ครัวไกลบ้านได้ทำการปรังปรุงเวบไซต์ให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นในระบบสมาร์ทโฟน และได้รวมข้อมูลเมนูอาหารและ สมาชิกจากทั้งเวบไซต์เก่าและใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว

สมาชิกท่านไหนมีปัญหาไม่สามารถล็อกอินได้ ให้ทำการเปลี่ยนพาสเวิร์ดโดยคลิ๊กลิ้งค์นี้ ลืมรหัสผ่าน
ถ้าท่านใดมีชื่อสมาชิกมากกว่าหนึ่งชื่อแล้วต้องการรวมโพสทั้งหมดให้อยู่ในชื่อสมาชิกเดียว หรือมีปัญหาในการใช้เวบไซต์
สามารถส่งอีเมล์แจ้งรายละเอียดมาได้ที่ admin@kruaklaibaan.com หรือส่งข้อความได้ที่ user: sillyfooks

ถ้าชอบครัวไกลบ้าน อย่าลืมคลิ๊กไลค์เฟสบุ๊คให้ครัวไกลบ้านด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

MESSAGE IN A BOTTLE

อยากคุย อยากเล่า อยากบ่น เรื่องสุข เรื่องทุกข์ เรื่องสารพันปัญหา เชิญคุยกันได้ตามสบายที่ห้องนี้ค่ะ

โพสต์โดย แมงป่อง » พฤหัสฯ. มิ.ย. 26, 2008 11:43 am

<span style='color:purple'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>จริงพื้นฐาน โดยขยายรายละเอียดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เช่น เรื่องที่เธอ
ได้รับการอบรมสั่งสอนมาตอนเป็นเด็ก งานของเธอ งานอดิเรกของ
เธอ แต่ส่วนใหญ่แล้วเธอจะพูดถึงเควินว่าเขาเป็นลูกชายที่วิเศษ
แค่ไหน และเธอรู้สึกเสียใจเพียงใดที่ไม่สามารถใช้เวลาอยู่กับเขา
มากกว่านี้ได้
แกเร็ตตั้งใจฟังในขณะที่เธอเล่าและไม่ได้พูดอะไรมากนัก
เมื่อเธอพูดจบแล้วเขาจึงถามว่า ''คุณบอกว่าคุณแต่งงานมาครั้ง
หนึ่งแล้วใช่มั้ย?''
เธอผงกเธอศรีษะ ''เป็นเวลา 8 ปี่ค่ะ แต่เดวิด นั่นคือชื่อของ
เขาค่ะ ดูเหมือนจะหมดเยื่อใยในความสัมพันธ์นั้นไปด้วยเหตุใด
เหตุหนึ่ง...เขาลงเอยด้วยการไปมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงอื่น ฉัน
ไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่กับเหตุการณ์นั้นได้จริงๆ ค่ะ''
''ผมก็ไม่เหมือนกันครับ'' แกเร็ตพูดอย่างอ่อนโยน ''แต่มัน
ก็ยังคงไม่ได้ทําให้เรื่องต่างๆ ราบรื่นขึ้นเลย''
''ไม่ค่ะ มันไม่ได้เป็นแบบนั้น'' เธอหยุดดื่มนํ้าอัดลม ''แต่''
แต่เราก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน แม้ทุกอย่างจะเป็นเช่นนั้น แต่เขาก็เป็น
พ่อที่ดีของเควิน และนั่นคือทั้งหมดที่ฉันต้องการจากเขาตอนนี้
ค่ะ''
คลื่นลูกใหม่ผ่านมาใต้ลําเรือ แกเร็ตจึงหันศรีษะไป
ดูเพื่อให้แน่ใจว่าสมอยังตรึงเรือไว้ได้ เมื่อเขาหันกลับมา เธเรซ่า
พูดว่า ''เอาละ ถึงตาคุณแล้ว เล่าเรื่องของคุณให้ฉันฟังสิคะ''
แกเร็ตเริ่มเล่าตั้งแต่ต้นเช่นกัน โดยเล่าถึงการเติบโตในเมือง
วิลมิงตัน ในฐานะลูกคนเดียว เขาบอกเธอว่า แม่เขาตายเมื่อเขา
มีอายุ 12 ปี และเนื่องจากพ่อเขาใช้เวลาส่วนใหญ๋บนเรือ เขาจึง
ใช้ชีวิตเติบโตมากับทะเลค่อนข้างมาก เขาเล่าให้ฟังถึงชีวิตใน
มหาวิทยาลัย โดยละเว้นที่จะพูดถึงเรื่องบางอย่างที่ดุเดือดเกิน
ไป ซึ่งอาจทําให้เกิดความประทับใจที่ไขว้เขว และบรรยายให้
ฟังว่า การเริ่มต้นทําร้านเป็นอย่างไร น่าแปลกที่เขาไม่ได้พูดถึงสิ่งใดเลยเกี่ยว
กับแคธรีน ซึ่งเป็นเรื่องเดียวที่เธเรซ่าสงสัยในบรรดาเรื่องทั้งหมด
ที่เขาเล่ามา
ในขณะที่เขาและเธอพูดคุยกันไปเรื่อยๆ นั้นท้องฟ้าเริ่มมืด
ลง และหมอกเริ่มก่อตัวขึ้นรอบๆ ตัวเขาและเธอ เนื่องด้วยการ
โคลงเคลงเล็กน้อยของเรืออันเกิดจากระลอกคลื่น บรรยากาศแห่ง
ความใกล้ชิดจึงเริ่มก่อตัวขึ้นมาระหว่างเขาและเธอ อากาศอัน
สดชื่น สายลมที่พัดผ่านมาต้องใบหน้าเขาและเธอ และการโยก
โคลงอันนุ่มนวลของเรือ ทั้งหมดนี้ได้ช่วยให้ความประหม่าของเขา
และเธอที่มีมาก่อนหน้านั้นลดน้อยลง
หลังจากฟังเรื่องของเขาแล้วเธเรซ่าก็พยายามนึกถึงเหตุ
การณ์ครั้งสุดท้ายที่เธอมีเดตคล้ายๆ กันนี้ ไม่มีเลยแม้แต่ครั้ง
เดียวที่เธอจะได้รับความรู้สึกกดดันจากแกเร็ตเลยที่จะต้องมาพบเขา
อีกครั้ง และดูเหมือนเขาจะไม่ได้คาดหวังอะไรบางอย่างจากเธอ
มากนักในเย็นนี้ ผู้ชายส่วนใหญ่ที่เธอพบในบอสตัน ดูเหมือนจะ
มีทัศนะคติร่วมกันว่า ถ้าพวกเขาทุ่มเงินพาใครออกไปเพียงสนุก
ด้วยในตอนเย็น แล้วก็มีหนี้บางอย่างที่ต้องชดใช้คืน นั่นคือทัศน
คติของคนวัยหนุ่มสาว และเป็นแบบเดียวกันไปหมด เธอรู้สึกว่า
การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ทําให้เธอรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้น
เมื่อเขาและเธอมาถึงจุดที่หมดเรื่องสนทนากันแล้ว แกเร็ต
ก็เอนหลังลงและใช้มือเสยผมไปข้างหลัง เขาหลับตาลง และดู
เหมือนว่าเขากําลังใช้เวลาอยู่กับตัวเองเพื่อดื่มดํ่ากับชั่วขณะอัน
เงียบสงัด
ในขณะที่เขากําลังทําเช่นนั้นอยู่ เธเรซ่าเก็บจานและกระ
ดาษเช็ดปากที่ใช้แล้วกลับใส่ตระกล้าอย่างเงียบๆ เพื่อป้องกันไม่ให้
ลมพัดปลิวลงไปในทะเล เมื่อแกเร็ตพร้อมออกเดินทางแล้ว เขาก็
ลุกจากที่นั่ง
''ผมคิดว่าถึงเวลาที่เราจะต้องออกเรือกลับกันแล้ว'' เขา
พูดด้วยนํ้าเสียงที่ฟังดูเหมือนกับว่าเสียใจที่การเดินทางครั้งนี้
กําลังจะมาถึงจุดสิ้นสุดลง
สองสามนาทีต่อมาเรือเริ่มออกเดินทางอีกครั้ง และเธอ
สังเกตว่าลมแรงขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก แกเร็ตยืนอยู่หลังพังงาคัด
ท้ายเรือเพื่อประคองให้เรือแฮปเปนสแตนซ์อยู่ในเส้นทาง เธเรซ่า
ยืนถัดจากเขาโดยยืนจับราวไว้ บทสนทนาที่ผ่านมาวนเวียนผ่านเข้า
มาในหัวของเธอครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งเขาและเธอไม่มีใครพูดอะไร
ขึ้นมาเลยพักใหญ่ ในขณะที่แกเร็ต เบล็กสงสัยว่าตัวเองว่าเหตุใด
เขาจึงรู้สึกว่าจิตใจสับสนเหลือเกิน

ในการล่องเรือใบไปด้วยกันครั้งสุดท้าย แคธรีนและแกเร็ต
พูดคุยกันค่อยๆ อยู่หลายชั่วโมง โดยเพลิดเพลินไปกับการดื่มไวน์
และการกินอาหารเย็น ทะเลสงบ และแรงกระเพื่อมขึ้นลงอันอ่อน
โยนจากคลื่น ช่วยให้พวกเขาสนิทชิดแนบกันมากขึ้น
ต่อมาในคืนนั้น หลังจากร่วมรักกันแล้วแคธรีนนอนอยู่ข้าง
แกเร็ต แล้วใช้นิ้วมือลูบไล้ไปมาตามแผงอกของเขาโดยไม่ได้พูด
อะไรเลย
''คุณกําลังคิดอะไรอยู่?'' ในที่สุดเขาก็ถามขึ้น
''เพียงแค่ฉันไม่คิดว่า มันเป็นไปได้ที่จะรักใครได้มากเท่ากับ
ที่ฉันรักคุณ'' เธอกระซิบ
แกเร็ตลูบไล้นิ้วลงไปที่แก้มเธอ ดวงตาแคธรีนไม่ได้ละ
ไปจากนิ้วเขาเลย
''ผมก็ไม่คิดเหมือนกันว่ามันเป็นไปได้'' เขาตอบอย่างอ่อน
โยน
''ผมไม่รู้ว่า ผมจะทําอย่างไรจริงๆ หากปราศจากคุณ''
''คุณสัญญาอะไรกับฉันข้อหนึ่งได้มั้ย?''
''ได้ทุกอย่างเลย''
''หากมีอะไรเกิดขึ้นกับฉันจริงๆ แล้ว สัญญากับฉันซิว่า
คุณจะต้องหาคนอื่น''
''ผมไม่คิดว่า ผมจะรักใครได้นอกจากคุณ''
''แค่ให้สัญญากับฉันไว้ ตกลงมั้ย?''
เขาต้องใช้เวลาครู่หนึ่งก่อนจะตอบ ''ตกลง ถ้ามันทําให้
คุณมีความสุข ผมสัญญา'' เขายิ้ม แคธรีนกอดเขาแนบชิด
''ฉันมีความสุขจังเลย แกเร็ต''

เมื่อภาพแห่งความทรงจําเลือนหายไปในที่สุดแล้ว แกเร็ต
จึงกระแอมขึ้นแล้วแตะแขนเธเรซ่าเพื่อเรียกความสนใจจากเธอ
เขาชี้ไปยังท้องฟ้า ''ดูดวงดาวพวกนั้นสิครับ'' เขาพูดขึ้นมา โดย
พยายามอย่างที่สุดที่จะคงบทสนทนาไว้ในเรื่องทั่วๆ ไป''
''ก่อนที่ชาวเรือจะมีเครื่องวัดมุม*(*sextant - อุปกรณ์ใช้วัดระดับ
ความสูงของดวงอาทิตย์ มีแขนโค้งยาว 1 ใน 6 ของวงกลม ใช้วัด
แดดในการเดินเรือสมัยโบราณเพื่อกําหนดตําแหน่งของเรือโดย
อาศัยเส้นรุ้งและเส้นแวง) และเข็มทิศใช้ พวกเขา
ใช้ดวงดาวเป็นเครื่องนําทางในทะเล ข้างบนนั่นคุณสามารถมอง
เห็นดาวเหนือได้ มันจะชี้ตรงไปทางทิศเหนือเสมอ''
เธเรซ่ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า ''คุณรู้ได้ยังไงคะว่ามันคือดาว
ดวงไหน?''
''ใช้กลุ่มดาวที่มีหลักบอกตําแหน่งแน่นอนเป็นตัวช่วยครับ
คุณเห็นกลุ่มดาวบิ๊กดิปเปอร์*(*Big Dipper - มีชื่อทางสากลว่ากลุ่ม
ดาวหมีใหญ่ หรือ Ursa Major และมีชื่อเรียกกันโดยทั่วไปว่ากลุ่มดาว
จระเข้ หรือกลุ่มดาวช้าง หรือกลุ่มดาวกระบวยใหญ่ เป็นกลุ่มดาวฤกษ์
อยู่ประจําซีกด้านเหนือบนท้องฟ้าสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ประ
กอบด้วยดาวฤกษ์ 7 ดวง 4 ดวงแรกเป็นตัวหมีใหญ่ หรือตัวจระเข้ อีก 3
ดวงเป็นหาง เมื่อลากเส้นตรงจากดวงอาทิตย์ที่ 2 ไปยังดวงที่ 1 และ
ลากเส้นตรงเลยออกไปจะถึงตําแหน่งของดาวเหนือ หรือ Polaris พอดี
ทําให้ทราบว่าจุดนั้นคือทิศเหนือ นักเดินเรือสมัยก่อนจึงสามารถใช้กลุ่ม
ดาวจระเข้ช่วยในการหาทิศได้)มั้ย?''
''เห็นค่ะ''
''ถ้าคุณลากเส้นตรงจากดาวสองดวงที่ทําให้เกิดรูปปลาย
ช้อนในกลุ่มดาวนั้นแล้ว เส้นนั้นจะชี้ไปยังดาวเหนือ''
เธเรซ่าเฝ้ามองในขณะที่เขาชี้ให้ดูดวงดาวที่เขากําลังพูดถึง
อยู่ โดยครุ่นคิดเกี่ยวแกเร็ตและสิ่งต่างๆ ที่เขาสนใจไม่ว่าจะ
เป็นการล่องเรือใบ ดํานํ้า ตกปลา การใช้ดาวนําทางในการเดิน
เรือ อะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับทะเล หรืออะไรก้ได้ที่ดูเหมือนจะสามารถ
ทําให้เขาใช้เวลาตามลําพังได้มากมายหลายชั่วโมง
แกเร็ตเอื้อมมือข้างหนึ่งไปหยิบเสื้อกันฝนสีนํ้าเงินที่เขา
กอดไว้ใกล้พังงคัดท้ายเรือก่อนหน้านั้นแล้วสวมมัน ''บางทีชาว
ฟินีเซียโบราณอาจเป็นนักสํารวจทางทะเลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติ
ศาสตร์ก็ได้ครับ ในปี 600 ก่อนคริสตกาล พวกเขาอ้างว่าได้เล่น
เรือใบไปรอบทวีปแอฟริกา แต่ไม่มีใครเชื่อว่าพวกเขาทําเช่นนั้นได้
สําเร็จ เพราะว่าพวกเขาสาบานว่าเห็นดาวเหนือหายไปในระหว่าง
ครึ่งทางในการเดินทางโดยเรือของพวกเขา แต่มันหายไปจริงๆ''
''ทําไมคะ?''
''เพราะวกเขาเข้าไปในแนวเส้นศูนย์สูตรซึ่งเป็นเขตแบ่ง
ซีกขั้วโลกใต้พอดีน่ะครับ นั่นคือสิ่งที่นักประวัติศาสตร์รู้ดีว่าพวก
เขาทํามันได้จริงๆ ก่อนหน้านั้นไม่เคยมีใครเห็นเหตุการณ์เช่นนั้น
เกิดขึ้นมาก่อน หรือหากได้เห็นก็ไม่เคยมีใครบันทึกมันไว้ มันต้อง
ใช้เวลาเกือบสองพันปี ก่อนที่จะได้รับการพิสูจน์ว่าคนพวกนั้นพูด
ถูกต้องแล้ว''
เธอผงกศรีษะ แล้วจินตนาการการเดินทางโดยเรือไปยัง
ดินแดนอันไกลโพ้นของพวกเขา เธอสงสัยว่าเหตุใดเธอจึงไม่เคย
ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ เช่นนี้เลยจนโตเป็นผู้ใหญ่ และอัศจรรย์ใจใน
ตัวผู้ชายที่มีประสบการณ์ดังกล่าว แล้วในทันใดนั้นเธอก็รู้โดย
แจ้งชัดว่าเหตุใดแคธรีนจึงตกหลุมรักเขา มันไม่ใช่เพราะว่าเขามี
สิ่งดึงดูดใจที่คนอื่นไม่มี หรือเป็นเพราะความทะเยอทะยาน หรือ
แม้แต่เสน่ห์ เขามีสิ่งต่างๆ เหล่านั้นเพียงส่วนเดียว แต่ที่สําคัญ
ยิ่งไปกว่านั้นคือ ดูเหมือนเขาจะใช้ชีวิตในแบบของเขาเอง มีบาง
อย่างที่ดูลึกลับและแตกต่างไปจากคนอื่นในวิถีทางที่เขาปฏิบัติ</span></span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
แมงป่อง
แม่ไข่หวาน พ่อไข่เค็ม
 
