ครัวไกลบ้านได้ทำการปรังปรุงเวบไซต์ให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นในระบบสมาร์ทโฟน และได้รวมข้อมูลเมนูอาหารและ สมาชิกจากทั้งเวบไซต์เก่าและใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว

สมาชิกท่านไหนมีปัญหาไม่สามารถล็อกอินได้ ให้ทำการเปลี่ยนพาสเวิร์ดโดยคลิ๊กลิ้งค์นี้ ลืมรหัสผ่าน
ถ้าท่านใดมีชื่อสมาชิกมากกว่าหนึ่งชื่อแล้วต้องการรวมโพสทั้งหมดให้อยู่ในชื่อสมาชิกเดียว หรือมีปัญหาในการใช้เวบไซต์
สามารถส่งอีเมล์แจ้งรายละเอียดมาได้ที่ admin@kruaklaibaan.com หรือส่งข้อความได้ที่ user: sillyfooks

ถ้าชอบครัวไกลบ้าน อย่าลืมคลิ๊กไลค์เฟสบุ๊คให้ครัวไกลบ้านด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

ใครว่ามาอยู่เมืองนอกแล้วชีวิตสวยหรูอย่างที่คิด

อยากคุย อยากเล่า อยากบ่น เรื่องสุข เรื่องทุกข์ เรื่องสารพันปัญหา เชิญคุยกันได้ตามสบายที่ห้องนี้ค่ะ

โพสต์โดย เด็กชายข้าหลวง » อังคาร ก.ค. 10, 2007 10:57 am

<span style='color:green'>บางครั้งพี่ตีมานั่งคิดมานั่งเปรียบเทียบชีวิตว่าตัวเอง ว่าฉันแต่งงานแล้วย้ายชีวิตตัวเองมาอยู่ประเทศอังกฤษทำไมว่ะ อยู่เมืองไทยชีวิตก็ไปได้ดีอยู่แล้ว ทำงานบริษัทโฆษณาข้ามชาติ หน้าที่การงานก็ไม่น้อยหน้าใครเป็นได้โปรโมทเป็น media manager เงินเดือนเกือบครึ่งแสน ไปไหนก็มีแต่คนยกมือสวัสดี มีงานปาร์ตี้เกือบทุกคืน กับคนในวงการมีเดียเกือบทุกอาทิตย์แถมยังมีบริษัท training เล็กๆที่เปิดร่วมกับ ex- (bad) american boyfriend เป็นของตัวเองอีก ใช้ชีวิตหรูหราตามสไตล์ สาววงการโฆษณาทั่วไป

มาอยู่ที่อังกฤษ เกือบสองปี เป็นแม่บ้านเลี้ยงลูกอ่อนวัยแปดเดือน ไม่มีงานเลี้ยง ไม่มีปาร์ตี้ ไม่ีมีงานเต็มเวลาทำ มีแต่ความรักอบอวลเต็มบ้าน อยู่มาวันหนึ่งมีพี่คนไทยชวนให้ไปช่วยงาน เลยมีโอกาสได้ไปทำงานร้านอาหารไทย อาทิตย์อาจจะได้ทำ 2-3 วันในวันหยุดของคุณสา จะได้คนเลี้ยงลูก เป็นงานครั้งแรกในชีวิตที่อังฤกษ วันแรกเริ่มงาน ห้าโมงครึ่งเย็นถึงห้าทุ่มครึ่ง ทำทุกอย่าง ตั้งแต่รับออเดอร์ เสริฟ เก็บสตางค์ เก็บโต๊ะ ล้างจาน ได้ค่าตัวมา 20 ปอนด์ บวกทิปที่ได้กับแขกอีก 5 ปอนด์ กำเงินกลับบ้านด้วยหัวใจพองโตที่ได้เงินจากน้ำพักน้ำแรง แต่ไม่สุขใจนักได้เงินนิดเดียว แต่เอาว่ะ ถือว่าได้กำไรในเรื่องได้เจอผู้คน ได้ออกนอกบ้าน ได้ประสบการณ์

ห่างหายไปอาทิตย์กว่าๆ โดนเรียกตัวกลับไปอีกครั้งนี้พี่เจ้าของร้านเพิ่มค่าตัวให้อีก 5 ปอนด์ เป็น 25 ปอนด์ และขอให้มาก่อนเวลาหนึ่งชั่วโมง เพื่อมาทำความสะอาดร้าน (ถูพื้น กวาดพื้น) จัดร้าน (เช็ดโต๊ะ) เพิ่มค่าตัวอีก 5 ปอนด์ วันนี้ทำทุกอย่าง ตั้งแต่รับออเดอร์ เสริฟ เก็บสตางค์ เก็บโต๊ะ ยกเว้น ล้างจาน มีลูก(ครึ่ง)สาว พี่เจ้าของร้านมาช่วยล้าง วันนี้แขกเยอะหน่อยได้ทิปมา 9 ปอนด์ กำเงินกลับบ้านด้วยหัวใจพองโตที่หาได้วันนี้ 39 ปอนด์ แลกกับปวดเท้ามากๆ คุ้มมั้ย ถือว่าคุ้มนะ สำหรับพี่ตี (พี่ตีคิด) ก่อนกลับบ้านพี่เจ้าของร้านบอกว่าพรุ่งนี้เจอกัน บะ ได้เงินอีกวันแล้วสิ ดีใจจัง

รุ่งขึ้น มาทำงานหมือนเดิม ค่าตัวเท่าเดิม งานเหมือนเดิม เหนื่อยเท่าเดิม เลิกดึกกว่าเดิม ถึงบ้านตีหนึ่งครึ่ง แลกกับเงิน ค่าตัว 25 ปอนด์บวกทิป 11 ปอนด์ กำเงินกลับบ้าน 36 ปอนด์ แลกกับคุณสามีงอน กลับบ้านเลท แล้วไม่โทรบอก คุ้มมั้ย ไม่คุ้ม (พี่ตีคิด)

ไปทำงานสามวันได้เงินมา 100 ปอนด์ นั่งเปรียบเทียบทำงานที่เมืองไทยใช้สมองทั้งวัน แรงกายเล็กน้อย ทำงานเมืองนอก อย่างงานที่พี่ตีทำ ใช้สมองนิดเดียว ใช้แรงกายทั้งคืน (ประมาณ 6-7 ชั่วโมง) ถ้าได้ทำเต็มเวลาทั้งเดือน บางทีอาจได้เงินเดือนเท่ากับที่ได้ในเมืองไทย เฮ้อ!!! เอาหละน๊า ดีกว่าไม่มีงานทำเนอะ (พี่ตีคิด)

(ถ้ามีใครเข้ามาอ่าน กรุณาอย่าหมั่นไส้พี่ตีนะ แค่เปรียบเทียบชีวิตของพี่ตีให้ฟัง เท่านั้นค่ะ)</span>
<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>แม่บอกกับผมว่า ผมคือลมหายใจ น้องคือหัวใจ แม่จะขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไปไ่ม่ไ้ด้ <br> ~ เพราะว่าเราสองคนคือชีวิตของแม่ครับ~</span><br><br><img src='http://i782.photobucket.com/albums/yy105/Srimada/Shop.gif' border='0' alt='user posted image' /><br><a href='http://thai-kaaluang.webs.com/' target='_blank'><span style='font-size:12pt;line-height:100%'>บ้านข้าหลวง ขาย น้ำพริกต่างๆ ลูกชิ้นสารพัน ไส้กรอกสารพัดฯลฯ</span></a>
ภาพประจำตัวสมาชิก
เด็กชายข้าหลวง
แม่ไข่ยัดไส้ พ่อไข่ลูกเขย
 
โพสต์: 848
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร มิ.ย. 27, 2006 3:48 pm
ที่อยู่: England

โพสต์โดย แนท » อังคาร ก.ค. 10, 2007 12:11 pm

คุณตีึคะ (แนทไม่รู้ว่าเกิดปีไหนก็เลยไม่กล้าเรียกพี่เรียกน้องค่ะ) เข้ามาอ่าน ไม่ได้เข้ามาหมั่นไส้นะคะ แล้วแนทก็เห็นด้วยค่ะ อยู่ไทยแนทก็ทำงาน พอมาอยู่นี่ (อเมิรกา) ไม่ได้ทำงานมาจะ 4 ปีแล้วค่ะ แนทเองเล่าไม่เก่้งแต่ชอบอ่าน (บ้าง) ค่ะ ขอบคุณที่เขียนให้อ่านนะคะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
แนท
แม่ไข่ดาว พ่อไข่เจียว
 
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 16, 2006 1:38 am
ที่อยู่: อเมริกา

โพสต์โดย แมวเหมียว » อังคาร ก.ค. 10, 2007 12:22 pm

เล่าต่อซิคะพี่ตี อยากอ่านต่อ
สรุปแล้วพี่ตีทำงานที่ร้านอาหารนั้นต่อมั้ยคะ แต่นะ...โห....พี่ตีทำทุกอย่างในร้านเลยนะ ยกเว้นแค่ตำแหน่งเจ้าของร้าน อิอิ เล่าต่อค่ะ เล่าต่อ
<br><span style='color:blue'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>ไม่รู้ว่าจะเขียนอะไรตรงลายเซน แต่เห็นคนอื่นเขามีกัน เราก็เลยอยากมีบ้าง</span></span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
แมวเหมียว
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 29
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร มี.ค. 07, 2006 9:38 am

โพสต์โดย utopia » อังคาร ก.ค. 10, 2007 12:29 pm

เข้าใจความรู้สึกของพี่ตีดีมากๆเลยค่ะ
ตอนอยู่เมืองไทยออมเป็นครูสอนภาษาอังกฤษหลังจบโท
การสอนมาหมาดๆ ไฟแรง เข้าๆออกๆไปสอนหลายที่ กำลังจะผัน
ตัวไปสอนในมหาวิทยาลัย ป้าด อยู่เมืองไทยได้แปดเดือน สามี
ได้งานที่เยอรมันเลยต้องย้ายตามมา กำลังไฟแรงแต่ก็ต้องชะลอเมื่อมา
อยู่เยอรมันเพราะต้องเริ่มเรียนภาษาเยอรมันใหม่หมด หางานก็ไม่ใช่ง่ายๆ
เมื่อเราไม่รู้ภาษาเค้า แฟนก็ไม่พูดเยอรมันเพราะเป็นคนฝรั่งเศส เฮ้อ เลย
ไม่รู้จะฝึกพูดกับใคร เลยท้อ
เอาฟะ ไปหางานเลยดีกว่า ส่งไปหลายที่ก็ผิดหวังหลายครั้ง จนในที่
สุดก็มาเป็นพี่เลี้ยงเด็ก part-time น้านจากเป็นอาจารย์กลายเป็นแนนนี่
แต่ก็เริ่มปลงๆแล้วค่ะ เลี้ยงเด็กก็ได้ 10 Euro ต่อ ชม ออมก็ถือว่าโอเค
ไม่เหนื่อยมาก แล้วแต่เด็ก ถ้าเด็กดื้อก็เมื่อยปากหน่อย
จนแบบว่าหมดหวังเรื่องงานสอน ดันมี รร สอนภาษาติดต่อมาว่าจะ
ให้ไปสอนภาษาอังกฤษเพื่อการท่องเที่ยว เดือนตุลานี้ ก็รอลุ้นว่าจะมีคน
เยอรมันหลงมาสมัครลงเรียนอ่ะเปล่า เฮ้อจะได้กลับไปสอนซะที
ออมก็ขอเป็นกำลงัใจให้พี่ตีและแม่บ้านทุกคนนะคะ ว่าอย่าท้อ ซักวันถ้าเรา
พยายามเราย่อมได้ผลตอบแทนที่ดี
เรื่องความเป็นอยู่ที่นี่ก็ดีทุกอย่าง ติดแค่เรื่องภาษากับหางานเนี่ยแหละ
แต่เมื่อเราเลือกแล้วว่าจะมากับแฟนเราเราก็ต้องอยู่ ตอนแรกกะว่าจะทำงานที่
เมืองไทยไปๆกลับๆหกเดือน แต่คิดว่าชีวิตแต่งงานคงไม่เวอร์คแน่ เลยเอาฟะสู้ตายค่ะ

เท่าทีพี่ตีเล่ามาเรื่องงานที่ร้านอาหารก็โอเคนะคะ แต่ดูมันหลาย ชม ไปหน่อย
ออมเคยทำร้านอาหารไทยตอนเป็นนักเรียนที่เมกา ไม่เอาแล้วสาปส่งเลย เค้าให้เราทำทุกอย่าง
แต่ได้ทิปเยอะ เลยพอมาอยู่มิวนิค ออมไม่สมัครเลยร้านอาหาร เข็ดแล้วจ้า
ก็แล้วแต่คนถนัดนะคะ สู้ๆค่ะ
<a href='http://adayinmunich.blogspot.com/' target='_blank'>http://adayinmunich.blogspot.com/</a><br><br><img src='http://i163.photobucket.com/albums/t312/utopiamunich/bloghead.jpg' border='0' alt='user posted image' />
ภาพประจำตัวสมาชิก
utopia
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 53
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.พ. 13, 2007 11:55 am

โพสต์โดย นิรินธนา » อังคาร ก.ค. 10, 2007 12:38 pm

<span style='color:purple'>คุ้มค่ะพี่ตี อิ อิ ดูหนุ่มน้อยที่มีดอกไม้เริ่มบานสิค่ะ ยังไง้ยังไงถ้าอยู่เมืองไทยคงไม่ได้มาแน่ๆเลย
ของหนูนาก็เจ้าคนที่กำลังดิ้นยุกยิกๆอยู่ในพุงกะทินี่แหละค่ะที่ทำให้ทำทุกอย่างได้

ตัวหนูนาเองก็เคยคิดแบบพี่ตีค่ะ แต่ว่าที่มาเนี่ยไม่ได้มาเพราะแต่งงาน
แต่จะมาเรียนและก็ทำงาน แต่ดั๊นมาแต่งงานซะก่อนนี่ เลยไม่ได้ทำอะไรเล้ย
เรียนไปติ๊ดดดดดเดียวเอง แหะ แหะ

แต่ว่าเคยคิดเหมือนกันค่ะว่่าคุ้มมั้ยหรือไม่คุ้มที่มาend upแบบนี้
พอจะได้เห็นเจ้าผลผลิต และก็นึกถึงบรรยากาศในบ้านที่อบอวลไปด้วยความรัก
(บวกกับคนข้างๆที่มีแต่ความรัก ความเข้าใจ ห่วงใยฯลฯ ให้กับเรามาตลอด)
เลิกคิดไปเลยค่ะ เมื่อก่อนชอบฟุ้งซ่าน ไม่เคยคิดเล้ยยย ทำมั้ย ทำไมอิชั้นต้องมาเป็นแจ๋ว
(ไม่ ช่ายยยย ค่ะ เป็นแม่บ้าน ทำงานบ้าน เลี้ยงลูกน่ะค่ะ ไม่ใช่่สิ่งที่ฝันไว้ ไม่ใช่สิ่งที่อยากทำเล้ย)


เข้ามาอ่านและก็นึกตามพี่ตีค่ะ แหะ แหะ หนูก็เป็นเหมือนกันค่ะพี่ตี คุ้มมั้ย ไม่คุ้ม
หนูมีเพื่อนแล้วนึกว่าเป็นอยู่คนเดียวซะอีกสิคะ
ยิ่งปีก่อนๆอากาศหนาวๆ อยู่บ้านคนเดียว โหบรรยากาศเป็นใจ
หน้าหนาวปีนี้มีเจ้าตัวน้อยแล้ว อิ อิ คิดแล้วมีความสุขจังค่ะ

ปล.ทั่นผู้อ่านขา อย่าหมั่นไส้ข้าน้อยเหมือนกันนะเจ้าคะ อิ อิื (เลียนแบบพี่ตี)
แต่ว่า พระเจ้าช่วยกล้วยทอด ชีวิตบางครั้งก็ไม่ได้เป็นตามทีฝันไว้น่ะค่ะ
ทุกชีวิตก็ต้องมีสุขๆทุกข์ๆเคล้ากันไปอ่ะนะคะ จริงมั้ยคะ
ขอให้มีความสุขมากกว่าทุกข์เป็นพอค่ัะ สุขมากไปเดี๋ยวสำลักความสุขกันพอดี เอิ๊ก เอิ๊ก
</span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
นิรินธนา
แม่ไข่นกกระทา พ่อไข่จะละเม็ด
 
โพสต์: 2540
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 11, 2006 3:29 pm

โพสต์โดย Moei » อังคาร ก.ค. 10, 2007 12:40 pm

เมยมาเมืองนอกตั้งแต่จบมัธยมค่ะพี่ตี ขอเงินพ่อแม่ใช้ เรียนหนังสือ เล่นกีฬา ไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้ คือยังเป็นเด็ก ตอนมาใหม่ๆ ทำงานร้านอาหารที่ในโรงอาหารของโรงเรียน ได้ค่าแรงมาช่วยพ่อแม่ค่าเทอม ดีใจมาก พ่อแม่ส่งแค่ปีเดียว หลังจากนั้นก็ส่งตัวเองเรียนจนจบ สำหรับเมยแล้ว เมืองนอกคือเมืองที่ให้โอกาสเมย เพราะว่าถ้าอยู่เมืองไทยคงไม่มีโอกาสส่งตัวเองเรียนจนจบได้ในเวลาที่รวดเร็วแบบนี้โดยไม่ต้องเป็นภาระให้กับทางบ้าน เพื่อนๆอย่าหมั่นไส้นะคะ แค่อ่านเรื่องของพี่ตีแล้วก็อดคิดถึงเรื่องราวของชีวิตตัวเองไม่ได้ ก็เลยเล่าบ้างเท่านั้นเอง

อ่านเรื่องเล่าของพี่ตีแล้วก็เหมือนมองคนละมุม ชีวิตพี่ตีที่เมืองไทยสบาย และอยู่แบบหรูหราจริงๆค่ะ แต่พอพี่ตีมาอยู่ที่นี่แล้วก็มีน้องข้าหลวงไงคะ ดูสิคะ ยิ้มแป้นหน้าระรื่นอยู่นี่ คุ้มค่ะ ยังไงก็คุ้ม เหนื่อยแค่ไหนก็คุ้ม อิๆ
<br><a href="http://lilypie.com/"><img src="http://lbyf.lilypie.com/hbrNm5.png" width="400" height="80" border="0" alt="Lilypie Kids Birthday tickers" /></a>
ภาพประจำตัวสมาชิก
Moei
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 113
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ย. 13, 2006 3:42 pm
ที่อยู่: Columbus OH USA

