อาชีพ Flight Attendant เคยเป็นอาชีพ
ที่เอมี่ใฝ่ฝันตอนเรียนมหาวิทยาลัย เพราะด้วยควาที่เป็นคนชอบ
ท่องเที่ยวกอรปกับชอบใช้ภาษาอังกฤษ เลยคิดว่าอาชีพนี้ ใช่เลย
แต่พอได้ฟังประสบการณ์จากเพื่อนๆหลายคน ได้มีโอกาสอ่านหนังสือที่เขียน
โดยแอร์ฯหรือสจ๊วร์ตและมีโอกาสสังเกตเวลาอยู่บนเครื่องบิน
ได้เห็นกับตาว่า เออ ผู้โดยสารได้นอนหลับพักผ่อน แต่แอร์ฯไม่ได้นอน
ต้องคอยดูแลผู้โดยสาร ไม่ว่าจะเรื่องอาหารการกิน เรื่องความปลอดภัย
มีอะไรขึ้นมาก็โทษแอร์ฯ ต้องคอยรับมือกับผู้โดยสารที่ไม่สุภาพ
และไม่ให้เกียรติ ฯลฯ อะไรต่อมิอะไรตั้งหลายแหล่ะ เอมี่ก็มีความ
รู้สึกสงสัยว่า เอ ถ้าเรามาทำตรงนี้จริงๆ เราจะรับมือกับสิ่งเหล่านี้ได้
ไหม แล้วถ้าเรามีสามี มีพันธะล่ะ เราจะไม่คิดถึงพวกเขาหรือ แล้ว
พวกเขาจะไม่คิดถึงเอมี่หรือ วันหยุดก็ไม่ตรงกับชาวบ้าน ถ้าจะทำกิจกรรม
หรือไปเที่ยวด้วยกันก็คงจะยากมากๆ เพราะงานบริการไม่มีที่ไหนที่
ให้หยุด เสาร์-อาทิตย์ หรือหยุดเหมือนคนทำงานออฟฟิศ
คิดอยู่พักใหญ่ก็เลยเปลี่ยนใจค่ะ เพราะอาจจะไม่เข้ากับอุปนิสัยเราบาง
ประการ (เรื่องนอน)ทุกวันนี้เวลาเห็นแอร์ฯก็นึกถึงตอนที่ตัวเองยังเป็นวัยรุ่น
ตอนนั้นที่อยากจะทำงานแอร์ฯมากกกกก.......ป่านนี้ถ้าเราทำอาชีพนี้
เวลานี้ตัวเราจะไปอยู่ส่วนไหนของโลกหนอ
แต่เอมี่คิดว่าข้อดีของอาชีพนี้ก็มีเหมือนกัน ก็คือได้ไปในโลกกว้าง (แถมไม่ต้องเสียตังค์)
ได้ไปเห็นในสิ่งที่คนทั่วไปอาจจะต้องจ่ายเงินเพื่อที่จะได้ไปเห็น ได้บริการ
หรือได้พบปะคนมีชื่อเสียง ถ้าเขาเหล่านั้นขึ้นไฟลท์ที่เราให้บริการอยู่พอดี
คนที่อยากเข้ามาทำงานสายงานการบริการ ต้องมีใจรักเป็นอันดับแรก
คือจะต้องไม่ใช่คนที่คิดหยุมหยิม เก็บเอามาเป็นเรื่อง เพราะวันหนึ่งถ้าเจอผู้โดยสาร
งอแง หลายคน เก็บมาคิดก็ไม่ต้องเป็นอันทำอะไรพอดี ปวดหัวเปล่าๆ
เอมี่เคยมีประสบการณ์เจอกับพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินที่ไม่สุภาพก็มีเหมือนกัน
แล้วตอนนั้นเอมี่โมโหถึงขนาดยืนพูดจ้องหน้ากันเลย (สายการบินเจ้าดอกจำปีนี่ล่ะค่ะ)
คือตอนนั้นเอมี่กำลังมองหาที่นั่งบนเครื่องบิน เราเข้ามาในเครื่องเป็นคนแรกเลย
พอดีคุณแม่โทรเข้ามา ถามว่าขึ้นเครื่องหรือยัง ถ้าเครื่องลงแล้วให้รีบโทรไปหาแก
เอมี่ก็รีบคุยรีบวาง ก็คิดในใจว่าเนี่ยเดี๋ยวหาที่นั่งเจอแล้วเก็บสัมภาระก่อนแล้วจะปิดเครื่อง
แอร์ฯท่านนั้น ตะโกนมาเลยค่ะ ขอใช้คำว่าตะโกนน่ะค่ะ เพราะเสียงดังมาก
*ปิดเครื่องด้วยน่ะค่ะ* คือเค้าก็ไม่ได้ใช้คำพูดไม่สุภาพหรอกค่ะ แต่โทนน้ำเสียงและ
การเดินจ้ำอ้าวกระแทกฝ่าเท้า ตึง ตึง มาหาเรา อันนั้นสำหรับเอมี่มันไม่สุภาพมากๆ
เราก็เลยบอกกับเค้าว่า *ค่ะ ทราบแล้วค่ะ ดิฉันกะว่าจะวางของก่อนแล้วจะปิด*
เค้าก็ตอกกลับมาว่า *ควรจะปิดตั้งแต่ก่อนขึ้นเครื่องน่ะค่ะ* (พูดด้วยน้ำเสียงตะคอกน่ะค่ะ)
ก็ยืนเถียงกันอยู่อย่างนั้นล่ะค่ะ เอมี่ก็ไม่ยอม เค้าก็ไม่ยอม กว่าจะได้นั่ง ก็ต้องเรียก
เพอร์เซอร์มาคุย แล้วก็ขอโทษขอโพยกัน คนที่เป็นเพอร์เซอร์ขอโทษแทนคุณแอร์ฯคนนั้น
แต่คุณแอร์ฯคนนั้นไม่ได้ขอโทษเอมี่น่ะค่ะ คือเอมี่ก็เข้าใจว่าเค้าทำตามหน้าที่
แต่การทำหน้าที่ตรงนี้เค้าก็ต้องไม่ลืมว่าเค้ามีโลโก้ตราบินไทยประทับอยู่ที่หน้าผากเค้า
ฉะนั้นกิริยา คำพูด มารยาท เค้าต้องระมัดระวังอย่างมาก ไม่เช่นนั้นผู้โดยสารก็จะเม้าท์
ปากต่อปาก ทำให้ภาพพจน์บริษัทฯเสียหายน่ะค่ะ เที่ยวบินนั้นเอมี่ไม่เห็นเค้าอีกเลยค่ะ
สงสัยเพอร์เซอร์คงจะสลับให้แอร์ฯท่านอื่นมาทำหน้าที่แทน ส่วนเค้าอาจจะถูกย้ายให้ไป
บริการตรงส่วนอื่น แต่เหตุการณ์นี้ก็เป็นเหตุการณ์เดียวในชีวิตที่เอมี่เจอกับแอร์ฯไม่สุภาพ
เที่ยวบินอื่นก็บริการปรกติดีค่ะ ไม่ว่าจะสายการบินบ้านเราหรือสายการบินต่างชาติ
EM335