โดย แพรพรรณ » ศุกร์ ม.ค. 11, 2008 2:40 am
สวัสดีคะพี่รัตติ ของแพรก็มีปัญหาเรื่อง ฟ.ฟันเหมือนกันคะ คือแพรเป็นโรคเหงือก ปัญหาฟันกร่อน และฟันผุง่าย
อย่างโรคเหงือก ก็สืบเนื่องมาจากที่อยู่โรงเรียนประจำ แล้วไม่ค่อยแปรงฟัน เลยทำให้มีปัญหาเหงือกร่น และเลือดออกตามไรฟัน ทางแก้ที่ดีที่สุดก็คือพบทันตแพทย์ทุกๆ 6 เดือนคะ พอเป็นโรคเหงือกปุบ ก็มีปัญหาเรื่องฟันกร่อน กับฟันผุง่ายตามมา เวลาไปขูดหินปูนกับคุณหมอทีไร (เป็นคุณหมอเฉพาะทางของโรคเหงือก) คุณหมอก็จะบอกว่า อย่าทานอะไรที่แข็ง ห้ามกัดแทะกระดูก ห้ามกัดน้ำแข็ง พยายามเลี่ยงการนอนกัดฟันกรอดๆ และก็แนะนำให้ทานอาหารพวกแคลเซียมมากขึ้นคะ และไอ้เจ้าปัญหาฟันกร่อนของแพร คุณหมอก็เลยต้องรักษาโดยการเสริมฐานฟันด้านบดเคี้ยวให้หนาขึ้น ถ้าไม่ทำฟันก็จะกร่อนไปเรื่อยๆคะ เพราะไหนจะกรดจากน้ำลาย และอาหารที่ทานเข้าไป (แต่คุณหมอเขาจะทำเป็นด้านคะ ไม่ได้ทำเป็นซี่เหมือนอย่างอุดฟัน หรือ อื่นๆ)
ส่วนเรื่องฟันผุ ก็มีบ้างเหมือนกันคะ แต่โชคดีที่ว่า เวลาไปหาคุณหมอ แล้วคุณหมอสังเกตเห็นว่าฟันเริ่มผุมากก็จะนัดให้เราไปอุด บางครั้งเราขออุดเลยคุณหมอก็จะผัดผ่อนว่า "ทำใจให้สบาย หมอเห็นว่ามันยังไม่หนักหนาสาหัสเท่าไร ยังยันได้อยู่ ไม่ต้องรีบร้อน" ก็คงมีแต่หมอที่นี่แหละคะ ที่ไม่ฟันเงินเรา ถ้าไปที่อื่นนะเหรอเสร็จแน่ๆเลย เวลาอุดฟันก็เหมือนกันคะ แพรจะใช้สีวัสดุที่ใช้อุดเหมือนกับสีของฟันมาตั้งแต่เด็ก (เพราะแม่อยากให้สวยเวลายิ้ม แล้วไม่เห็นวัสดุที่อุด) จนคุณหมอบ่นว่ามันสวยงามก็จริง แต่มันไม่ทนเหมือนสีตะกั่ว ดังนั้นคุณหมอก็เลยขอให้ใช้วัสดุอุดฟันแบบตะกั่วกับฟันซีกในสุดของแพรคะ เพราะคุณหมอบอกว่ามันใช้การได้ดี และมันอยู่ด้านในด้วย มองแทบไม่เห็น และคุณหมอก็พูดถูกคะ ฟันที่แพรอุดด้วยสีตะกั่ว ยังไม่หลุดเลย เกือบสองปีแล้ว
การดัดฟัน เพราะแพรเป็นโรคเหงือก คุณหมอก็เลยไม่แนะนำให้ดัดคะ เพราะอุปกรณ์ที่ยึดติดฟัน จะดึงรั้งเหงือกให้ร่นมากขึ้น เวลายิ้มจะเห็นเหงือกออกมาเยอะเลยพร้อมกับฟัน คุณหมอว่า "เหมือนแก้วหน้าม้า" คะ และแพรต้องถอนฟันปกติ 4 ซีก ฟันเก 1 ซีกและฟันคุดอีก 3 ซีก คุณหมอก็ว่าอีกฟันคุณก็สวยดี เป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่แล้ว ไม่สมควรที่จะทำเพราะจะทำให้เหงือกร่นอีก ถึงแม้จะรักษาโรคเหงือกแล้วก็ตาม โครงการดัดฟันก็เลยไม่ได้ทำคะ เพราะคุณหมอบอกว่าอย่าทำเลย เสียเงินเปล่าๆ (คงมีที่นี่ทีเดียวละมั้งคะ ที่ไม่อยากได้เงินเรา อิอิ)
<span style='color:red'>ส่วนประสบการ์ณเรื่องการถอนฟัน และ ฟันคุด</span>
แพรได้ถอนฟันคุดครั้งแรก ตอนอายุ 16 ปี ก่อนหน้านั้นรู้ว่าเรามีฟันคุด 3 ซีก แต่ไม่เห็นคุณหมอว่ากระไร จนกระทั้งฟันคุดทะลุเหงือกขึ้นมา แพรจำได้ว่าแพรปวดได้ประมาณสองอาทิตย์ ปวดจนเหงือกมันบวมเปล่งตรงที่ฟันคุดขึ้นๆมาเหมือนลูกโป่ง พอกินน้ำอุ่นมันก็แฟบลงไป จำได้ว่าปวดหัวมาก กินอะไรไม่ได้เลย จนต้องใช้หลอดกาแฟดูดโจ๊กสำเร็จรูปเอา ตอนแรกคิดว่าเหงือกอักเสบ แต่พอเห็นเหงือกมันบวมมากก็เลยขอนัดคุณหมอ ตอนนั่งรอ ผู้ช่วยทันตฯก็แจ้งเสร็จเรียบร้อยว่า "ฟันคุดนั่นเองมันแทงเหงือกขึ้นมา" คุณหมอก็เลยเอ๊กซเรย์ แล้วก็นัดผ่า แต่สั่งยาให้ไปทานก่อนประมาณอาทิตย์กว่าๆ ทั้งยาแก้อักเสบ และ ยาแก้ปวด พอถึงวันผ่าจริง คุณหมอก็เอ๊กซเรย์ดูอีกที พร้อมกับฉีดยาชา กับทำการเตี๊ยมกันเล็กน้อย หมอบอกว่าถ้าเจ็บให้แพรยกมือด้านซ้ายขึ้น(เพราะหมอนั่งอยู่ด้านขวามือ) และแล้วก็มาถึงเวลา มันน่าจะเป็นการดึงมากกว่าการผ่า แพรจำได้เลยว่าหมอดึงแค่สามครั้ง แต่หัวแพรมันสั่นเอามากๆเลยจากแรงดึง หัวใจแทบหยุดเต้นไปเลยตอนหมอดึง คราวนี้แหละคะ แพรยกทั้งมือซ้าย มือขวาเลย แบบว่ามันลืมตัวคะเพราะตกใจกับแรงที่หมอดึงฟันออกไปมากกว่า แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดีคะ และแพรก็โชคดีที่ผ่าฟันคุดซีกแรก หน้าไม่บวมเลยคะ หมอก็บอกว่าแพรโชคดีที่่หน้าไม่บวมเลยตอนวันมาตัดไหม แต่งานนี้คนที่บ้านแพรแอบดีใจกันคะ เพราะว่านกแก้วนกขุนทองหายไป แม่แพรยิ่งดีใจจนออกนอกหน้า เขาว่าอยากให้แพรผ่าฟันคุดหลายๆรอบ จะได้ไม่ต้องพูดมาก เพราะอยากให้เป็นอย่างงี้ตลอดไป เป็นซะอย่างงั้น
และก็เมื่อปีที่แล้ว แพรก็ถอนฟันธรรมดาอีกหนึ่งซีก (ตอนแรกก็ยังกลัวๆอยู่หมือนกันคะ จากประสบการณ์การถอนฟันคุด) แต่คุณหมอการันตีว่าไม่เจ็บเลย แต่อยากให้ถอนออกไปเพราะมันเป็นฟันบนซีกในสุด ไม่มีคู่ และก็แปรงฟันทำความสะอาดได้ยาก และไม่อยากให้เก็บเอาไว้ เพราะมันจะผุเสียเปล่าๆ แพรก็เลยไปถอนออก แต่ไม่เจ็บเลยคะ พร้อมกันนั่น คุณหมอก็แนะนำให้มาเอาฟันคุดที่ยังไม่งอกขึ้นมาออกไปเสียด้วย อีกหนึ่งอาทิตย์ถัดไป แพรก็ทำตามคะ (ทำไมเราเชื่อคนง่ายจังเลย เขาบอกให้ทำอะไร เราก็ทำตาม) แต่ซีกนี้สุดยอดคะ ก่อนคุณหมอลงมือฉีดยาชา ก็ได้บอกแพรว่า "สาหัสหน่อยนะคุณแพรพรรณ เจ็บมากด้วยนะคะ" แต่คุณหมอก็เอาน้ำเย็นเข้าลูบ โดยการฉีดยาชาอย่างเบามือที่สุด (มือนิ่มจริงๆคะ) พอยาชาออกฤทธิ์เท่านั้นแหละคะ แพรก็เห็น คุณหมอใช้เครื่องมืออะไรสักอย่างเปิดเงือกแพรด้านข้าง (แต่แพรเห็นนิดๆ เหมือนว่ามันเป็นเลื่อย เพราะน้ำกระเซ็นออกมาก) แต่ตอนหมองัดออกไม่เหมือนตอนผ่าฟันคุดครั้งแรก แต่รู้สึกได้ว่ามันซีกใหญ่พอควร แต่แพรไม่รู้สึกเจ็บคะ พอผ่าเสร็จหมอก็นัดตัดไหมหนึ่งอาทิตย์เหมือนเดิม แต่หน้าแพรบวมตั้งแต่วันแรกจนถึงวันตัดไหมเลยคะ (เหมือนคนเป็นคางทูมยังไงยังงั้นเลยคะ) แถมเจ็บอีกเป็นเดือน (เพราะคุณหมอบอกว่าเจ็บนานหน่อยนะคะ) เจ็บนี้อีกนานจริงๆคะ
ตอนนี้แพรก็เลยเหลือฟันคุดอีกแค่ซีกเดียวเท่านั้น แถมอยู่ด้านบนเสียด้วย เพราะสองซีกที่เอาออกไปแล้วมันอยู่ด้านล่างซ้ายกับขวาคะ ที่แพรเล่าให้พี่ๆเพื่อนๆฟังมาจากประสบการณ์ของแพรเอง แพรหวังว่าคงไม่ทำให้พี่ๆหรือเพื่อนๆท่านไหนที่กำลังจะไปผ่าฟันคุดกลัวนะคะ ถ้าถามแพรว่ากลัวไหม? กลัวคะ แต่เราก็ไม่อยากทิ้งไว้ให้มันเป็นมากกว่านี้ อย่างเพื่อนแพรมีอยู่คนนึง (เขามีฟันคุดขึ้น แตไม่เจ็บ ทิ้งเอาไว้เป็นปีๆ สุดท้ายเป็นซีสต์ใต้เงือก ติดเชื้อขึ้นสมองอีก) เลยต้องเสียเวลา และเงินในการรักษานานกว่าปกติเลยคะ ยังไงไปหาหมอฟันเพื่อวินิจฉัยดีที่สุดคะ
<span style='color:blue'>ท้ายสุดขอให้พี่รัตติหายไวไวนะคะ แพรเป็นกำลังใจให้นะคะ และให้กับเพื่อนๆท่านอื่นที่กำลังจะผ่าฟันคุดด้วยคะ</span>
<span style='color:green'>คิดถึงเธอจัง</span><a href='http://www.youtube.com/watch?v=Ce-5OWBNGNw' target='_blank'><u>Eva Cassidy</u></a><img src='http://i196.photobucket.com/albums/aa224/ppoohbear/553186ovm7wdifo8.gif' border='0' alt='user posted image' />