โพสต์โดย น้ำหวาน » อังคาร ก.ค. 10, 2007 8:01 pm

เข้ามาฟังน้องตีและเพื่อนๆค่ะ..........คิดว่าส่วนใหญ่ของแม่บ้านห้องนี้จะเคยมีชีวิตสุขสบายจากเมืองไทยมาก่อน มีงานทำทีมั่นคงไม่ต้องทำงานบ้าน มาอยู่เมืองนอกต้องทำอะไรเองทุกอย่าง

พี่ก็ประเภทเดียวกันทำงานกับหน่วยงานระหว่างประเทศภายใต้ UN สิบกว่าปี พอแต่งงานก็เกษียนเลย .....ช่วงแรกอาจจะรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนไม่มีความสามารถ แต่พอปรับตัวได้จะมีความสุขมาก....ที่ต่างประเทศมีกิจกรรมให้ทำเยอะ

พี่จะออกจากบ้านเกือบทุกวัน ....วันจันทร์และวันพุธจะมีกลุ่มเพื่อนคุย (พี่จะเป็นคนไทยคนเดียวเสมอ)

วันพุธ ก็จะมีกลุ่มบุ๊คคลับ อ่านหนังสือ เป็นลักษณะเรื่องสั้นแล้วก็ไปกินกาแฟ ดิสคัสกันเกี่ยวกับเรื่องราวทีอ่านในหนังสือไม่มีถูกไม่มีผิดเป็นการแสดงความคิดเห็น

วันพฤหัสมีกลุ่มเพื่อนที่โบสถ์ ไปคุยและทานน้ำชากาแฟกัน

วันศุกร์ทำอาหารเที่ยงไปทานกับเพื่อนคนชรา (ที่บ้านพักคนชรา) มีเพื่อนๆจากประเทศต่างๆไปร่วมด้วยที่มีตอนนี้ก็ญี่ปุ่น, เกาหลี, จีน, เทอกีส, ศรีลังกา

ทุกสัปดาห์ที่สองของเดือนก็จะทำอาหารไปร่วม International friday night friend จะได้รู้จักเพื่อนๆจากทั่วโลก ส่วนใหญ่เขาจะมาเรียนเอกและมาทำงานที่นี่

วันสุดสัปดาห์เป็นวันของครอบครัว

แป๊บเดียวก็หมดอาทิตย์แล้ว รู้สึกเวลาหมุนเร็วมาก พี่รู้สึกว่าพี่ชอบชีวิตทีนี่มาก อยากทำอะไรก็ทำได้ไม่มีใครสนใจใคร ห้างก็มีเยอะแยะให้เดินและมีเซลกระหน่ำให้ได้หยิบวันละชิ้นสองชิ้น (ถูกเหมือนได้ฟรี) .......พี่ว่าทำใจให้มีความสุขอยู่ที่ไหนก็มีความสุขค่ะ
น้ำหวาน
 

โพสต์โดย pimlapas » อังคาร ก.ค. 10, 2007 9:38 pm

เข้ามาอ่านเรื่องราวของน้องตี แล้วพี่พิมคิดว่า จุดคุ้มทุน มันอยู่ที่ใจเรามากที่สุดค่ะชีวิตคนเราเหมือนนิยายเลยเนอะ อย่างน้องตี ทำงานด้านนี้สนุกจะตายพี่พิมเคยทำมาก่อนเหมือนกันค่ะ เข้าใจดีว่าต้องเจอผู้คน สนุกสนาน ได้แสดงความสามารถแบบเต็ม ๆ
พอย้ายจากงานบันเทิง ก็เปลี่ยนฟิวส์เลย มาเป็นผู้ตรวจการประเมินโรงเรียน งานไปได้สวย แต่ก็ต้องขอทางกระทรวงทำเป็นภาคเรียนเอา เพราะต้องย้ายตามสามีมาอยู่เมืองนอก แต่ก็ต้องกลับไปทำทุกปี ๆ ละ เทอม ได้กลับเมืองไทยปีละหนก็ถือว่าได้กลับไปทำงานที่ตัวเองรัก
เข้าใจที่น้องตีเล่ามาทุกประการ คือพอมาอยู่เมืองนอก ก็มีแต่ครอบครัว ๆๆๆ แม่บ้านทำงานบ้าน เลี้ยงลูกทั้งวัน ตอนนี้น้องตีได้ออกไปพบปะ ผู้คนได้ทำงานร้านอาหาร มันก็เป็นกำไรชีวิตส่วนนึงของเรานะพี่ว่า
พี่พิมซะอีก วัน ๆ ไม่มีอะไรทำเป็นชิ้นเป็นอันเล้ยนะ จากที่เป็นนักวิชาการ เขียนหนังสือวิชาการ ตอนนี้นั่งเล่นคอม เล่นเนตทั้งวัน ดีหน่อยหากพ้นหน้าร้อน ก็กลับไปเรียนการโรงแรมต่อ ได้เจอผู้เจอคนกับเค้าบ้าง เคยคิดเหมือนน้องตีเลยอ๊ะ ว่ามาอยู่ทำไมวะที่นี่ อยู่เมืองไทยทำงานดี ๆ มาอยู่เมืองนอก งานก็ไม่ได้ทำ นั่งอยู่กับบ้านมองฝ้าเพดานทั้งวัน ไปไหน ๆ คนเดียวก็ไม่ได้ ต้องพึ่งสามีตลอด เมืองนี้ไม่มีรถประจำทาง จะขับรถไปเองก็ไม่มีใบขับขี่อีก คิดๆ ก็เหมือนติดคุกอะ เพราะไม่ได้ทำอะไรในบ้านเลยแม้แต่จะเก็บกวาดห้องของตัวเอง ที่เล่า ก็ขอออกตัวก่อนว่าอย่าเพิ่งหมั่นไส้ข้าน้อยเด๊อ เพราะมันเป็นอย่างนั่นจริง ๆพ่อแม่ ของแฟนไม่ให้พี่จับ พี่หยิบอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว หากน้องตีไม่เปิดกระทู้นี่ขึ้นมาก็ไม่เคยคิดที่จะบอกเล่าให้คนอื่นฟังหรอกนะคะ มันอึดอัดเหมือนกัน มองโดยภาพรวมแล้วเหมือนพี่พิม อายุ ๕ ขวบอ๊ะ มีคนทำทุกอย่างให้หมดเลย ไม่อยากบอกว่าอะไรมั้ง วัน ๆ พี่จะอยู่แต่กับอินเตอร์เนต และไปห้องครัว กินข้าว ออกกำลังกาย เป็นอยู่อย่างนี้ พยายามที่จะเปลี่ยนแปลงแต่ไม่เคยสำเร็จ เพราะสามีไม่ยอมให้เราเปลี่ยน
เมื่อวานยังนึกอยู่เลยว่า หากสามีเป็นคนไม่ดีสักนิดนะ จะไม่ทนอยู่ที่นี่เลยนะเนี้ย
ยิ่งเล่ายิ่งมันส์ ..ใครที่เคยคิดว่ามีคนมาคอยทำโน่นนี้่ให้แล้วจะสบาย ไม่ใช่เลย การันตีว่าจะบ้าตายมากกว่า ...
<a href='http://www.freewebs.com/pimlapas/' target='_blank'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>หิวๆเชิญแวะ ร้านน้ำพริก มีบริการส่งความสุขให้ครอบครัวที่เืมืองไทยในทุกเทศกาล และรับฝากซื้อของส่งจากไทยไปทั่วโลก คลิ๊กเลยจ้า</span> </a><img src='http://i131.photobucket.com/albums/p301/pimmybraz/smjk.jpg' border='0' alt='user posted image' />
ภาพประจำตัวสมาชิก
pimlapas
แม่ไข่นกกระทา พ่อไข่จะละเม็ด
 
