสัมภาษณ์เค้าก็ถามเยอะแยะ แอนก็บอกไม่รู้อะไรเลยสักอย่างค่ะ แต่สุดท้ายก็บอกไปว่า เราก็หวังว่าเราจะได้เป็นส่วนหนึ่งของบริษัท และได้เรียนรู้งานจากที่นี่เพื่อทำให้บริษัทเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น (ตอบเพราะว่านึกอะไรไม่ออกแล้วจริงๆ) แล้วเค้าก็จดยิกๆ ลงเครื่องปาล์มบอกจะติดต่อกลับมา

คิดว่าคงไม่ได้ แต่จากนั้น 3-4 วันก็ได้จดหมายตอบรับ แล้วส่งสัญญา Contract ของบริษัทมาให้เซ็นแล้วส่งกลับไป แล้วเริ่มงานในวันจันทร์ถัดมาเลยค่ะ

พูดเหมือนง่าย แต่กว่าจะผ่านตรงนั้นมาได้ก็ร้องไห้ไปหลายยกแล้วล่ะค่ะ แต่ตอนนี้ เพิ่งลาคลอดมาไม่นาน คงต้องอยู่เลี้ยงน้องอีกปีก่อนจะกลับไปทำงานอีกค่ะ ยังคิดอยู่เลยว่าจะทิ้งลูกไปทำงานได้ไหมหนอ แล้วใครจะเลี้ยงล่ะเนี่ย เฮ้อ

แต่แอนไม่ได้ส่งเงินไปให้ทางบ้านบ่อยๆ เลยค่ะ ส่งตามแต่อารมณ์ เพราะคุณแม่ท่านก็ยังรับราชการอยู่ ยังไม่ได้เกษียณ ส่วนคุณพ่อก็กินเงินบำเหน็ดของท่าน (เพิ่งเกษียณ) เลยคิดว่าท่านไม่ได้เดือดร้อนอะไร ส่งแต่ละทีก็ไม่มากประมาณ 6-700 เท่านั้น ประมาณ 3-4 ครั้งต่อปี ส่วนมากจะเป็นวันเกิดแม่ ปีใหม่ สงกรานต์ หรือเทศกาลอะไรก้แล้วแต่จะนึกได้ค่ะ
<br><span style='font-family:Impact'><span style='color:blue'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'> Only a life lived for others is a life worthwhile <br><br><i>* * Albert Einstein * * </i> </span></span></span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
BabyMuffin
แม่ไข่ดาว พ่อไข่เจียว
 
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ พ.ย. 06, 2006 4:06 pm

ย้อนกลับต่อไป

ย้อนกลับไปยัง คุยกันเจ๊าะแจ๊ะ

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน