วันนี้ขอเอาเรื่องตัวเองมาเล่าตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับเพื่อนๆหลายๆคนนะครับ ว่าหลังจากกลับมาจากเมืองไทยจะมาเล่าให้ฟัง สำนวนอาจจะเปลี่ยนไปจากที่เคยคุ้นตานะครับ เพราะเล่าเรื่องขาลงของตัวเองแล้วขำไม่ออกจริงๆ
กราฟชีวิต ลิขิตเอง
กราฟชีวิตซิงลงเหวอย่างไม่ทันตั้งตัวในชั่วเวลาปีที่แล้ว มันน่าจะเริ่มมาจากที่เด็กคนหนึ่งเกิดประทับใจในรูปสวนดอกทิวลิปที่มีขายอยู่ตามตลาดนัดวันเสาร์ใกล้ๆบ้าน แทบทุกเสาร์เด็กคนนั้นจะต้องหาเรื่องเดินผ่านร้านขายโปสเตอร์ร้านนั้นตลอด(ไม่สามารถซื้อเพิ่มได้อีกเพราะห้องนอนไม่มีที่ให้ติดรูปสวนดอกทิวลิปเหลืออีกแล้ว) แอบฝันไปว่าสักวันต้องหาที่ๆนั่นให้เจอ และขอเป็นคนถ่ายรูปสวนสวรรค์แห่งนี้ด้วยตัวเองให้ได้ แล้วก็เหมือนฟ้าไม่เคยลืมคำขอของเด็กคนนั่น การเดินทางมาสวนสวรรค์จริงๆก็มาถึงจนได้ในวันหนึ่ง มันเป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ มันเป็นภาพประทับใจในอดีตที่ปะทะเข้ากับสถานที่จริงจนแทบแยกไม่ออกว่านี้มันเป็นความจริงหรือ และ ณ ดินแดนแห่งนั้น(หลังจากมาเยือนเป็นครั้งที่ 3)ก็ได้นำพากราฟชีวิตของคนสองคน ต่างคั้วต่างเขตต่างภาษาให้มาเจอกัน ฟังดูมันน่าจะจบลงได้ด้วยดี แต่มันเป็นแค่เพียงการเริ่มต้นขอกราฟชีวิตเส้นนี้เท่านั้นเอง
สามปีที่เส้นกราฟชีวิตของคนสองคนที่ขีดให้ขนานกัน แต่ก็ยังเป็นเส้นคู่ที่ลุ่มๆดอนๆ ยิ่งอยู่ด้วยกันทุกวันก็ยิ่งเห็นจุดเสียของกันและกันตลอด ผมเป็นคนจิตใจดีแต่ไม่ไช่คนดีเสียเสมอไป เข้าก็เป็นคนดีแต่เข้าใจยากเป็นบ้า ผมอยู่บ้านเขามาสามปีแต่ที่นั้นไม่มีร่องรอยที่แสดงให้เห็นว่าผมมีตัวตนอยู่ในบ้านหลังนั้นเลย ผมเป็นแฟนเขาที่ต้องอยู่ใต้เงาของแฟนเก่าเขาที่เสียชีวิตไป 2 ปีก่อนที่ผมจะเจอกับเขา ทำอะไรก็มีข้อเปรียบเทียบตลอด ของทุกชิ้นที่มีอยู่ที่บ้าน เคยอยู่อย่างไรก่อนหน้าที่แฟนเก่าเขาตายก็ต้องอยู่อย่างเดิมและที่เดิม แม้แต่ห้องทำงานของผม ไม่ใช่ซิมันคือของทำงานเก่าของแฟนเขามากกว่า มีเปียโนตัวใหญ่ตั้งอยู่เต็มห้อง ผมขอให้เขาให้คนอื่นหรือขายไป เขาก็ไม่ยอมบอกว่าเป็นของรุท แล้วยังบอกว่าจะให้ผมไปเรียนเปียโน...ไม่ไช่ไม่อยากเรียนนะ แต่คนมันไม่มีพรสวรรค์ด้านดนตรี เคยเรียนสีซอมาไม่ถึงเดือนก็เลิก พ่อเคยซื้อกีต้าให้ตอนเด็กๆ ก็ต้องทิ้งเหมือนกัน แต่นั้นมันไม่สำคัญหรอกนะว่าผมจะเล่นเปียโนเป็นหรือไม่ มันสำคัญที่ว่า”นี้ผมต้องเล่นเป็นใครหรอ” หลังจากโดนเงาคนตายครอบงำและต้องโดนคนเป็นครอบชีวิตในทุกๆด้านมาสามปี สวรรค์ก็ส่งคนดีมาให้เจอแต่ในฐานะเส้นกราฟเส้นใหม่ที่ขีดมาเพื่อช่วยพยุงเส้นกราฟเส้นที่ดูจะอ่อนแอจนแทบจะไม่พุงไปข้างหน้าหรือข้างบนได้อีกแล้ว เส้นกราฟ 3 เส้นที่ขีดไว้คู่ขนานกัน เส้นแรกขีดไว้ด้านบนเส้นเดี่ยว ส่วนเส้นกลางมีเงาของเส้นใหม่มาช่วยพยุงเอาไว้ บอกแล้วไงว่าผมก็คนธรรมดาคนหนึ่งเหมือนกัน มีโอกาสที่จะทำผิดรีดไปได้บ้าง เมื่อคนใหม่เข้ามาเติมเต็มในส่วนที่ไม่เคยได้รับจากคนเก่าได้ ความแตกต่าง ข้อเปรียบเทียบนับวันก็ยิ่งชัดขึ้น ความรักและเห็นคุณค่าของตัวเองก็กลับมาอีกครั้ง นับว่าโชคดีที่แฟนใหม่เข้าใจในสถานะภาพของผม(คือผมไม่สามารถทิ้งแฟนเก่าไปได้) จนถึงทุกวันนี้(อยู่ที่นี้มา 6 ปีแล้ว)แฟนเก่าก็ยังไม่รู้เรื่องแฟนใหม่เลย เพราะเขาไม่ไช่มือที่สาม แต่ปัญาหาของเราคือเราเข้ากันไม่ได้จริงๆ ผมอยากเลิกใช้ชีวิตใต้เงาคนตายที่มันจ้องค่อยๆดูดวิญญาณของผมให้สั้นลงไปวันละลมหายใจอย่างแผ้วเบา