โพสต์: 3740
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ม.ค. 15, 2006 1:46 pm

โพสต์โดย น้ำฝน » พุธ ก.ค. 11, 2007 1:27 am

เราต้องเลือกคะคุณตี เพราะสิ่งที่คุณตีพูดดิฉันรู้รสชาติของมันดี เพราะเรียนจบมาสูงหน้าที่การงานดี แต่พอมาที่เมกาไม่มีงานอยู่บ้านทำงานบ้านมีความรู้สึกว่าชีวิตไม่มีค่า รู้สึกหนักใจทุกครั้งที่ต้องใช้เงินของเขา....

คุณตีก็ต้องเลือกว่าอยากให้ครอบครัวมีความสุขหรืออยากทำงาน เงินเล็กๆ น้อย ๆที่เราหาได้มันซื้อความสุขระหว่างครอบครัวไม่ได้หรอกคะ.. ซื้อเวลาที่เราจะมีอยู่กับครอบครัวก็ไม่ได้เหมือนกัน ฝรั่งถืออันนี้มากคะ ดิฉันเองก็เป็นคะ คุณชายบอกว่างานใหม่จ่ายปีละ 100000ยูเอสดอลล่าร์ทีเดียวแต่เราต้องย้ายบ้านไปโอแลนด์โดว์ และเขาต้องขับรถขึ้นเหนือล่องใต้ ดิฉันลองมาคิดดูแล้วดิฉันเองก็ต้องลาออกจากงาน บวกลบคูณหารกันแล้วไม่คุ้มกับสุขภาพใจและกายของเขาและเราเลยไม่เอาคะ ถ้าเรามีเงินสำหรับจับจ่ายและสมสมไว้จำนวนหนึ่งโดยไม่ต้องทำงานเพิ่ม มันก็ควรพอคะ. เพราะถ้าเราเจ็บป่วยไปเงินที่หามาได้ก็จะหมดไปอย่างรวดเร็วเหมือนกันคะ.

ดิฉันเองมีหน้าที่การงานไม่แตกต่างจากคุณตีนัก กว่าจะทำใจได้หลายสิบปีคะ. โชคดีที่ย้ายไปหาเพื่อนร่วมงาน ที่มาเรียนโทแล้วเขากว้างขวางช่วยหางานให้ทำ เป็นงานออฟฟิทก็เลยเป็นใบเบิกทางให้แต่พอย้ายมาจากต่างรัฐก็ต้องมาเริ่มต้นศูนย์คะ ดิฉันก็เลยเรียนแก้กลุ้มไปพลางๆก็เลยได้งานใหม่คะที่ไม่ต้องทำเสาร์อาทิตย์ กลับบ้านเรายังมีเวลาให้ครอบครัวคะ.

ความสุขของแต่ละคนมันขึ้นกับความพอใจที่เจ้าตัวได้ทำ แต่ถ้าเราไม่มีพันธะมันก็เป็นเรื่องง่ายคะเพราะมันแค่ตัวเราคะ..
บุญไม่มีขาย ถ้าอยากได้ให้ทำเองคะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
น้ำฝน
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 34
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ม.ค. 18, 2006 5:15 am

โพสต์โดย เด็กชายข้าหลวง » พุธ ก.ค. 11, 2007 9:53 am

<span style='color:green'>ความสุขใจที่เกิดขึ้นอยู่ี่นี้คือตีได้ทำอะไรให้ชีวิตตัวเองและครอบครัวมากขึ้น เงินที่ทำงานมาได้ตีเอาใส่บัญชีให้น้องข้าหลวงครึ่งนึง เก็บส่งไปให้คุณแม่ใช้ครึ่งนึง นั้นเป็นความสุขใจที่สุด นี่คือคำตอบว่าทำไมถึงอยากไปทำงาน ส่วนตีจะใช้เงินในส่วนที่สามีให้เป็นประจำอยู่แล้ว

ตีออกไปทำงานไม่ได้หมายความว่า บทบาทความเป็นแม่ี่และภรรยาที่ดีจะลดลงไป คุณสาก็ไม่คัดค้านที่ตีขอไปทำงาน เธอบอกว่าถ้าตีทำแล้วมีความสุขก็ทำไป ถ้าอยากเลิกเมื่อไรก็เลิก เธอขับรถไปส่งตีี่ร้านทุกครั้ง ขากลับพี่เจ้าของร้าน หรือพี่หุ้นส่วนจะมาส่งตีถึงบ้าน งานแบบนี้มีที่ไหนเนอะ

ครอบครัวตียังเต็มไปด้วยความเข้าใจค่ะ กลิ่นความรักยังลอยอบอวลเต็มบ้านอยู่เหมือนเดิม มุมมองในการดำเนินชีวิตของแต่ละครอบครัวไม่เหมือนกันค่ะ แต่ครอบครัวตีก็คงดำเนินชีวิตเหมือนหลายๆครอบครัวที่สามีเป็นหลักในการหารายได้เข้าบ้าน ส่วนตีหารายได้เพื่อความสุขใจของตัวเองเล็กๆน้อยๆ จนกว่าเจ้าตัวเล็กจะเข้าโรงเรียน ตีคงหารายได้ประจำช่วยคุณสาอีกแรง