โพสต์: 1468
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ พ.ค. 05, 2007 10:25 pm

โพสต์โดย แมงป่อง » พฤหัสฯ. มิ.ย. 26, 2008 5:59 pm

<span style='color:green'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>ตัว บางอย่างที่แสดงถึงความเป็นชายชาตรี และนั่นทําให้เขาไม่
เหมือนผู้ชายคนใดที่เธอเคยพบมาก่อน
แกเร็ตชําเลืองมองเธอเมื่อเธอไม่ได้โต้ตอบอะไร และสัง
เกตมองอีกครั้งว่าเธองดงามเพียงใด ในความมืดนั้น ผิวอันขาว
ผาดของเธอดูช่างบอบบางเหลือเกิน และเขารู้สึกตัวเองกําลัง
จินตนาการว่า จะรู้สึกอย่างไรถ้าได้ใช้มือสัมผัสลูบไล้ไปตามเนิน
แก้มของเธออย่างแผ่วเบา แล้วเขาก้สะบัดศรีษะเพื่อพยายาม
สลัดความคิดดังกล่าวทิ้งไป แต่เขาก็ไม่สามารถทําได้ สายลม
กําลังพัดผ่านเส้นผมของเธอ และภาพที่เห็นทําให้เกิดบางอย่าง
แข็งแกร่งขึ้นมาบริเวณท้องน้อยเขา นานแค่ไหนแล้วที่เขาเคยรู้สึก
แบบนี้มาก่อน? แน่นอนว่ามันนานแสนนานเหลือเกินมาแล้ว แต่
ก็ไม่มีสิ่งใดที่เขาสามารถทําหรืออยากทําอะไรกับมันเลย เขารู้ดี
ถึงความรู้สึกเช่นนั้น แม้ในยามที่เขาเฝ้ามองเธออยู่ในขณะนี้ด้วย
มันไม่ใช่เวลาที่เหมาะควร ทั้งไม่ใช่สถานที่เหมาะสม และไม่ใช่
คนที่ถูกต้องด้วย ลึกลงไปในจิตใจแล้ว เขาสงสัยว่าจะมีสิ่งใดกัน
ที่ถูกต้องและเหมาะสมได้อีกครั้ง
''หวังว่าผมคงไม่ทําให้คุณเบื่อนะครับ'' เขาพูดขึ้นในที่สุด
โดยพยายามสะกดกลั้นจิตใจไว้ให้สงบลง ''ผมสนใจเรื่องราวแบบ
นั้นเสมอ''
เธอหันไปมองเขาแล้วยิ้ม ''ไม่ค่ะ'' มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น ไม่
เลยจริงๆ ฉันชอบเรื่องราวเหล่านั้น ฉันเพียงแค่กําลังจินตนาการ
ว่าผู้คนเหล่านั้นต้องผ่านพบกับอะไรบ้าง มันไม่ง่ายเลยที่จะมุ่งไป
สู่อะไรบางอย่างที่ไม่คุ้นเคยโดยสิ้นเชิง''
''ไม่หรอก มันไม่ง่ายเลย'' เขาพูด และรู้สึกเหมือนกับว่า
เธอจะอ่านใจเขาออกได้ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง
แสงไฟจากอาคารต่างๆ ตามชายหาดมองดูระยิบระยับอยู่
ในหมอกที่รวมตัวกันหนาขึ้นมาช้าๆ เรือแฮปเปนสแตนซ์โคลง
เคลงเล็กน้อยอยู่ในช่องทางเดินเรือที่นํ้าทะเลกําลังสูงขึ้น ในขณะ
ที่เข้าใกล้อ่าวจอดเรือ เธเรซ่าเหลียวไปมองหาสิ่งต่างๆ ที่เธอนําติด
ตัวมาด้วย แจ๊กเก็ตของเธอถูกลมพัดปลิวไปอยู่ที่มุมใกล้ห้องพัก
บนเรือ เธอเตือนตัวเองไม่ให้ลืมทิ้งมันไว้เมื่อเธอกลับไปถึงท่าเรือ
แม้แกเร็ตจะพูดว่า ตามปกติแล้วเขาจะล่องเรือไปตาม
ลําพัง แต่เธอก็ยังสงสัยว่าเขาเคยพาคนอื่นออกทะเลไปด้วยหรือ
ไม่นอกจากแคธรีนและตัวเธอ แล้วถ้าเขาไม่เคยทําเช่นนั้น นั่น
หมายความว่าอะไร? เธอรู้ว่าเขาเฝ้ามองเธออย่างพินิจพิเคราะห์
ในเย็นวันนี้ แม้เขาจะไม่ได้แสดงออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน แม้
ว่าเขาจะอยากรู้อยากเห็นเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเธอ แต่เขาก็ซ่อนเร้น
ความรู้สึกไว้ได้ดี เขาไม่กดดันให้เธอเล่ารายละเอียดที่เธอไม่เต็ม
ใจจะบอก ไม่ได้ถามเธอว่าเธอยุ่งเกี่ยวกับคนอื่นหรือไม่ เขาไม่
ได้ทําอะไรเลยในเย็นวันนี้ที่ทําให้ทุกอย่างสะดุดมากไปกว่าการ
แสดงความสนใจตามปกติ
แกเร็ตบิดสวิตซ์เดินเครื่องเรื ทําให้เกิดแสงไฟดวงเล็กๆ
ขึ้นเรียงรายรอบเรือ แสงไฟจากเรือไม่สว่างพอที่เขาและเธอจะ
มองเห็นกันและกันได้ดีนัก แต่ก็สว่างพอที่เขาและเธอจะ
มองเห็นกันและกันได้ดีนัก แต่ก็สว่างพอที่จะทําให้เรือลําอื่นๆ
มองเห็นว่าเรือที่มีเขาและเธออยู่นั้นแล่นเข้ามาใกล้ เขาชี้ไปยัง
ชายฝั่งอันมืดมิด ''อ่าวจอดเรืออยู่เลยไปตรงนั้นพอดีเลยครับ
ระยะทางแสงไฟที่เห็น'' เมื่อพูดแล้วเขาก็หมุนพังงาคัดท้ายเรือ
ไปตามทิศทางนั้น ใบเรือพลิ้วไหวเป็นระลอกและคานพยุงใบเรือ
เบี่ยงไปชั่วขณะ ก่อนที่จะกลับคืนมาสู่ตําแหน่งเดิม
''เป็นไงครับ'' เขาถามขึ้นในที่สุด ''คุณสนุกกับการล่องเรือ
ครั้งแรกของคุณมั้ย?''
''ฉันสนุกค่ะ มันวิเศษมากเลย''
''ผมดีใจ แม้มันจะไม่ใช่การเดินทางไปยังซีกขั้วโลกใต้ แต่
มันก็เป็นแทบทั้งหมดแล้วที่ผมสามารถทําได้''
เขาและเธอยืนอยู่เคียงข้างกันและกัน ทั้งสองดูเหมือนจะ
จมอยู่กับความคิดของตัวเอง เรือใบอีกลําหนึ่งปรากฏขึ้นในความ
มืด ในระยะ 15 ไมล์ห่างออกไป และกําลังมุ่งตรงกลับมาสู่ท่าเรือ
ด้วย แกเร็ตมองดูข้างเรือซ้ายขวาให้แน่ใจว่าไม่มีสิ่งอื่นอยู่เพื่อให้
มีเนื้อที่กว้างพอที่เรือจะจอดได้ เธเรซ่าสังเกตเห็นว่า หมอกที่เกิด
ขึ้นทําให้มองไม่เห็นขอบฟ้าที่อยู่ตรงหน้า
เธอหันมาทางเขาและเห็นว่าผมของเขาถูกลมพัดไปข้าง
หลัง เสื้อกันฝนที่เขาใส่อยู่นั้นห้อยยาวมาถึงครึ่งน่อง มันชํารุด
จากการใช้งานและสีซีดจางจากสภาพอากาศจนดูเหมือนกับว่า
เขาใช้มันมาหลายปีแล้ว ดูเหมือนว่ามันทําให้เขาตัวใหญ่กว่าที่
เป็นจริง และภาพนี้คงจะเป็นภาพของเขาที่เธอจะจินตนาการไว้
ในความทรงจําไปได้ตลอดกาล ภาพนี้และครั้งแรกที่เธอได้พบเขา
ในขณะที่ทั้งสองเคลื่อนเข้าไปใกล้ฝั่งมากขึ้นนั้น เธเรซ่า
สงสัยขึ้นมาในทันใดนั้นว่า เขาและเธอจะได้เห็นหน้ากันอีกหรือ
ไม่? ในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้เขาและเธอคงต้องกล่าวลากัน เธอ
สงสัยว่าเขาจะขอให้เธอไปล่องเรือกับเขาอีกหรือไม่ แล้วตัวเธอ
เองก็จะไม่ถามเขา ด้วยเหตุผลบางประการแล้วดูเหมือนไม่ใช่สิ่ง
เหมาะควรที่จะทํา
ทั้งสองแล่นเรือผ่านไปถึงทางเข้าท่าเรือแล้วหันเรือตรงไปยัง
ท่าเรือ อีกครั้งที่เขาประคองเรือให้อยู่กึ่งกลางเส้นทางการสัญจร
ทางทะเล เธเรซ่าเห็นป้ายสามเหลี่ยมบอกเครื่องหมายกําหนดช่อง
ทางเดินเรือติดเรียงรายไว้เป็นชุดๆ เขายังคงกางใบเรือขึ้นสูง จน
กระทั่งถึงประมาณตําแหน่งเดิมที่เขานําขึ้นตอนแรก จากนั้นจึง
ลดใบเรือตํ่าลงเหลือระดับความสูงเท่ากับที่เขาใช้นําเรือออกทะเล
ไปตลอดช่วงเย็น เครื่องยนต์ทํางานแล้ว และภายในไม่กี่นาที
เขาและเธอก็เคลื่อนผ่านเรือซึ่งจอดเทียบท่าอยู่ตลอดช่วงเย็น เมื่อ
ทั้งสองมาถึงท่าเรือ เธอยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือ ในขณะที่แกเร็ตกระ
โดดลงมาจากเรือและใช้เชือกผูกเรือแฮปเปนสแตนซ์ไว้ เธเรซ่า
เดินไปท้ายเรือเพื่อหยิบตระกร้าและเสื้อแจ๊กเก็ตของเธอ แล้วหยุด
เดิน เธอคิดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหยิบตะกร้าขึ้นมา แต่แทนที่จะ
คว้าเสื้อแจ๊กเก็ตของเธอมาด้วย เธอกลับใช้มือข้างที่ว่างอยู่ดันเสื้อ
แจ๊กเก็ตบางส่วนซุกเข้าไปใต้เบาะที่นั่ง เมื่อแกเร็ตถามว่าทุกอย่าง
เรียบร้อยดีหรือไม่ เธอกระแอมแล้วพูดว่า ''ฉันแค่มาเอาข้าวของ
ของฉันน่ะค่ะ'' เธอเดินไปข้างเรือ เขาจึงยื่นมือมาช่วยดึงตัวขึ้น
อีกครั้งที่เธอรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งที่มีในมือเขาเมื่อเธอจับไว้
แล้วเธอก็ก้าวลงจากเรือแฮปเปนสแตนซ์ ขึ้นไปบนท่าเรือ
เขาและเธอจ้องมองกันอยู่เพียงครู่หนึ่งราวกับสงสัยว่าจะ
เกิดอะไรขึ้นต่อไป ก่อนที่แกเร็ตจะโบกไม้โบกมือไปที่เรือในที่สุด
''ผมต้องไปปิดล็อกเรือไว้ให้เรียบร้อยในช่วงกลางคืน และ
ต้องใช้เวลาสักพักหนึ่ง''
เธอผงกศรีษะ ''ฉันก็คิดว่าคุณจะพูดเช่นนั้น''
''ให้ผมเดินไปส่งคุณที่รถก่อนได้มั้ย?''
''ได้สิคะ'' เธอพูด เขาจึงเรอ่มเดินลงมาจากท่าเทียบเรือโดย
มีเธเรซ่าเดินมาเคียงข้างเขา เมื่อทั้งสองมาถึงรถเช่าของเธอแล้ว
แกเร็ตได้แต่เฝ้ามองในขณะที่เธอควานหากุญแจรถในตระกร้า หลัง
จากที่เธอพร้อมแล้ว เธอจึงไปเปิดประตูรถออก
''ก็อย่างที่ฉันบอกไปแล้วก่อหน้านั้นนั่นแหละค่ะ คืนนี้
เป็นช่วงเวลาอันแสนวิเศษสําหรับฉัน''
''ผมก็เหมือนกัน''
''คุณควรพาผู้คนออกไปล่องเรือใบกันให้มากขึ้นกว่านี้นะคะ
ฉันแน่ใจว่าพวกเขาต้องสนุกกับมันแน่''
เขายิ้มกว้างจนเห็นฟันแล้วตอบว่า ''ผมจะลองคิดดู''
ในชั่วขณะที่เธอและเขาสบตากันอยู่นั้นเอง เป็นชั่วขณะ
เดียวกันกับที่เขามองเห็นแคธรีนอยู่ในความมืด
''ผมควรจะกลับได้แล้ว'' เขาพูดขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยความ
รู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย
''พรุ่งนี้ผมต้องตื่นแต่เช้า'' เธอผงกศรีษะ และไม่รู้จะทํา
อะไรอย่างอื่นอีก แกเร็ตยื่นมือออกไป ''ผมหวังว่าคุณคงสนุกกับ
วันหยุดพักผ่อนที่เหลือของคุณนะครับ ยินดีที่ได้พบคุณ''
เธอรู้สึกว่าการจับมือลาของเขาแปลกไปเล็กน้อย หลังจาก
ที่เขาและเธอเพิ่งใช้เวลาด้วยกันมาเมื่อตอนเย็น แต่เธอก็คงแปลก
ใจอีกนั่นแหละ ถ้าเขาทําสิ่งใดต่างไปจากนี้
''ขอบคุณสําหรับทุกสิ่งทุกอย่างค่ะ แกเร็ต ยินดีมากที่ได้
พบคุณเช่นกันค่ะ''
เธอนั่งลงที่เบาะหลังพวงมาลัยแล้วบิดกุญแจสตาร์ดเครื่อง
แกเร็ตปิดประตูรถยนต์ให้เธอ แล้วเงียบฟังในขณะที่เธอเข้าเกียร์
เธอยิ้มให้เขาเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นจึงชําเลืองดูกระจกส่องหลัง
แล้วถอยรถออกมาช้าๆ แกเร็ตโบกมือให้ในขณะที่เธอเริ่มขับรถ
เคลื่อนไปข้างหน้า และเฝ้าดูอยู่ในขณะที่รถขับพ้นท่าเรือไปใน
ที่สุด เมื่อเธอขับรถไปตามทางอย่างปลอดภัยแล้ว เขาจึงหันเดิน
กลับขึ้นไปยังท่าเรือด้วยความสงสัยว่า เหตุใดเขาจึงรู้สึกว่าจิตใจ
สับสนเหลือเกิน
20 นาทีต่อมา ซึ่งเป็นเวลาพอดีกับที่แกเร็ตจัดการปิดล็อก
เรือแฮปเปนสแตนซ์เสร็จเรียบร้อยแล้ว เธเรซ่าจึงไขประตูห้องพัก
โรงแรมและก้าวเข้าไปในห้อง เธอโยนของลงบนเตียงและเดิน
ตรงไปยังห้องนํ้า ใช้นํ้าเย็นประพรมใบหน้าและแปรงฟันก่อนผลัด
เปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นจึงนอนลงบนเตียงโดยมีเพียงไฟหัวเตียง
เปิดอยู่ เธอหลับตาลงคิดถึงแกเร็ต
เดวิดคงทําทุกอย่างออกไปมากเหลือเกินถ้าเขา
เป็นผู้พาเธอไปล่องเรือใบ เขาจะต้องไปตัดเสื้อผ้าชุดใส่ตอนเย็น
ให้เหมาะสมกับภาพอันชวนหลงใหลที่เขาอยากแสดงออกมาให้
คนอื่นเห็น เขาคงพูดว่า ''เผอิยผมมีไวน์ติดมาด้วยพอดีเลย คุณ
อยากดื่มไวน์สักแก้วมั้ย?'' เขาจะพูดถึงตัวเขาเองมากขึ้นอีกเล็ก
น้อยอย่างแน่นอน แต่มันก็คงจะเป็นเรื่องที่คลุมเครือเหมือนเดิม
เดวิดเก่งในเรื่องการคาดการณ์ล่วงหน้า เมื่อความเชื่อมั่นลํ้าเส้น
ไปเป็นความหยิ่งยโส และเขาจะต้องทําให้แน่ใจว่าจะไม่ลํ้าเส้น
นั้นไปในทันที คุณจะไม่รู้เลยว่ามันคือแผนการที่วางไว้อย่างละ
เอียดซึ่งสอดรับกันเป็นขั้นตอนที่ได้ผลอย่างแยบยลในการสร้าง
ความประทับใจสูงสุด จนกว่าคุณจะรู้จักเขาดีขึ้น แต่กับแกเร็ต
แล้ว เธอรู้ทันทีว่าเขาไม่ได้กําลังเสแสร้ง มีบางอย่างที่จริงใจในตัว
เขา และเธอรู้สึกตรึงใจในท่าทางของเขา กระนั้น เธอได้ทําในสิ่ง
ที่เหมาะสมแล้วหรือ? เธอยังคงไม่แน่ใจในเรื่องนั้น พฤติกรรม
ของเธอเกือบดูเหมือนเป็นการใช้เล่ห์เพทุบาย และเธอไม่ชอบที่
จะต้องคิดถึงตัวเธอเองในลักษณะนั้นเลย
แต่มันก็ได้ทําไปแล้ว เธอตัดสินใจเอง และมันไม่มี
วันย้อนกลับไปได้แล้วตอนนี้ เธอดับไฟ และเมื่อสายตา
เริ่มปรับให้เข้ากับความมืดได้แล้ว เธอจึงมองไปยังช่องห่าง
ระหว่างม่านที่รูดมาไม่ชิดกัน จันทร์เสี้ยวกระจ่างขึ้นมาบนท้อง
ฟ้าในที่สุด แสงจันทร์อ่อนๆ สาดพรมลงบนที่นอน เธอ
จ้อมมองมัน และรู้สึกไม่อาจละสายตาไปจากความงามนั้น
ได้ จนกระทั่งร่างกายเธอค่อยๆ ผ่อนคลายลงในที่สุด และ
หลับตาลงไปในคํ่าคืนนั้น</span></span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
แมงป่อง
แม่ไข่หวาน พ่อไข่เค็ม
 
โพสต์: 1468
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ พ.ค. 05, 2007 10:25 pm

โพสต์โดย แมงป่อง » ศุกร์ มิ.ย. 27, 2008 8:53 am

<span style='color:red'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>บทที่ 7</span>

<span style='font-size:14pt;line-height:100%'><span style='color:orange'>''แล้วเกิดอะไรต่อจากนั้นล่ะ?''
เจบ เบล็กชะโงกตัวข้ามถ้วยกาแฟมา แล้วพูดขึ้นด้วยเสียง
ห้าว เขามีอายุ 70 ปี รูปร่างผอมสูง ดูจะผอมเกินไปด้วยซํ้า
ใบหน้ามีรอยสลดย่นเป็นร่องลึก ผมบางๆ บนศรีษะเกือบขาว
หมดแล้ว และลูกกระเดือกที่ยื่นออกมาจากลําคอดูคล้ายลูกพรุน
เล็กๆ แขนทั้งสองข้างมีรอยสักกับรอยแผลเป็นและเต็มไปด้วย
ไฝ ข้อนิ้วมือปูดโปนออกมาอย่างภาวรจากการทํางานเป็นคนหา
กุ้งอย่างสมบุกสมบันมานานหลายปี นอกจากตัวเขาเองแล้ว คน
อื่นอาจคิดว่าเขาห่างไกลจากสภาพนั้นมาก เขายังคงทํางาน
เกือบทุกวัน แม้ว่าตอนนี้จะไม่ได้ทําเต็มเวลา เขาออกจากบ้าน
ก่อนรุ่งอรุณเสมอ และกลับมาประมาณเที่ยงวัน
''ไม่มีอะไรเกิดขึ้นที่นั่น เธอเข้าไปนั่งในรถ แล้วก็ขับออก
ไป''
เจบ เบล็กจ้องมองลูกชายขณะมวนบุหรี่มวนแรกจาก 12
มวนที่เขาสูบในหนึ่งวัน หลายปีแล้วที่แพทย์ซึ่งรักษาเขาบอกว่า
เขากําลังฆ่าตัวเองด้วยการสูบบุหรี่ แต่เนื่องจากแพทย์คนนั้นตาย
ด้วยโรคหัวใจเมื่ออายุ 60 ปี พ่อเขาจึงไม่ไว้วางใจคําแนะนําทาง
การแพทย์มากนัก เมื่อเป็นเช่นนี้ แกเร็ตจึงนึกว่า บางทีชายชรา
คนนี้อาจมีชีวิตยืนยาวกว่าตัวเขาด้วยเช่นกัน
''งั้น นั่นก็เป็นเรื่องที่แบบว่าเสียเวลาเปล่าใช่มั้ย?''
แกเร็ตรู้สึกแปลกใจกับความตรงไปตรงมาของพ่อ ''ไม่นะ
พ่อ มันไม่ใช่เรื่องเสียเวลาเปล่า ผมมีความสุขมากเมื่อคํ่าคืนที่
ผ่านมา เธอเป็นคนคุยด้วยง่าย และผมก็สนุกที่มีเธอไปเป็น
เพื่อร''
''แต่แกจะไม่ได้พบเธออีกแล้วนี่''
แกเร็ตดื่มกาแฟและสั่นศรีษะ
''ผมก็ยังสงสัยอยู่ ก็เหมือนที่ผมบอกนั่นแหละ เธอมาที่นี่
เพื่อพักผ่อนวันหยุด''
''นานแค่ไหนล่ะ?''
''ไม่รู้เหมือนกัน ผมไม่ได้ถาม''
''ทําไมไม่ถามล่ะ?''
แกเร็ตเอื้อมไปหยิบครีมอีกซองหนึ่งเติมลงไปในถ้วยกาแฟ
''ว่าแต่...ทําไมพ่อถึงได้สนใจเรื่องนี้นักนะ ผมออกไปล่อง
เรือกับใครบางคนมาแล้วก็มีความสุข ไม่มีอะไรที่ผมจะเล่ามาก
กว่านี้แล้ว''
''มีแน่''
''เช่นอะไรล่ะ?''
''ก็อย่างเช่น แกมีความสุขกับการออกเดตของแกมากพอที่
จะเริ่มมองหาคนอื่นอีกครั้งหรือยังน่ะสิ''
แกเร็ตคนกาแฟอย่างครุ่นคิด สรุปแล้วก็เป็นเรื่องนั้นเอง
แม้เขาจะเติบโตขึ้นมาด้วยความเคยชินกับการซักไซ้อย่างละเอียด
ของพ่อเขามาตลอดระยะหลายปี แต่เช้านี้เขาไม่ได้อยู่ใน
อารมณ์ที่จะให้กินความรวมไปถึงเรื่องเก่าๆ ด้วย
''พ่อรู้ แต่พ่อเป็นห่วงแกนะ ช่วงนี้แกใช้เวลาอยู่คนเดียว
มากเกินไปแล้ว''
''ไม่นี่ ผมไม่ได้เป็นอย่างนั้น''
''เป็นสิ'' พ่อเขาพูดด้วยนํ้าเสียงอ่อนโยนจนน่าแปลกใจ
''แกเป็นแบบนั้น''
''ผมไม่อยากโต้เถียงเรื่องนี้กับพ่อนะ''
''พ่อก็ไม่อยากเหมือนกัน พ่อพยายามแล้ว แต่ไม่ได้ผล''
เขายิ้ม หลังจากเงียบกันไปพักหนึ่ง เจบ เบล็กก็พยายามใช้วิธีอื่น
''แล้วเธอเป็นยังไงบ้างล่ะ?''
แกเร็ตคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาคิดถึงเธออยู่นาน ก่อนที่จะเข้า
นอนยามคํ่าคืนในที่สุด ทั้งที่ตัวเขาไม่อยากให้เป็นเช่นนั้นเลย
''เธเรซ่าเหรอ? เธอมีเสน่ห์ดึงดูดใจและฉลาด น่ารักมาก
ในแบบฉบับเธอเอง''
''เธอยังโสดมั้ย?''
''ผมคิดว่างั้นนะ เธอหย่าแล้ว ถ้าเธอกําลังดูๆ คนอื่นอยู่
ผมไม่คิดว่าเธอจะไปล่องเรือใบกับผมนะ''
เจบอ่านสีหน้าลูกชายเขาอย่างละเอียดขณะที่แกเร็ตตอบ
เมื่อแกเร็ตพูดจบแล้ว เขาจึงชะโงกตัวข้ามถ้วยกาแฟมาอีกครั้งแล้ว
ถามขึ้นว่า ''แกชอบเธอใช่มั้ย?''
ขณะที่มองเข้าไปในดวงตาพ่อ แกเร็ตรู้ว่าเขาไม่อาจซ่อน
เร้นความจริงไว้ได้
''ใช่ ผมชอบเธอ แต่ก็เหมือนที่พูดไปแล้วนั่นแหละ บางที
ผมอาจไม่ได้พบเธออีก ผมไม่รู้ว่าเธอพักที่ไหน และเท่าที่รู้ เธอ
อาจไปจากตัวเมืองวันนี้แล้วก็ได้''
พ่อเฝ้ามองเขาอยู่เงียบๆ ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะถามคําถามต่อ
ไปด้วยความระมัดระวัง
''แต่ถ้าเธอยังอยู่ที่นี่ และแกรู้ว่าเธอยังอยู่ที่ไหน แกคิดว่าแก
จะได้พบเธอมั้ย?''
แกเร็ตไม่ตอบ ได้แต่หันมองไปทางอื่น เจบเอื้อมมือข้าม
โต๊ะมาจับแขนลูกชายเขาไว้ แม้จะมีอายุ 70 ปีแล้ว แต่มือเขาก็
ยังแข็งแรง แกเร็ตจึงรู้สึกถึงแรงกดมากพอที่จะทําให้เขาตั้งใจฟัง
''ลูก มันเป็นเวลา 3 ปีจนถึงเดี๋ยวนี้แล้วนะ พ่อรู้ว่าแกรัก
เธอ แต่ตอนนี้มันไม่เป็นไรแล้วนี่ที่จะปล่อยให้เรื่องราวที่เกิดขึ้น
ผ่านพ้นไป แกรู้เรื่องนั้นดีนี่ ใช่มั้ย? แกต้องปลดปล่อยอดีตไป
ให้ได้''
เขาต้องใช้เวลาครู่หนึ่งก่อนตอบ
''ผมรู้น่าพ่อ แต่มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก''
''ไม่มีอะไรที่มีค่าแบบนั้นทํากันได้ง่ายๆ เด็ดขาด จงจําคํา
นั้นไว้''
ไม่กี่นาทีต่อมาพวกเขาดื่มกาแฟเสร็จ แกเร็ตโยนเงิน 2
ดอลล่าร์ลงบนโต๊ะแล้วเดินตามพ่อเขาออกจากร้านอาหาร ตรงไป
ยังรถของเขาซึ่งจอดอยู่ที่ลานจอดรถ ในที่สุดเมื่อแกเร็ตมาถึงร้าน
แล้ว เรื่องราวต่างๆ มากมายก็ผ่านเข้ามาในหัวเขา เมื่อไม่อาจตั้ง
สมาธิอยู่กับงานเอกสารที่จําเป็นต้องทําได้ เขาจึงตัดสินใจกลับไป
ยังท่าเรือเพื่อซ่อมเครื่องยนต์ที่เริ่มลงมือซ่อมไว้เมื่อวันก่อนให้เสร็จ
แม้เป็นที่แน่นอนว่าวันนี้เขาต้องใชเวลาบางช่วงที่ร้าน แต่เขาก็จํา
เป็นต้องใช้เวลาอยู่ตามลําพังสักพักหนึ่ง
แกเร็ตยกกล่องเครื่องมือขึ้นมาจากท้ายรถแล้วนําไปยัง
เรือที่เขาใช้สอนดํานํ้าแบบสคูบ้า เรือบอสตันเวลเลอร์อันเก่าแก่
ครํ่าคร่ามีขนาดใหญ่พอที่จะบรรทุกนักเรียนได้ 8 คน และมีเกียร์
เฉพาะที่จําเป็นสําหรับการดํานํ้าลงไปใต้นํ้าลงไปใต้นํ้า
การทํางานกับเครื่องยนต์เป็นงานที่ใช้เวลาแต่ไม่ใช่งานยาก
และเขาก็ซ่อมไปได้มากแล้วตั้งแต่วันก่อน ขณะที่ถอดฝาครอบ
เครื่องยนต์ออก เขาคิดถึงบทสนทนาที่พูดกับพ่อ พ่อเขาพูดถูก
แน่นอน ไม่มีเหตุผลใดเลยที่จะยื้อความรู้สึกแบบที่เขาทํามาตลอด
ไว้ แต่พระเจ้าทรงเป็นพยานได้ เขาไม่รู้ว่าจะหยุดความรู้สึกได้
อย่างไร แคธรีนมีความหมายทุกอย่างกับเขา ทั้งหมดที่เธอต้อง
ทําคือการมองดูเชา เพียงแค่นั้นเขาก็รู้สึกประหนึ่งว่าทุกอย่างใน
โลกสดใสขึ้นมาทันที และเมื่อเธอยิ้ม...โอ้ พระเจ้า นั่นคืออะไร
บางอย่างที่เขาไม่เคยพบจากใครคนอื่นเลย การที่สิ่งต่างๆ เช่น
นั้นถูกพรากจากไป...มันไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ และมากยิ่งไปกว่า
นั้น ดูเหมือนว่ามันช่าวเป็นเรื่องไม่ถูกต้องเลยจริงๆ และมากยิ่งไปกว่า
นั้น ดูเหมือนว่ามันช่างเป็นเรื่องไม่ถูกต้องเลยจริงๆ ทําไมต้องเป็น
เธอด้วย ในบรรดาผู้คนทั้งหมด? และทําไมต้องเป็นเขาด้วย?
หลายเดือนมาแล้วเขาต้องนอนผวาตื่นขึ้นมากลางดึก เฝ้าถาม
ตัวเองว่า ''จะเกิดอะไรขึ้น ถ้า...'' จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเธอรออยู่นาน
กว่านั้นอีกสักวินาทีก่อนข้ามถนน? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาและเธอ
อ้อยสร้อยกินอาหารเช้าให้นานขึ้นอีกสองสามนาที? จะเกิดอะไร
ขึ้นถ้าเธอออกไปกับเขาด้วยในเช้าวันนั้นแทนที่จะตรงไปร้าน? คํา
ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้า...นับพันครั้งก็ไม่อาจทําให้เขาเข้าใจเรื่องราว
ทั้งหมดชัดเจนขึ้นกว่าทีเขาได้ประสบเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นครั้งแรก
เลย

เขาเพ่งสมาธิไปที่งานในมือเพื่อพยายามไม่คิดอะไร โดย
ขันสลักเกลียวยึดคาร์บูเรเตอร์ แล้วนําออกมาจากเครื่องยนต์
จากนั้นจึงเริมแยกสิ้นส่วนต่างๆ ของคาร์บูเรเตอร์ออกจากกันด้วย
ความระมัดระวังเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรด้านในสึกเหรอจนเกินไป
เขาไม่คิดว่านี่คือที่มาของปัญหาเครื่องยนต์ แต่ต้องการตรวจสอบ
ให้ละเอียดยิ่งขึ้นเพื่อความแน่ใจ
ดวงอาทิตย์สูงขึ้นเหนือศรีษะ ในขณะที่เขาทํางานอย่างไม่
หยุดหย่อน เขาปาดเหงื่อที่ชุ่มขึ้นมาบนหน้าผาก และจําได้ว่าเมื่อ
วานในเวลาใกล้เคียงกันนี้ เขาเฝ้ามองเธเรซ่าขณะที่เธอเดินลงมา
จากท่าเรือตรงไปยังเรือแฮปเปนสแตนซ์ เขาตั้งข้อสังเกตขึ้นมา
ทันทีว่า เธอมีดหตุผลอื่นในการมาตามลําพังหรือไม่ ผู้หญิงที่มีรูป
ร่างหน้าตาอย่างเธอแทบจะไม่เคยมีใครเดินมาที่ท่าเรือคนเดียว
เลย โดยปกติแล้วพวกเธอจะมาพร้อมกับสุภาพบุรุษสูงวัยกว่า
ที่มั่งคั่ง ซึ่งเป็นเจ้าของเรือยอซต์ที่จอดอยู่อีกด้านหนึ่งของท่าเรือ
เมื่อเธอหยุดอยู่ที่เรือของเขา เขาจึงแปลกใจ แม่เขาจะคาดว่าเธอ
คงหยุดอยู่เพียงชั่วครู่ ก่อนที่จะเดินต่อไปยังจุดหมายสุดท้ายของ
เธอ นั่นคือสิ่งปกติที่คนส่วนใหญ๋ทํา แต่หลังจากเฝ้ามองเธออยู่
พักหนึ่ง เขาก็รู้ว่าเธอมาที่ท่าเรือเพื่อมาดูเรือแฮปเปนสแตนซ์ และ
ลักษณะการเฝ้าเดินช้าๆ เรื่อยๆ รอบเรือนั้น ทําให้ดูเหมือนว่าเธอ
มาอยู่ที่นั่นเพราะเหตุผลอื่นด้วย
เขาเกิดความอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาจึงเดินเข้าไปพูดคุยกับ
เธอ โดยขณะนั้นไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งใดผิดปกติ แต่ต่อมาขณะที่
กําลังปิดล็อกเรือในเวลาเย็น เขาจึงรู้ว่ามีบางอย่างแปลกๆ ในท่าที
ที่เธอมองเขาครั้งแรก ซึ่งดูแทบจะเหมือนกับว่าเธอนึกถึงอะไรบาง
อย่างเกี่ยวกับตัวเขาขึ้นมาได้ อะไรบางอย่างซึ่งโดยปกติแล้วเขา
เฝ้าเก็บมันไว้อย่างลํ้าลึกภายในตัวเขา ยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือนว่า
เธอจะรู้เรื่องเกี่ยวกับตัวเขามากกว่าที่เธอตั้งใจบอกให้รู้
แล้วเขาก็สะบัดศรีษะเมื่อรู้ว่ามันไม่มีเหตุใดๆ เลยที่จะคิด
เช่นนั้น เธอบอกว่าเธออ่านบทความเกี่ยวกับตัวเขาในร้าน บางที
นั่นอาจเป็นที่มาของการมองแปลกๆ เขานึกถึงเรื่องนั้น และใน
ที่สุดก็ตัดสินใจว่านั่นคงเป็นเหตุผล เขารู้ว่าเขาไม่เคยพบเธอมา
ก่อน ถ้าเคย เขาน่าจะจําได้ แล้วอีกอย่าง เธอก็มาจากบอสตัน
เพื่อมาเที่ยวพักผ่อนวันหยุด นั่นเป็นคําอธิบายที่พอจะฟังขึ้นที่เขา
คิดได้ แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังมีอะไรบางอย่างที่ไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้น
ฐานของเหตุผลที่ดีนักเกี่ยวกับสถานการณ์ทั้งหมด
แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสําคัญ
เขาและเธอไปล่องเรือใบด้วยกัน มีความสุขกับมิตรภาพที่
มีให้แก่กัน และกล่าวลาซึ่งกันและกัน นั่นคือตอนจบของเรื่อง ใน
ขณะที่เขาบอกเรื่องนี้กับพ่อเขานั้น เขาไม่อาจติดต่อกับเธอได้อีก
แล้ว แม้ว่าอยากทําเช่นนั้น บางทีขณะนี้เธออาจอยู่ระหว่างการ
เดินทางกลับบอสตัน หรืออาจกลับในอีกสองสามวัน แล้วเขาก็มี
สิ่งต่างๆ นับร้อยอย่างที่ต้องทําในสัปดาห์นี้ ฤดูร้อนเป็นฤดูที่นิยม</span></span></span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
แมงป่อง
แม่ไข่หวาน พ่อไข่เค็ม
 
โพสต์: 1468
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ พ.ค. 05, 2007 10:25 pm

โพสต์โดย แมงป่อง » ศุกร์ มิ.ย. 27, 2008 7:37 pm

<span style='color:blue'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>สําหรับชั้นเรียนดํานํ้า และมีคนจองเรียนเต็มทุกสัปดาห์ไปจนถึง
ปลายเดือนสิงหาคม เขาไม่มีทั้งเวลาและพลังงานที่จะรับโทรศัพท์
ไปทุกโรงแรมในเมืองวิลมิงตันเพื่อค้นหาเธอ และแม้ว่าเขาทําเช่น
นั้น เขาจะพูดว่าอะไร? สิ่งที่เขาพูดไปจะไม่ฟังดูเป็นเรื่องน่าขัน
หรือ?
เขาทํางานกับเครื่องยนต์ พร้อมกับคําถามที่วนเวียนอยู่
ภายในใจเหล่านี้ เขาใส่เหล็กยึดแทนที่ตัวเดิมที่รั่วภายหลังจาก
พบสาเหตุุการขัดข้องแล้ว เขาประกอบคาร์บูเรเตอร์กลับเข้าไป
แล้วติดตั้งกลับเข้าไปในเครื่องยนต์ใหม่ จากนั้นจึงใส่ฝาครอบ
เครื่องยนต์และเริ่มหมุนเดินเครื่อง เสียงเครื่องยนต์ฟังดูดีขึ้นมาก
เขาแก้เชือกผูกเรือออกแล้วนําเรือบอสตันเวลเลอรืออกทะเลไป
เป็นเวลาร่วม 40 นาที เขาขับเรือด้วยความเร็วต่อเนื่องกันไปเป็น
ลําดับ ติดและดับเครื่องยนต์มากกว่าหนึ่งครั้ง เมื่อพอใจแล้วจึง
นําเรือกลับมายังที่จอดบริเวณท่าเรือ เขาเก็บรวบรวมเครื่องมือ
ด้วยความพอใจที่ใช้เวลาน้อยกว่าที่คาดไว้ จากนั้นจึงนําเครื่อง
มือกลับมายังรถ แล้วขับไปร้านไอส์แลนด์ไดฟ์วิ่งซึ่งอยู่ถัดไปสอง
ช่วงตึก
มีเอกสารต่างๆ กองอยู่ในกล่องใส่งานเข้าใหม่บนโต๊ะทํา
งานตามปกติ เขาใช้เวลาครู่หนึ่งตรวจสอบ ส่วนใหญ่เป็นแบบ
ฟอร์มสั่งซื้อสินค้าสําหรับสินค้ารายการต่างๆ ที่จําเป็นต้องสั่งเข้า
ร้านซึ่งกรอกข้อความเรียบร้อยแล้ว มีบิลอีกสองสามใบอยู่ใน
นั้นด้วย เขานั่งเก้าอี้แล้วทํางานง่วนอยู่กับกองเอกสารนั้นอย่าง
รวดเร็ว
ก่อนเวลา 11 นาฬิกาเล็กน้อย เขาก็ทํางานส่วนใหญ่ที่จํา
เป็นเสร็จสิ้นลง และเดินตรงไปหน้าร้าน เอียน พนักงานซึ่งมา
ทํางานในช่วงฤดูร้อนกําลังใช้โทรศัพท์ เมื่อแกเร็ตเดินเข้าไปหา
เอียนส่งเสษแผ่นเล็กๆ 3 แผ่นให้เขา สองแผ่นแรกมา
จากตัวแทนจําหน่าย ซึ่งปรากฏข้อความสั้นๆ เขียนด้วยลายมือ
หวัดๆ อ่านแล้วดูเหมือนมีการสั่งซื้อของบางอย่างปะปนอยู่กับ
รายการเดิมที่เขาสั่งไปแล้วเมื่อเร็วๆ นี้ นี่เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เขา
ต้องรับผิดชอบ เขาคิดแล้วก็กลับไปที่สํานักงาน
เขาอ่านข้อความที่สามขณะกําลังเดิน และหยุดเดินเมื่อเขา
รู้ว่าเป็นข้อความจากใคร เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรผิดพลาด เขา
เข้าไปในสํานักงานแล้วปิดประตู จากนั้นจึงกดหมายเลขตามที่
เขียนไว้ในข้อความ แล้วขอต่อไปยังหมายเลขที่ให้ไว้
เธเรซ่า ออสบอร์นกําลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ เมื่อเสียงกริ่ง
โทรศัพท์ดังขึ้น เธอยกหูโทรศัพท์ขึ้นรับเมื่อเสียงกริ่งดังขึ้นเป็นครั้ง
ที่สอง
''สวัสดีครับ เธเรซ่า นี่ผมแกเร็ตพูด มีข้อความฝากไว้ที่นี่
ว่าคุณโทร.มา''
นํ้าเสียงเธอแสดงความดีใจที่ได้ยินเสียงจากเขา
''โอ้ สวัสดีค่ะ แกเร็ต ขอบคุณที่โทร.กลับมาหาฉัน คุณ
สบายดีมั้ยคะ?''
การได้ยินเสียงเธอนําเอาความทรงจําในเย็นวันก่อนกลับคืน
มา เขายิ้มให้ตัวเองและนึกภาพว่า เธอมีลักษณะท่าทางอย่างไร
ขณะที่เธอนั่งอยู่ในห้องพักโรงแรม
''ผมสบายดี ขอบคุณ ผมแต่ตรวจดูงานเอกสารบางอย่าง
และได้รับข้อความที่คุณฝากไว้ คุณมีอะไรให้ผมช่วยรึเปล่า?''
''เอ้อ...คือว่า ฉันลืมเสื้อแจ๊กเก็ตไว้บนเรือเมื่อคืนวานนี้ ฉัน
อยากรู้ว่าคุณเห็นมันบ้างมั้ย?''
''ผมไม่เห็นนะ แต่จริงๆ แล้วผมไม่ได้มองดูเสื้อตัวนั้นอย่าง
ละเอียด คุณลืมไว้ที่ห้องพักในเรือรึเปล่า?''
''ฉันไม่แน่ใจค่ะ''
แกเร็ตหยุดพูดไปครู่หนึ่ง ''เอาละ'' ขอผมวิ่งลงไปที่นั่น
แล้วหาดูก่อนนะ ผมจะโทร.กลับไปหาคุณว่าหาพบหรือเปล่า''
''นั่นทําให้คุณลําบากเกินไปมั้ย?''
''ไม่หรอก ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาที คุณจะยังอยู่ที่นั่นอีกสักพัก
หนึ่งรึเปล่าล่ะ?''
''น่าจะอยู่ค่ะ''
''ตกลง ผมจะโทร.กลับไปหาคุณทันที''
แกเร็ตบอกลา ก่อนเดินออกจากร้านกลับไปยังท่าเรืออย่าง
รวดเร็ว หลังจากก้าวขึ้นไปบนเรือแฮปเปนสแตนซ์แล้ว เขาจึง
ไขกุญแจห้องพักบนเรือและลงไปในห้องข้างล่าง เมื่อไม่พบเสื้อ
แจ๊กเก็ต เขาจึงกลับหันมากวาดสายตามองตามดาดฟ้าเรือ
ในที่สุดก็เห็นเสื้อแจ๊กเก็ตซึ่งมีบางส่วนซุกอยู่ใต้เบาะที่นั่งใกล้ๆ
ท้ายเรือ แล้วหยิบมันขึ้นมาดูให้แน่ใจว่าไม่มีรอยเปื้อน จากนั้นจึง
กลับมาที่ร้าน
เขากลับมาที่สํานักงานอีกครั้ง กดหมายเลขโทรศัพท์ตามที่
เขียนไว้บนเศษกระดาษ คราวนี้เธเรซ่ายกหูโทรศัพท์เมื่อเสียงกริ่ง
ดังครั้งแรก
''นี่ผมเอง'' แกเร็ตพูด ''ผมพบเสื้อแจ๊กเก็ตของคุณแล้ว''
เธอทําเสียงโล่งอก ''ขอบคุณค่ะ ฉันรู้สึกซาบซึ้งที่คุณไป
หาเสื้อแจ๊กเก็ตให้''
''ไม่เป็นปัญหาเลยครับ''
เธอเงียบไปครู่หนึ่ง เหมือนกับตัดสินใจว่าจะทําอะไรต่อ
ในที่สุดเธอก็เอ่ยขึ้นว่า
''คุณช่วยเก็บไว้ให้หน่อยได้มั้ย? ฉันจะไปรับคืนที่ร้านคุณ
ภายในเวลาประมาณ 20 นาที''
''ยินดีครับ'' เขาตอบ
หลังจากวางหูโทรศัพท์แล้ว เขาเอนหลังลงกับพนักเก้าอี้
แล้วคิดถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น เธอยังไม่ได้ไปจากเมือง เขาคิด และ
เรามีโอกาสพบเธออีกครั้ง แม้เขาไม่อาจเข้าใจว่าเธอลืมเสื้อแจ๊ก
เก็ตได้อย่างไร ในเมื่อเธอนําของติดตัวไปด้วยเพียงสองสามอย่าง
เท่านั้น แต่สิ่งหนึ่งซึ่งแสดงให้เห็นชัดเจนอย่างแท้จริงก็คือ เขาดีใจ
แน่ๆ ที่เกิดเหตุการณ์ครั้งนี้
สิ่งนั้นต่างหากที่สําคัญ ไม่ใช่เรื่องอื่นแน่นอน
20 นาทีต่อมาเธเรซ่าก็มาถึง เธออยู่ในชุดกางเกงขาสั้น
เสื้อแขนกุดคอลึก ซึ่งทําให้รูปร่างเธอดูแสนวิเศษ เมื่อเธอเข้ามา
ในร้าน ทั้งเอียนและแกเร็ตต่างจ้องมองเธอ ในขณะที่เธอกวาด
สายตาไปรอบๆ ในที่สุดสายตาเธอก็หยดอยู่ที่เขา เธอยิ้มแล้ว
พูดเสียงดังมาจากตุดที่ยืนอยู่ เอียนเลิกคิ้วไปที่แกเร็ตเหมือนจะ
ถามว่า ''คุณกําลังไม่บอกอะไรผมหรือเปล่า?'' แกเร็ตไม่ใส่ใจ
กับการแสดงสีหน้าดังกล่าวแล้วเดินตรงไปหาเธเรซ่าพร้อมกับเสื้อ
แจ๊กเก็ตในมือ เขารู้ว่าเอียนจะสอดส่องทุกอย่างที่เขาทําแล้วมา
กวนใจถามเขาถึงเรื่องต่างๆ ในเวลาต่อมา แม้เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะ
พูดอะไรเลยก็ตาม
''ยังดีเหมือนใหม่เลยครับ'' เขาพูดแล้วยื่นเสื้อแจ๊กเก็ตให้
เมื่อเธอก้าวเข้ามาใกล้พอที่จะรับมันไว้ ขณะที่เธอกําลังเดินทาง
มาถึง แกเร็ตล้างจาระบีออกจากมือ แล้วเปลี่ยนเสื้อเป็นเสื้อยืดตัว
ใหม่ในร้านเขาที่ติดป้ายลดราคา มันไม่ได้ดูน่าประทับใจอะไรนัก
แต่ก็ดูดีกว่าแบบที่เคยเห็นเขามาก่อนหน้านี้ อย่างน้อยที่สุดตอน
นี้เขาก็มองดูสะอาดสะอ้าน
''ขอบคุณนะคะที่เก็บเสื้อแจ๊กเก็ตมาให้'' เธอพูด มีอะไร
อบางอย่างในดวงตาเธอซึ่งทําให้เกิดแรงดึงดูดแรกเริ่มแบบเดียวกัน
ที่เขารู้สึกในวันก่อนเกิดขึ้นมาอีกครั้ง เขาเกาข้างใบหน้าอย่างใจ
ลอย
''ผมยินดีทําให้ครับ ผมคิดว่าแรงลมคงพัดมันปลิวออกไป
จากจุดที่มองเห็นได้ชัด''
''ฉันก็คิดอย่างนั้นค่ะ'' เธอพูดพร้อมกับยักไหล่เล็กน้อย
แกเร็ตเฝ้ามองในขณะที่เธอขยับไหล่เสื้อให้เข้าที่ เขาไม่รู้ว่าเธอ
รีบร้อนหรือไม่ และไม่แน่ใจว่าเขาต้องการให้เธอจากไปหรือยัง
เขาเอ่ยประโยคแรกที่เกิดขึ้นในใจ
''เมื่อคืนที่ผ่านมาผมมีความสุขมากครับ''
''ฉันก็เช่นกันค่ะ''
ดวงตาของเธอจับจ้องอยู่ที่ดวงตาเขาในขณะที่เธอพูดและ
แกเร็ตยิ้มตอบอย่างอ่อนโยน เขาไม่รู้จะพูดอะไรอีก นานมาแล้ว
ทีเขาเคยตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ แม้เขาจะเก่งในการพูดคุยกับ
ลูกค้าและคนแปลกหน้าทั่วไปอยู่เสมอ แต่สถานการณ์เช่นนี้แตก
ต่างกันโดยสิ้นเชิง เขางอเข้าพับขาข้างหนึ่งอยู่และรู้สึกราวกับตัว
เองอายุ 16 อีกครั้ง ในที่สุดเธอจึงเป็นฝ่ายพูดขึ้น
''ฉันรู้สึกเหมือนเป็นหนี้ที่คุณเสียเวลาเป็นธุระทําเรื่องนี้ให้
ค่ะ''
''อย่าพูดตลกอย่างงั้นสิ คุณไม่ได้เป็นหนี้อะไรทั้งนั้น''
''อาจไม่ใช่สําหรับการเก็บเสื้อแจ๊กเก็ตมาให้ แต่ฉันเป็นหนี้
สําหรับเมื่อคืนวานด้วยค่ะ''
เขาสั่นศรีษะ ''นั่นก็ไม่ใช่เหมือนกัน ผมดีใจที่คุณมา''
ผมดีใจที่คุณมา ถ้อยคํานั้นวนเวียนผ่านเข้ามาในหัวเขา
ทันที หลังจากที่พูดออกไปสองวันก่อน เขาไม่สามารถจินตนาการ
ได้ว่าเขาจะกล่าวถ้อยคํานั้นกับใครได้
เสียงโทรศัพท์ดังแทรกขึ้น ทําให้เขาหลุดจากภวังค์แห่ง
ความคิด เขาซื้อเวลาต่อไปด้วยการถามขึ้นว่า ''คุณขับรถมาที่นี่
ตลอดทางเพียงเพื่อมารับเสื้อแจ๊กเก็ต หรือคุณกําลังจะไปเที่ยว
ชมสถานที่ๆน่าสนใจเล็กๆ น้อยๆ ด้วยครับ?''
''จริงๆ แล้วฉันไม่ได้วางแผนที่จะทําเช่นนั้นหรอกค่ะ นี่ก็
ใกล้เวลาอาหารมื้อเที่ยงแล้ว ฉันกําลังจะไปหาอาหารเบาๆ กิน
สักหน่อยค่ะ'' เธอมองเขาด้วยความคาดหวัง
''มีร้านอะไรแนะนํามั้ยคะ?''
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบว่า ''ผมชอบร้านแฮงก์ เป็นภัต
ตาคารอยู่แถวๆ สะพานท่าเทียบเรือ อาหารสดและทิวทัศน์งดงาม
ซาบซึ้งตรึงใจ''
''ร้านตั้งอยู่ที่ไหนแน่นอนคะ?''
เขายกมือขึ้นเหนือไหล่แล้วทําท่าทางประกอบ
''อยู่หาดไรส์วิลครับ พอคุณข้ามสะพานไปถึงเกาะแล้วคุณ
ก็เลี้ยวขวา ยังไงก็หาเจอ แค่มองหาป้ายบอกทางไปสะพานท่า
เทียบเรือ ถัตตาคารตั้งอยู่ที่นั่นพอดีเลย''
''ที่นั่นมีอาหารประเภทไหนคะ?''
''ส่วนใหญ่เป็นอาหารทะเลครับ ที่นั่นมีกุ้งและหอยนางรม
ที่เยี่ยมมาก แต่ถ้าคุณต้องการกินอะไรบางอย่างนอกเหนือจาก
อาหารทะเล ก็มีเบอร์เกอร์ และอาหารอื่นคล้ายๆ กันด้วย''
เธอรออยู่ว่าเขาจะพูดอย่างอื่นเพิ่มเติมอีกหรือไม่ เมื่อเขา
ไม่ได้พูดอะไรแล้ว เธอจึงชําเลืองไปทางอื่นแล้วมองไปทางหน้าต่าง
ร้าน เธอยังคงยืนอยู่ที่นั่น แกเร็ตรู้สึกเก้อเขินในการมาของเธอ
เป็นครั้งที่สองภายในเวลาไม่กี่นาที อะไรในตัวเธอกันนะที่ทําให้
เขารู้สึกแบบนี้? ในที่สุดเมื่อรวบรวมสติได้แล้วเขาจึงเอ่ยขึ้นว่า
''ถ้าคุณอยากไป ผมจะพาคุณไปที่ร้านนั้น ผมเองก็ชักเริ่มหิวแล้ว
และยินดีมากที่จะพาคุณไปที่นั่น ถ้าคุณต้องการเพื่อน''
เธอยิ้ม ''ฉันก็อยากให้เป็นอย่างนั้นค่ะ แกเร็ต''
เขาดูโล่งอก ''รถผมอยู่หลังร้าน คุณอยากให้ผมขับไป
มั้ย?''
''คุณรู้จักทางดีกว่าฉันนี่คะ'' เธอตอบ แกเร็ตชี้ทางแล้ว
เดินนําเธอผ่านออกไปทางประตูหลังร้าน เธอไม่อาจหักห้ามใจที่
จะยิ้มให้กับตัวเองได้ จึงเดินตามหลังห่างเขาไปเล็กน้อยเพื่อไม่ให้
เขาเห็นสีหน้าเธอ
ร้านแฮงค์เริ่มดําเนินธุรกิจตั้งแต่สร้างสะพานท่าเทียบเรือ
และมีลูกค้าทั้งในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาบ่อยๆ
เหมือนกัน ร้านนี้คล้ายกับภัตตาคารหลายแห่งบริเวณสะพาน
ท่าเทียบเรือที่เคปคอด กล่าวคือ ด้อยในเรื่องสภาพแวดล้อม
แต่มีลักษณะเฉพาะที่โดดเด่น พื้นไม้ในร้านถลอดปอกเปิกและ
มีรอยสึกอันเกิดจากรอยเท้าเปื้อนทรายที่ไถครูดมานานหลายปี
หน้าต่างบานใหญ่ทําให้เห็นทิวทัศน์ของมหาสมุทรแอตแลนติก มี
รูปปลาตัวใหญ่ถ่ายไว้เป็นอนุสรณ์กับคนที่ตกไว้แขวนอยู่บนผนัง
ร้าน มองไปอีกด้านเป็นประตูนําไปสู่ห้องครัว เธเรซ่าเห็นจานใส่
อาหารทะเลสดมากมายถูกลําเลียงลงบนถาด โดยมีบริกรชาย
หญิงแต่งกายในชุดกางเกงขาสั้นและเสื้อยืดสีฟ้าปีกตราชื่อถัตตา
คารเป็นผู้ถือถาดเสริฟ โต๊ะและเก้าอี้ทําด้วยไม้ดูแข็งแรง และบน
นั้นประดับประดาไปด้วยรอยแกะสลักของผู้มาเยี่ยมเยีนคนก่อนๆ
หลายร้อยคน ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ๆจําเป็นต้องแต่งตัวอะไรมากไป
กว่าชุดชายหาดง่ายๆ เธเรซ่าสังเกตเห็นว่าคนส่วนใหญ่ที่นั่นดูราว
กับพวกเขาใช้เวลาส่วนใหญ่นอนอาบแดดกันมาในช่วงเช้า
''เชื่อผมเถอะ'' เขาพูดขณะที่ทั้งสองเดินไปที่โต๊ะ ''อาหาร
เยี่ยม ไม่ว่าสถานที่จะดูเป็นยังไงก็ตาม''
เขาและเธอนั่งลงที่โต๊ะใกล้ๆ มุมร้าน แกเร็ตเลื่อนขวด
เบียร์ 2 ขวดที่ยังไม่ได้เก็บไปไว้ข้างโต๊ะ เมนูเสียบอยู่ระหว่าง
เครื่องปรุงรสที่เรียงกันเป็นลําดับ ทั้งซอสมะเขือเทศ ซอสพริก
ทาแบสโค ทาทะซอส* (*Tartar sauce - มายองเนสใส่แตงกวาดอง
สับ มะกอกสับ Capers และผักชีฝรั่ง;Capers คือชื่อพันธุ์ไม้เลื้อยแถบ
เมดิเตอร์เรเนียน ดอกตูมเล็กๆ นํามาดองใช้เป็นเครื่องปรุงอาหาร)
และค็อกเทลซอส ที่ใส่ไว้ในขวดบีบ และ
มีซอสอีกขวดหนึ่งติดฉลากเพียงคําว่า ''แฮงก์'' อยู่ด้วย เมนู
เคลือบด้วยพลาสติกราคาถูก ดูเหมือนไม่ไดเปลี่ยนใหม่มานาน
หลายปี เธเรซ่ากวาดสายตาไปรอบๆ ร้าน และเห็นว่ามีคนนั่งเต็ม
เกือบทุกโต๊ะ
''คนแน่นนะคะ'' เธอพูดขึ้นโดยทําตัวตามสบาย
''แน่นแบบนี้ตลอดเลยครับ เป็นอย่างนี้มาก่อนที่หาดไรส์
วิลจะเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวด้วยซํ้า ร้านนี้เป็นร้านที่คนชอบ
พูดถึงกันปากต่อปาก คุณไม่อาจแม้แต่จะเข้ามาในนี้ได้เลยนะ
ครับในคืนวันศุกร์หรือคืนวันเสาร์ ถ้าคุณไม่เต็มใจรอเป็นเวลาสอง
สามชั่วโมง''
''อะไรดึงดูดให้ผู้คนมากันคะ?''
''อาหารและราคาครับ ทุกเช้าจะมีปลาและกุ้งสดๆ มาลง
ที่ร้านแฮงก์ และตามปกติแล้วคุณจะเดินออกไปจากที่นี่โดยไม่
ต้องจ่ายเงินเกิน 10 ดอลล่าร์รวมทิป และนั่นคือราคาพร้อมเบียร์
2 ขวดด้วย''
''เขาทําได้ยังไงคะ?''
''จํานวนมั้งครับ ผมเดาเอา ก็เหมือนที่พูดนั่นแหละครับ
ร้านนี้คนแน่นตลอด''
''งั้นก็โชคดีแล้วนะคะที่เรามีโต๊ะนั่ง''
''ใช่ครับ เราโชคดีที่มาถึงก่อนที่คนท้องถิ่นจะมากัน และ
กลุ่มคนที่ชายหาดก็ไม่เคยละเลียดกินอาหารกันซะด้วย พวกเขา
แค่รีบกรูกันขึ้นมาในร้านเพื่อกินเร็วๆ แล้วมุ่งกลับไปอยู่กลางแดด
ต่อ
เธอมองไปรอบๆ ภัตตาคารเป็นครั้งสุดท้ายก่อนชําเลืองดู
เมนู ''แล้วคุณแนะนําให้สั่งอะไรดีคะ?''
''คุณชอบอาหารทะเลมั้ย''
''ชอบมากเลยค่ะ''
''งั้นสั่งปลาทูน่าหรือไม่ก็ปลาโลมสิ อร่อยทั้งสองอย่าง
เลย''
''ปลาโลมาเหรอ?''
เขาหัวเราะเบาๆ ''ไม่ใช่ปลาโลมาจริงๆ แบบฟลิปเปอร์* (*Flipper
ชื่อปลาโลมาแสนรู้ในภาพยนต์โทรทัศน์ที่โด่งดังของสหรัฐอเมริกา
ระหว่างช่วงต้นปี ค.ศ. 1960-1969 เรื่อง Flipper เคยมาฉายทาง
โทรทัศน์ในประเทศไทยเมื่อหลายสิบปีก่อน)
มันคือปลาชื่อโลมา นั่นคือชื่อที่เราเรียกกันในแถบนี้''
''ฉันคิดว่าฉันลองชิมปลาทูน่าดีกว่า'' เธอพูดพร้อมกับหลิ่ว
ตา ''เพื่อความแน่ใจ''
''คุณคิดว่าผมกุเรื่องนั้นขึ้นมางั้นเหรอ?''
เธอพูดด้วยนํ้าเสียงล้อเลียนว่า ''ฉันไม่รู้จะคิดยังไงดี เรา
เพิ่งพบกันเมื่อวานนี้จําได้มั้ยคะ ฉันยังไม่รู้จักคุณดีพอที่จะแน่ใจ
ได้เต็มที่ว่าคุณสามารถทําอะไรได้บ้าง''
''ผมปวดร้าวใจนะ'' เขาพูดด้วยนํ้าเสียงแบบเดียว
กัน เธอหัวเราะ และเขาก็หัวเราะตามไปด้วย หลังจากนั้นครู่หนึ่ง
เธอก็ทําให้เขาแปลกใจด้วยการเอื้อมมือข้ามโต๊ะมาแตะแขนเขาชั่ว
ขณะ ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักว่า แคธรีนเคยทําสิ่งเดียวกันนี้เพื่อ
เรียกความสนใจจากเขา
''ดูทางโน้นสิ'' เธอพูดพร้อมกับผงกศรีษะไปทางหน้าต่าง
ร้าน แกเร็ตหันตามไปดู บนสะพานท่าเทียบเรือ ผู้ชายที่มีอายุ
มากกว่าเขาคนหนึ่งถืออุปกรณ์ตกปลาอยู่ ซึ่งมองดูปกติธรรมดา
ทุกอย่าง เว้นแต่มีนกแก้วตัวใหญ่เกาะอยู่บนบ่าเขา
แกเร็ตสั่นศรีษะและยิ้ม สัมผัสเธอยังรู้สึกติดตรึงไม่จางหาย
ไปจากแขนเขา ''ในแถบนี้เรามีคนทุกประเภทเลยครับ ไม่เหมือน
แคลิฟอร์เนียทีเดียวนัก แต่ให้เวลาเราสองสามปีก็คงเหมือนกัน''
เธเรซ่าเฝ้ามองไม่วางตา ขณะที่ชายคนนั้นกับนกเดินเรื่อย
เปื่อยลงไปตามสะพานท่าเทียบเรือ ''คุณควรมีคนแบบนั้นสักคน
ไปเป็นเพื่อนคุณด้วยเมื่อคุณออกไปล่องเรือใบนะคะ''
''แล้วมาทําลายความเงียบและความสงบสุขของผมงั้นรึ?
ผมรู้ว่าการที่สิ่งต่างๆ ไม่พูดเป็นโชคดีของผม แต่เจ้านกตัวนั้นคง
เอาแต่ร้องแคว้กๆ ตลอดเวลา และบางทีอาจกัดหูผมขาดออกมา
บางส่วนเมื่อลมเปลี่ยนทิศครั้งแรกก็ได้''
''แต่คุณดูเหมือนโจรสลัดนะคะ''
''ผมดูเหมือนไอ้งั่งต่างหากล่ะ''
''โอ้ คุณไม่สนุกแล้วนี่'' เธเรซ่าพูดพร้อมขมวดคิ้วหยอกล้อ
หลังจากเงียบกันครู่หนึ่ง เธอจึงมองไปรอบๆ ''แล้วที่นี่คนมา
บริการเราสักคนมั้ยคะ หรือเราต้องไปจับปลาและนําไปปรุงอาหาร
กินเอง?''
''ไอ้พวกแยงกี้ห่วยแตก'' เขาบ่นพึมพําพร้อมกับส่ายหน้า
เธอจึงหัวเราะอีกครั้ง และนึกสงสัยว่าเขาจะรู้สึกสนุกสนานมาก
เท่าเธอหรือไม่ และรู้ว่าเขาคงรู้สึกเช่นนั้นไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ครู่ต่อมา บริกรหญิงก็มาที่โต๊ะและจดรายการอาหารที่สั่ง
ทั้งเธเรซ่าและแกเร็ตสั่งเบียร์มาด้วย หลังจากส่งใบรายการอาหาร
ที่สั่งเข้าไปในครัว บริกรหญิงคนเดิมนําเบียร์ 2 ขวดมาที่โต๊ะ
''ไม่มีแก้วเหรอคะ?'' เธอเลิกคิ้วตามหลังจากที่บริกรหญิง
เดินจากไป
''ไม่มีหรอก สถานที่แห่งนี้จะไม่น่าสนใจเลยถ้าให้บริการ
แบบชั้นหนึ่ง''
''ฉันเข้าใจแล้วค่ะว่าทําไมคุณชื่นชอบที่นี่มากนัก''
''นั่นเป็นความคิดเห็นถึงความไร้รสนิยมของผมรึเปล่า?''
จะใช่ก็ต่อเมื่อคุณไม่มั่นคงทางด้านจิตใจในเรื่องนั้นค่ะ''
''คุณพูดเหมือนจิตแพทย์เลยตอนนี้''
''ไม่หรอกค่ะ แต่ฉันเป็นแม่คนหนึ่ง และนั่นทําให้ฉันมี
ความเชี่ยวชาญบางอย่างในเรื่องธรรมชาติของมนุษย์''
''อย่างงั้นหรือ?''
''นั่นคือสิ่งที่ฉันบอกกับเควินค่ะ''
แกเร็ตจิบเบียร์ไปด้วย ''แค่ไม่กี่นาทีเอง
ค่ะ ตอนที่ฉันโทร.ไปหาเขากําลังจะไปดิสนีย์แลนด์ เขาต้องตีตั๋ว
เข้าไปตั้งแต่เช้าตรู่ เพราะเขาอยากเป็นคนที่หนึ่งของแถวแรกที่จะ
ได้นั่งรถไฟเหาะอินเดียน่าโจนส์ ดังนั้นเขาจึงคุยได้ไม่นาน''
''เขาสนุกมั้ยเวลาอยู่กับพ่อเขา?''
''สนุกมากค่ะ เดวิดดีกับเขาเสมอมา แต่ฉันคิดว่าเขา
พยายามที่จะชดเชยมนสิ่งที่เขาสูญเสียไปกับความจริงที่ว่า เขา
ไม่ได้พบเควินได้บ่อยๆ เมื่อไหร่ก็ตามที่เควินได้ออกไปข้างนอก
เขาก็หวังว่าจะได้รับอะไรบางอย่างที่สนุกสนานและตื่นเต้น''
แกเร็ตมองดูเธอด้วยความอยากรู้อยากเห็น ''ฟังดูเหมือน
คุณไม่แน่ใจเกี่ยวกับเรื่องนั้น''
เธอลังเลก่อนพูดต่อไปว่า
''เฮ้อ ฉันก็เพียงแค่หวังไว้ว่า มันจะไม่นําไปสู่ความผิดหวัง</span></span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
แมงป่อง
แม่ไข่หวาน พ่อไข่เค็ม
 
โพสต์: 1468
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ พ.ค. 05, 2007 10:25 pm

โพสต์โดย แมงป่อง » เสาร์ มิ.ย. 28, 2008 5:24 pm

<span style='color:gray'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>ในเวลาต่อมาเท่านั้นเองค่ะ เดวิดและภรรยาใหม่ของเขาเพิ่งเริ่ม
สร้างครอบครัวกัน และทันทีที่ลูกตัวน้อยของทั้งสองโตขึ้นมาอีก
หน่อย ฉันคิดว่ามันจะต้องเป็นเรื่องยากลําบากขึ้นมากสําหรับเดวิด
และเควินที่จะได้อยู่ด้วยกันตามลําพัง''
แกเร็ตโน้มตัวไปข้างหน้าพร้อมกับพูดว่า ''มันเป็นไปไม่ได้
หรอกที่จะปกป้องลูกคุณไม่ให้พบกับความผิดหวังในชีวิต''
''ฉันทราบเรื่องนั้นดีค่ะ ฉันทราบดีจริงๆ มันก็แค่...''
เธอหยุดพูด แกเร็ตจึงพูดต่อความคิดให้เธอจนจบอย่าง
สุภาพว่า
''เขาเป็นลูกชายของคุณ และคุณไม่อยากเห็นเขาปวดร้าว
ใจ''
''ใช่เลยค่ะ'' หยดนํ้าก่อตัวขึ้นยอดขวดเบียร์ของเธอ เธเร
ซ่าจึงเริ่มฉลากที่ขวดออก อีกครั้งหนึ่งที่มันเป็นสิ่งเดียวกับที่
แคธรีนเคยทํา แกเร็ตดื่มเบียร์อีกครั้ง และบังคับจิตใจให้กลับมา
สู่บทสนทนาตรงหน้า
''ฉันไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี นอกจากว่า ถ้าเควินเป็นอะไรก็
ได้ที่คล้ายคุณ ฉันแน่ใจว่าเขาจะต้องพบกับสิ่งที่ดีที่สุด''
''คุณหมายความว่าอะไร?'' เขายักไหล่ ''ไม่มีชีวิตของใคร
ง่ายหรอกครับ รวมทั้งของคุณด้วย คุณก็ต้องมีช่วงเวลาที่ยุ่งยาก
ใจบางอย่างด้วยเช่นกัน ผมคิดว่าการที่เขาเฝ้าดูคุณข้ามผ่านอุป
สรรคต่างๆ ไปได้ จะทําให้เขาได้เรียนรู้วิธีจะทําเช่นนั้นด้วยเช่น
กัน''
''ตอนนี้คุณเป็นคนที่พูดฟังดูคล้ายจิตแพทย์นะคะ''
''ผมเพียงแค่กําลังบอกคุณในสิ่งที่ผมได้เรียนรู้มากับการ''
เติบโตเป็นผู้ใหญ่ ผมมีอายุประมาณเควินเมื่อแม่ผมตายด้วยโรค
มะเร็ง ผมเฝ้าฟังพ่อพรํ่าสอนว่าผมต้องดําเนินชีวิตของผมต่อไป
ให้ได้ ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม''
''พ่อคุณแต่งงานใหม่มั้ยคะ?''
''ไม่'' เขาพูดพร้อมกับสั่นศรีษะ ''ผมคิดว่ามีอยู่สองสาม
ครั้งที่เขาอยากแบบนั้น แต่เขาก็ไม่เคยหาเวลาที่จะทําเช่นนั้เลย''
สรุปแล้วสิ่งนี้เองคือเหตุผลที่มาของเรื่อง...เธอคิด ลูกไม้
หล่นไม่ไกลต้น
''เขายังอยู่ในเมืองรึเปล่าคะ?'' เธอถาม
''ใช่ เขาอยู่ที่เมืองนี้ ทุกวันนี้ผมก็พบเขาอยู่บ่อยๆ เรา
พยายามสังสรรค์กัน อย่างน้อยที่สุดสัปดาห์ละครั้ง เขาอยากให้
ผมประพฤติตัวให้เหมาะสมและยึดมั่นในศีลธรรมต่อไป''
เธอยิ้ม ''พ่อแม่ส่วนใหญ่ก็เป็นอย่างนั้นค่ะ''
ต่อจากนั้นไม่กี่นาทีอาหารก็มาถึง เขาและเธอจึงสนทนา
กันต่อไปเรื่อยๆ ในขณะที่กินอาหารไปด้วย คราวนี้แกเร็ตพูดมาก
กว่าเธอ โดยบอกเธอว่า การเติบโตขึ้นมาทางตอนใต้เป็นอย่างไร
และเหตุใดจึงไม่เคยเหลือทางเลือกทิ้งไว้ให้เขาเลย เขายังบอก
เธอถึงเรื่องการผจญภัยบางอย่างที่เกิดขึ้นในระหว่างล่องเรือใบ
หรือระหว่างดํานํ้าแบบสคูบ้า เธอฟังด้วยความสนใจ เมื่อเปรียบ
เทียบกับเรื่องต่างๆ ที่พวกผู้ชายซึ่งอยู่เหนือขึ้นไปทางบอสตันพูด
คุยกัน ซึ่งโดยปกติจะมุ่งเน้นไปที่เรื่องการประสบความสําเร็จทาง
ธุระกิจแล้ว เรื่องราวของเขาก็เป็นเรื่องใหม่สําหรับเธอโดยสิ้นเชิง
เขาพูดถึงสัตว์ทะเลที่แตกต่างกันหลายชนิดหลายพันธ์ที่เขาได้เห็น
ระหว่างดํานํ้า และมันรู้สึกอย่างไรที่ต้องล่องเรือใบฝ่าพายุซึ่งเกิด
ขึ้นโดยไม่คาดฝัน และแทบทําให้เรือเขาพลิกควํ่า ครั้งหนึ่งเขา
เคยถูกฉลามหัวค้อนไล่ล่า และต้องหลบซ่อนตัวอยู่ในซากเรือที่
เขากําลังสํารวจอยู่ ''ผมเกือบขาดอากาศหายใจ ก่อนที่จะโผล่
พ้นนํ้าขึ้นมา'' เขาพูด แล้วส่ายหน้าเมื่อเล่าถึงความทรงจําครั้งนั้น
เธเรซ่าเฝ้ามองเขาอยู่ใกล้ๆ ในขณะที่เขาพูด และรู้สึกพอใจ
ที่เขาปล่อยตัวตามสบายยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับเย็นวันก่อน เธอยัง
คงสังเกตสิ่งต่างๆ ที่เธอเห็นมาแล้วเมื่อคืนวาน ใบหน้าผอมเรียว
ดวงตาสีฟ้าอ่อน และท่าทางการเคลื่อนไหวตัวตามสบายของเขา
แต่กระนั้นก็พลังความแข็งแกร่งแฝงอยู่ในท่าทีที่เขาพูดด้วยกับเธอ
อยู่ในขณะนี้ เธอรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงอันน่าเย้ายวนใจนั้น
ดูเหมือนเขาจะไม่ต้องชั่งใจทุกคําพูดก่อนที่จะพูดออกมาอีกต่อไป
แล้ว
เขาและเธอกินอาหารกลางวันกันเสร็จเรียบร้อย เขาพูด
ถูกทีเดียว อาหารที่นี่อร่อย ทั้งคู่ดื่มเบียร์ขวดที่สองต่ออีกคนละ
ขวดจนหมด พัดลมเพดานยังคงครางหึ่งๆ อยู่เหนือศรีษะ ดวง
อาทิตย์บนท้องฟ้าเคลื่อนสูงขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้อากาศในภัตตาคาร
ขณะนี้เริ่มอบอ้าว แต่กลุ่มคนก็ยังคงไม่ลดน้อยลงไปเลย เมื่อบิล
ค่าอาหารมาถึง แกเร็ตจึงวางเงินไว้บนโต๊ะ แล้วโบกมือบอกให้รู้ว่า
เขาและเธอจะไปกันแล้ว
''คุณพร้อมหรือยัง?''
''ทุกเมื่อที่คุณพร้อมค่ะ ขอบคุณสําหรับอาหารมื้อเที่ยง
นะคะ มันเยี่ยมมาก''
ขณะที่เขาและเธอเดินออกมาจากประตูหน้าของภัตตาคาร
เธอคาดไว้อย่างเต็มที่ว่าแกเร็ตคงอยากกลับไปที่ร้านทันที แต่เขา
กลับทําให้เธอประหลาดใจด้วยการชวนทําอะไรบางอย่างที่ต่างไป
จากนั้น
''ไปเดินเล่นริมหาดกันมั้ย? ปกติแล้วนํ้าทะเลจะช่วยทําให้
รู้สึกเย็นขึ้นเล็กน้อย'' เมื่อเธอตอบตกลง เขาจึงเดินนําเธอไปตาม
ข้างสะพานท่าเทียบเรือ และก้าวลงมาตามขั้นบันไดเดินเคียงข้าง
เธเรซ่าลงมา แผ่นไม้ตามขั้นบันไดงอขึ้นมาเล็กน้อยและมีทราย
เป็นปื้นบางๆ ปกคลุมอยู่ ทําให้ทั้งสองต้องจับราวบันไดไว้ขณะที่
เดินลงมา เมื่อถึงชายหาดแล้วทั้งสองพากันเดินไปใต้สะพานท่า
เทียบเรือก่อนที่จะมุ่งตรงไปยังทะเล ร่มเงาที่ได้รับทําให้รู้สึกสดชื่น
ขึ้นท่ามกลางแสงแดดอันร้อนระอุยามเที่ยงวัน เมื่อเขาและเธอ
เดินมาถึงผืนทรายซึ่งอัดแน่นที่ชายทะเลแล้วทั้งสองจึงหยุดเดินชั่ว
ครู่เพื่อถอดรองเท้า รอบๆ ตัวเขาและเธอมีผู้คนซึ่งมาพักผ่อนกับ
ครอบครัวนั่งอยู่บนผ้าเช็ดตัวกันแน่นขนัด และบางส่วนกําลังเล่น
นํ้าทะเลกันกระเซ็นซ่านเขาและเธออกเดินกันไปเงียบๆ โดย
เดินเคียงข้างกันไปช้าๆ ในขณะที่เธเรซ่ามองดูทิวทัศน์ไปตลอดทาง
''ระหว่างพักอยู่ที่นี่ คุณใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่บนชายหาด
หรือเปล่า?'' แกเร็ตถาม
เธเรซ่าสั่นศรีษะ ''ไม่ค่ะ ฉันเพิ่งมาถึงที่นี่เมื่อวาน นี่เป็น
ครั้งแรกที่ฉันได้มาที่ชายหาดแห่งนี้''
''คุณชอบมั้ย?''
''สวยดีค่ะ''
''ชายหาดที่นี่คล้ายกับทางตอนเหนือมั้ย?''
''บางแห่งคล้ายกันค่ะ แต่นํ้าทะเลที่นี่อุ่นกว่ามาก คุณเคย
ไปแถบชายฝั่งทะเลตอนเหนือบ้างมั้ยคะ?''
''ผมไม่เคยไปไหนนอกเขตรัฐนอร์ทแคโรไลน่าเลย''
เธอยิ้มให้เขา ''นักเดินทางท่องโลกผู้ชํ่าชองงั้นเหรอคะ?''
เขาหัวเราะเบาๆ ''ไม่หรอก แต่ผมไม่ได้รู้สึกว่าผมกําลัง
พลาดโอกาสอะไรไปมากขนาดนั้นเลย ผมชอบที่นี่ และไม่อาจ
นึกภาพถึงสถานที่ๆงดงามไปกว่านี้ได้ ไม่มีที่อื่นที่ผมอยากไปอยู่
เลย'' หลังจากเดินเล่นไปอีกสองสามก้าว เขาก็หันมาชําเลืองมอง
เธอแล้วเปลี่ยนเรื่องคุย
''แล้วคุณจะอยู่ที่วิลมิงตันอีกนานแค่ไหน?''
''จนกระทั่งวันอาทิตย์ค่ะ ฉันต้องกลับไปทํางานวันจันทร์''
อีก 5 วันเขาคิด
''คุณรู้จักใครในเมืองนี้มั้ย?''
''ไม่ค่ะ ฉันลงมาเที่ยวที่นี่ด้วยตัวเอง''
''ทําไมล่ะ?''
''ฉันแค่อยากพักผ่อนสักระยะ ฉันได้ยินว่าสถานที่แห่งนี้มี
สิ่งดีๆ บางอย่าง และฉันอยากเห็นสิ่งเหล่านั้นด้วยตัวเอง''
เขาแปลกใจในคําตอบของเธอ ''ปกติแล้วคุณมาเที่ยวพัก
ผ่อนวันหยุดคนเดียวเหรอ''
''จริงๆ แล้วนี่เป็นครั้งแรกค่ะ''
ทั้งสองเห็นนักวิ่งออกกําลังกายหญิงกําลังวิ่งตรงเข้ามา
อย่างรวดเร็วพร้อมกับสุนัขพันะลาบราดอร์รีทรีฟเวอร์สีดําซึ่งวิ่งอยู่
ข้างเธอ สุนัขตัวนั้นดูหมดเรี่ยวแรงท่ามกลางอากาศอันร้อนระอุ
ลิ้นมันห้อยยาวออกมามากเกินไปแล้ว เธอยังวิ่งต่อไปโดยไม่ได้
สังเกตสภาพของสุนัขตัวนั้นเลย แล้วในที่สุดมันก็วิ่งวนเข้ามา
รอบๆ ตัวเธเรซ่า แกเร็ตเกือบพูดอะไรบางอย่างถึงสุนัขตัวนี้กับ
หญิงคนนั้นอยู่แล้วในขณะที่เธอวิ่งผ่านเลยไป แต่คิดว่ามันไม่ใช่
เรื่องอะไรของเขา
ครู่หนึ่งหลังจากเหตุการณ์นั้น แกเร็ตพูดขึ้นอีกครั้งวาส ''ผม
ขอถามคําถามส่วนตัวคุณข้อหนึ่งได้มั้ย?''
''ขึ้นอยู่กับคําถามค่ะ''
เขาหยุดเดิน แล้วหยิบเปลือกหอยเล็กๆ 2 อันที่สะดุดตาขึ้น
มา หลังจากพริกดูไปมาสองสามครั้งเขาก็ยื่นให้เธอ ''คุณกําลัง
มองใครบางคนไว้ที่บอสตันรึเปล่า?''
เธอรับเปลือกหอยมาพร้อมกับตอบว่า
''ไม่ค่ะ''
คลื่นซึ่งทยอยเข้ากระทบหาดซัดสาดลงบนเท้าเขาและเธอ
ในขณะที่ทั้งสองยืนอยู่ตรงจุดนํ้าตื้น แม้จะเป็นคําตอบที่เขาหวัง
ว่าจะได้รับ แต่เขาก้ไม่อาจเข้าใจได้ว่า เหตุใดผู้หญิงอย่างเธอจึง
ต้องใช้เวลาช่วงเย็นส่วนใหญ่ตามลําพัง
''ทําไมถึงไม่ล่ะ? ผู้หญิงอย่างคุณควรจะมีผู้ชายเข้ามาให้
คุณเลือก''
เธอยิ้มกับคําพูดนั้น และทั้งสองเริ่มเดินช้าๆ ต่อ ''ขอบ
คุณค่ะ คุณน่ารักมากที่พูดเช่นนั้น แต่ไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกค่ะ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณมีลูกชายคนหนึ่งด้วยแล้ว มีเรื่องต่างๆ
มากมายที่ฉันต้องใคร่ครวญให้ดีเมื่อฉันพบใครบางคน'' เธอหยุด
พูดชั่วครู่ ''ว่าแต่คุณล่ะคะ? คุณกําลังดูๆ ใครอยู่รึเปล่าตอนนี้?''
เขาสั่นศรีษะ ''ไม่ครับ''
''งั้นถึงตาฉันถามคุณบ้าง ทําไมไม่ล่คะ?''
แกเร็ตยักไหล่ ''ผมคิดว่าคงเป็นเพราะผมไม่ได้พบใครที่
ผมชอบจริงๆ ที่จะคบหากันเป็นประจําน่ะ''
''แค่นั้นเหรอคะ?''
มันคือช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อในชีวิต และแกเร็ตรู้ดี ทั้งหมดที่
เขาต้องทําคือยืนยันประโยคที่เขากล่าวออกไปก่อนหน้านั้น แล้ว
นั่นจะเป็นการจบสิ้นเรื่องราวทุกอย่าง แต่เขากลับไม่พูดอะไรออก
มาทั้งสิ้นขณะที่ย่างเท้าเดินต่อไปอีกสองสามก้าว
ชายหาดที่คลาคลํ่าไปด้วยผู้คน เริ่มบางตาลงในขณะที่ทั้ง
สองเดินออกห่างจากสะพานท่าเทียบเรือไปเรื่อยๆ ตอนนี้ได้ยิน
เพียงเสียงคลื่นดังครืนๆ อยู่เท่านั้น แกเร็ตเห็นนกนางนวลแกลบ
ฝูงหนึ่งยืนอยู่ใกล้ๆ ชายทะเล กําลังโผบินไปตามเส้นทางของมัน
ขณะนี้ดวงอาทิตย์เคลื่อนไปเกือบตรงเหนือศรีษะและส่องแสง
สะท้อนต้องเม็ดทรายจนทั้งสองต้องหรี่ตาลงเล็กน้อยขณะเดินเรื่อย
ไปตามชายหาด แกเร็ตพูดโดยไม่ได้หันมามองเธอ เธเรซ่าจึงต้อง
ขยับตัวเข้าไปใกล้เขามากขึ้นเพื่อให้ได้ยินเสียงเขาพูดท่ามกลาง
เสียงกึกก้องของท้องทะเล
''ไม่ ไม่ใช่คนนั้น มันเป็นข้อแก้ตัวที่ใช้บ่อยกว่าเรื่องอื่น
ด้วยความสัตย์จริงแล้ว ผมไม่เคยพยายามมองหาใครเลย''
เธเรซ่าเฝ้ามองเขาอย่างชั่งใจในขณะที่เขาพูด เขามองตรง
ไปข้างหน้าเหมือนกําลังรวบรวมความคิด แต่เธอรู้สึกได้ถึงความ
ลังเลของเขาในขณะที่เขาพูดต่อไป
''มีบางอย่างที่ผมไม่ได้บอกคุณเมื่อคืนวานนี้''
เธอรู้สึกมีบางอย่างเขม็งเกลียวอยู่ภายในตัวเธอ ด้วยรู้อยู่
เต็มอกถึงสิ่งที่เขากําลังจะพูด เธอพยายามรักษาสีหน้าให้เป็น
ปกติ แล้วพูดเพียงว่า ''โอ้ งั้นเหรอคะ''
''ผมเคยแต่งงานมาแล้วครั้งหนึ่งด้วยเหมือนกัน'' เขาพูดใน
ที่สุด
''เป็นเวลา 6 ปี'' เขาหันมามองเธอด้วยสีหน้าที่ทําให้เธอ
ต้องถอยหนี ''แต่เธอตายไปแล้ว''
''ฉันเสียใจด้วยค่ะ'' เธอพูดเสียงแผ่ว
เขาหยุดเดินอีกครั้งแล้วก้มหยิบเปลือกหอยจํานวนหนึ่งขึ้น
มา เพียงแต่คราวนี้เขาไม่ได้ยื่นให้เธเรซ่า หลังจากสํารวจมันผ่านๆ
แล้ว เขาก็โยนมันลงไปในคลื่นที่กําลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้ฝั่ง เธเรซ่า
เฝ้ามองมันจมหายไปในทะเล
''เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีก่อน จากนั้นมาผมก็ไม่สนใจ
ที่จะมีเดต หรือแม้แต่จะมองหาใครอีกเลย'' เขาหยุดยืนอยู่ครู่หนึ่ง
ด้วยความอึดอัดใจ
''มันต้องทําให้คุณว้าเหว่เป็นบางครั้งแน่''
''ใช่ แต่ผมพยายามไม่คิดถึงเรื่องนั้นมากเกินไป ผมทํา
งานยุ่งอยู่ที่ร้านตลอดเวลา มีบางอย่างที่นั่นให้ทําอยู่เสมอ แล้ว
มันก็ช่วยให้ผ่านพ้นไปวันๆ ก่อนที่ผมจะรู้ตัวก็ถึงเวลาที่ผมต้อง
เข้านอน แล้วผมก็เริ่มทําทั้งหมดนั้นอีกครั้งในวันถัดไป''
เมื่อเขาพูดจบ เขาชําเลืองมองเธอด้วยรอยยิ้มเนือยๆ นั่น
ไง เขาพูดออกมาแล้ว เขาต้องการบอกกับใครบางคนนอกเหนือ
ไปจากพ่อเขาซึ่งรับฟังเรื่องนี้มาหลายปี แล้วเขาก็ลงเอยด้วยการ
บอกเรื่องนี้กับผู้หญิงคนหนึ่งจากบอสตันซึ่งเขาแทบไม่รู้จักเลย
ผู้หญิงซึ่งสามารถเปิดประตูที่ตัวเขาตอกตะปูปิดตายไว้ได้ไม่
ทางใดก็ทางหนึ่ง
เธอไม่ได้พูดอะไรอีกเลย เมื่อเขาไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติมอีก
เธอจึงถามขึ้นว่า ''เธอเป็นคนยังไงคะ?''
''แคธรีนเหรอครับ?'' ลําคอของแกเร็ตแห้งผาก ''คุณ
อยากรู้จริงๆ งั้นรึ?''
''ค่ะ ฉันอยากรู้'' เธอพูดด้วยเสียงอันแผ่วเบา
เขาโยนเปลือกหอนอันหนึ่งลงไปในคลื่นริมหาด แล้วพยา
ยามรวบรวมความคิด เขาจะมีทางอธิบายถึงตัวเธอเป็นถ้อยคํา
ออกมาได้อย่างไรกัน? แต่กระนั้น ส่วนหนึ่งภายในตัวเขาก้อยาก
ลองดู โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อต้องการให้เธเรซ่าเข้าใจเป็นพิเศษ
ยิ่งกว่าคนอื่น เขาถูกดึงกลับไปสู่ห้วงเวลาแห่งอดีตอีกครั้งทั้งๆ ที่
ตัวเขาไม่อยากทําเช่นนั้นเลย

''เฮ้ ที่รัก'' แคธรีนพูดขณะที่เงยหน้าขึ้นจากสวน
''ฉันไม่คิดว่าคุณจะกลับบ้านมาเร็วขนาดนี้''
''เช้านี้ที่ร้านไม่ค่อยมีลูกค้า ผมคิดว่าน่าจะแวะกลับบ้าน
มากินอาหารเที่ยงเพื่อดูว่าคุณสบายดีรึเปล่า''
''ฉันรู้สึกดีขึ้นมากแล้วละ''
''คุณคิดว่าเป็นไข้หวัดใหญ่รึเปล่า?''
''ฉันไม่รู้ อาจจะเกิดจากอะไรบางอย่างที่ฉันกินเข้าไปก็ได้
หลังจากที่คุณออกจากบ้านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง ฉันก็รู้สึกสบาย
ดีพอที่จะทําสวนเล็กๆ น้อยๆ ได้''
''ผมดูก็รู้แล้วละ''
''คุณชอบดอกไม้พวกนี้มั้ย?'' เธอชี้ไม้ชี้มือไปที่หน้าดินส่วน
ที่เพิ่งพลิกขึ้นมาใหม่
แกเร็ตกวาดตามองดูต้นแพนซี่ที่เพิ่งปลูกใหม่เรียงรายอยู่</span></span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
แมงป่อง
แม่ไข่หวาน พ่อไข่เค็ม
 
โพสต์: 1468
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ พ.ค. 05, 2007 10:25 pm

โพสต์โดย แมงป่อง » เสาร์ มิ.ย. 28, 2008 10:11 pm

<span style='color:green'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>ข้างมุขทางเดินเข้าหน้าบ้าน เขายิ้ม ''เยี่ยมไปเลย แต่คุณไม่คิด
หรือว่าคุณควรทิ้งดินบางส่วนไว้ที่แปลงปลูกดอกไม้?''
เธอใช้หลังมือปาดหน้าผากแล้วลุกยืนหรี่ตาขึ้นมองเขาท่าม
กลางแสงแดดอันแผดจ้า
''ฉันดูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ?''
หัวเข่าทั้งสองข้างของเธอเปรอะดําเนื่องจกคุกเข่าบนดิน
และโคลนปื้นใหญ่เลอะติดแก้ม ผมเธอหลุกลุ่ยออกจากผมหาง
ม้าที่มัดไว้อย่างยุ่งเหยิง หน้าเธอแดงกํ่าและมีเหงื่อจากการออก
แรงทํางาน
''คุณดูดีไร้ที่ติเลย''
แคธรีนถอดถุงมืออกแล้วโยนไปบนมุขทางเดิน ''ฉันไม่ได้
ดูดีไร้ที่ติหรอก แกเร็ต แต่ก็ขอบคุณที่พูดอย่างนั้น มาเถอะ ให้
ฉันทําอาหารเที่ยวให้คุณกินดีกว่า ฉันรู้ว่าคุณต้องกลับไปที่ร้าน''

เขาถอนหายใจ แล้วในที่สุดก็หันหน้ากลับมา เธเรซ่าจ้อง
มองเขาเพื่อรอคําตอบ เขาเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยนว่า
''เธอคือทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมต้องการจริงๆ เธอสวย มีเสน่ห์
และมีอารมณ์ขัน เธอสนับสนุนทุกอย่างที่ผมทํา ผมรู้จักเธอมา
เกือบตลอดชีวิต เราไปโรงเรียนด้วยกัน หลังจากที่ผมสําเร็จการ
ศึกษาจากมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลน่าได้หนึ่งปีเราก็แต่งงานกัน
เราใช้ชีวิตแต่งงานกันมาเป็นเวลา 6 ปีก่อนเกิดอุบัติเหตุ และเป็น
เวลา 6 ปีที่ดีที่สุดในชีวิตเท่าที่ผมเคยมี เมื่อเธอพรากจากไป...''
เขาหยุดพูดราวกับว่าตัวเขาได้สูญสลายไปกับถ้อยคําเหล่านั้นด้วย
''ผมไม่รู้ว่า จะมีวันที่ผมคุ้นเคยกับการมีชีวิตอยู่โดยปราศ
จากเธอได้หรือเปล่า''
ท่าทีที่เขาพูดถึงแคธรีน ทําให้เธเรซ่ารู้สึกเจ็บปวดไปกับเขา
เกินกว่าที่เธอจะจินตนาการได้ มันไม่ใช่แค่นํ้าเสียงเขา แต่มันคือ
สิ่งที่ปรากฏให้เห็นบนใบหน้าเขา ก่อนที่จะพรํ่าพรรณนาถึงเธอ
ราวกับว่าเขาต้องตัดสินใจเลือกในสิ่งที่ยากลําบากระหว่างภาพ
อันงดงามที่ตรึงอยู่ในความทรงจําของเขากับความปวดร้าวในการ
ระลึกถึง แม้ว่าในจดหมายทุกฉบับจะมีข้อความสะเทือนใจ แต่ก็
ไม่มีข้อมูลใดให้เธอเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณืเช่นนี้เลย ฉัน
ไม่ควรพูดถึงเรื่องนี้เลย เธอคิด ฉันก็รู้ดีอยู่แล้วว่าเขารู้สึกกับเธอ
อย่างไร ไม่มีเหตุผลใดๆ เลยที่ต้องมาทําให้เขาพูดถึงเรื่องนี้
แต่ก็มีเหตุผลอยู่บ้างนะ อีกเสียงหนึ่งในหัวเธอชัดขึ้นมา
ในทันทีทันใด เธอต้องเห็นปฏิกิริยาของเขาเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เธอ
ต้องค้นพบให้ได้ว่าเขาพร้อมที่จะทิ้งอดีตไว้ข้างหลังหรือไม่
หลังจากนั้นชั่วครู่ แกเร็ตก็โยนเปลือกหอยที่เหลือหลงทะเล
''ผมต้องขอโทษเรื่องนั้นด้วยนะ'' เขาพูด
''เรื่องอะไรคะ?''
''ผมไม่ควรเล่าเรื่องของเธอให้คุณฟัง หรือพูดมากเกินไป
เกี่ยวกับเรื่องของผม''
''ไม่เป็นไรค่ะ แกเร็ต ฉันอยากรู้ ฉันเป็นคนถามคุณถึง
เรื่องของเธอเอง จําได้มั้ยคะ?''
''ผมไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องฟังเหมือนกับที่ผมได้พูดออกไป'' เขา
พูดเหมือนกับว่าเขาได้ทําความผิดบางอย่างลงไป ปฏิกิริยาตอบ
สนองของเธเรซ่าเป็นไปตามสัญชาตญาณ
เธอก้าวเข้าไปหาเขา เอื้อมไปจับมือเขามากุมไว้ในมือเธอ
ช้าๆ แล้วบีบมืออย่างนุ่มนวล เมื่อเธอสบตาเขา เธอก็ได้เห็น
แววตาที่แสดงความประหลาดใจ แต่เขาก็ไม่ได้พยายามดึงมือ
ออกไป

'คุณสูญเสียภรรยาไป ซึ่งเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ในวัยเดียว
กับเราไม่เคยรู้อะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องแบบนั้น'' เขาหลุบตาลงใน
ขณะที่เธอพยายามร้อยเรียงคําพูดให้เหมาะสม
''ความรู้สึกของคุณบ่งบอกความเป็นตัวคุณออกมาเป็น
อย่างมาก คุณเป็นคนบางประเภทรักใครบางคนชั่วนิรันดร์...นั่น
ไม่ใช่เรื่องน่าอายเลยค่ะ''
''ฉันรู้ดีค่ะ มันเป็นเพียงเพราะว่าเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นมา
ได้แค่ 3 ปี...''
''สักวันคุณจะพบกับใครบางคนที่พิเศษสําหรับคุณอีกครั้ง
คนซึ่งครั้งหนึ่งเคยรักกันมา โดยปกติแล้วก็เป็นแบบนี้ทุกคนนั่น
แหละค่ะ มันเป็นธรรมชาติในตัวของพวกเขา''
เธอบีบมือเขาอีกครั้ง แกเร็ตรู้สึกว่าสัมผัสของเธอทําให้เขา
อบอุ่น ด้วยเหตุผลบางประการ เขาไม่อยากปล่อยมือจากเธอ
''ผมหวังว่าคุณคงจะพูดถูกนะ'' เขาเอ่ยขึ้นในที่สุด
''ฉันพูดถูกต้องอยู่แล้วค่ะ ฉันเข้าใจสิ่งเหล่านี้ดี ฉันเป็น
แม่คนหนึ่ง จําได้มั้ยคะ?''
เขาหัวเราะเบาๆ แล้วพยายามปลดปล่อยความตึงเครียดที่
เขารู้สึกออกไป
''ผมจําได้ แล้วคุณน่าจะเป็นแม่ที่ดีคนหนึ่งด้วย''
เขาและเธอเดินกลับไปยังสะพานท่าเทียบเรือ ทั้งสอง
คุยกันเบาๆ ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา ในขณะที่ยังคง
จับมือกันไว้ตลอด เมื่อทั้งสองกลับมาถึงรถเพื่อขับมุ่งหน้ากลับไป
ที่ร้าน เขายิ่งรู้สึกสับสนมากขึ้นไปอีก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 2
วันก่อนเป็นเรื่องคาดไม่ถึงอย่างมากจริงๆ เธเรซ่าไม่ได้เป็นเพียง
คนแปลกหน้าอีกต่อไป อีกทั้งไม่ได้เป็นแค่เพื่อนคนหนึ่งด้วย ไม่มี
ข้อสงสัยเลยว่าเขารู้สึกสนใจเธอ แต่แล้วมันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เธอ
จะต้องจากไปในอีกไม่กี่วันนี้แล้ว และบางทีเขารู้ดีว่าแบบนั้นอาจ
เป็นหนทางที่ดีกว่าก็ได้
''คุณกําลังคิดอะไรอยู่คะ?'' เธอถาม แกเร็ตเปลี่ยนมาใช้
เกียร์สูงขึ้น ในขณะทั้งสองมุ่งหน้าข้ามสะพานไปยังเมืองวิลมิงตัน
และร้านไอส์แลนด์ไดฟ์วิ่ง เอาเลยสิ เขาคิด บอกเธอไปเลยสิว่า
จริงๆ แล้วเราคิดอะไรอยู่ในหัว
''ผมกําลังคิดว่า'' เขาพูดขึ้นในที่สุดด้วยความรู้สึกแปลกใจ
ตัวเอง ''ถ้าคุณไม่ได้วางแผนไว้ว่าจะไปไหนคืนนี้ ผมอยากชวน
คุณมากินอาหารมื้อคํ่า'' เธอยิ้ม ''ฉันกําลังหวังว่าคุณจะพูดเช่น
นั้นอยู่เลยค่ะ'' เขายังคงไม่หายแปลกใจตัวเองที่ถามออกไปใน
ขระที่ขับเลี้ยวซ้ายไปตามถนนที่นําไปสู่ร้าน
''คุณแวะมาที่บ้านผมเวลาประมาณ 2 ทุ่มได้มั้ย? ผมมี
งานบางอย่างต้องทําที่ร้าน และคงทําไม่เสร็จเรียบร้อยจนกว่าจะ
ดึก''
''ก็ดีค่ะ คุณอยู่ที่ไหนคะ?''
''ที่หาดแคโรไลน่าครับ ผมจะบอกทางให้เมื่อเราไปถึงร้าน
แล้ว''
เมื่อจอดรถในที่จอดแล้ว เธเรซ่าจึงเดินตามแกเร็ตเข้าไปใน
สํานักงาน เขาเขียนบอกเส้นทางด้วยลายมือหวัดๆ ลงบนเศษ
กระดาษ โดยพยายามไม่ให้เธอสังเกตเห็นความสับสนในจิตใจที่
เขากําลังรู้สึกอยู่
''คุณไม่น่าหาสถานที่นั้นยากหรอก แค่มองหารถผมที่จอด
อยู่หน้าบ้านก็พอ แต่ถ้าคุณมีปัญหาอะไร ก็มีหมายเลขโทรศัพท์
ผมเขียนอยู่ตอนท้ายนี่''
หลังจากที่เธอไปแล้ว เขายังคงนั่งอยู่ในสํานักงานและ
คิดถึงเหตุการณ์ในช่วงคํ่าที่กําลังจะเกิดขึ้น มีคําถามคาใจ
เขาที่ไม่มีคําตอบสองข้อ คําถามแรกคือ เหตุใดเธเรซ่าจึง
ดึงดูดใจเขาได้มากมายเหลือเกิน? และคําถามที่สองคือ
ทําไมเขาจึงรู้สึกขึ้นมาในทันทีทันใดว่าเขากําลังทรยศต่อ
แคธรีน?</span></span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
แมงป่อง
แม่ไข่หวาน พ่อไข่เค็ม
 
โพสต์: 1468
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ พ.ค. 05, 2007 10:25 pm

ย้อนกลับ

ย้อนกลับไปยัง คุยกันเจ๊าะแจ๊ะ

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน
cron