วันก่อนพี่เจ้าของโทรมาถามว่าตีสะดวกหรือเปล่าถ้าจะให้ไปช่วย แต่ขอลดจ่ายค่าตัวในวันธรรมดาแค่ 20 ปอนด์นะ (ถ้าเป็นศุกร์ เสาร์จะได้ 25 ปอนด์เหมือนเดิม) แต่ถ้ามีทิปให้ตีคนเดียว เพราะในวันธรรมดาแทบเกือบจะไม่มีแขกเลย ตีก็เห็นใจพี่เค้าเพราะตีเคยทำธุรกิจมา รายได้แทบไม่ได้เข้าร้าน แถมต้องมาจ่ายออกอีก ตีขอถามคุณสาก่อนว่ายังงั๊ย รายนั้นพอตีถาม เธอก็พูดว่า อยากไปทำหรือเปล่าอยากทำก็ไปทำ พูดอย่างนี้ก็เสร็จเราสิ

เมื่อวานตีก็ไปช่วยงานที่ร้านพี่เค้า แขกเงียบมากๆ มี Take away สองเจ้า และมีเข้ามานั่งทานที่ร้านแค่โต๊ะเดียว แถมเป็นวัยรุ่นซะอีก อย่างนี้ฉันจะได้ทิปมั้ยว่ะ ตีแอบคิดในใจ พอถึงเวลาจ่ายเงินพ่อเล่นนับเหรียญจ่ายกันเลย กินกันสี่คนนับเงินแชร์ตรงนั้น ทั้งมีทั้งเหรียญ 1 ,2 5 ,10,20,50 เพนนี และ 1 ปอนด์ ขาดแต่เหรียญ 2 ปอนด์เท่านั้นแบงค์ก็มาครบ ทั้งมี 5, 10,20 ปอนด์ แถมแบ่งจ่ายด้วยการ์ดอีก 24 ปอนด์อีก เฮ้อนับเหรียญจนมือเหม็นเลย สรุปตีได้ทิปมา5 ปอนด์ กับอีก 40 เพนนี เอาว่ะคุ้มกับการนั่งนับเหรียญหละว่ะ...แถมวันนี้กลับบ้านไม่ดึกด้วย</span>
<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>แม่บอกกับผมว่า ผมคือลมหายใจ น้องคือหัวใจ แม่จะขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไปไ่ม่ไ้ด้ <br> ~ เพราะว่าเราสองคนคือชีวิตของแม่ครับ~</span><br><br><img src='http://i782.photobucket.com/albums/yy105/Srimada/Shop.gif' border='0' alt='user posted image' /><br><a href='http://thai-kaaluang.webs.com/' target='_blank'><span style='font-size:12pt;line-height:100%'>บ้านข้าหลวง ขาย น้ำพริกต่างๆ ลูกชิ้นสารพัน ไส้กรอกสารพัดฯลฯ</span></a>
ภาพประจำตัวสมาชิก
เด็กชายข้าหลวง
แม่ไข่ยัดไส้ พ่อไข่ลูกเขย
 
โพสต์: 848
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร มิ.ย. 27, 2006 3:48 pm
ที่อยู่: England

โพสต์โดย จ๋อม » พุธ ก.ค. 11, 2007 10:00 am

สวัสดีคะคุณดี..(ไม่แน่ใจอายุ)และ..ทุกๆคน..คะ!

เข้ามาอ่านเพราะหัวเรื่องโดนใจ..ครั้งแรก..จ๋อมคิดว่าคิดแบบนี้คนเดียว"เปรียบเทียบ"พอมาอ่านเรื่องของคุณและเพื่อนๆ...คิดเหมือนเราเลย..จ๋อมว่าไม่มีใครหมั่นไส้หรอกนะคะ..ดีออกคะ..แลกประสบการณ์เล่าสู่กันฟัง..อย่างน้อยก็ได้แง่คิด..ว่าไม่ใช่แต่เราคนเดียว...แหะ..แหะ..เมื่อก่อน(สมัยอยูเมืองไทย)จ๋อมเคยทำงานกับ"บริษัทปล่อยเงินสำหรับซื้อเครื่องใชไฟฟ้า"(ตามวุฒิที่เรียนมา)อยู่ระยะนึง...แรก..แรก..ก็ดี"สนุก"ได้เจอผู้คน..มากหน้าหลายตา..หลากหลายอาชีพ..ทำงานทั้งวันแข่งขันตลอดเวลา"เหนื่อย"คิด..ว้าา..ทำไมเราไม่ทำงานที่เรารักและมีความสุขกับมัน..อ้อลืมบอก..จ๋อมได้เรียน ออกแบบตัดเย็บเสื้อผ้าจาก"โรงเรียนนานาชาติ กาลวิน สาขาฝรั่งเศส"ครั้งแรกที่เข้าเรียนที่นั่นเพราะคำ"สบประมาท"ของน้าสาว(เขามีร้านตัดเสื้อผ้า)ไม่ได้คะ..มีฮึดคะ..ไม่ยอม..ต้องเรียนให้ได้และดีด้วย!..หลังจากคิดได้ก็ลาออกจากงาน(บริษัท)มาเปิดร้านตัดเสื้อผ้าเป็นของตัวเอง..ภูมิใจทุกครั้งที่งานออกมาแล้วทำให้คนสวย..บุคลิกดี..เรามีความสุขกับมันมาก...ทุ่มเวลาทั้งหมดให้กับงาน(ไม่ต้องบอกเรื่องรายได้)แหะ..แหะ..เป็นสาวแก่ซิคะ..ญาติๆและลูกค้า ต่างถามเป็นเสียงเดียวกัน เมื่อไหร่จะแต่งงาน..แหะ..แหะ..ตอบพวกเขาเหล่านั้นกลับไปว่า..หาเงินง่ายกว่าหาปั๋วอีก..ฮาตรึม...ช่วงที่ทำงานอยู่เมืองไทยชีวิตก็พอมีอันจะกิน..ก้อเลยมีโอกาส..มาเี่ที่ยวเมืองนอกเมืองนากะเขา..ตามคำเชิญของเพื่อนๆและลูกค้า..มาซิคะ..อยากเห็นหิมะตก..5555..ครั้งแรกออกนอกประเทศ..ตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก..ที่เนี้ยแหละ!ทำให้จ๋อมมาเจอ..คู่เวรคู่กรรมเข้า..เพื่อนอีกแหละแนะนำให้..หวังดี(ไม่แน่ใจ)เขาเล่าเรื่องส่วนตัวเขาให้เราฟัง..เฮ้อ..สงสาร(ใจง่าย)ก็เลยตกปากรับคำ...ระหว่างนั้นก็บินไปบินมา 3รอบต่อปี(เหนื่อย)ก็เลยต้องเลือกว่าจะอยู่ทีไหน..แฟนเขาเคยอยู่กินกับผู้หญิงไทยอยู่กันประมาณ10ปี เขาไม่ทำงาน กิน เล่น เที่ยวครบสูตรแล้วก็ไปเจอ"ผู้ชายไทย"ในบ่อนก็คงจะถูกใจกัน หล่อนก็เลยพาเข้าบ้าน..แฟนก็หิ้วกระเป๋าออกจากบ้านซิคะ..เฮ้อ..พอฟังเขาเล่ามา..อดสงสารไม่ได้(ใจง่าย)ก็เลยตัดสินใจ..คบกะแฟน..กลับมาช่วยเขาคิด..หาทางออกเรื่องบ้าน..คุยกับทนาย..เราให้เงินเขาไป..คิดว่าเรื่องจะจบ..โฮ้ย..ไม่จบ..1ปีผ่านไป..หล่อนไปแจ้งความไว้ 2คดี..เพิ่งได้รับจดหมายจากตำรวจ..แฟนอ่านแล้วเครียด..เราทำไงละ(ปลอบ)หล่อนต้องการเงินอีก100000kr(สวีเดน)เราเลยต้องคุยกับ ทนายอีกครั้ง..แฟนไปให้การ..และโชว์หลักฐานต่างๆ..มา ณ วันนี้จบทุกอย่าง(คิดเอาเอง)ทุกคดีที่หล่อนแจ้งความไว้ตกหมด...โล่งใจ!ช่วงนั้นก็"เครียด"เหมือนกันคิดว่าเรามาทำไม(ไม่คุ้ม)ถ้าคิดแบบแม่ค้า...แต่ดีที่มีครัวไกลบ้านที่เปิดโอกาสให้จ๋อมได้ระบาย..และเรียนรู้ในสิ่งที่ดีๆและรู้จักกับเพื่อนๆ...ตอนนี้คิดคะว่า..คุ้มที่เราได้ตัดสินใจเดินทางสายนี้..ได้เจอในสิ่งที่ไม่เคยเจอมาก่อน...มันครบรสดีคะ..สุขเศร้าเหงาปนกันไป..จากมีงานทำจนหัวหมุน..ตอนนี้ก็อยู่เป็นแมวเฝ้าบ้านคะ..เคยหาเงินใช้เอง..ก็ต้องมาแบมือขอเหมือนเด็ก..จากคนเคยมีความรู้..ก็ต้องมาเริ่มเรียนใหม่..ทำไงได้ละคะ กลัวว่าจะต้องอยู่คนเดียว(ขึ้นคาน)ชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันต่อไป...คุณดีโชคดีแล้วคะ มีลูกที่น่ารัก!
คนชอบชิม.....ค้าาา<br><img src='http://i188.photobucket.com/albums/z264/kanyaponsanoi/20070708008.jpg' border='0' alt='user posted image' />
ภาพประจำตัวสมาชิก
จ๋อม
แม่ไข่ดาว พ่อไข่เจียว
 
โพสต์: 514
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ เม.ย. 28, 2007 3:03 pm

โพสต์โดย เด็กชายข้าหลวง » พุธ ก.ค. 11, 2007 11:12 am

<span style='color:blue'> วันทำงานแบบพี่ตี</span>
<span style='color:green'>ว่าก็ว่าการได้ทำงานพาร์ทไทม์ร้านพี่คนไทยถือว่าโชคดีแล้ว เพราะมีใครบ้างอยากจ้างคนที่สาีมีเข้างานไม่เหมือนชาวบ้าน เพราะพี่ตีต้องทำในที่สามีหยุดหรือเข้ากะเช้า สาีมีพี่ตีทำงานห้าวัน (หกกะ) หยุดสามวัน ยกตัวอย่าง เริ่มงานวันอาทิตย์บ่ายสามเลิกสี่ทุ่ม วันรุ่งขึ้นวันจันทร์บ่ายสามเลิกสี่ทุ่ม พออังคาร์เข้าหกโมงครึ่ง(เช้า) เลิก บ่ายสามโมงเย็น วันพุธเข้าหกโมงครึ่ง(เช้า) เลิกบ่ายสามโมงเย็น วันพฤหัสเข้าหกโมงครึ่ง(เช้า) เลิกบ่ายสามโมงเย็น แถมเข้ารอบดึกอีกเวร สี่ทุ่ม เลิก หกโมงครึ่งเช้า หยุดศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ไปทำงานอีกทีวันจันทร์ ทำครบรอบกลับไปทำอีกทีอังคารหน้า ทำครบรอบกลับไปทำอีกทีพุธหน้า เวียนไปอย่างนี้สี่รอบ แล้วจะมาเข้าเวรกะกลางคืนสองคืน หยุดสี่วัน เป็นอย่างนี้ทุกรอบเดือน แถมวันที่ 25 กรกฎานี้พี่ตีจะต้องไปฮอริเดย์กับครอบครัวอีกสามอาทิตย์ พี่เจ้าของร้านเลยต้องจ้่างที่พี่ตามตารางการทำงานของสามี ไม่รู้พี่เจ้าของร้านจะทนความเรื่องมากของพี่ตีได้ถึงไหน</span>
<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>แม่บอกกับผมว่า ผมคือลมหายใจ น้องคือหัวใจ แม่จะขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไปไ่ม่ไ้ด้ <br> ~ เพราะว่าเราสองคนคือชีวิตของแม่ครับ~</span><br><br><img src='http://i782.photobucket.com/albums/yy105/Srimada/Shop.gif' border='0' alt='user posted image' /><br><a href='http://thai-kaaluang.webs.com/' target='_blank'><span style='font-size:12pt;line-height:100%'>บ้านข้าหลวง ขาย น้ำพริกต่างๆ ลูกชิ้นสารพัน ไส้กรอกสารพัดฯลฯ</span></a>
ภาพประจำตัวสมาชิก
เด็กชายข้าหลวง
แม่ไข่ยัดไส้ พ่อไข่ลูกเขย
 
โพสต์: 848
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร มิ.ย. 27, 2006 3:48 pm
ที่อยู่: England

โพสต์โดย แพม » พุธ ก.ค. 11, 2007 1:45 pm

แม้น้องตีพูด ฮิฮิ พี่แพมขำ ตลกดี ชีวิตเรานี้ก็แปลกนะน้อง อยู่เมืองไทยสบายอยู่แล้ว ก๊ากๆๆๆก็อยากรู้นะน้อง ว่าเมืองนอก มันจะดีเหมือนที่เค้าว่าหรือเปล่า เรียนรู้ชีวิตจริงๆจากคนทุกมุมโลก ฮิฮิ ชีวิตมีรสชาติดีจ๊ะ
แต่พี่แพมว่าไม่มีใครหมั่นไส้น้องตีหร็อก ฮิฮิ ขำเสียมากกว่า เล่าให้กันฟังจ๊ะน้องตี แต่พี่แพมคนหนึ่งไม่ดิ้นร้นหางานทำที่อเมริกาหร็อก ฮิฮิ ( หนาว ก๊ากๆๆอย่าหมั่นไส้เดี๋ยนเน้อ) ทำบ้านเราสบายร้อยเท่า ฮิฮิ ทำบ้าง เล่นบ้าง ช็อปบ้าง เบื่อก็ลาปวดการเมือง เมืองไทยสบายที่สุดจ๊ะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
แพม
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 279
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ม.ค. 18, 2006 10:45 pm

โพสต์โดย Mooyong » พุธ ก.ค. 11, 2007 5:44 pm

ไม่มีใครหมั่นไส้พี่ตีหรอกค่ะ คิดว่าชีวิตเราๆทั้งหลายก็ไม่ต่างกันมากที่มาอยู่ต่างบ้านต่างเมืองก้อต้องมาปรับตัวเหมือนกัน อยู่ที่เมืองไทยหนิงก้อทำงานเป็นผจก.สถาบันสอนภาษา ก้อไม่ลำบากอะไร แต่แฟนอยากกลับมาเรียนัต่อ เอ้า มาก้อมา มีเงินติดตัวมาไม่เท่าไหร่ ก้อทำงานไปด้วย เรียนไปด้วยทั้งคู่ นอนวันละไม่กี่ชั่วโมงอยู่สามปีเต็ม ไปไหนมาไหนไม่เดินก้อขี่จักรยาน เช่าห้องเท่ารูหนูอยู่ แต่ก้อไม่ได้คิดว่าลำบากอะไร เพราะตอนเรียนมหาลัยที่เมืองไทยนั้น หอพักยังเล็กกว่านี้ตั้งเยอะ ก้อถือว่ามาอยู่ที่นี่ได้ประสบการณ์ชีวิตที่ดี ตอนนี้เรียนจบแล้ว งานการก้อมั่นคงขึ้น รวมทั้งทำธุรกิจของตัวเองก็สบายขึ้นนิดหน่อย แล้วก็เพิ่งมีเจ้าตัวน้อย ก้อมีความสุขนะคะ ข้อดีของการได้มาอยู่ที่นี่คงจะเป็นการที่ได้ใช้ชีวิตกับแฟนแบบฝ่าฟันปัญหา ร่วมหัวจมท้ายมาด้วยกัน เลยทำให้เข้าอกเข้าใจกันมากขึ้น ถามว่าคุ้มมั้ย คงต้องตอบว่าคุ้มค่ะ ที่คิดถึงบ้าน คิดถึงพ่อแม่ก้อมีบ้าง แต่อย่างว่านะคะ ไม่มีที่ไหนที่เป็น perfect place ค่ะ ถ้าเรามีความสุขกับชีวิตที่เราเลือก กับชีวิตวันนี้ของเรา หนิงว่า นั่นก็คุ้มแล้วค่ะ แล้ววันหน้า เราค่อยๆปรับเปลี่ยนให้ดียิ่งขึ้น ส่วนนั้นก็จะถือว่าเป็นกำไรชีวิตค่ะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Mooyong
แม่ไข่ดาว พ่อไข่เจียว
 
โพสต์: 555
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร มิ.ย. 27, 2006 4:36 am

โพสต์โดย เจ้าหญิงของแม่ » พุธ ก.ค. 11, 2007 7:37 pm

มันเป็นความสุขและความสบายที่แตกต่างกันเนอะ เปิ้ลก็ตอบตัวเองไม่ได้ว่าอยู่ที่ไหนมันดีกว่ากัน เพราะมันดีคนละแบบ
อยากทำงานหาเงินเองเหมือนกันค่ะ แต่ไม่อยากทำนอกบ้านตอนนี้ก็กำลังหาอะไรทำที่บ้านอยู่ ออกไปก็ห่วงไอ้ตัวเล็ก เรื่องจริงคือ ขี้เกียจมากกว่า หนักก็ไม่เอาเบาก็ไม่สู้ อิอิ
ได้หาเงินเองก็สบายใจเนอะ ตั้งแต่จบมาเปิ้ลก็มาเจอแฟน ยังไม่ได้หางานทำเลย หาเงินเองยังไม่เป็นเลยเนี่ย แย่มั่ก เลยนะเรา
อีกอย่าง
สบายที่สุดก็ได้ใช้เงินของเราส่งให้ทางบ้านนี่แหละ เอาเงินสามีส่งไปบ่อย ก็เกรงใจเขา เป็นกำลังใจให้ค่ะ เห็นเม็ดเงินที่ทำจากน้ำพักน้ำแรงนี่ก็หายเหนื่อยเหมือนอย่างพี่ตีว่าแหละ
<img src='http://i50.photobucket.com/albums/f311/r_ple/krua.jpg' border='0' alt='user posted image' /><br><a href='http://r_ple.diarylove.com/' target='_blank'>~Jowying's diarylove~</a>
ภาพประจำตัวสมาชิก
เจ้าหญิงของแม่
แม่ไข่ดาว พ่อไข่เจียว
 
โพสต์: 318
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.พ. 01, 2006 8:34 pm

ต่อไป

ย้อนกลับไปยัง คุยกันเจ๊าะแจ๊ะ

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน