ครัวไกลบ้านได้ทำการปรังปรุงเวบไซต์ให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นในระบบสมาร์ทโฟน และได้รวมข้อมูลเมนูอาหารและ สมาชิกจากทั้งเวบไซต์เก่าและใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว

สมาชิกท่านไหนมีปัญหาไม่สามารถล็อกอินได้ ให้ทำการเปลี่ยนพาสเวิร์ดโดยคลิ๊กลิ้งค์นี้ ลืมรหัสผ่าน
ถ้าท่านใดมีชื่อสมาชิกมากกว่าหนึ่งชื่อแล้วต้องการรวมโพสทั้งหมดให้อยู่ในชื่อสมาชิกเดียว หรือมีปัญหาในการใช้เวบไซต์
สามารถส่งอีเมล์แจ้งรายละเอียดมาได้ที่ admin@kruaklaibaan.com หรือส่งข้อความได้ที่ user: sillyfooks

ถ้าชอบครัวไกลบ้าน อย่าลืมคลิ๊กไลค์เฟสบุ๊คให้ครัวไกลบ้านด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

MESSAGE IN A BOTTLE

อยากคุย อยากเล่า อยากบ่น เรื่องสุข เรื่องทุกข์ เรื่องสารพันปัญหา เชิญคุยกันได้ตามสบายที่ห้องนี้ค่ะ

โพสต์โดย แมงป่อง » พฤหัสฯ. มิ.ย. 12, 2008 3:45 pm

<span style='color:blue'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'><span style='color:red'>จากใจผู้แปล</span>
<span style='color:green'>Message in a bottle</span> เป็นนิยายรักที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่ง
ของ Nicholas Sparks ซึ่งนําความรักและความงดงามอันบรรเจิด
แห่งผืนทะเลมาร้อยเรียงเป็นตัวอักษรได้อย่างหมดจดและงดงาม
เมื่อผู้แปลได้อ่านนิยายเล่มนี้แล้วมีความรู้สึกเหมือนกับว่า แกเร็ต
เธเรซ่า และแคธรีน เป็นอะไรที่ยิ่งกว่าตัวละครในนิยาย ภาพหลัง
หมดปรากฏในห้วงมโนนึกของผู้แปล โลดแล่นไปไกลจนสัมผัสได้
ถึงความรักอันบริสุทธิ์ของตัวละคร
หนังสือเล่มนี้เปรียบประดุจตัวแทนแห่งความรักในหลากหลาย
แง่มุม ซึ่งสะท้อนออกมาจากจิตใจอันละเอียดอ่อนและละเมียดละไม
ของผู้เขียน สําหรับผู้แปลแล้วถือเป็นต้นแบบของการเขียนนวนิยาย
ที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งทีเดียว
อย่าอายหากคุณต้องหลั่งนํ้าตาในขณะอ่านนิยายเล่มนี้ ปลดปล่อย
อารมณ์ของคุณให้โลดแล่นไปในมิติแห่งรักและเก็บความสุขที่ได้รับไว้
ในใจคุณ แล้วคุณจะตระหนักว่า ความพลัดพรากไม่ใช่จุดสิ้นสุดแห่ง
ความรัก และการลาจากไม่ใช่การลืมเลือน
ความรักเป็นสิ่งที่ให้ได้ไม่มีวันหมด เมื่อคุณรักแล้วจงรักให้หมดใจ
และอย่าอาลัยต่อการพลัดพราก อย่ากลัวที่จะรักใหม่ แล้วอย่านําใคร
ไปเปรียบเทียบกัเพราะไม่มีใครแทนที่ใครได้ สุดท้ายแล้ว สิ่งสูงค่าที่
สุดซึ่งคุณได้รับโดยไม่ต้องเรียกร้องจากความรักที่มี ให้ผู้ใดอย่างบริสุทธิ์
ใจก็คือ พลังจากอานุภาพของรักแท้ ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนชีวิตคุณต่อไป
หากคุณต้องการเก็บใครหรือสิ่งใดไว้ให้นานที่สุดแล้ว จงเก็บไว้ในหัว
ใจของคุณ แต่อย่าให้สิ่งที่คุณเฝ้าเก็บถนอมไว้มาทําลายภาพชีวิตอันงด
งามแห่งความเป็นจริงในปัจจุบัน
ไม่ว่านิยายรักเรื่องใดจะจบลงด้วยโศกนาฏกรรมอันแสนเศร้าเพียงใด
ขอให้คุณจงเชื่อมั่นว่า ความรักเป็นสิ่งงดงามเสมอ อย่ากลัวที่จะรัก หาก
คุณรักใครเพื่อที่จะให้ไป มิใช่ครอบครอง

<span style='color:green'>Message in a Bottle</span>
<span style='color:orange'>รักเธอชั่วนิรันดร์</span>
<span style='color:purple'>บทนํา</span>
ขวดใบนั้นถูกโยนลงจากเรือในเย็นวันหนึ่งของฤดู
ร้อนอันอบอุ่น ไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่ฝนจะเริ่มตกลงมา
มันเปราะบางเช่นเดียวกับขวดทุกใบ และอาจจะแตก
ได้ถ้าหล่นสูงจากพื้นเพียงไม่กี่ฟุต แต่เมื่อปิดให้แน่น
แล้วส่งลงทะเลเช่นเดียวกับขวดใบนี้มันกลายเป็นวัตถุ
ที่คงทนปลอดภัยในการออกทะเลที่สุดอย่างหนึ่งที่มนุ
ษย์รู้จัก มันสามารถลอยอยู่ได้อย่างปลอดภัยท่ามกลาง
พายุเฮอร์ริเคนหรือพายุโซนร้อน และยังสามารถเคลื่อน
ตัวขึ้นลงได้อย่างรวดเร็วบนกระแสนํ้าที่อันตรายที่สุด
ด้วยสภาพนั้น...มันคือที่อยู่อันลํ้าเลิศของสาส์นที่มันนําไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาส์นฉบับหนึ่งซึ่งส่งไปเพื่อทําตามคํา
มั่นสัญญา
เส้นทางของมันไม่สามารถคาดเดาได้ เช่นเดียวกับขวด
ทุกใบที่ทิ้งให้อยู่กับความไม่แน่นอนของมหาสมุทร ลมและ
กระแสนํ้า มีบทบาทสําคัญต่อทิศทางของขวดทุกใบ พายุ
และเศษขยะสามารถเปลี่ยนเส้นทางของมันได้ด้วย มีบ้าง
เป็นครั้งคราวที่แหจับปลาขะเกี่ยวขวดใบหนึ่งไว้และนํามัน
ไปไกลยังทิศทางตรงข้ามกับที่มันกําลังบ่ายหน้าไปนับสิบ
ไมล์ ผลที่ตามมาก็คือ แม้ขวดสองใบจะหย่อนลงทะเลพร้อม
ๆกัน ก็อาจสิ้นสุดการเดินทางด้วยการแยกกันไปคนละทวีป
หรือแม้แต่คนละซีกโลก ไม่มีทางคาดคะเนได้ว่าขวดใบหนึ่ง
จะเดินทางไปที่ใด และนั่นคือความลึกลับส่วนหนึ่งของมัน
ความลึกลับเช่นนี้กระตุ้นให้คนเราเกิดความอยากรู้อยาก
เห็นตราบเท่าที่มีขวดขึ้นมา และมีคนสองสามคนพยายาม
เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องนั้นให้มากยิ่งขึ้นมา และมีคนสองสามพ
ยายามเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องนั้นให้มากยิ่งขึ้น ในปี ค.ศ. 1929
ลูกเรือคนหนึ่งของคณะนักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมัน ได้กํา
หนดเส้นการเดินทางของขวดใบหนึ่งไว้โดยเฉพาะ โดยกํา
หนดให้หย่อนลงสู่ทะเลบริเวณตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดีย
และมีการดาษเขียนข้อความสั้นๆอยู่ในขวด โดยขอให้ผู้พบ
ขวดใบนั้นบันทึกตําแหน่งที่คลื่นซัดมันขึ้นฝั่งไว้และให้ขว้าง
กลับสู่ทะเล เมื่อถึงปี ค.ศ.1935 ขวดใบนั้นเดินทางไปรอบ
โลกเป็นระยะทางประมาณ 6,000 ไมล์ อันเป็นระยะทางที่ยาว
ไกลที่สุดซึ่งได้รับการบันทึกไว้อย่างเป็นทางการ
สาส์นในขวดมีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาเป็นเวลาหลายศตวรรษ
ศาสตร์ ตัวอย่างเช่น เบน แฟรงคลินใช้สาส์นที่อยู่ในขวดรวบ
รวมความรู้ขั้นพื้นฐานของกระแสนํ้าบริเวณชายฝั่งทะเลตะวัน
ออกในระหว่างช่วงกลางปี ค.ศ.1700 ถึงปี ค.ศ.1709 ซึ่งยัง
ปรากฏรายละเอียดที่สามารถนําไปใช้ประโยชน์ได้จนถึงทุกวัน
นี้ แม้แต่ในปัจจุบันกองทัพเรือสหรัฐก็ยังใช้ขวดในการรวบรวม
ข้อมูลเกี่ยวกับระดับนํ้า และยังมีบ่อยครั้งที่พวกเขาใช้ในการติด
ตามเส้นทางที่นํ้ามันรั่ว
สาส์นที่รู้จักกันแพร่หลายที่สุดเท่าที่เคยพบเป็นเรื่องเกี่ยวกับกะ
ลาสีหนุ่มคนหนึ่ง ในปี ค.ศ.1784 ชายผู้นั้นคือ ชูโนซุเกะ มัทซุ
ยาม่า ซึ่งติดอยู่บริเวณแนวประการัง โดยขาดแคลนอาหารและ
นํ้าจืดอย่างสิ้นเชิงหลังจากที่เรือของเขาอับปางลง ก่อนตายเขา
ได้สลักเรื่องราวที่เกิดขึ้นลงบนแผ่นไม้ชิ้นหนึ่ง จากนั้นจึงนําสา
ส์นที่สลักไว้ใส่ในขวดแล้วปิดไว้อย่างแน่นหนา ในปี ค.ศ.1935
เป็นเวลา150ปีนับจากที่ลอยขวดไป คลื่นได้ซัดขวดใบนั้นขึ้น
สู่ชายฝั่งบริเวณหมู่บ้านชายทะเลเล็กๆ ในประเทศญี่ปุ่นอันเป็น
บ้านเกิดของเขานั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ขวดที่หย่อนลงสู่ทะเลในตอนเย็นฤดูร้อนอันอบอุ่น
ไม่ได้มีเนื้อหาเป็นสาส์นเกี่ยวกับเรืออับปางลําใดลําหนึ่งทั้งยังไม่
สามารถนําไปใช้ประโยชน์ในการทําแผนที่กําหนดเส้นทางเดินเรือ
ในทะเลได้แต่มันมีเนื้อหาที่จะเปลี่ยนชีวิตคนสองคนไปตลอดกาล
หาไม่แล้วคนทั้งสองอาจไม่มีวันได้พบกันเลย และด้วยเหตุนี้จึงอาจ
เรียกมันว่าสาส์นแห่งโชคชะตา เป็นเวลา6วันที่มันลอยไปตามทิศ
ทางที่มุ่งไปสู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือและเคลื่อนไปด้วยแรงลมจาก
สภาพความกดอากาศสูงที่ก่อตัวขึ้นเหนืออ่าวเม็กซิโก ในวันที่7 ลม
หยุดนิ่ง ขวดใบนั้นจึงบ่ายหน้าไปตามเส้นทางสู่ทิศตะวันออกได้ด้วย
ตัวมันเอง และในที่สุดมันก็พบเส้นทางไปสู่กระแสนํ้าอุ่น''กัลฟ์สตรีม''
(Gulf Stream-กระแสนํ้าอุ่นที่สําคัญมากในมหาสมุทรแอตแลนติกมี
พลังแรง ไหลไปด้วยความเร็วสูง ต้นกําเนิดอยู่ในอ่าวเม็กซิโก ไหล
ผ่านออกมาทางรัฐฟลอลิด้า ต่อไปยังแนวชายฝั่งทะเลแถบตะวันออก
ของสหรัฐอเมริกา กระแสนํ้าไหลผ่านไปจนถึงทวีปยุโรป ทําให้ประเท
ศในแถบยุโรปตะวันตกอบอุ่นขึ้นมาก) อย่างไรก็ตามในวันที่17เกิดพา
ยุก่อตัวขึ้นอีกลูกหนึ่ง คราวนี้เกิดขึ้นทั่วบริเวณมหาสมุทรแอตแลนติค
ตอนกลาง และหอบลมตะวันออกมาซึ่งพัดแรงพอที่จะดันขวดใบนั้น
ให้ออกไปจากเส้นทางเดิมของกระแสนํ้า ขวดใบนั้นจึงเริ่มลอยไปยัง
มลรัฐ''นิวอิงแลนด์''(New England-มลรัฐทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
ของสหรัฐอเมริกา ประกอบด้วยรัฐเมน, นิวแฮมเชอร์, เวอร์มอนด์, แมส
ซาซูเซตส์, โรดไอร์แลนด์ และคอนเนกติกัต) เมื่อไม่มีกระแสนํ้าอุ่นกัล
ฟ์สตรีมซัดพาขวดใบนั้นแล้ว มันจึงลอยไปอย่างช้าๆและลอยคดเคี้ยว
ไปหลากหลายเส้นทางใกล้บริเวณชายฝั่งรัฐแมตซาซูเซตส์เป็นเวลา
5วันจนกระทั่งจอห์น ฮานส์เกี่ยวมันขึ้นมาอยู่ในแหจับปลา ฮานส์พบ
ขวดใบนั้นห้อมล้อมอยู่ด้วยปลาเพิรช์ซึ่งกําลังดิ้นไปมานับพันตัวแล้ว
โยนขวดดังกล่าวไว้อีกฟากหนึ่งของเรือในขณะที่เขาสํารวจปลาที่จับ
มาได้ โชคดีเช่นที่มันจะต้องเป็นไป ขวดใบนั้นไม่แตก แต่เขาลืมมัน
ไปทันทีและมันยังคงอยู่ใกล้หัวเรือตลอดช่วงบ่ายที่เหลือไปจนถึงใกล้
คํ่า ในขณะที่เรือมุ่งหน้าเดินทางกลับไปยังอ่าว''เคปคอด''(Cape cod
Bay-อ่าวบริเวณแหลมเคปคอด ซึ่งเป็นแหลมที่มีรูปทรงคล้ายตะขอ
ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐแมศซาซูเซตส์เป็นแหล่งท่อง
เที่ยวชายทะเลที่มีชื่อเสียงในสหรัฐอเมริกา)
คืนนั้นเวลา2ทุ่มครึ่ง เมื่อเรือแล่นเข้าสู่ภายในเขตอ่าวอย่างปลอดภัย
แล้ว ฮานส์พบขวดใบนั้นโดยบังเอิญอีกครั้งในขณะที่กําลังสูบบุหรี่ เขา
หยิบขวดใบนั้นขึ้นมา แต่ไม่เห็นสิ่งใดผิดปกติอยู่ในขวด เนื่องจากดวง
อาทิตย์บนท้องฟ้ากําลังคล้อยตํ่าลงมาเรื่อยๆเขาจึงโยนขวดใบนั้นลง
จากเรือโดยไม่ได้ชําเรืองมองเป็นครั้งมี่สองด้วยแน่ใจว่าคลื่นจะซัดขวด
ใบนั้นขึ้นไปตามแนวชายฝั่งของชุมชนเล็กๆ แห่งหนึ่งในหลายแห่งที่
เรียงรายอยู่รอบอ่าว
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์เช่นนั้นไม่ได้เกิดขึ้นทันที ขวดใบนั้นลอยกลับ
มาอยู่สองสามวัน ประหนึ่งตัดสินใจว่าจะไปที่ไหนก่อนเลือกเส้นทางของ
มัน และในที่สุดคลื่นก็ซัดมันขึ้นฝั่ง บนชายหาดแห่งหนึ่งใกล้เมืองชาธัม
แล้วขวดใบนั้นก็อยู่ที่นั่น หลังจาก26วัน และ 738ไมล์ และนั่นคือจุดสิ้น
สุดการเดินทางของมัน
</span></span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
แมงป่อง
แม่ไข่หวาน พ่อไข่เค็ม
 
โพสต์: 1468
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ พ.ค. 05, 2007 10:25 pm

โพสต์โดย แมงป่อง » พฤหัสฯ. มิ.ย. 12, 2008 3:48 pm

<span style='font-size:14pt;line-height:100%'> <span style='color:purple'><span style='color:red'>บทที่ 1</span> </span>
<span style='color:purple'>ลมหนาวในเดือนธันวาคมพัดผ่านมาขณะที่เธเรซ่า
ออสบอร์นยืนกอดอกจดจ้องไปยังทะเลเบื้องหน้า ก่อนเธอจะมา
ถึงที่นี่ มีคนเดินเล่นอยู่ตามชายหาดสองสามคน ทว่าคนเหล่า
นั้นเดินจากไปนานแล้วเมื่อสังเกตเห็นลักษณะของกลุ่มเมฆ เธอ
เหลียวมองไปรอบๆ จึงพบว่าในขณะนี้เธออยู่เพียงลําพังบนชาย
หาด ผืนทะเลสะท้อนสีท้องฟ้ามองดูเหมือนกับเหล็กหลอมละลาย
คลื่นม้วนตัวเข้าหาฝั่งเป็นระลอกๆ เมฆใหญ่เคลื่อนตัวตํ่าลงมา
ช้าๆ และหมอกเริ่มรวมตัวกันหนาขึ้นจนบดบังขอบฟ้า หากเป็น
เวลาและสถานที่อื่นเธอคงรู้สึกถึงความงดงามอันแสนบรรเจิดรอบ
ตัว แต่ ณ ขณะที่ยืนอยู่บนชายหาดนี้ เธอตระหนักว่าไม่ได้รู้สึก
อะไรเลย ส่วนหนึ่งแล้วรู้สึกราวกับว่าไม่ได้อยู่ที่นี่จริงๆราวกับ
ว่าสิ่งทั้งหมดเป็นเพียงความฝัน
เธเรซ่าขับรถมาถึงที่นี่เมื่อเช้า แต่แทบจดจําการเดินทาง
ทั้งหมดไม่ได้เลย เมื่อครั้งตั้งใจมาที่นี่นั้นเธอวางแผนว่าจะอยู่พัก
ค้างคืน จนเตรียมการไว้และถึงขนาดตั้งตารอให้ถึงคืนอันเงียบ
สงบที่ห่างไกลจากบอสตัน แต่ยามนี้เมื่อมองดูทะเลอันปั่นป่วน
แล้ว มันกลับทําให้รู้สึกว่าไม่อยากพักค้างคืน เธอจะขับรถกลับ
บ้านทันทีที่เสร็จสิ้นภาระกิจ ไม่ว่าจะดึกดื่นเพียงใดก็ตาม
ในที่สุดเธเรซ่าก็พร้อมแล้ว เธอเริ่มเดินช้าๆ ไปยังทะเล
พร้อมกับหิ้วถุงใบหนึ่งซึ่งบรรจงเก็บของใส่ลงไปในเช้าวันนั้น และ
ตรวจดูให้แน่ใจว่าไม่ได้หลงลืมสิ่งใดไว้ เธอไม่ได้บอกใครว่านําสิ่ง
ใดมาด้วย อีกทั้งไม่ได้บอกใครๆ ด้ยว่าตั้งใจจะทําอะไรในวันนี้
แต่กลับบอกไปว่า เธอจะไปซื้อของสําหรับเทศกาลคริสต์มาส มัน
เป็นข้ออ้างที่ดีเยี่ยม แม้จะแน่ใจว่าคนเหล่านั้นต้องเข้าใจหาก
บอกความจริงแก่พวกเขาก็ตามแต่การเดินทางครั้งนี้เป็นอะไรบาง
อย่างที่เธอไม่ต้องการมีประสบการณ์ร่วมกับใคร เหตุการณ์ครั้งนี้
เริ่มต้นจากตัวเอเพียงลําพัง และเธอต้องการให้เรื่องราวทั้งหมด
จบสิ้นลงแบบเดียวกัน
เธเรซ่าถอนหายใจและดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือ ในอีกไม่
ช้านํ้า ทะเลจะสูงขึ้น และเมือถึงเวลานั้นแล้วจะเป็นช่วงเวลาที่
พร้อมที่สุดสําหรับเธอ หลังจากที่หาตําแหน่งเนินทรายเล็กๆแห่ง
หนึ่งซึ่งน่าสบายได้แล้ว เธอจึงนั่งลงแล้วเปิดถุงออก และค้นหา
ของในถุงจนพบซองที่ต้องการ เธอสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วค่อยๆ
เปิดผนึกออกช้าๆ
ในซองมีจดหมาย 3 ฉบับพับไว้อย่างบรรจง มันเป็นจด
หมายซึ่งเธออ่านมาแล้วหลายครั้งจนนับไม่ถ้วน เธอถือจดหมาย
เหล่านั้นไว้ตรงหน้า จ้องมันในขณะนั่งอยู่บนเนินทราย
ภายในถุงมีของสิ่งอื่นรวมอยู่ด้วย แต่ในเวลานี้เธอยังไม่
พร้อมที่จะดูสิ่งของเหล่านั้น ความสนใจของเธอจดจ่ออยู่กับจด
หมายต่อไป เขาเขียนจดหมายด้วยปากกาหมึกซึม จึงปรากฏร่อง
รอยหมึกเลอะอยู่ตามที่ต่างๆหลายแห่ง ภาพเรือใบที่มุมขวาด้าน
บนของกระดาษเขียนจดหมายเริ่มซีด และค่อยๆจางลงตามเวลา
ที่เคลื่อนผ่านไป เธอรู้ดีว่าคงมีสักวันที่ถ้อยคําในจดหมายจะอ่านฃ
ได้ยากยิ่ง แต่ก็หวังไว้อย่างเต็มเปี่ยมว่า หลังจากวันนี้เป็นต้นไป
เธอจะไม่รู้สึกต้องการอ่านมันบ่อยมากนัก
ครั้นอ่านจบ เธอจึงสอดมันกลับลงในซองอย่างทะนุถนอม
มากเท่าๆ กับที่นํามันออกมา หลังจากนําซองใส่กลับเข้าไปในถุง
แล้ว เธอจึงมองไปยังชายหาดอีกครั้ง และจากจุดที่นั่งอยู่นี้เธอ
ยังคงมองเห็นสถานที่ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นขึ้น
เธอมองเห็นภาพเช้าฤดูร้อนวันนั้นได้อย่างกระจ่างชัด เอ
จําได้ว่ากําลังวิ่งออกกําลังกายอยู่ในยามรุ่งอรุณ และเป็นการเริ่ม
ต้นวันใหม่ที่งดงาม ขณะที่เฝ้าดูทัศนียภาพรอบตัวนั้น เธอได้ยิย
นกนางนวลแกลบ*(tern*-นกอพยพ มีขนาดเล็กถึงกลาง หัวส่ว
นบนดําเสมอตาไปจรดท้ายทอย ลําตัวขาว ปีกสีเทา ปลายหาง
มีสีเข้มกว่า ปากสีดําและจะเปลี่ยนเป็นสีแดงอทส้มในฤดูผสมพั
นธุ์ ส่วนแข้งลงมามีสีแดงเข้ม เวลาบินจะเห็นหลังปีกสีขาวเป็น
แถบ) ส่งเสียงร้องแหลมแควกๆ และได้ยินเสียง
ระลอกคลื่นกระทบหาดอย่างแผ่วเบาขณะม้วนตัวลงบนผืนทราย
แม้จะเป็นช่วงเที่ยววันหยุดพักผ่อน แต่เธอก็ตื่นเช้าเพื่อที่จะออก
วิ่งโดยไม่ต้องระแวดระวังผู้คนในขณะที่กําลังวิ่ง ในอีกสองสาม
ชั่วโมงข้างหน้า ชายหาดนี้จะคลาคลํ่าไปด้วยนักท่องเที่ยวนอนบน
ผ้าเช็ดตัวเพื่ออาบแดดอันร้อนเปรี้ยงในมลรัฐนิวอิงแลนด์ เคป-
คอดมีฝูงชนหนาแน่นเสมอในช่วงนั้นของปี แต่ผู้มาเที่ยวพักผ่อน
วนใหญ่มักนอนดึกกว่าปกติเล็กน้อย เธอรู้สึกสนุกกับการวิ่ง
ออกกําลังกายบนผืนทรายอันราบเรียบและอัดแน่นจากกระแส
นํ้าที่ลดลง ดูเหมือนหาดทรายจะให้ความรู้สึกดีในขณะวิ่ง ไม่
เหมือนการวิ่งบนทางเท้าแถวบ้าน และรู้สึกว่าเข่าเธอขะไม่ปวด
เหมือนบางครั้งที่เคยเป็นหลังจากวิ่งบนทางซีเมนต์
เธอชอบวิ่งออกกําลังกายอยู่เสมอ เป็นนิสัยที่ได้มาจาก
การวิ่งข้ามเขตรัฐและการวิ่งแข่งในลู่วิ่งเมื่อครั้งอยู่โรงเรียนมัธยม
แม้จะไม่ได้ลงแข่งขันอีกต่อไปแล้ว และไม่ค่อยมีเวลาให้กับการวิ่ง
บ่อยครั้งนักก็ตาม แต่ในขณะนี้การวิ่งเป็นหนึ่งในโอกาสเพียงไม่
กี่ครั้งที่เธอสามารถอยู่ตามลําพังกับความคิดได้ เธเรซ่าคิดว่าการ
วิ่งเป็นการทําสมาธิชนิดหนึ่ง ซึ่งนั่นคือเหตุผลว่าทําไมเธอจึงชอบ
วิ่งตามลําพัง ไม่เข้าใจเลยว่าเหตุผลใดผู้คนจึงชอบวิ่งกันเป็นกลุ่ม
เธเรซ่ารักเควินลูกชายของเธอมาก แต่รู้สึกดีใจที่เขาไม่ได้
อยู่ด้วยในขณะนี้ แม่ทุกคนต้องการเวลาพักผ่อนบ้างเป็นครั้งคราว
และหวังว่าจะได้ปล่อยตัวตามสบายในขณะที่อยู่ที่นี่ ไม่มีการแข่ง
ขันฟุตบอลตอนเย็น หรือการเข้ากลุ่มว่ายนํ้า ไม่มีเสียงจากช่อง
MTV แผดออกมาเป็นเสียงประกอบ ไม่มีการบ้านต้องช่วยทํา ไม่
ต้องตื่นขึ้นมากลางดึกเพื่อช่วยให้เขารู้สึกสบายเมื่อขาเป็นตะคริว
เธอพาเขาไปส่งที่สนามบินเพื่อไปเยี่ยมพ่อเขาซึ่งเป็นอดีตสามีของ
เธอที่แคลิฟอร์เนีย และนั่นคือเหตุการณ์หลังจากที่เธอเตือนให้
เควินรู้ว่าเขายังไม่ได้กอดหรือจูบลาเธอ ''ขอโทษฮะแม่'' เขาพูด
ในขณะที่โอบแขนมากอดและจูบเธอ ''รักแม่นะฮะ'' อย่าคิดถึง
ผมมากเกินไปล่ะ ตกลงมั้ย?'' จากนั้นเขาก็หันหลังไปยื่นตั๋วให้
พนักงานดูแลประจําเที่ยวบิน แล้วแทบจะกระโจนขึ้นเครื่องบินไป
โดยไม่หันกลับมามองอีกเลย
เธอไม่ได้ตําหนิเควินเลยที่เกือบลืมทําเช่นนั้น อายุ12 เป็น
ช่วงวัยที่เขารู้สึกเคอะเขิน เมื่อเขาคิดว่าการกอดและจูบแม่ในที่
สาธารณะเป็นสิ่งที่ไม่''เจ๋ง'' อีกอย่าง ใจเขากําลังคิดถึงเรื่องอื่น
เควินตั้งตารอการเดินทางครั้งนี้มาตั้งแต่คริสต์มาสปีที่แล้ว เขาและ
พ่อกําลังจะไปแกรนดืแคนยอนกัน ต่อจากนั้นก็จะใช้เวลาตลอด
สัปดาห์ล่องเรือไปตามแม่นํ้า โคโลราโด และเดินทางต่อไปยังดิสนีย์
แลนด์ในที่สุด มันเป็นการเดินทางตามจินตนาการของเด็กทุกคน
ซึ่งเธอรู้สึกมีความสุขไปด้วย แม้เขาจะต้องหายหน้าไปถึง6
สัปดาห์ แต่เธอก็รู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ดีสําหรับลูกที่จได้ใช้เวลาอยู่
กับพ่อของเขา
เธอและเดวิดมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเมื่อเทียบกับคนอื่น
นับตั้งแต่หย่าร้างกันเมื่อ3ปีก่อน แม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นสามีที่
ยอดเยี่ยมที่สุด แต่ก็เป็นพ่อที่ดีของเควิน เดวิดไม่เคยพลาดการ
ส่งของขวัญวันเกิดหรือของขวัญวันครสต์มาสให้ลูกชาย โทรศัพท์
มาหาทุกสัปดาห์ และเดินทางข้ามรัฐเป็นครังคราวในหนึ่งปี เพียง
เพื่อจะได้ใช้เวลาวันสุดสัปดาห์กับลูกชายของเขา และแน่
นอนว่า หมายถึงการใช้สิทธิเนี่ยมเยียนลูกตามคําสั่งศาลด้วย เช่น
6 สัปดาหืในฤดูร้อน คริสต์มาสทุกปีเว้นปี และช่วงหยุดพักงานใน
เทศกาลอีสเตอรืเมื่อโรงเรียนหยุด แอนเน็ต ภรรยาใหม่ของเดวิด
มีภาระยุ่งอยู่กับการเลี้ยงลุกน้อย แต่เควินก็ชอบเธอมากและเขา
ไม่เคยกลับบ้านด้วยความรู้สึกโกรธหรือรู้สึกถูกละเลย ความจริง
แล้ว โดยปกติเขาจะพูดพล่ามให้เธอฟังเรื่องการไปเยี่ยมเยียนพ่อ
และความสนุกสนานที่ได้รับ มีบ้างเป็นครั้งคราวที่เธอรู้สึกเจ็บ
ปวดด้วยความอิจฉาในเรื่องเหล่านั้น แต่ก็พยายามอย่างที่สุดที่
จะซ่อนเร้นความรู้สึกไว้ไม่ให้เควินรู้
เธอเรซ่าชะลอฝีเท้าลงขณะวิ่งเลียบชายหาด ป่านนี้เดียนน่า
คงกําลังรอเอวิ่งเสร็จ ก่อนที่จะเริ่มกินอาหารเช้า เอรู้ดีว่าไบรอัน
ออกไปแล้ว และเธเรซ่าก้ตั้งตารอที่จะไปเที่ยวกับเธอ เขาและเธอ
เป็นคู่รักสูงวัยขณะนี้ทั้งสองมีอายุเกือบ 60 ปีแล้ว แต่เดียนน่า
ก้เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดที่เธอมี
เดียนน่าเป็นบรรณาธิการการหนังสือพิมพ์แห่งเดียวกับที่เธเรซ่า
ทํางานอยู่ เธอมาที่เคปคอดกับไบรอันสามีติดต่อกันมาหลายปี
แล้ว ทั้งสองพักที่ฟิชเชอรืเฮาส์เสมอ และเมื่อเดียนน่ารู้ว่าเควิน
ใช้เวลาส่วนใหญ่ในช่วงฤดูร้อนเดินทางไปเยี่ยมพ่อเขา เธอจึงยืน
กรานให้เธเรซ่ามาด้วย เดียนน่าบอกว่า ''ไบรอันไปตีกอลืฟทุก
วันเมื่อเขาพักที่นี่และฉันอยากมีเพื่อนอยู่ด้วย อีกอย่าง เธอน่าจะ
ไปทําอะไรอย่างอื่นบ้าง เธอควรออกไปอยู่นอกอพาร์ตเม้นต์บ้าง
เป็นครั้งคราว'' เธอเรซ่ารู้ว่าเธอพูดถูก และหลังจากที่เธอใช้เวลา
ใคร่ครวญอยู่ 2-3 วัน ในที่สุดเอก้ตอบตกลง
''ฉันดีใจจริงๆ'' เดียนน่าพูดด้วยสีหน้าที่แสดงความมีชัย
''เธอจะต้องชอบที่นั่นมาก''
เธเรซ่าต้องยอมรับว่าที่นี่เป็นสถานที่ๆน่าอยู่จริงๆ ฟิชเชอร์
เฮาส์เป็นบ้านของกัปตันเรือซึ่งได้รับการซ่อมแซมปรับปรุงอย่าง
สวยงาม ตัวบ้านตั้งอยู่บนขอบหินผาเหนืออ่าวเคปคอด เมื่อ
เธอมองเห็นบ้านหลังนี้ในระยะไกล ความสวยงามของทําให้
เธอต้องลดฝีเท้าลงในขณะวิ่ออกกําลังกาย เธอชื่นชอบการวิ่ง
เหยาะๆ และปล่อยตัวตามสบายมากกว่าการเร่งฝีเท้าไปยังจุด
หมายในการวิ่ง เหมือนกับนักวิ่งซึ่งอายุน้อยกว่าชอบทํากัน ด้วย
วัย 36 ปี ทําให้เธอไม่สามารถหายเหนื่อยได้เร็วเท่ากับที่ครั้งหนึ่ง
เคยเป็น
ในขณะที่ลมหายใจผ่อนคลายลง เธอครุ่นคิดว่าจะใช้เวลา
ที่เหลือในวันนี้ทําอะไรดี เธอนําหนังสือติดมาด้วย 5 เล่มสําหรับ
การมาเที่ยวพักผ่อนครั้งนี้ ซึ่งเป็นหนังสือที่เธออยากอ่านมาตั้งแต่
ปีที่แล้ว แต่ไม่เคยมีเวลาได้อ่านเลย ดูเหมือนเวลาจะมีไม่มากพอ
สําหรับเควินและพลังงานอันไร้ที่สิ้นสุดของเขา ไม่มีเวลามากพอที่
จะไล่ทํางานบ้านได้ทัน และแน่นอนว่า ไม่มีเวลามากพอสําหรับ
งานทั้งหมดที่กองสุมอยู่บนโต๊ะทํางานเออย่างไม่หยุดหย่อน ใน
ฐานะนักเขียนคอลัมน์ประจําพร้อมๆ กันให้กับหนังสือพิมพ์หลาย
ฉบับในกลุ่มที่ทําข้อตกลงชี้บทความจากหนังสือพิมพื บอสตัน
ไทมส์ เธอต้องทํางานภายใต้ความกดดันของกําหนดเส้นตาย
อย่างต่อเนื่อง เพื่อตีพิมพ์ 3 บทความในหนึ่งสัปดาห์ เพื่อนร่วม
งานส่วนใหญ่คิดว่าเอต้องทํางานสําเร็จได้แน่ๆ ก้แค่พิมพ์ข้อ
ความ 300 คําให้เรียบร้อย และนั่นถือว่าเสร็จสิ้นภาระกิจในแต่ละ
วัน แต่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย ในการริเริ่มคิดอะไรบางอย่างขึ้น
มาอย่างต่อเนื่องพร้อมกับมีภาระที่ต้องดูแลลูกนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
อีกต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเธอต้องการขยายเครือข่ายออก
ไป ทุกวันนี้คอลัมน์ ''การเลี้ยงดูลูกสมัยใหม่'' ได้ตีพิมพืกระจาย
ลงในหนังสือพิมพ์ 60 ฉบับทั่วประเทศ แม้ว่าหนังสือพิมพ์ส่วน
ใหญ่จะตีพิมพ์บทความของเธอเพียงหนึ่งหรือสองบทความต่อ
สัปดาห์ตามกําหนดให้ก็ตาม แต่เนื่องจากการเสนอขายบท
ความให้หนังสือพิมพ์เครือข่ายเพิ่งเริ่มมาได้เพียง 18 เดือน และ
เธอยังเป็นมือใหม่สําหรับวงการหนังสือพิมพ์ เธอจึงไม่สามารถ
หาวันหยุดพักผ่อนได้เลยแม้เพียงสองสามวัน คอลัมน์ในหนังสือ
พิมพ์ส่วนใหญ่มีเนื้อที่จํากัดเป็นที่สุด และคอลัมนิสต์นับร้อยต่าง
ฟาดฟันกันเพื่อให้ได้มาซึ่งเนื้อที่อันแสนจํากัดไม่กี่แห่งเหล่านั้น
เธเรซ่าเดินช้าลงและหยุดยืนในที่สุด นกนางนวลแกลบ
แคสเปี้ยน*(Caspain tern*-นกอพยพ มีขนาดกลางถึงขนาดใหญ่
หัวส่วนบนดําเสมอตาไปจรดท้ายทอย ลําตัวขาว ปีกสีเทา ปลาย
ปีกสีดํา ปลายหางสีขาว ปากหนาเรียวสีแดง จะงอยปากสีดํา ส่วน
แข้งลงมามีสีดํา เวลาบินจะเห็นหลังปีกสีขาวเป็นแถบ และสัดําตรง
ปลาย)ตัวหนึ่งบินวนเวียนอยู่เหนือศรีษะเธอ ความชื้นใน
อากาสสูงขึ้น เธอใช้ปลายแขนปาดเหงื่อออกจากใบหน้า พร้อม
กับสูดลมหายใจเข้าลึกๆ กลั้นไว้ครู่หนึ่ง แล้วผ่อนลมหายใจออก
เพ่งมองออกไปเหนือผืนทะเล ยามนี้เป็นเวลาเช้าตรู่ ทะเลจึงยัง
คงเป็นสีเทาหม่น แต่บรรยากาสเช่นนี้จะเปลี่ยนไปทันทีที่ดวง
อาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมาเพียงรําไร มันช่างเป็นภาพชวนมอง
ชั่วอึดใจนั้นเธอถอดรองเท้าและถุงเท้าออก เดินไปยังชายทะเลเพื่อ
ให้ระลอกคลื่นเล็กๆ ซัดสาดเท้า นํ้า ทะเลใสสะอาด เธอใช้เวลา
สองสามนาทีเดินลุยนํ้าเล่นไปมา ทันใดนั้นเธอรู้สึกดีใจที่ได้ใช้
เวลาเขียนบทความล่วงหน้าเสร็จไปแล้วสองสามเดือนก่อน ซึ่ง
มันทําให้เอลืมเรื่องงานในสัปดาห์นี้ไปได้ เธอจําไม่ได้แล้วว่าเธอ
ไม่มีเครื่องคอมพิวเตอรือยู่ใกล้ๆ ไม่ต้องเข้าร่วมการประชุม หรือ
ไม่มีกําหนดเส้นตายส่งงานครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่เธอรู้สึกได้รับการ
ปลดปล่อยไปจากโต๊ะทํางานพักหนึ่ง จนแทบจะให้ความรู้สึกประ
หนึ่งว่า เธอกลับมาควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้ใหม่อีกครั้ง ราว
กับว่าเธอเพิ่งเริ่มออกเดินทางไปในโลกใบนี้
อันที่จริงเธอรู้อยู่แก่ใจว่ามีสิ่งต่างๆ มากมายที่ควรทําที่บ้าน
ห้องนํ้า ควรติดวอลลืเปดปอรืและปรับปรุงให้ทันสมัยขึ้น ต้องยาปูน
ปิดรูตะปูที่ผนังและควรทาสีส่วนที่เหลือของห้องชุดเพื่อปรับปรุง
ให้ดูดีขึ้นด้วย สองเดือนก่อน เธอไปซื้อวอลล์เปเปอร์กับสี ที่แขวน
ผ้าเช็ดตัวกับมือจับประตู และตู้กระจกใส่ของใช้ในห้องนํ้าใหม่
พร้อมทั้งเครื่องมือทั้งหมดที่จําเป็นต้องใช้ในการจัดการ แต่เธอยัง
ไม่ได้เปิดกล่องของใช้เหล่านั้นออกมาเลยมันเป็นสิ่งที่ต้องทําใน
สัปดาห์ต่อไปเสมอ เพราะวันสุดสัปดาห์มักเป็นวันที่เธอมีธุระยุ่ง
เท่าๆกับวันทํางาน สินค้ารายการต่างๆที่ซื้อมายังคงอยู่หลัง
เครื่องดูดฝุ่นในถุงใบเดิมกับที่นํากลับมาบ้าน และทุกครั้งที่เธอ
เปิดประตูตู้เก็บของ ก็ดูเหมือนว่าพวกมันจะเย้ยหยันความตั้งใจดี
ของเธอ เธอคิดในใจว่าบางทีอาจจะได้ทําเมื่อกลับบ้าน</span></span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
แมงป่อง
แม่ไข่หวาน พ่อไข่เค็ม
 
โพสต์: 1468
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ พ.ค. 05, 2007 10:25 pm

โพสต์โดย แมงป่อง » ศุกร์ มิ.ย. 13, 2008 3:24 pm

<span style='color:orange'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'> เธอหันไปเห็นชายคนหนึ่งกําลังยืนอยู่ในทะเลถัดจากชาย
หาดลงมาเล็กน้อย เขามีอายุมากกว่าเธอ อาจมีอายุ 50 ปีหรือ
ราวๆนั้น ใบหน้าสีแทนเข้มเหมือนกับว่าเขาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มา
ตลอดปี เขาไม่ขยับเขยื้อนตัวเลย เพียงแค่ยืนอยู่ในทะเลแล้ว
ปล่อยให้คลื่นซัดสาดขาของเขา เธอสังเกตเห็นว่าเขาหลับตาอยู่
ราวกับว่ากําลังมีความสุขอยู่กับความงามของโลกโดยไม่ต้องเฝ้า
มองดู เขาสวมกางเกงยีนสีซีด และม้วนปลายขากางเกงขึ้นมา
ถึงเข่า สวมเสื้อเชิ้ตปล่อยชายตามสบาย ในขณะที่เธอเฝ้ามองดู
เขาอยู่นั้น เธอเกิดความปราถนาขึ้นมาอย่างฉับพลันที่จะเป็นคน
ในแบบที่แตกต่างไปจากที่เธอเป็นอยู่ มันจะเป็นอย่างไรนะ ถ้าได้
เดินไปตามชายหาดโดยไม่ต้องสนใจเรื่องอื่นใดในโลกนี้? มันจะ
เป็นอย่างไรนะ ถ้าได้มาเที่ยวชมสถานที่อันเงียบสงบทุกวัน ห่าง
ไกลจากความเร่งรีบและยุ่งเหยิงของบอสตัน เพียงเพื่อชื่นชมกับ
สรรพสิ่งที่ชีวิตมอบให้?
เธอก้าวลงไปในทะเลไกลขึ้นและทําท่าเลียนแบบชายผู้นั้น
ด้วยหวังว่าจะเกิดความรู้สึกใดๆ ก็ตามเหมือนกับที่เขารู้สึก
แต่เมื่อเธอหลับตาลง สิ่งเดียวที่เธอคิดถึงคือเควิน พระเจ้ารู้ดีว่า
เธออยากใช้เวลาอยู่กับเขามากขึ้นเมื่ออยู่ด้วยกัน เธออยากนั่งคุย
กับเควิน หรือเล่นเกมโมโนโปลี่กับเขา หรือเพียงแค่ดูทีวีกับเขาโดย
ปราศจากแรงกระตุ้นเดือนให้ลุกขึ้นจากโซฟาเพื่อทําบางอย่างที่
สําคัญกว่า มีบ้างเป็นบางครั้งที่เธอรู้สึกเหมือนเป็นการหลอกลวง
เมื่อเธอยืนกับเควินว่าเขาต้องมาก่อน และยืนยันว่าครอบครัว
เป็นสิ่งสําคัญที่เขาที่เขามี
แต่ปัญหาคือว่า มีบางสิ่งบางอย่างที่ต้องทําอยู่ตลอดเวลา
ต้องล้างจานชาม ต้องทําความสะอาดห้องนํ้า ต้องเอากล่องใส่มูล
แมวไปทิ้ง ต้องนํารถยนต์ไปตั้งเครื่อง ต้องซักเสื้อผ้า และต้องไป
จ่ายบิลต่างๆ แม้ว่าเควินจะมีส่วนช่วยแบ่งเบางานบ้านเป็นอย่าง
มาก แต่เขาก็มีภาระยุ่งในเรื่องโรงเรียน เพื่อนๆ และกิจกรรมอื่นๆ
ทั้งหมดของเขา เมื่อเป็นเช่นนี้เธอจึงต้องทิ้งนิตยสารต่างๆ ลงขยะ
ไปโยที่ยังไม่ได้อ่าน มีจดหมายมากมายที่ยังไม่ได้เขียน และ
บางขณะในช่วงเวลาเช่นนี้ เธอกังวลว่าชีวิตของเธอกําลังเคลื่อน
ผ่านไปโดยไร้ประโยชน์
มีวิธีใดบ้างที่จะเปลี่ยนแปลงเรื่องทั้งหมดนั้นได้? ''จงใช้
ชีวิตไปทีละวัน'' แม่เธอกล่าวเช่นนั้นเสมอ แต่แม่เธอไม่ต้องทํา
งานนอกบ้าน หรือเลี้ยงดูลูกชายที่เข้มแข็งและเชื่อมั่น แต่ก็ยัง
ต้องคอยดูแลโดยปราศจากความช่วยเหลือใดๆ จากพ่อเด็ก เธอ
ไม่เข้าใจถึงความกดดันที่เธเรซ่าต้องเผชิญในแต่ละวัน เช่นเดียว
กับที่เจเน็ตน้องสาวของเธอซึ่งดําเนินชีวิตตามแบบอย่างแม่ก็ไม่
เข้าใจเธอเช่นกัน เจเน็ตและสามีมีชีวิตตามแบบอย่างแม่ก็ไม่
ตลอดระยะเวลาเกือบ 11 ปี มีลูกสาวที่ดีเยี่ยม 3 คนเป็นประจักษ์
พยาน เอ็ดเวร์ดไม่ใช่ผู้ชายที่ปราดเปรื่อง แต่เขาก็มีความซื่อสัตย์
ทํางานหนัก และจุนเจือครอบครัวได้ดีพอที่เจเน็ตจะไม่ต้องไปทํา
งานนอกบ้าน จนบางครั้งเธเรซ่าคิดว่าเธออาจชอบชีวิตแบบนั้น
ก็ได้ แม้จะหมายถึงการเลิกประกอบอาชีพของเธอก็ตาม
แต่นั่นเป็นไปไม่ได้ นับตั้งแต่เดวิดและเธอหย่าร้างกัน นับ
จนถึงเดี๋ยวนี้เป็นเวลา 3 ปี ซึ่งหากนับตั้งแต่ที่เขาและเธอแยก
กันอยู่ด้วยก็เป็นเวลา 4 ปี เธอไม่ได้เกลียดเดวิดในสิ่งที่เขาทําลง
ไป แต่ความนับถือในตัวเขาได้ถูกทําลายจนย่อยยับ การนอกใจ
ไม่ว่าจะเกิดขึ้นเพียงแค่ชั่วคืน หรือความสัมพันธ์ฉันชู้สาวที่มีติดต่อ
กันมาเป็นเวลานาน เป็นเรื่องที่เธอไม่อาจใช้ชีวิตอยู่กับมันได้ และ
การที่เขาไม่ได้แต่งงานกับผู้หญิงซึ่งเขายุ่งเกี่ยวด้วยมาตลอดเวลา
2 ปีก็ไม่อาจทําให้เอรู้สึกดีขึ้นเลย ความไว้วางใจที่ถูกทําลายลง
ไปแล้วไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้
เดวิดย้ายกลับไปอยู่บ้านที่แคลิฟอร์เนียหลังจากที่เขาและ
เธอแยกกันอยู่ได้ 1 ปี และต่อมาอีกสองสามเดือน เขาก็ได้พบ
แอนเน็ต ภรรยาใหม่ของเขาเป็นคนเคร่งสาสนามาก เธอจึงทํา
ให้เดวิดสนใจไปโบสถ์ทีละน้อยๆ เดวิดซึ่งเป็นผู้ไม่มีความเชื่อใน
ศาสนามาตลอดชีวิต ดูเหมือนจะโหยหาบางสิ่งบางอย่างซึ่งทําให้
ชีวิตเขามีความหมายมากขึ้น ปัจจุบันเขาไปโบสถ์สมํ่าเสมอและ
ทํางานรับใช้ศาสนาอย่างแท้จริง ในฐานะผู้ให้คําปรึกษาปัญหา
ชีวิตสมรสร่วมกับบาทหลวง เธอมักสงสัยว่าเขาจะเอาอะไรไปพูด
กับใครบางคนที่กําลังทําในสิ่งเดียวกับที่เขาได้ทํามาแล้ว และเขา
จะช่วยคนอื่นได้อย่างไร ในเมื่อเขาไม่สามารถที่จะควบคุมตัวเขา
เองได้? เธอไม่รู้จริงๆ แล้วก้ไม่ใส่ใจด้วย เธอเพียงรู้สึกดีใจที่เขา
ยังแสดงความสนใจในตัวลูกของเขา
ทันทีที่เธอและเดวิดหย่าร้างกัน เป็นธรรมดาอยู่เองที่มิตร
ภาพของเธอกับผู้คนมากมายก็จบสิ้นลงไปด้วย ด้วยเหตุที่ในขณะ
นี้เธอไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคู่อีกต่อไปแล้ว ดูเหมือนเธอจะ
รู้สึกแปลกแยกในงานเลี้ยงคริสต์มาส หรือการไปกินบาร์บีคิวที่
สนามหลังบ้านเพื่อนๆ แต่เพื่อนสองสามคนแนะนําว่า พวกเขา
จะจัดการนัดเดตให้เธอสําหรับอาหารมื้อกลางวัน หรือชวนมากิน
อาหารเย็นด้วย เธอได้ยินข้อความเหล่านั้นทางเครื่องตอบรับ
โทรศัพท์ และไปตามคําชักชวนบ้างเป็นครั้งคราว สําหรับเธอ
แล้ว ดูเหมือนว่าไม่มีมิตรภาพใดๆ เลยที่เป็นไปในแบบที่เคยเป็น
แน่นอนอยู่แล้วว่าจะต้องไม่เป็นเช่นนั้น สิ่งต่างๆ เปลี่ยนไป ผู้คน
เปลี่ยนไป ในขณะที่ชีวิตเอดําเนินอยู่นั้น สิ่งภายนอกก็กําลัง
เปลี่ยนแปลงไปตามการหมุนของโลก
นับตั้งแต่หย่าร้าง เธเรซ่าออกเดตเพียงน้อยครั้งเท่านั้น ไม่
ใช่เป็นเพราะเธอไม่มีเสน่ห์ดึงดูดใจ เธอมีสิ่งนั้นอยู่ในตัว มีคน
บอกเธอเช่นนั้นอยู่บ่อยๆ ไม่มากก็น้อย ผมเอสีนํ้าตาลเข้ม ยาว
เคลียบ่าพอดีและเหยียดตรงราวใยไหม ดวงตาเธอซึ่งเป็นส่วนที่
ได้รับคําชมบ่อยที่สุดมีสีนํ้าตาลและแต่งแต้มด้วยสีนํ้าตาลอ่อน
ยามต้องแสงเมื่ออยู่ข้างนอก เนื่องจากเธอวิ่งอยู่เป็นประจําทุกวัน
ร่างกายเธอจึงแข็งแรงและดูอ่อนวัยกว่าอายุจริง เธอเองก็ไม่รู้สึก
แก่เช่นกัน แต่เมื่อเธอส่องกระจกเมื่อเร็วๆนี้ ดูเหมือนเธอจะเริ่ม
เห็นความแก่ไปตามวัย เธอเห็นรอยย่นใหม่บริเวณรอบหางตา
ผมหงอกที่ดูเหมือนจะหงอกขึ้นมาใหม่ในชั่วข้ามคืน และหน้าตา
ดูอ่อนล้าไปบ้างจากการวิ่งติดต่อกันมาอย่างสมํ่าเสมอ
เพื่อนๆ คิดว่าเธอเสียสติไปแล้วที่กังวลกับสิ่งเหล่านั้น
''ตอนนี้น่ะ เธอดูดีกว่าปีก่อนๆ อีกนะ'' คนเหล่านั้นยืนยัน
และเธอยังคงสังเกตเห็นว่ามีผู้ชายสองสามคนจ้องมองเธอผ่าน
ช่องทางเดินระหว่างชั้นวางของในซูเปอร์มาร์เก็ต แต่เธอไม่ได้มี
อายุ 22 ปีอีกแล้ว และเธอก้ไม่เคยอยากกลับไปเป็นเช่นนั้นด้วย
บางครั้งเธอหวนคิดถึงตัวเองว่า หากกลับไปเป็นเช่นนั้นได้ นั่น
ก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการเป็น ถ้าเธอไม่สามรถนําความคิดอ่าน
แบบผู้ใหญ่กลับมาได้ หาไม่แล้ว บางทีเธออาจติดบ่วงผู้ชายที่มี
ลักษณะเหมือนเดวิดอีกคนหนึ่ง ชายหนุ่งรูปงามซึ่งโหยหาสิ่งดีๆ
ในชีวิต โดยตั้งข้อสันนิษฐานไว้ลึกๆ ในใจว่าเขาไม่ต้องการเล่น
ตามกฏ แต่ให้ตายเถอะ กฏเป็นสิ่งสําคัญ โดยเฉพาะเมื่อมันเป็น
เรื่องที่เกี่ยวกับการแต่งงาน พวกเขาอยู่ในกฏเกณฑ์ร่วมกันซึ่งคาด
หวังวาสคนคนหนึ่งจะไม่ฝ่าฝืนมัน พ่อแม่เธอไม่ได้ฝ่าฝืนกฏของ
พวกเขา น้องสาวและน้องเขยก็ไม่ได้ทําเช่นนั้น ทั้งเดียนน่าและ
ไบรอันก็ไม่ได้ทําเช่นกัน ทําไมเขาต้องทํา? แล้วทําไมความคิด
เธอต้องหวนกลับไปหาสิ่งนี้เสมอ แม้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะล่วงผ่าน
มาถึงเวลานี้แล้ว? เธอนึกประหลาดใจในขณะที่ยืนอยู่ท่างกลาง
เกลียวคลื่น
เธอคิดว่ามีบางอย่างเกี่ยวของกับความจริงที่ว่า ในที่สุด
เมื่อใบหย่าส่งมาถึงแล้ว เธอรู้สึกราวกับว่าเสี้ยวหนึ่งในตัวเธอได้
ตายไป ความโกรธที่มีในตอนแรกแปรเปลี่ยนเป็นความเสียใจ
และขณะนี้มันได้กลายมาเป็นความเบื่อหน่ายชนิดหนึ่ง ซึ่งแม้ว่า
เธอจะทํากิจกรรมต่างๆ อยู่ตลอดเวลา แต่ก็ดูเหมือนว่าไม่มีอะไร
พิเศษเกิดขึ้นกับเธออีกเลย แต่ละวันซํ้าซากเหมือนวันก่อนๆ ทุก
ประการ เธอจึงแยกแยะความแตกต่างของแต่ละวันได้ยากลําบาก
ครั้งหนึ่งเกือบปีมาแล้ว เธอนั่งลงที่โต๊ะทํางานเป็นเวลา 15 นาที
แล้วพยายามนึกถึงสิ่งสุดท้ายที่เธอได้ทําตามแรงกระตุ้นภายในใจ
แต่เธอไม่สามารถคิดถึวสิ่งใดได้เลย
สองสามเดือนแรกของการหย่าร้างเป็นช่วงเวลาที่ยากลํา-
บากสําหรับเธอ ต่อมาความโกรธก็จางคลายลง เธอไม่รู้สึกอยาก
กล่าวคําผรุสวาทใส่เดวิด หรือทําให้เขาต้องชดใช้ในสิ่งที่เขาได้ทํา
ลงไปอีกแล้ว ทั้งหมดที่เธอทําได้คือรู้สึกสงสารตัวเอง แม้เธอจะมี
เควินอยู่ข้างกายเสมอก็ไม่ได้ทําให้ความจริงที่เธอรู้สึกเดียวดายอยู่
ในโลกนี้เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย มีพักหนึ่งที่เธอนอนหลับ
ได้ไม่เกิน 2-3 ชั่วโมงในหนึ่งคืน และบางครั้งเมื่อเธออยู่ที่ๆทํางาน
เธอจะผละไปจากโต๊ะทํางาน แล้วไปนั่งร้องไห้อยู่ในรถ
ขณะนี้ 3 ปีล่วงผ่านไป เธอไม่รู้จริงๆว่าเธออาจรักใคร
บางคนแบบที่เคยรักเดวิดได้อีกหรือไม่ เมื่อเดวิดมาถึงงานเลี้ยง
สมาคมนักศึกษาหญิงตอนที่เธอเริ่มเรียนปี 3 ในมหาวิทยาลัยนั้น
เพียงมองเขาครั้งแรก เธอก็รู้แล้วว่าเธอต้องการที่จะอยู่กับเขา
ความรักในวัยสาวของเธอครั้งนั้นดูเหมือนจะท่วมท้นหัวใจและ
เปี่ยมไปด้วยพลัง เธอจะเฝ้าแต่ตื่นขึ้นขณะทีนอนอยู่บนเตียงเพื่อ
คิดถึงเขา และเมื่อเดินผ่านไปในบริเวณมหาวิทยาลัย เธอมัก
จะยิ้มแย้มบ่อยครั้งจนคนอื่นยิ้มตอบกลับมาทุกครั้งที่พวกเขาเห็น
แต่ความรักเช่นนั้นไม่ยั่งยืน อย่างน้อยที่สุดนั่นก็คือสิ่งที่เธอค้นพบ
ตลอดเวลาหลายปีชีวิตแต่งงานที่เปลี่ยนแปลงไปเริ่มปรากฏให้เห็น
เธอและเดวิดเป็นผู้ใหญ่ขึ้นและแยกกันอยู่ มันกลายเป็นเรื่องยาก
ที่จะนึกถึงสิ่งต่างๆ ที่ดึงดูดใจแต่ละฝ่ายเข้ามาหากันในตอนแรก
เมื่อมองย้อนกลับไปแล้วเธเรซ่ารู้สึกว่าเดวิดเปลี่ยนเป็นคนซึ่งแตก
ต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง ถึงแม้เธอจะไม่อาจบอกได้อย่างชัดแจ้ง
ถึงช่วงเวลาที่ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป แต่สิ่งใดๆก็สามารถ
เกิดขึ้นได้เมื่อเพลิงเสน่หามอดดับลง และสําหรับเขาแล้วมันเป็น
เช่นนั้น โอกาสที่จะได้พบกันในร้านวิดีโอ และเกิดการสนทนาที่
นําไปสู่การกินอาหารกลางวันด้วยกันและจบลงที่โรงแรมเป็นสิ่ง
ที่เกิดขึ้นได้เสมอในกรุงบอสตันและเขตปริมณฑล
สิ่งที่ไม่เป็นธรรมในสถาณการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดก็คือ เธอ
ยังคงคิดถึงเขาอยู่ในบางครั้ง และชอบคิดถึงสิ่งที่ดีเกี่ยวกับตัวเขา
การแต่งงานกับเดวิดให้ความรู้สึกสบาย คล้ายกับที่นอนซึ่งเธอ
หลับใหลอย่างเป็นสุขมาเป็นเวลาหลายปี เคยชินกับการมีใคร
คนหนึ่งอยู่ใกล้ๆ เพียงเพื่อพูดคุยด้วยหรือรับฟังเธอ เคยชินกับ
การตื่นขึ้นมาสูดกลิ่นกาแฟอันหอมกรุ่นในยามเช้า และคิดถึงการ
มีผู้ใหญ่อีกคนอยู่ด้วยกันในห้องชุด คิดถึงสิ่งต่างๆมากมาย แต่
ที่เธอคิดถึงมากที่สุดก็คือ ความสนิทเสน่หาของการตระกองกอด
และเสียงกระซิบที่พรํ่ารําพันให้เฉพาะกันและกัน
เควินยังไม่โตพอที่จะเชข้าใจเรื่องนี้ และแม้ว่าเธอจะรักเขา
อย่างลึกซึ้งเพียงใดก็ตาม ก้ไม่เหมือนความรักในแบบที่เธอต้อง
การอยู่ในขณะนี้ ความรู้สึกของเณอที่มีต่อเควินคือความรักของ
แม่คนหนึ่ง ซึ่งบางทีมันอาจเป็นความรักอันลึกซึ้งที่สุด และศักดิ์
สิทธิ์ที่สุดในบรรดาความรักทั้งหมดที่มี จวบจนถึงปัจจุบันเธอก็
ยังชอบที่จะเข้าไปในห้องนอนของเควินหลังจากที่เขาหลับไปแล้ว
และนั่งอยู่บนเตียงเพียงเพื่อมองดูเขา เควินสุขสงบและงดงาม
เหลือเกิน เขาเป็นเช่นนั้นเสมอเมื่อนอนหนุนหมอนและดึงผ้าห่ม
ขึ้นมาคลุมไว้รอบตัว ช่วงกลางวัน ดูเหมือนเขาจะไม่เคยหยุดนิ่ง
เลย แต่ในยามคํ่าคืน เขากลับสงบนิ่ง ท่าทางการนอนหลับของ
เขามักนําความรู้สึกเมื่อครั้งเขายังเป็นทารกตัวน้อยกลับมาสู่เธอ
เสมอ แม้จะมีความรู้สึกแสนวิเศษถึงเพียงนั้น ก้ไม่อาจเปลี่ยน
ความจริงที่ว่า เมื่ออกจากห้องเควินไปแล้ว เธอจะต้องมาดื่มไวน์
กับเจ้าฮาร์วี่ แมวเพียงตัวเดียวเท่านั้นที่เป็นเพื่อน
เธอยังคงฝันถึงการตกหลุมรักใครสักคน ฝันถึงการมีใคร
สักคนกอดเอไว้ในวงแขน และทํามห้รู้สึกว่าเธอเป็นคนสําคัญ
เพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ก้เป็นไปได้ยากเหลือเกิน หรือไม่ก็เป็น
ไปไม่ได้เอาเสียเลยที่จะพบใครสักคนซึ่งเหมาะสมในทุกวันนี้ ผู้
ชายส่วนใหญ่ที่เธอรู้จักในวัย 30ปีล้วนแต่แต่งงานแล้ว และผู้ชาย
ที่หย่าร้างก็ดูเหมือนจะมองหาใครบางคนที่อายุน้อยกว่า ซึ่งคน
เหล่านั้นสามารถหลอมรวมสิ่งที่ต่างฝ่ายต่างต้องการเข้าด้วยกันได้
อย่างแท้จริงไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง นั่นทําให้เธอกันผู้ชายที่อายุมาก
กว่าออกไป และแม้เธอคิดว่าเธออาจตกหลุมรักใครสักคนที่มีอายุ
มากกว่าแต่เธอก็ยังมีลูกชายที่ต้องกังวลเธอต้องการผู้ชายที่จะ
ปฏิบัติต่อเควินในวิถีทางที่เขาสมควรได้รับ ไม่ใช่เห็นเขาเป็นเพียง
แค่ผลพลอยได้ที่ไม่ต้องการของใครบางคนที่ปราถนาในตัวเธอ
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผู้ชายที่มีอายุมากกว่าเธอ มักจะมีลูกซึ่ง
มีอายุมากกว่าเควินติดมาด้วย ในยุคปี 90 ก้มีผู้ชายเพียงไม่กี่คน
ที่ยินดีเข้ามาทดสอบการเลี้ยงหนุ่งรุ่นกระทง ครั้งหนึ่งคู่เดตของ
เธอได้บอกกับเธอห้วนๆ ว่า ''ผมทําหน้าที่ของผมเสร็จสิ้นแล้ว''
และนั่นคือการสิ้นสุดความสัมพันธ์ในครั้งนั้น
เธอยอมรับว่าเธอถวิลหาความสนิทชิดแนบทางร่างกายอัน
เกิดจากความรัก ความไว้วางใจ และคิดถึงอ้อมกอดจากชายสัก
คน เอไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กับชายใดเลยนับตั้งแต่เธอและเดวิด
หย่าร้างกัน แน่นอนว่าโอกาสที่จะหาใครบางคนมานอนด้วย
ไม่ใช่เรื่องยากสําหรับผู้หญิงที่มีเสน่ห์ดึงดูดใจเช่นเธอ แต่มันเป็น
เพียงเพราะว่า นั่นไม่ใช่วิถีชีวิตของเธอ เธอไม่ได้รับการเลี้ยงดู
มาแบบนั้น และไม่มีเจตนาที่จะเปลี่ยนสิ่งดังกล่าวในตอนนี้ด้วย
เซ็กซ์เป็นเรื่องสําคัญ และเป็นสิ่งพิเศษเหินกว่าที่จะมีประสบการณ์
ร่วมกับใครก็ได้ ความจริงแล้วเธอเคยหลับนอนกับผู้ชายเพียง
สองคนเท่านั้นคือเดวิด และอีกคนคือคริส แฟนคนแรกจริงๆ ที่เธอ
เคยมี เธอไม่อยากเพิ่มบัญชีรายชื่อเข้าไปเพียงเพื่อสนองความ
สุขสมเพียงไม่กี่นาที
ดังนั้น ในขณะนี้ซึ่งเป็นช่วงวันหยุดที่เธอมาเที่ยวพักผ่อน
ที่เคปคอดอย่างผู้มีชีวิตเดียวดายบนโลกใบนี้ และไร้ซึ่งชายใดไม่
ว่าที่ไหนๆ ที่พอคาดการณ์ได้ในอนาคต เธอจึงอยากทําอะไรสัก
อย่างในสัปดาห์นี้ให้ตัวเธอเองจริงๆ ด้วยการอ่านหนังสือสักเล่ม
เหยียดแข้งเหยียดขา และดื่มไวน์โดยไม่ต้องมีแสงจากจอทีวีวูบ
วาบเป็นฉากหลัง เขียนจดหมายถึงเพื่อนๆ ที่เธอได้รับข่าวคราว
มาเมื่อเร็วๆ นี้ นอนดึกๆ กินมากๆ และวิ่งออกกําลังกายตอน
เช้าก่อนที่ผู้คนจะออกไปทําลายบรรยากาสข้างนอก เธออยาก
พบอิสรภาพอีกครั้ง แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม
เธออยากไปเดินช้อปปิ้งในสัปดาห์นี้ไม่ใช่ที่ห้างเจซี เพนนี
หรือห้างเชียร์หรือร้านที่โฆษณารองเท้าไนกี้ และเสื้อยืดทีมชิคาโก
บูลส์ แต่เป็นร้านเล็กๆ ที่ขายเสื้อผ้าเครื่องประดับราคาถูกซึ่งเควิน
เห็นว่าน่าเบื่อ เธออยากลองเสื้อผ้าชุดใหม่ และซื้อชุดที่ทําให้
รูปร่างเธอดูผอมเพรียวสัก 2 ชุด เพียงเพื่อทําให้เธอรู้สึกว่ายังคง
กระฉับกระเฉงและมีชีวิตชีวา ยิ่กว่านั้นเธอจะไปทําผมทรงใหม่
เธอไม่ได้เปลี่ยนทรงผมตามสมัยนิยมมาหลายปีแล้ว เธอรู้สึกเบื่อ
ที่จะดูแลซํ้าซากทุกวัน และหากบังเอิญมีผู้ชายน่ารักสักคนมา
ชวนเธออกเดตในสัปดาห์นี้ บางทีเธออาจไปด้วยเพียงเพราะว่า
เธอมีข้ออ้างที่จะสวมเสื้อผ้าชุดใหม่ที่ซื้อมา
ด้วยสํานึกแห่งการมองโลกในแง่ดีบางอย่างซึ่งหวนคืนมา
ใหม่อีกครั้ง เธอเหลียวมองชายที่ม้วนขากางเกงคนนั้นว่ายังอยู่ที่
เดิมหรือเปล่า เขาหายไปแล้ว ไปอย่างเงียบเชียบเช่นเดียวกับที่
เขามา และเธอก็พร้อมที่จะไปเช่นกัน ขาเธอแข็งเกร็งเพราะแช๋
นํ้าทะเล การนั่งสวมรองเท้าจึงเป็นเรื่องยากลําบากกว่าที่คสดไว้
เล็กน้อย เนื่องจากเธอไม่มีผ้าเช็ดตัว จึงลังเลอยู่ชั่วขณะก่อนจะ
สวมถุงเท้า ในที่สุดก็ตัดสินใจว่าไม่ต้องสวมมันก็ได้ เธอมาเที่ยว
พักผ่อนชายทะเล ไม่จําเป็นต้องสวมถุงเท้าหรือรองเท้า
เธเรซ่าถือถุงเท้าและรองเท้าขณะเดินมุ่งหน้ากลับไปยังบ้าน
พัก เธอเดินลัดเลาะอยู่ริมทะเลและเห็นหินก้อนใหญ่ฝังตัวอยู่ใน
ทรายครึ่งหนึ่งในตําแหน่งสองสามนิ้วห่างจากจุดซึ่งกระแสนํ้ายาม
เช้าตรู่ขึ้นสูงสุด เธอคิดในใจว่า น่าแปลกที่ดูเหมือนว่ามันไม่ควร
จะอยู่ตรงจุดนี้เลย
เมื่อเข้าไปใกล้ เธเรซ่าสังเกตเห็นลักษณะบางอย่างซึ่งแตก
ต่างไปจากที่มันควรจะเป็นจากที่มองเห็นมันมีขนาดยาวและผิว
เรียบ เมื่อเดินตรงเข้าไปใกล้ยิ่งขึ้นจึงรู้ว่ามันไม่ใช่ก้อนหิน มัน
คือขวดใบหนึ่ง ซึ่งบางทีอาจถูกทิ้งไว้โดยนักท่องเที่ยวมักง่าย หรือ
หนึ่งในกลุ่มวัยรุ่นละแวกนั้นซึ่งชอบมาที่นี่ในยามคํ่าคืน เธอมอง
เลยไปเห็นถังขยะล่ามโซ่ติดกับหอนั่งสํารวจผู้ช่วยชีวิตชายฝั่ง จึง
ตัดสินใจทําสิ่งดีๆ ให้ตัวเองในวันนี้ แต่ครั้นเธอเอื้อมไปหยิบขวด
ใบนั้น ก็ต้องประหลาดใจที่เห็นว่ามันมีจุกก๊อกปิดอยู่ เธอหยิบ
ขวดขึ้นมา แล้วถือส่องไปทางแสงที่ทําให้เห็นได้ชัดขึ้น จึงเห็นกระ
ดาษเขียนข้อความแผ่นหนึ่งม้วนผูกไว้ด้วยด้ายอยู่ข้างใน
ในเสี้ยววินาทีนั้นเธอรู้สึกหัวใจเต้นรัวเมื่อความทรงจําบาง
อย่างหวนกลับมา เมื่อเธออายุได้ 8 ปี และไปเที่ยวพักผ่อนวัน
หยุดที่รัฐฟลอริด้ากับพ่อแม่ เธอและเด็กหญิงอีกคนหนึ่งได้ส่ง
จดหมายถึงกันทางทะเล แต่เธอไม่เคยได้รับจดหมายตอบ จด-
หมายดังกล่าวเขียนขึ้นมาอย่างง่ายๆ เป็นจดหมายของเด็กคน
หนึ่ง แต่เมื่อกลับบ้าน เธอจําได้ว่ารีบวิ่งไปตู้ไปรษณีย์เป็นเวลา
หลายสัปดาห์หลังจากนั้น ด้วยหวังว่าใครบางคน จะพบมันแล้ว
ส่งจดหมายมาถึงเธอจากที่คลื่นซัดขวดขึ้นฝั่ง เมื่อไม่มีอะไรส่ง
มาเลย ความผิดหวังจึงเริ่มก่อตัวขึ้น พร้อมกับความทรงจําค่อยๆ
จางหายไป จนกระทั่งไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่อีกเลย แต่ในขณะนี้
ภาพความทรงจําทั้งหมดได้กลับมา ใครอยู่กับเธอในวันนั้นกันนะ
เด็กผู้หญิงคนหนึ่งอายุใกล้เคียงกับเธอ...เทรซี่หรือเปล่านะ...ไม่ใช่
...สเตซี่ล่ะ...ใช่แล้ว สเตซี่! สเตซี่คือชื่อของเธอ! เธอมีผมสีทอง...
และพักอยู่กับปู่ย่าของเธอในช่วงฤดูร้อน...และ...และ...และความ
ทรงจําหยุดลงที่นั่น โดยไม่มีสิ่งอื่นใดผ่านเข้ามาอีกเลย ไม่ว่าเธอ
จะพยายามหนักหนาเพียงใดก็ตาม
เธอเริ่มดึงจุกก๊อก และแทบหวังให้มันเป็นขวดเดียวกับที่
เคยส่งไป แม้จะรู้ดีว่ามันไม่อาจเป็นเช่นนั้นได้ แต่บางทีมันอาจ
จะมาจากเด็กสักคนก็ได้ และถ้าต้องการให้ตอบกลับ เธอก็จะส่ง
จดหมายตอบกลับไป บางทีอาจส่งของขวัญเล็กๆ น้อยๆ จาก
เคปคอด กับโปสกสร์ดใบหนึ่งติดไปให้ด้วย
จุกก๊อกอัดแน่นที่ปากขวด และนิ้วเธอลื่นไถลออกมาใน
ขณะที่พยายามเปิดมันออก เธอไม่สามารถจับขวดไว้ในท่าที่
เหมาะมือได้ เธอจิกเล็บสั้นๆ ลงไปในบริเวณจุกก๊อกที่แง้มออก
แล้วหมุนขวดช้าๆ แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น เธอสลับมือแล้วพยายาม
อีกครั้ง กําขวดไว้แน่น แล้วใช้ขาหนีบขวดไว้เพื่อให้มีแรงงัดมาก
ขึ้น ก่อนที่เธอเกือบเลิกล้มความตั้งใจแล้วนั้น จุกก๊อกก้เริ่มคลาย
ตัวออกมาเล็กน้อย เธอจึงกลับมาเริ่มต้นใหม่ทันที โดยเปลี่ยนกลับ
มาใช้มือข้างเดิมที่ใช้ครั้งแรก...บีบ...หมุนขวดช้า...จุกก๊อกขยับออก
มากขึ้นแล้ว...และทันใดนั้นมันก็คลายตัวออก ส่วนที่เหลือจึงหลุด
ออกมาได้อย่างง่ายดาย
เธเรซ่าควํ่าขวดทิ่มลง และต้องประหลาดใจเมื่อม้วนกระ
ดาษที่มีข้อความนั้นตกลงมาที่ทรายข้างเท้าแทบจะในทันทีทันใด
เมื่อก้มลงหยิบขึ้นมา เธอสังเกตเห็นว่ามีด้วยผูกไว้แน่น ซึ่งนั่นคือ
เหตุผลว่าทําไมมันจึงไหลออกมาได้ง่ายดายเหลือเกิน
เธอบรรจงแกะด้วยออก และสิ่งแรกที่ทําให้เธองุนงงใน
ขณะคลี่จดหมายฉบับนั้นออกคือกระดาษที่ใช้ นี่ไม่ใช่กระดาษ
เขียนจดหมายของเด็ก มันเป็นเป็นกระดาราคาแพง เนื้อหนา และ
คงทน มีภาพเรือเงาใบลายนูนทึบอยู่ที่มุมขวาบน นอกจากนี้ตัว
กระดาษยังยัยยู่ยี่และดูเก่ามากราวกับอยู่ในนํ้าทะเลมานานนับ
ร้อยปี
เธอรู้สึกว่าตัวเองกําลังกลั้นหายใจ บางทีอาจเป็นขวดเก่า
แก่ อาจจะใช่ก้ได้ มีเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับขวดที่ถูกคลื่นซัดขึ้นฝั่ง
หลังจากเวลาผ่านไปนับร้อยๆปี นั่นอาจเป็นเหตุการณ์ที่กําลัง
เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ก็ได้ บางทีเธออาจพบโบราณวัตถุจริงๆ เข้า
แล้วที่นี่ แต่ครั้นสังเกตดูลายมือที่เขียน เธอก็รู้ว่าเธอคิดผิด มีวันที่
ปรากฏอยู่มุมซ้ายด้านบนของกระดาษ
22 กรกฏาคม 1997
ล่วงเลยมากกว่าสามสัปดาห์เล็กน้อย
สามสัปดาห์แค่นั้นเองเหรอ
เธอเริ่มอ่านอย่างละเอียดมากขึ้น ข้อความมีขนาดยาว
เหยียดเต็มไปทั้งด้านหน้าและด้านหลังของกระดาษ และดูเหมือน
เป็นข้อความประเภทที่ไม่ได้ต้องการให้มีการตอบกลับใดๆ เอ
กวาดตามองผ่านๆ อย่างรวดเร็วและเห็นว่าไม่มีที่อยู่หรือหมาย
เลขโทรศัพท์บอกไว้ที่ใดเลย แต่เธอก็นึกเอาว่าอาจมีเขียนบอกไว้
ที่ข้อความในจดหมาย
ความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นเล่นปร๊าดขึ้นมาในใจทันที ใน
ขณะที่เธอถือจดหมายดังกล่าวไว้ตรงหน้าท่ามกลางแสงอรุณรุ่ง
ของวันอันร้อนผ่าวในมลรัฐนิวอิงแลนด์ ชั่วขณะนั้นเป็นครั้งแรก
ที่เธอได้อ่านจดหมายซึ่งจะเปลี่ยนแปลงชีวิตเธอไปตลอดกาล
22 กรกฏาคม 1997
แคธรีนสุดที่รักของผม
ที่รักของผม ผมคิดถึงคุณเช่นที่ผมรู้สึกเสมอมา แต่วันนี้
ผมคิดถึงคุณมากเป็นพิเศษ เพราะทะเลเฝ้าครวญเพลงถึงผม มัน
คือบทเพลงที่พรรณนาถึงชีวิตของเราสองคนที่ได้ใช้ร่วมกันมา ผม
แทบจะรู้สึกว่ามีคุณอยู่เคียงข้างในขณะที่ผมเขียนจดหมายฉบับนี้
และผมได้กลิ่นหอมรัญจวนของดอกไม้ป่าซึ่งเตือนให้หวนรําลึกถึง
คุณอยู่ไม่เว้นวาย แต่ชั่วขณะนี้ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ไม่ได้สร้างความ
อภิรมย์ให้ผมเลย คุณมาเยี่ยมเยียนผมน้อยครั้งลงเรื่อยๆ และ
บางครั้งผมรูสึกราวกับว่าตัวตนส่วนสําคัญที่สุดของผมกําลังค่อยๆ
หลุดลอยออกไปจากร่าง
แม้ว่าผมได้ใช้ความพยายามแล้ว แต่ในยามคํ่า คืน เมื่อ
ผมอยู่เพียงเดียวดาย หัวใจผมรํ่า ร้องหาคุณ และเมื่อใดก็ตามที่
ความเจ็บปวดในหัวใจผมเพิ่มพูนขึ้นจนถึงขีดสุด ก้ดูเหมือนว่าคุณ
จะหาหนทางกลับมาหาผม ในความฝันของผมเมื่อคืนวาน ผม
เห็นคุณอยู่บนสะพานท่าเทียบเรือใกล้หาดไรส์วิล สายลมพัดผ่าน
เส้นผมคุณ ขณะที่ดวงตาคุณจับจ้องไปยังแสงตะวันที่ค่อยๆ ลับ
ขอบฟ้า ผมรู้สึกประทับใจ เมื่อเห็นคุณอเนกายพิงราวสะพาน
ขณะที่เห็นคุณ ผมคิดว่าคุณช่างสวยเหลือเกิน เป็นภาพอันงดงาม
ซึ่งผมไม่เคยเห็นจากใครอื่นมาก่อน ผมเริ่มเดินตรงไปหาคุณช้าๆ
แล้วในที่สุด เมื่อคุณหันหน้ามาหาผม ผมสังเกตว่าคนอื่นๆ ต่าง
กําลังจ้องมองคุณอยู่ด้วยเช่นกัน ''คุณรู้จักเธอหรือเปล่า'' พวก
เขากระซิบถามผมด้วยความริษยา และเมื่อคุณยิ้มให้ผม ผมก็แค่
ตอบไปตามความจริงว่า ''รู้จักดีกว่าหัวใจของผมเองเสียอีก''
ผมหยุดยืนนิ่งเมื่อเดินมาถึงตัวคุณอย่างแผ่วเบา คุณเอียงศรีษะ
แล้วหลับตาพริ้ม เมื่อมืออันหยาบกร้านของผมต้องผิวอันอ่อนนุ่ม
ของคุณ ผมสงสัยในชั่วขณะนั้นว่าคุณจะถอยหนีหรือเปล่า แต่
แน่นอนว่าคุณไม่ทําเช่นนั้น คุณไม่เคยทําเช่นนั้นมาก่อน และ
ในเวลาเช่นนี้ที่ผมรู้ดีว่า อะไรคือความปราถนาอันลํ้าลึกใน
ชีวิตผม ผมอยู่ที่นี่เพื่อรักคุณ เพื่อกอดคุณไว้ในอ้อมแขน เพื่อ
ปกป้องคุร ผมอยู่ที่นี่เพื่อเรียนรู้ที่จะรักคุณ และได้รับความรัก
ของคุณตอบ ผมอยู่ที่นี่ เพราะไม่มีที่อื่นใดอีกแล้วที่ผมจะอยู่ได้
แต่แล้วดังเช่นทุกครั้ง หมอกเริ่มก่อตัวขึ้นในขณะที่เรายืน
แนบชิดกัน มันคือหมอก ณ ดินแดนอันห่างไกลซึ่งกระจายขึ้นมา
จากขอบฟ้า ผมเริ่มหวาดกลัวในขณะที่มันคืบคลานใกล้เข้ามา
ช้าๆ โอบล้อมโลกที่อยู่รอบตัวเรา และกั้นเราไว้ในวงล้อมประดุจ
ป้องกันการหลบหนี ม่านหมอกปกคลุมทุกสิ่งทุกอย่างไว้เช่นเดียว
กับก้อนเมฆที่กําลังม้วนตัว และปิดกั้นทุกสิ่งทุกอย่างจนกระทั่ง
ไม่มีสิ่งใดหลงเหลืออยู่อีกต่อไปนอกจากสองเรา
ผมเริ่มรู้สึกลํษคอตีบตัน และดวงตาเอ่อท้นไปด้วยนํ้าตา
เพราะผมรู้ดีว่า ถึงเวลาที่คุณต้องไปแล้ว ดวงหน้าที่คุณมองผม
ในชั่วขณะนั้น หลอกหลอนผมอยู่ไม่เว้นวาย ผมรู้สึกได้ถึงความ
โศกเศร้าของคุณ และความเปลี่ยวเหงาของผมเอง อีกทั้งความ
ปวดร้าวในหัวใจผมซึ่งสงบระงับลงเพียงวั่วเวลาอันสั้นนั้นก้เริ่มทวี
ความเจ็บปวดมากขึ้นเมื่อคุณจากไป ครั้นแล้วคุณก็เหยียดแขน
ทั้งสองผละจากผมแล้วก้าวถอยกลับไปในม่านหมอก เพราะนั่น
คือที่ของคุณ และไม่ใช่ที่ของผม ผมถวิลหาที่จะไปกับคุณ แต่
คุณเพียงตอบกลับมาด้วยการสั่นศรีษะ เพราะเราทั้งสองคนต่าง
รู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้
ผมเฝ้าดูด้วยหัวใจอันแหลกสลายในขณะที่คุณค่อยๆ เลือน
หายไปช้าๆ ผมรู้สึกว่าตัวเองพยายามอย่างที่สุดที่จะจดจําทุกสิ่ง
ทุกอย่างในชั่วขณะนี้ไว้ จดจําทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับตัวคุณ แต่
ไม่ช้า ซึ่งมักจะเร็วเกินไปเสมอ ภาพของคุณก็จางหายไปและม่าน
หมอกเริ่มม้วนตัวกลับไปยังที่อันห่างไกลที่มันมา แล้วผมก็อยู่
เพียงเดียวดายบนสะพานท่าเทียบเรือ ผมไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิด
อย่างไร ในขณะที่ผมก้มหน้าลงร้องไห้ ร้องไห้ และร้องไห้
แกเร็ต</span></span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
แมงป่อง
แม่ไข่หวาน พ่อไข่เค็ม
 
โพสต์: 1468
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ พ.ค. 05, 2007 10:25 pm

โพสต์โดย pimlapas » ศุกร์ มิ.ย. 13, 2008 8:12 pm

ขอบคุณนะคะ ที่นำมาให้อ่านค่ะ
<a href='http://www.freewebs.com/pimlapas/' target='_blank'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>หิวๆเชิญแวะ ร้านน้ำพริก มีบริการส่งความสุขให้ครอบครัวที่เืมืองไทยในทุกเทศกาล และรับฝากซื้อของส่งจากไทยไปทั่วโลก คลิ๊กเลยจ้า</span> </a><img src='http://i131.photobucket.com/albums/p301/pimmybraz/smjk.jpg' border='0' alt='user posted image' />
ภาพประจำตัวสมาชิก
pimlapas
แม่ไข่นกกระทา พ่อไข่จะละเม็ด
 
โพสต์: 3740
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ม.ค. 15, 2006 1:46 pm

โพสต์โดย แมงป่อง » เสาร์ มิ.ย. 14, 2008 7:46 am

ไม่เป็นไรค่ะพี่พิม ด้วยความเต็มใจค่ะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
แมงป่อง
แม่ไข่หวาน พ่อไข่เค็ม
 
โพสต์: 1468
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ พ.ค. 05, 2007 10:25 pm

โพสต์โดย แมงป่อง » เสาร์ มิ.ย. 14, 2008 8:30 am

<span style='font-size:14pt;line-height:100%'> <span style='color:blue'>บทที่ 2</span>
<span style='color:green'>''เธอร้องไห้หรือ?'' เดียนน่าถาม ขณะที่เธเรซ่าก้าว
ขึ้นไปบนระเบียงหลังบ้าน โดยที่ในมือยังถือทั้งขวดและจดหมาย
ไว้ ด้วยสภาวะจิตใจอันสับสนทําให้เธอลืมโยนขวดทิ้งไป
เธเรซ่าเช็ดนํ้าตาด้วยความอาย ขณะเดียวกับที่เดียนน่า
วางหนังสือพิมพ์และลุกขึ้นจากที่นั่ง แม้ตัวจะอ้วน ซึ่งเป็นเช่นนี้
มาตั้งแต่เธเรซ่ารู้จัก แต่เธอก็เดินอ้อมโต๊ะมาได้อย่างรวดเร็ว ด้วย
สีหน้าแสดงความวิตกกังวล
''เธอสบายดีเปล่า? เกิดอะไรขึ้นข้างนอกนั่น? เธอบาด
เจ็บมั้ย?'' เดีนน่ากระแทกเข้ากับเก้าอี้ตัวหนึ่ง ขณะที่เธอก้าว
พรวดพราดออกไปจับมือเธเรซ่าไว้
เธเรซ่าสั่นศรีษะ ''ไม่ ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น ฉันเพียงแค่
พบจดหมายฉบับนี้ และ...ฉันไม่รู้ หลังจากที่ฉันอ่านมันแล้ว ฉัน
ก็ห้ามใจตัวเองไม่อยู่''
''จดหมาย? จดหมายอะไรกัน เธอแน่ใจนะว่าเธอสบาย
ดี?'' เดียนน่าใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่แสดงท่าทางคาดคั้นเอาคํา
ตอบขณะที่เธอถาม ''ฉันสบายดี จริงๆนะ จดหมายฉบับนี้อยู่
ในขวด ฉันพบมันถูกคลื่นซัดขึ้นมาเกยหาด เมื่อฉันเปิดขวดออก
แล้วอ่าน...'' เสียงเธอแผ่วลง เดียนน่าเริ่มมีสีหน้าสดใสขึ้นบ้าง
''โอ้...งั้นก็ดีแล้ว แวบหนึ่งฉันคิดว่ามีอะไรเลวร้ายบางอย่าง
เกิดขึ้น เช่นมีใครบางคนทําร้ายเธอ หรือเกิดอะไรขึ้นบางอย่างกับ
เธอ''
เธเรซ่าปัดปอยผมที่ลมพัดมาระใบหน้า แล้วยิ้มตอบความ
ห่วงใยของเดียนน่า ''ไม่หรอก เพียงแค่จดหมายฉบับนี้โดนใจฉัน
จริงๆ ฉันรู้ดีว่ามันเป็นเรื่องโง่ ฉันไม่ควรรู้สึกอะไรมากมายขนาด
นั้น และขอโทษนะที่ทําให้เธอตกใจ''
''โอ้ บ้าจริง'' เดียนน่าเอ่ยพร้อมกับยักไหล่ ''ไม่เห็นมีอะไร
ต้องขอโทษนี่ ฉันดีใจมากนะที่เธอไม่เป็นไร'' เธอหยุดพูดไป
ครู่หนึ่งแล้วถามต่อ ''จดหมายฉบับนั้นทําให้เธอร้องไห้จริงๆ?
ทําไมล่ะ? มันเขียนว่ายังไง?''
เธเรซ่าเช็ดนํ้าตา แล้วยื่นจดหมายให้เดียนน่า จากนั้นจึง
เดินข้ามมายังโต๊ะเหล็กดัดซึ่งเดียนน่ากําลังนั่งอยู่ เธอยังทําตัว
รู้สึกน่าหัวเราะอยู่บ้างที่ร้องไห้ออกมา จึงพยายามข่มใจให้สงบนิ่ง
ที่สุด
เดียนน่าอ่านจดหมายช้าๆ เมื่ออ่านจบ เธอเงยหน้ามอง
เธเรซ่า ดวงตาชุ่มโชกไปด้วยนํ้าตาเช่นกัน ในที่สุดแล้วมันก็ไม่ใช่
แค่เธอเท่านั้นที่ร้องไห้
''มัน...มันไพเราะเหลือเกิน'' เดียนน่าเอ่ยขึ้นในที่สุด ''เป็น
เรื่องซาบซึ้งที่สุดเรื่องหนึ่งตั้งแต่ฉันเคยอ่านมาเลย''
''นั่นละคือสิ่งที่ฉันคิด''
''แล้วเธอพบมันถูกคลื่นซัดขึ้นมาบนชายหาด ตอนที่เธอ
กําลังวิ่งใช่มั้ย?''
เธเรซ่าผงกศรีษะ
''ฉันไม่รู้ว่าคลื่นซัดมันขึ้นมาที่นั่นได้ยังไง อ่าวนี้ถูกกันออก
จากส่วนที่เหลือของมหาสมุทร แล้วอีกอย่างฉันก็ไม่เคยได้ยินชื่อ
หาดไรส์วิล''
''ฉันก็ไม่รู้จักเหมือนกัน แต่ดูเหมือนมันจะถูกคลื่นซัดขึ้น
มาเมื่อคืนวาน ตอนแรกฉันเกือบเดินผ่านไป ก่อนที่จะทันสังเกต
เห็นว่าคืออะไร''
เดียนน่าใช้นิ้วไล่ไปตามข้อความที่เขียนในจดหมายแล้ว
หยุดชะงักครู่หนึ่ง ''ฉันสงสัยว่าเขาและเธอเป็นใครกันนะ แล้ว
ทําไมจดหมายถึงถูกปิดแน่นไว้ในขวด?''
''ฉันไม่รู้''
''เธอไม่อยากรู้เลยเหรอ?''
ความจริงแล้วเธเรซ่ามีความกระหายใคร่รู้ทันทีหลังจาก
ที่อ่านจดหมายจบลง เธออ่านอีกครั้ง แล้วก็อ่านเป็นครั้งที่สาม
เธอรําพึงอยู่ในใจว่า จะเป็นอย่างไรนะ หากมีใครสักคนมารักเธอ
แบบนั้นบ้าง?
''นิดหน่อย แลวไงล่ะ ไม่มีทางที่เราจะรู้ได้เลย''
''แล้วเธอจะทํายังไงกับมัน''
''ฉันคิดวาส คงเก็บไว้เฉยๆ น่ะ ฉันไม่คิดจริงจังอะไรกับมัน
มากขนาดนั้นหรอก''
''อืม...'' เดียนน่าพูดพร้อมกับยิ้มอย่างมีเลศนัย ''ไปวิ่ง
ออกกําลังกายมาเป็นไงบ้าง?''
เธเรซ่าจิบนํ้า ผลไม้ในแก้วที่เธอริน ''ก็ดี ดวงอาทิตย์ช่าง
เป็นอะไรที่วิเศษจริงๆ ยามที่มันโผล่ขึ้นมา ดูคล้ายกับว่าโลกใบนี้
กําลังสว่างไสว''
''นั่นเป็นเพราะเธอหน้ามืดจากการขาดออกซิเจนน่ะสิ การ
วิ่งออกกําลังกายทําให้เธอเป็นอย่างนั้น''
เธเรซ่ายิ้มด้วยความขบขัน ''งั้นฉันเชื่อว่าเธอคงไม่ออกวิ่ง
กับฉันในสัปดาห์นี้แน่''
เดียนน่าเอื้อมหยิบถ้วยกาแฟด้วยสีหน้าลังเล ''ไม่มีโอกาส
หรอก การออกกําลังกายของฉันจํากัดอยู่แค่การดูดฝุ่นในบ้านทุก
วันสุดสัปดาห์ เธอนึกภาพเวลาฉันออกไปข้างนอกนั่นแล้วหอบ
แฮกๆ ได้มั้ย บางทีฉันอาจหัวใจวายก็ได้''
''มันจะทําให้เธอสดชื่นนะ หากเธอเคยกับมัน''
''นั่นอาจจริงก็ได้ แต่ฉันไม่ใช่สาวแล้วก็หุ่นเพรียวอย่าง
เธอนี่ ฉันจําได้ว่าฉันวิ่งจริงๆ ครั้งเดียวเท่านั้นเมื่อสมัยเป็นเด็ก
แล้วสุนัขข้างบ้านหลุดออกมาจากสนาม ฉันวิ่งเร็วมากจนเกือบ
ฉี่ราดกางเกงในแน่ะ''
เธเรซ่าหัวเราะเสียงดัง ''แล้ววันนี้กะไว้ว่าจะทําอะไรกัน?''
''ฉันคิดว่าเราน่าจะไปซื้อของกันนิดหน่อย แล้วเลยไปกิน
อาหารกลางวันกันในเมือง เธออยากทําแบบนั้นมั้ยล่ะ?''
''ฉันก็หวังให้เธอพูดอย่างนั้นแหละ''
ผู้หญิงสองคนคุยกันถึงสถานที่ซึ่งพวกเธอจะไปกัน จาก
นั้นเดียนน่าก็ลุกเข้าไปในบ้านเพื่อชงกาแฟอีกถ้วย เธเรซ่าเฝ้ามอง
ขณะที่เธอเดินจากไป</span></span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
แมงป่อง
แม่ไข่หวาน พ่อไข่เค็ม
 
โพสต์: 1468
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ พ.ค. 05, 2007 10:25 pm

โพสต์โดย แมงป่อง » อาทิตย์ มิ.ย. 15, 2008 7:50 am

<span style='color:green'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>เดียนน่ามีอายุ 58 ปี ใบหน้ากลม ผมเริ่มหงอกประปราย
เธอตัดผมสั้นอยู่เสมอ และแต่งตัวดูไม่เย่อหยิ่งจนเกินงาม เป็น
คนที่เธเรซ่าตัดสินใจอย่างง่ายดายให้เป็นคนดีที่สุดที่เธอรู้จัก เธอ
มีความรอบรู้เกี่ยวกับเรื่องดนตรี ศิลปะ และเรื่องงาน เสียงเพลง
จากโมสาร์ทและบีโธเฟ่นที่บันทึกไว้ดังลอดจากห้องทํางานของ
เธออกมายังห้องเขียนข่าวอันสับสนวุ่นวายเสมอ เธอมี๙วิตอยู่
ด้วยการมองโลกในแง่ดีและมีอารมณ์ขัน ทุกคนที่รูจักจึงชื่นชม
ในตัวเธอ
เมื่อเดียนน่ากลับมานั่งที่โต๊ะแล้ว เธอจึงมองเลยไปยังอ่าว
''นี่ไม่ใช่สถานที่อันงดงามที่เท่าที่เธอเคยเห็นหรอกหรือ?''
''ใช่ มันสวยมาก ฉันดีใจนะที่เธอเคยเห็นหรอกหรือ?''
อพาร์ตเมนต์''
''เธอพูดอย่างกับเป็นแม่ฉันงั้นแหละ''
''ฉันจะถือซะว่านั่นคือคําชม''
เดียนน่าเอื้อมมือข้ามโต๊ะหยิบจดหมายขึ้นมาอีกครั้ง ขณะ
ที่เธออ่านมันอย่างตั้งอกตั้งใจอยู่นั้น เธอก็เลิกคิ้วขึ้น แต่ไม่ได้พูด
อะไรออกมา สําหรับเธเรซ่าแล้ว รู้สึกเหมือนกับว่าจดหมายฉบับนี้
ไปกระตุ้นอะไรบางสิ่งที่อยู่ในความทรงจําของเธอ
''มีอะไรเหรอ?''
''ฉันแค่สงสัยว่า...'' เธอพูดเบาๆ
''สงสัยอะไร?''
''เอ้อ...ถ้าเกิดอยู่บ้านแล้วฉันคิดถึงจดหมายฉบับนี้ขึ้นมา
ล่ะ คือฉันสงสัยว่า เราควรจะตีพิมพ์จดหมายฉบับนี้ลงในคอลัมน์
ของเธอสัปดาห์นี้ดีมั้ย?''
''เธอพูดเรื่องอะไร?''
เดียนน่าชะโงกตัวข้ามโต๊ะมา ''ก็เหมือนที่ฉันพูดนั่นแหละ
ฉันคิดว่าเราควรตีพิมพ์จดหมายฉบับนี้ลงในคอลัมน์ของเธอสัป-
ดาห์นี้ ฉันแน่ใจว่าคนอื่นจะต้องอยากอ่าน มันเป็นเรื่องแปลก
ใหม่จริงๆ คนเราต้องอ่านอะไรบางอย่างเช่นจดหมายฉบับนี้
เป็นครั้งคราว อีกอย่างมันซาบซึ้งมาก ฉันเห็นภาพเลยว่าต้อง
มีผู้หญิงนับร้อยคนตัดมันออกมาแปะไว้กับตู้เย็นเพื่อให้บรรดาสามี
ของพวกเธอเห็น เมื่อพวกเขาเลิกงานกลับมาถึงบ้าน''
''เราไม่รู้เลยว่าพวกเขาคือใครด้วยซํ้านะ เธอไม่คิดว่าเรา
ควรได้รับอนุญาตจากพวกเขาก่อนรึไง?''
''ประเด็นอยู่ตรงนั้นละ เราทําอย่างนั้นไม่ได้ เราอาจ
ปรึกษาทนายความประจําหนังสือพิมพ์ดูก็ได้นี่ แต่ฉันแน่ใจว่ามัน
ถูกกฏหมาย เราจะไม่ใช้ชื่อจริงของพวกเขา และตราบใดที่เรา
ไม่ได้สร้างชื่อเสียงให้ตัวเองจากการเขียนหรือเปิดเผยแหล่งที่มา
ฉันแน่ใจว่ามันจะไม่มีปัญหา''
''ฉันรู้ว่ามันถูกกฏหมาย แต่ฉันไม่แน่ใจว่ามันเป็นสิ่งถูกต้อง
รึเปล่า ฉันหมายความว่า มันเป็นจดหมายส่วนตัวมากๆ ฉันไม่
แน่ใจว่ามันควรจะกระจายไปทั่วเพื่อให้ทุกคนได้อ่านมั้ย''
''มันเป็นเรื่องราวในทํานองนี้ อีกอย่าง มันก็ไม่เห็นมีอะไรในนั้นที่
จะทําให้ใครบางคนได้รับความอับอายเลย นี่คือจดหมายที่กินใจ
แล้วจงจําไว้ด้วยนะว่า นายแกเร็ตคนนี้น่ะส่งมันใส่ขวดลงทะเล
เขาไม่รู้ด้วยซํ้าว่าคลื่นจะซัดมันไปที่ไหน''
เธเรซ่าสั่นศรีษะ ''ฉันไม่รู้ เดียนน่า...''
''เอาละ ลองคิดดู หลับไปซะพร้อมกับความคิดนี้ ถ้าเธอ
ต้องทํา ฉันคิดว่ามันเป็นความคิดที่ยอดเยี่ยม''
เธเราซ่าคิดถึงจดหมายฉบับนั้นอยู่ไม่รู้คลาย ขณะที่เธอถอด
เสื้อผ้าออกแล้วอาบนํ้าฝักบัว เธอรู้สึกสงสัยชายที่ชื่อแกเร็ตผู้เขียน
จดหมายฉบับนั้นว่านั่นคือชื่อจริงของเขาหรือเปล่า และแคธรีนคือ
ใคร ข้อความในจดหมายบอกชัดแจ้งว่าเธอเป็นคนรักหรือภรรยา
ของเขา แต่เธอไม่ได้อยู่เคียงข้างเขาอีกต่อไปแล้ว เธอตายแล้ว
หรือมีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นที่ทําให้เขาแล้วปล่อยให้
ล่องลอยไปในทะเล ทั้งหมดเป็นเรื่องแปลก ครั้นแล้วสัญชาต-
ญาณแห่งความเป็นผู้สื่อข่าวของเธอก็เริ่มเข้ามาครอบงําจิตใจ
เธอเริ่มคิดขึ้นในทันทีว่า ข้อความในจดหมายอาจไม่มีความหมายที่
ส่งมาโดยใครบางคนซึ่งเป็นคนประเภทที่ต้องการให้คนอื่นร่วมรู้สึก
ตื่นเต้นเหมือนอยู่ในเหตุการณ์ด้วยการทําให้ผู้หญิงที่เปลี่ยวเหงา
ร้องไห้จากหาดอันไกลโพ้น แต่เมื่อถ้อยคําในจดหมายหวนกลับ
เข้ามาในห้วงคํานึงของเธออีกครั้ง เธอก็ตระหนักว่าความคิดเหล่า
นั้นไม่น่าเป็นไปได้ มันชัดเจนว่าจดหมายดังกล่าวเขียนจดหมายฉบับ
นั้นขึ้นมาจริงๆละ ตราบชั่วชีวิตเธอไม่เคยได้รับจดหมายที่มีข้อ
ความใกล้เคียงกับจดหมายฉบับนั้นเลย ข้อความที่ทําให้เกิดความ
ซาบซึ้งใจซึ่งส่งมาให้เธอล้วนมากับการ์ดอวยพรที่มีตราฮอลมาร์ก
ทั้งสิ้น เดวิดไม่ค่อยมีความเป็นนักเขียนเอาซะเลน รวมทั้งคนอื่น
ที่เธอเคยออกเดตด้วย ผู้ชายแบบนั้นจะเป็นอย่างไรกันนะ? เธอ
สงสัยว่าตัวจริงของเขาจะเป็นคนใส่ใจดูแลเหมือนกับที่กล่าวเป็น
นัยไว้ในจดหมายหรือเปล่านะ?
เธอขยี้แชมพูบนเส้นผมจนเป็นฟองแล้วล้างออก คําถาม
ต่างๆ พรั่งพรูออกมาจากใจเธอ ในขณะที่นํ้า เย็นๆ ไหลเวียนผ่าน
ร่างลงมา เธอซําระล้างร่างกายส่วนที่เหลือด้วยสบู่ผสมมอยเจอร์-
ไรเซอร์กับผ้า๔ตัวผืนเล็กๆ รวมทั้งใช้เวลาอาบนํ้า นานกว่าที่จําเป็น
แล้วในที่ก็ก้าวออกมาจากฉากกั้นอาบนํ้า
เธอมองดูตัวเองในกระจก ขณะที่ปลดผ้าเช็ดตัวออก ไม่
เลวทีเดียวสําหรับผู้หญิงวัย 36 ปี ที่มีลูกชายวัยรุ่นหนุ่งคน เธอคิด
ในใจ หน้าอกเธอเล็ก และแม้ว่าสิ่งนี้จะเป็นเรื่องรบกวนจิตใจเมื่อ
ครั้งเป็นสาวก็ตาม แต่ตอนนี้เธอกลับดีใจ เพราะมันไม่ได้เริ่มห้อย
เป็นถุงหรือหย่อนคล้อยลงมาเหมือนผู้หญิงคนอื่นที่อยู่ในวัยเดียว
กับเธอ หน้าท้องแบนราบ รับกับช่วงขาเรียวยาวจากการออก
กําลังกายสมํ่าเสมอมาตลอดระยะเวลาหลายปี แม้แต่รอยตีนกา
รอบหางตาก็ปรากฏให้เห็นไม่มากนัก พิจารณาโดยรวมแล้ว เธอ
พึงใจกับภาพเงาของตัวเองได้อย่างง่ายดายในการมาเที่ยวพัก
ผ่อนครั้งนี้พิเศษนี้
เธอสวมกางเกงขาสั้นสีเบจ เสื้อแขนกุดสีขาว และใส่รอง-
เท้าแตะสีนํ้า ตาล หลังจากแต่งหน้าบางๆ แล้ว ในอีกชั่วโมงข้าง
หน้านี้อากาศน่าจะร้อนชื้น เธอจึงอยากรู้สึกสบายในขณะเดินเล่น
ไปทั่วเมองโพรวินซ์ทาวน์ เธอมองลอดหน้าต่างห้องนํ้า ออกไปเห็น
ดวงอาทิตย์เริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จึงเตือนตัวเองให้หยิบครีมทากันแดด
ติดไปด้วย ผิวเธอจะแสบหากเธอไม่ทาครีมป้องกันไว้ และเธอ
เรียนรู้จากประสบการณ์ว่า อาการอักเสบของผิวหนังเนื่องจากถูก
แสงแดดเป็นเวลานานเป็นหนทางหนึ่งที่ทําลายความสนุกสนาน
ในการมาเที่ยวชายหาดได้รวดเร็วที่สุด
บนระเบียงนอกชาน เดียนน่าเตรียมอาหารเช้าไว้บนโต๊ะ มี
แคนตาลูป ส้มเกรปฟรุต พร้อมกับขนมปังบาเกล*(bagel-ขนมปัง
ม้วนรูปวงแหวนที่มีเปลือกค่อนข้างแข็ง บางครั้งใส่ครีมชีสหรือแซล
มอนลมควันด้วย เป็นขนมปังชนิดพิเศษของชาวยิว ในสหรัฐอเมริกา
เป็นอาหารเช้าแบบคลาสสิค มาจากคําว่า beygel ในภาษายิดดิช แปล
ว่าวงแหวน)ปิ้ง หลังจาก
เดียนน่านั่งลงแล้ว เธอจึงปาดเนยครีมไขมันตํ่าลงบนขนมปัง เธอ
อยู่ในระหว่างการควบคุมอาหารอันไม่รู้จักจบสิ้นอีกครั้ง ทั้งเดียน-
น่าและไบรอันคุยเรื่องนี้กันมาพักใหญ่แล้ว ไบรอันออกไปตีกอล์ฟ
ตั้งแต่เช้าตรู่ของทุกวันตลอดสัปดาห์นี้ เพราะเขาอยู่ในระหว่าง
การรักษาด้วยยาบางชนิด ซึ่งเดียนน่าบอกว่า ''สิ่งน่ากลัวจะเกิด
ขึ้นกับผิวหนังของเขา ถ้าเขาอยู่ท่ามกลางแสงแดดเป็นเวลานาน*
ไบรอันและเดียนน่าอยู่ด้วยกันมา 36 ปี เขาและเธอเป็น
คู่รักกันมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย แต่งงานกันในช่วงฤดูร้อน
หลังสําเร็จการศึกษา จากนั้นไบรอันก็ได้งานทําทันทีในบริษัทนั้น
ทําบัญชี ซึ่งตั้งอยู่ในย่างธุรกิจของบอสตัน 8 ปีต่อมา ไบรอัน
เปลี่ยนมาเป็นหุ้นส่วนในบริษัท ทั้งสองซื้อบ้านหลังใหญ่ในเมือง
บรุ๊กลิน อันเป็นที่ซึ่งเขาและเธออยู่ด้วยกันเพียงลําพังล่วงมาเป็น
เวลา 28 ปี
ทั้งสองต้องการมีลูกเสมอมา แต่หลงจาก 6 ปีแห่งการแต่ง
งาน เดียนน่าก็ยังไม่ตั้งครรภ์ เขาและเธอไปพบแพทย์ผู้ชํานาญ
เฉพาะโรคสตรี และพบว่าท่อทางเดินรังไข่ของเดียนน่ามีแผลเป็น
และสิ่งนั้นทําให้การมีลูกเป็นไปไม่ได้ เละเธอพยายามติดต่อ
ขอรับเด็กมาเลี้ยงเป็นลูกอยู่หลายปี แต่ดูเหมือนบัญชีเข้าชื่อรอจะ
ไม่มีวันหมดสิ้น ในที่สุดทั้งสองจึงเลิกล้มความหวัง แล้วก็มาถึง
ช่วงเวลาหลายปีอันมืดมน ที่ครั้งหนึ่งเธอเคยเปิดเผยความรับกับ
เธเรซ่าถึงช่วงเวลาที่ชีวิตแต่งงานเกือบล่มสลาย แต่ความผูกพันที่
ทั้งสองมีต่อกันยังคงเหนียวแน่น แม้ว่าจะสั่นคลอนไปบ้างก็ตาม
เดียนน่าจึงหันหน้าเข้าหางานเพื่อเติมความว่าเปล่าในชีวิตเธอ
เธอเริ่มต้นทํางานกับหนังสือพิมพ์ บอสตันไทม์ ในช่วงที่หาผู้หญิง
ทํางานทางด้านนี้ยาก และค่อยๆ ไต่เต้าขึ้นไปตามลําดับ เมื่อเธอ
เป็นบรรณาธิการบริหารผ่านไปได้ 10 ปี เธอก็เริ่มนําผู้สื่อข่าวหญิง
มาอยู่ภายใต้ความดูแล และเธเรซ่าเป็นศิษย์คนแรกของเธอ
หลังจากเดียนน่าขึ้นไปอาบนํ้าชั้นบน เธเรซ่าก็ใช้เวลาสั้นๆ
พลิกดูหนังสือพิมพ์ผ่านๆ แล้วดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ เธอลุกจาก
ที่นั่งเดินตรงไปกดหมายเลขโทรศัพท์ของเดวิด ที่นั่นยังคงเป็น
เวลาเช้าตรู่ แค่เจ็ดโมงเช้าเท่านั้น แต่เธอรู้ดีว่าเป็นเวลาที่คนทั้ง
ครอบครัวน่าจะตื่นกันแล้ว เควินมันตื่นแต่ไก่โห่เสมอ และเธอ
นึกขอบคุณขึ้นมาทันทีที่คนอื่นจะมามีส่วนร่วมรับรู้ประสบการณ์
อันแสนวิเศษกับเธอ เธอเดินกลับไปกลับมา ในขณะที่เสียงกริ่ง
โทรศัพท์ดังอยู่สองสามนาทีก่อนที่แอนเน็ตจะรับสายเธเรซ่าได้ยิน
เสียงจากโทรทัศน์และเสียงร้องไห้ของเด็กทารกแทรกเข้ามาในสาย</span></span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
แมงป่อง
แม่ไข่หวาน พ่อไข่เค็ม
 
โพสต์: 1468
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ พ.ค. 05, 2007 10:25 pm

โพสต์โดย มดดำ » อาทิตย์ มิ.ย. 15, 2008 11:25 am

Thank you verry much
<span style='font-size:14pt;line-height:100%'><span style='color:red'>ทำอะไรไม่ได้ ก็ต้องทำใจ</span></span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
มดดำ
แม่ไข่ยัดไส้ พ่อไข่ลูกเขย
 
โพสต์: 897
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ เม.ย. 08, 2007 5:40 pm

โพสต์โดย แมงป่อง » จันทร์ มิ.ย. 16, 2008 7:39 am

<span style='color:blue'> <span style='font-size:14pt;line-height:100%'>''สวัสดี นี่เธเรซ่าพูด เควินอยู่แถวนั้นมั้ย?''
''โอ้ สวัสดี แน่นอนเขาอยู่ที่นี่ รอเดี๋ยวนะ''
เสียงวางโทรศัพท์ดังกระทบลงบนเคาน์เตอร์ เธเรซ่าได้ยิน
เสียงแอนเน็ตเรียกหาเขา ''เควิน มีโทรศัพท์ถึงเธอ เธเรซ่าโทร.มา''
ข้อเท็จจริงที่ว่า เธอไม่ได้รับการเอื้อนเอ่ยว่าเป็นแม่ของเควินนั้น
ทําให้เธอรู้สึกเจ็บปวดมากกว่าที่เธอคาดคิดไว้ แต่เธอ
ไม่มีเวลาใส่ใจกับความรู้สึกนั้น
เควินกระหืดกระหอบมารับโทรศัพท์
''เฮ้ แม่ สบายดีเหรอฮะ?''
นํ้าเสียงสูงแบบเด็กๆ ของเขาทําให้เธอรู้สึกว้าเหว่ขึ้นมา
ทันที แต่เธอรู้ดีว่า เมื่อถึงเวลานํ้าเสียงเช่นนั้นจะเปลี่ยนไป
''ก็สบายดี แต่มแม่เพิ่งมาถึงที่นี่เมื่อคืนวานนี้เอง แม่ยัง
ไม่ได้ทําอะไรมากนัก นอกจากวิ่งออกกําลังกายเท่านั้น''
''ชายหาดมีคนเยอะมั้ยฮะ?''
''ไม่เลย แม่เห็นแค่คนสองสามคนกําลังเดินลงไป เมื่อแม่
กลับขึ้นมา นี่ แล้วเมื่อไหร่ลูกจะไปเที่ยวกับพ่อเค้าล่ะ?''
''อีกสองสามคนวันฮะ วันลาหยุดพักผ่อนของพ่อยังไม่เริ่ม
จนกว่าจะถึงวันจันทร์ นั่นจะเป็นวันที่เราออกเดินทางกัน ตอนนี้
พ่อกําลังจะออกไปจัดการเรื่องงานทุกอย่างที่สํานักงานให้เรียบร้อย
แล้วเราจะได้ว่างเมื่อถึงเวลาไปเที่ยวด้วยกัน แม่อยากคุยกับพ่อ
มั้ยฮะ?''
''ไมละ แม่ไม่คุยหรอก แม่แค่โทร.มาเพื่อบอกลูกว่า แม่
ขอให้ลูกเที่ยวให้สนุก''
''มันจะต้องตื่นเต้นแน่ๆ เลย ผมเห็นแผ่นพับการเที่ยวล่อง
แม่นํ้า ดูคร่าวๆ แล้วบางรายการเจ๋งทีเดียว
''ดีแล้ว ลูกระวังตัวด้วยนะ''
'แ'ม่ ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะ''
''แม่รู้ ก็แค่ยํ้าว่ายังเป็นแม่หัวโบราณของลูกไง''
''ตกลงฮะ ผมสัญญา ผมจะสวมเสื้อชูชีพไว้ตลอดเวลา''
เขาหยุดพูดไปครู่หนึ่ง ''แต่แม่รู้มั้ยฮะว่าเราจะไม่มีโทรศัพท์ใช้
เพราะอย่างนั้นเราจะไม่ได้คุยกันเลยจนกว่าผมจะกลับมา''
''แม่ก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน แต่มันน่าสนุกมากเลยนะ''
''มันจะต้องน่าทึ่งมากเลย ผมอยากให้แม่ไปด้วย เราจะ
ได้สนุกสุดเหวี่ยงด้วยกัน''
เธอหลับตาลงครู่หนึ่งก่อนตอบ ซึ่งเป็นอุบายที่นักจิตบําบัด
ของเธอสอนไว้ เมื่อใดก็ตามที่เควินพูดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับการ
ให้คนสามคนกลับมาอยู่ร่วมกันอีกครั้ง เธอพยายามเสมอที่จะ
ทําให้ตัวเองมั่นใจว่า เธอจะไม่พูดอะไรที่ทําให้เธอต้องเสียใจภาย
หลัง นํ้า เสียงเธอจะฟังดูประหนึ่งผู้มองโลกในแง่ดีที่สุดเท่าที่เธอ
สามารถทําได้
''ลูกจําเป็นต้องใช้เวลาอยู่กับพ่อเพียงลําพังบ้าง แม่รู้ว่า
พ่อคิดถึงลูกมาก มีบางอย่างที่ลูกควรทําตามพ่อให้ทัน พ่อเค้า
ตั้งตารอการไปเที่ยวครั้งนี้กับลูกด้วย ตราบใดที่ลูกได้ยินคําว่า
'นั่นไง ไม่เห็นยากเลย''
''พ่อเค้าเคยบอกลูกอย่างนั้นมั้ย?''
''ฮะ สองสามครั้ง''
เควินเงียบไป
''ผมคิดถึงแม่ ให้ผมโทร.หาแม่ทันทีที่ผมกลับมาถึง แล้ว
เล่าเรื่องไปเที่ยวให้แม่ฟังได้มั้ยฮะ?''
''แน่นอนจ้ะ ลูกโทร.หาแม่ได้ทุกเวลา ถึงตอนนั้นแม่ก็
อยากฟังเรื่องราวทั้งหมดเลยละ แม่รักลูกนะ เควิน''
''ผมก็รักแม่ฮะ''
เธอวางสายลงด้วยความรู้สึกสุขระคนเศร้า ซึ่งเป็นความ
รู้สึกที่เกิดขึ้นเป็นปกติทุกครั้งที่เธอคุยโทรศัพท์กับเควินในขณะที่
เขาอยู่กับพ่อของเขา
''นั่นใครน่ะ?'' เสียงเดียนน่าดังมาจากด้านหลังเธอขณะ
กําลังเดินลงบันได เธอสวมเสื้อลายเสือแถบยาวสีเหลือง กางเกง
ขาสั้นสีแดง ถุงเท้าขาว และรองเท้ารีบอค ชุดของเธอประกาศ
ก้องว่า ฉันคือนักท่องเที่ยว! เธเรซ่าต้องพยายามเป็นที่สุดที่จะ
รักษาสีหน้าไว้ให้เป็นปกติ
''เควิน ฉันโทร.หาเขาเองน่ะ''
''เขาสบายดีเหรอ?'' เธอเปิดตู้เก็บของแล้วคว้าอุปกรณ์
กล้องถ่ายรูปมาประกอบเข้าด้วยกันจนครบถ้วน
''สบายดี เขาจะไปเที่ยวในอีกสองสามวันนี้''
''งั้นก็ดีแล้ว'' เธอคล้องกล้องไว้ที่คอ ''และตอนนี้เรามี
รายการซื้อของบางอย่างที่ต้องจัดการให้เรียบร้อย เพราะเราต้อง
ทําให้เธอดูเป็นผู้หญิงคนใหม่''

การไปช้อปปิ้งกับเดียนน่าถือเป็นประสบการณ์อย่าง
หนึ่ง
เมื่อทั้งสองมาถึงเมืองโพรวินซ์ทาวน์แล้ว พวกเธอใช้เวลา
ที่เหลือในช่วงเช้าและต้นบ่ายไปกับการซื้อของจิปาถะ เธเรซ่าซื้อ
เสื้อผ้าชุดใหม่ 3 ชุดว่ายนํ้า ใหม่ 1 ชุด ก่อนที่เดียนน่าจะ
ลากเธอไปยังสถานที่ซึ่งเรียกว่าไนติงเกล ซึ่งเป็นร้านขายชุดชั้นใน
สตรี
เดียนน่าเดินเลือกซื้อของในร้านนั้นอย่างเมามันจริงๆ แน่
นอนว่าไม่ใช่สําหรับตัวเธอเอง แต่สําหรับเธเรซ่า เธอหยิบกางเกง
ในผ้าลูกไม้ซีทรู และเลือกหยิบชุดชั้นในที่เข้าชุดกันอย่างเหมาะ
เจาะออกมาวาง พร้อมกับชูขึ้นมาให้เธเรซ่าตัดสินใจเลือก ''ตัวนี้
ดูยั่วยวนดีนะ'' เธอเอ่ย หรือไม่ก็ ''เธอยังไม่มีสีนี้เลยนี่ใช่มั้ย?''
แน่นอนว่า ในขณะที่เธอโพล่งคําพูดเหล่านั้นออกมาจะต้องมีคน
อื่นอยู่แถวนั้นด้วย เธเรซ่ากลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ทุกครั้งที่เธอทําแบบ
นั้น การที่เดียนน่าไม่ยอมสะกดกลั้นอารมณ์ใดๆ ของเธอไว้ กลาย
เป็นคุณสมบัติประการหนึ่งในหลายๆ ประการที่เธเรซ่ารักมากที่สุด
ในตัวเธอ เธอไม่เคยแยแสจริงๆ เลยว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร และ
บ่อยครั้งที่เธเรซ่าอยากให้เธอเป็นเหมือนเดียนน่า
จะว่าไปแล้ว เธอก็อยู่ระหว่างช่วงลาหยุดพักผ่อน เธอจึง
เลือกซื้อไป 2 ชุดตามคําแนะนําของเดียนน่า ต่อจากนั้นทั้งสอง
ใช้เวลาอีกไม่กี่นาทีในร้านขายแผ่นเวียงและซีดี แดยนน่าต้องการ
แผ่นซีดีล่าสุดของแฮรี่ คอนนิค เจอาร์ ''เขาน่ารักดี'' เธอสาธยาย
ให้ฟัง ส่วนเธเรซ่าซื้อแผ่นซีดีเพลงแจ๊ซของจอห์น โคลเทรน ซึ่ง
บันทึกเสียงไว้ในชุดแรกๆ เมื่อทั้งสองกลับถึงบ้าน ไบรอันกําลัง
อ่านหนังสือพิมพ์อยู่ในห้องนั่งเล่น
''เฮ้ มากันแล้วเหรอ ผมกําลังกังวลถึงคุณสองคนอยู่พอดี
วันนี้เป็นยังไงกันบ้าง?''
''สนุกดี'' เดียนน่าตอบ ''เราไปกินอาหารกลางวันกันที่
โพรวินซ์ทาวน์ แล้วก็ช้อปปิ้งกันนิดหน่อย คุณล่ะ วันนี้เล่นกอล์ฟ
เป็นไงบ้าง?''
''ดีพอใช้ ถ้าผมไม่เสียโบกี้สองหลุมสุดท้ายแล้วละก็ ผม
คงจะตีได้ 80''
''ดีแล้ว คุณก็แค่ต้องเล่นให้มากขึ้นอีกนิดหน่อยจนกว่าจะ
ทําได้อย่างที่คุณต้องการ''
ไบรอันยิ้มอย่างพอใจ ในขณะพริกหนังสือพิมพ์ กับข้อเท็จ
จริงว่าเขาสามารถใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่สนามกอล์ฟได้ตลอด
สัปดาห์นี้ เดียนน่าจับสัญญาณบ่งบอกที่เขาแสดงออกมาได้ว่า
อยากอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ เธอจึงกระซิบที่หูเธเรซ่าว่า ''เชื่อฉันเถอะ
ปล่อยให้ผู้ชายไปเล่นกอล์ฟ แล้วเขาจะไม่มีวันหาเรื่องอะไรต่อ
มิอะไรมาชวนทะเลาะด้วยเลย''
เธเรซ่าปล่อยทั้งสองคนไว้ตามลําพังตลอดเวลาที่เหลือใน
ช่วงบ่าย เธอเปลี่ยนใส่ชุดใหม่ที่เพิ่งซื้อมา จากนั้นจึงคว้าผ้าเช็ด
ตัวผืนหนึ่ง เก้าอี้พับเล็กๆ และนิตยสารพีเพิล แล้วตรงไปยังชาย
หาด เนื่องจากอากาศบ่ายนี้ยังคงอบอุ่น
เธอพลิกอ่านนิตยสารพีเพิลไปอย่างเนือยๆ อ่านบทความ
สองสามเรื่องตามหน้าต่างๆ โดยไม่ได้สนใจจริงจังในสิ่งที่กําลังเกิด
ขึ้นกับชีวิตของบุคคลซึ่งรํ่ารวยและมีชื่อเสียง เธอแว่วเสียงหัวเราะ
ของเด็กๆ รอบๆ ตัวในขณะที่พวกเขากําลังเล่นนํ้า ทะเลกันสาด
กระเซ็นและตักทรายใส่กระป๋องเล็กๆ ถัดจากเธอไปด้านหนึ่ง มี
เด็กหนุ่มสองคนและผู้ชายคนหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นพ่อกําลังช่วยกัน
สร้างปราสาทอยู่ใกล้ชายทะเล เสียงคลื่นกระทบฝั่งช่วยผ่อน
คลายจิตใจให้สงบลง เธอวางนิตยสารลงแล้วหลับตาหันใบหน้า
ทํามุมรับแสงอาทิตย์
เธอต้องการให้ผิวเข้มขึ้นเล็กน้อยเมื่อกลับไปทํางาน หาก
จะมีเหตุผลอื่นมากกว่านั้นก็คือ ให้ดูเหมือนกับว่าได้ใช้เวลาบาง
ช่วงอยู่เฉยๆ โดยไม่ทําอะไรเลยจริงๆ เพราะในที่ทํางานเธอได้รับ
การกล่าวขานว่าเป็นแบบฉบับของคนซึ่งทํางานยุ่งไม่รู้จักหยุด
หย่อนอยู่เสมอ ถ้าเธอไม่ได้เขียนบทความสําหรับหนังสือพิมพ์
ประจําสัปดาห์แล้ว เธอก็เขียนบทความสําหรับหนังสือพิมพ์ฉบับ
วันอาทิตย์ หรือค้นหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต หรือศึกษาหาความรู้
จากวารสารวิชาการเกี่ยวกับการพัฒนาเด็กจากที่ทํางาน เธอ
สมัครเป็นสมาชิกนิตยสารเกี่ยวกับการดูแลเด็กและนิตยสารเกี่ยว
กับวัยเด็กหลักๆ ทุกฉบับ เช่นเดียวกับนิตยสารอื่นๆ ที่มีเนื้อหา
ส่วนใหญ่เกี่ยวกับผู้หญิงทํางาน เธอยังสมัครเป็นสมาชิกวารสาร
วิชาการทางการแพทย์ และอ่านนิตยสารและวารสารทั้งหมดเหล่า
นั้นถ้วนทั่วอย่างสมํ่าเสมอในหัวข้อที่เหมาะกับบทความที่จะเขียน
ตัวบทความเองเป็นเรื่องที่ไม่เคยมีใครคาดเดาได้ ซึ่งบางที
นี่นอาจเป็นเหตุผลหนึ่งในหลายๆ อย่างที่ทําให้คอลัมน์ของเธอ
ประสบความสําเร็จมากจริงๆ บางครั้งเธอตอบคําถามต่างๆ ครั้ง
ต่อมา เธอรายงานเรื่องข้อมูลล่าสุดในการพัฒนาเด็กและความ
หมายที่สิ่งเหล่านั้นบ่งบอกให้รู้ หลายบทความในคอลัมน์เป็นเรื่อง
เกี่ยวกับความสุขที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับการเลี้ยงดูเด็กๆ ในขณะที่
บทความอื่นๆในเวลาต่อมาอธิบายให้ทราบถึงหลุมพรางในการ
เลี้ยงดูเด็ก เธอเขียนถึงการต่อสู้ของผู้ซึ่งตกอยู่ในสถานการณ์
เลี้ยงลูกคนเดียว ซึ่งเป็นเรื่องที่ดูเหมือนจะไปแทงใจดําชีวิตผู้หญิง
ในบอสตัน คอลัมน์ของเธอได้เปลี่ยนให้เธอเป็นคนดังในท้องถิ่น
ไปโดยไม่คาดคิด แม้ว่ามันจะสนุกในช่วงเริ่มต้นที่ได้เห็นรูปเธออยู่
เหนือคอลัมน์ที่เธอเขียน หรือได้รับเชิญไปงานเลี้ยงส่วนตัวต่างๆ
แต่ดูเหมือนว่าเธอไม่มีเวลาที่จะเพลิดเพลินกับสิ่งเหล่านั้นเลย
เพราะมีสิ่งต่างๆ มากมายที่ต้องทําต่อไปอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้
เธอได้รับการยกย่องว่าเป็นคนที่ทํางานโดดเด่นอย่างแท้จริงอีกคน
หนึ่ง ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ดี แต่ไม่ได้ความหมายอย่างแท้จริงสําหรับ
เธอมากนัก
หลังจากเธเรซ่าอาบแดดมาหนึ่งชั่วโมงแล้ว เธอรู้สึกร้อน จึง
ลุกเดินลุยนํ้า ทะเลลงไปจนถึงสะโพก จากนั้นก็ควํ่าตัวลงไปใต้นํ้า
ขณะที่คลื่นลูกเล็กๆ ทยอยเข้ามาใกล้ นํ้า ทะเลเย็นๆ ทําให้เธอ
ตกใจอ้าปากหายใจหอบ เมื่อศรีษะโผล่พ้นนํ้าขึ้นมา ชายที่ยืนถัด
จากเธอหัวเราะหึๆ
''สดชื่นดี ใช่มั้ยครับ?'' เขาถามเธอผงกศรีษะตอบรับใน
ขณะกอดอกอยู่
เขาเป็นคนร่างสูง ผมสีนํ้าตาลเข้มเหมือนสีผมเธอ ชั่วขณะ
นั้นนึกเอะใจว่า เขากําลังจีบเธออยู่หรือเปล่า แต่เด็กที่อยู่
ใกล้ๆ ก็ทําให้ความเข้าใจผิดนั้นหายไปอย่างรวดเร็ว ด้วยการ
ตะโกนเรียกว่า ''พ่อ!'' เธออยู่ในทะเลอีกไม่กี่นาทีก็เดินขึ้นหาด
กลับไปยังเก้าอี้ ชายหาดเริ่มไร้ผู้คน เธอเก็บข้างของแล้วเดิน
กลับด้วยเช่นกัน
ที่บ้านพัก ไบรอันกําลังชมการแข่งขันกอล์ฟทางโทรทัศน์
ขณะที่เดียนน่าอ่านนิยายซึ่งมีรูปนักกฏหมายหนุ่มรูปหล่ออยู่บน
ปก เดียนน่าละสายตาจากหนังสือ</span></span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
แมงป่อง
แม่ไข่หวาน พ่อไข่เค็ม
 
โพสต์: 1468
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ พ.ค. 05, 2007 10:25 pm

โพสต์โดย แมงป่อง » อังคาร มิ.ย. 17, 2008 5:43 pm

<span style='color:purple'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'> ''ชายหาดเป็นยังไงบ้าง?''
''เยี่ยมเลย แสงแดดให้ความรู้สึกที่วิเศษมาก แต่ออกจะ
จะน่าตกใจนะเมื่อเธอไปอยู่ใต้นํ้าทะเล''
''ทะเลก็เป็นอย่างนั้นเสมอ ฉันไม่เข้าใจเลยว่า คนเราทน
อยู่ในนั้นกันนานเกินสองสามนาทีได้ยังไง''
เธเรซ่าแขวนผ้าเช็ดตัวไว้ที่ราวข้างประตูแล้วเหลียวมาถาม
ว่า ''หนังสือสนุกมั้ย?''
เดียนน่าพลิกหนังสือในมือแล้วเหลือบดูปกเวบหนึ่ง ''วิเศษ
มาก มันทําให้ฉันนึกถึงว่าไบรอันเคยมีหน้าตายังไงย้อนกลับไป
เมื่อสองสามปี''
ไบรอันส่งเสียงฮึดฮัดไม่พอใจ โดยไม่ละสายตาไปจากจอ
โทรทัศน์ ''ฮึ?''
''ไม่มีอะไร ที่รัก แค่นึกย้อน'' เธอเบนความสนใจกลับมา
ที่เธเรซ่า ดวงตาเธอเปล่งประกาย ''เธออยากเล่นไพ่จินรัมมี่หรือ
ยัง?''
เดียนน่าชื่นชอบการเล่นไพ่ทุกชนิด เธอเป็นสมาชิกสโมสร
ไพบริดจ์ 2 แห่ง และเล่นไพ่ฮาร์ตส์เก่งเหมือนแชมเปี้ยน นอกจาก
นี้เธอยังเก็บบันทึกสถิติไว้ทุกครั้งที่เธอเล่นถอดไพ่ได้ แต่จินรัมมี่
เป็นไพ่ที่เธอและเธเรซ่าเล่นกันเสมอเมื่อมีเวลา เพราะมันเป็นไพ่
แบบเดียวเท่านั้นจริงๆ ที่เธเรซ่ามีโอกาสชนะเธอ
''อยากสิ''
เดียนน่าทํารอยพับไว้ที่หน้าหนังสือด้วยความดีใจ เธอวาง
นิยายลงแล้วลุกจากที่นั่ง ''ฉันก็หวังไว้ว่าเธอจะพูดอย่างนั้น ไพ่
อยู่บนโต๊ะข้างนอก''
เธเรซ่าคลุมผ้าเช็ดตัวไว้รอบชุดที่เธอใส่ แล้วเดินออกไปยัง
โต๊ะข้างนอกซึ่งทั้งสองกินอาหารเช้ากันมาก่อนหน้านั้น ครู่หนึ่ง
เดียนน่าก็เดินตามออกมานั่งตรงข้ามเธเรซ่าพร้อมกับไดเอ็ตโค้ก
2 กระป๋อง เธอหยิบสํารับไพ่ขึ้นมาสลับแล้วแจก เดียนน่าเงย
หน้าขึ้นจากมือเธอ
''ดูเหมือนแก้มเธอจะคลํ้าลงไปหน่อยนะ แสงแดดต้องแรง
พอดูทีเดียว''
เธเรซ่าเริ่มเรียงไพ่ในมือ ''ฉันรู้สึกเหมือนถูกอบเลยแหละ''
''เธอเจอใครน่าสนใจมั้ย?''
''ไม่เลยจริงๆ แค่อ่านหนังสือ แล้วก็อาบแดดผ่อนคลายไป
ตามสบาย ทุกคนส่วนใหญ่มาด้วยกันเป็นครอบครัว''
''แย่จัง''
''ทําไมพูดอย่างนั้นล่ะ?''
''ก็ประมาณว่า ฉันหวังให้เธอพบคนพิเศษสักคนในสัปดาห์
นี้น่ะสิ''
''เธอไง คนพิเศษ''
''เธอรู้ดีนี่ว่าฉันหมายถึงอะไร ฉันหวังให้เธอพบผู้ชายเพื่อ
ตัวเธอเองสักคนในสัปดาห์นี้ คนที่ทําให้เธออัศจรรย์ใจน่ะ''
เธเรซ่าเงยหน้าขึ้นด้วยความแปลกใจ
''อะไรทําให้เธอคิดแบบนั้น?''
''ทะเล สายลม แสงแดด ไม่รู้สิ บางทีอาจมีรังสีพิเศษซึม
ผ่านสมองฉันเข้ามาก็ได้มั้ง''
''ฉันไม่ได้มองใครเลยจริงๆ นั เดียนน่า''
''ไม่เคยเลยงั้นรึ?''
''ก็ไม่มากอยู่ดีนั่นแหละ''
''แล้วไป!''
''อย่าทําเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องใหญ่โตอะไรเลยน่า มันไม่ได้
นานขนาดนั้นซะหน่อย ตั้งแต่หย่ามา''
เธเรซ่าทิ้ง 6 ข้าวหลามตัดลงมา เดียนน่าเก็บขึ้นไปก่อนที่
จะทิ้ง 3 ดอกจิก เดียนน่าพูดด้วยนํ้าเสียงแบบเดียวกับที่แม่เธอ
พูด เมื่อเธอและแม่คุยกันในเรื่องแบบเดียวกันนี้
''เกือบ 3 ปีแล้วนะ เธอไม่มีใครสํารองเผื่อเลือกซ่อนไว้เลย
เหรอ?''
''ไม่มี''
''เดียนน่าจั่วไพ่จากสํารับแล้วทิ้ง 4 โพแดงลงมา
''ไม่มี แต่เธอรู้มั้ย มันไม่ใช่เป็นเพราะตัวฉันเท่านั้น ทุกวัน
นี้มันยากที่จะพบปะผู้คน ไม่เหมือนตอนที่ฉันเท่านั้น ทุกวัน
นี้มันยากที่จะพบปะผู้คน ไม่เหมือนตอนที่ฉันมีเวลาออกไปนอก
บ้านเพื่อพบปะสังสรรค์กับคนอื่น''
''ฉันรู้เรื่องนั้นดี ฉันรู้จริงๆ นะ ก็แค่เธอไม่มีเวลาให้คนอื่น
มากนัก ฉันรู้ดีว่ามีใครบางคนสําหรับเธอรออยู่ที่ใดสักแห่งข้าง
นอกนั่น''
''ฉันก็แน่ใจว่ามี เพียงแต่ฉันยังไม่ได้พบเขาเท่านั้น''
''เธอมองหาด้วยหรือ?''
''เมื่อฉันสามารถทําได้นั่นแหละ แต่เธอรู้มั้ยว่าหัวหน้าของ
ฉันน่ะเป็นคนเข้มงวดเรื่องงานมาก เธอจะไม่ให้ฉันได้มีโอกาสพัก
ผ่อนหรอก''
''บางทีฉันควรจะคุยกับเธอให้''
''บางทีเธอควรทําอย่างนั้นนะ'' เธเรซ๋าเออออด้วย แล้วทั้ง
สองก็หัวเราะกัน
เดียนน่าจั่วไพ่ขึ้นมาจากสํารับแล้วทิ้ง 7 โพดําลงมา ''เธอ
มีเดตบ้างหรือเปล่าล่ะ?''
''ไม่มีเลยจริงๆ ไม่ตั้งแต่คนที่ชื่อแมตต์อะไรนั่นบอกกับฉัน
ว่าเขาไม่ต้องการผู้หญิงลูกติด''
เดียนน่าแสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์อยู่ครู่หนึ่ง ''บางทีผู้ชาย
ก็เป็นไอ้งั่งซะจริงๆ แวเขาก็เป็นตัวอย่างที่ดีเยี่ยมเลย เขาเป็น
ผู้ชายชนิดที่เหมาะจะเอาหัวไปแขวนประดับผนัง พร้อมแผ่นโลหะ
จารึกที่มีข้อความว่า ''ตัวอย่างของผู้ชายที่นึกถึงแต่ตัวเอง'' แต่
ผู้ชายก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นทุกคนหรอกนะ คนที่เป็นลูกผู้ชายจริงๆ
ยังมีอีกมากมายอยู่ข้างนอกนั่น และเป็นผู้ชายที่พร้อมจะตกหลุม
รักเธอได้ทันที''
เธเรซ่าเก็บ 7 ข้าวหลามตัดขึ้นไปแล้วทิ้ง 6 ข้าวหลามตัด
''นั่นคือเหตุผลว่าทําไมฉันจึงชอบเธอไงเดียนน่า เธอพูดเรื่องต่างๆ
ได้ไพเราะเพราะพริ้งเป็นที่สุด''
เดียนน่าจั่วไพ่จากสํารับ ''แต่มันเป็นเรื่องจริงนะ เชื่อฉัน
เถอะ เธอทั้งสวยทั้งฉลาดและประสบความสําเร็จ ฉันสามารถ
หาผู้ชายที่อยากออกเที่ยวกับเธอให้ได้เป็นโหลเลย''
''ฉันแน่ใจว่าเธอทําได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าแนจะ
ต้องชอบพวกเขานี่''
''เธอไม่แม้แต่จะให้โอกาสกับเรื่องนี้นะ''
เธเรซ่ายักไหล่ ''บางทีอาจจะไม่ก็ได้ แต่นั่นไม่ได้หมาย
ความว่าฉันจะต้องตายไปอย่างโดเดี่ยวเดียวดายในบ้านพักสาว
แก่สักแห่งในเวลาต่อมาของชีวิตนะ เชื่อฉันเถอะ ฉันอยากตก
หลุมรักอีกครั้ง ฉันอยากพบผู้ชายที่แสนวิเศษ แล้วอยู่อย่างมี
ความสุขหลังจากนั้นไปตลอกกาล เพียงแต่ฉันยังไม่อาจทําให้มัน
เป็นสิ่งที่ต้องทําเป็นอันดับแรกได้ในตอนนี้ เควินและงานเอาเวลา
ทั้งหมดของฉันไปเหมือนที่เป็นอยู่ในขณะนี้''
เดียนน่าไม่ได้ตอบอะไรอยู่ครู่หนึ่ง เธอทิ้ง 2 โพดําลงมา
''ฉันคิดว่าเธอกลัว''
''กลัว?''
''แน่นอน นั่นก็ไม่ได้มีอะไรผิดหรอกนะ''
''ทําไมเธอถึงพูดอย่างนั้นล่ะ?''
''เพราะฉันรู้ว่าเดวิดทําร้ายจิตใจเธอมากแค่ไหน และฉันรู้
ว่าฉันจะต้องเต็มไปด้วยความหวาดกลัวว่าสิ่งเดียวกันนั้นจะเกิดขึ้น
มาอีกครั้งถ้าฉันเป็นเธอ มันเป็นธรรมชาตของมนุษย์ เจ็บแล้วต้อง
จํา ภาษิตโบราณว่าไว้ มีความจริงแฝงอยู่มากในคํากล่าวนั้น''
''บางทีอาจมีส่วน แต่ฉันแน่ใจว่า ถ้ามีผู้ชายที่ใช่ผ่านเข้า
มา ฉันจะรู้ได้ ฉันมีศรัทธาในเรื่องนั้น''
''ผู้ชายแบบไหนที่เธอกําลังมองหา?''
''ฉันไม่รู้...''
''เธอต้องรู้แน่ ทุกคนย่อมต้องรู้นิดๆ หน่อยๆ ถึงสิ่งที่ตัวเอง
ต้องการ''
''ไม่ใช่ทุกคนหรอก''
''เธอรู้แน่นอน เริ่มต้นจากสิ่งที่เห็นแจ่มแจ้งก็ได้ หรือถ้า
เธอทําอย่างนั้นไม่ได้ ก็เริ่มด้วยสิ่งที่เธอไม่ต้องการ เช่น...จะเป็น</span></span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
แมงป่อง
แม่ไข่หวาน พ่อไข่เค็ม
 
โพสต์: 1468
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ พ.ค. 05, 2007 10:25 pm

โพสต์โดย แมงป่อง » พุธ มิ.ย. 18, 2008 5:20 pm

<span style='color:red'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>อะไรไหม ถ้าเขาอยู่ในแก๊งมอเตอร์ไซค์?''
เธเรซ่ายิ้ม แล้วจั่วไพ่จากสําหรับ เธอกําลังถือไพ่ไว้ด้วยสอง
มือ รอไพ่อีกใบเดียวแล้วเธอก็จะทําสําเร็จ เธอทิ้งแจ๊กโพแดง
ลงมา
''โอ้...ก็แค่สร้างอารมณ์ขันให้เพื่อนเก่า แล้วเธอจะว่าอะไร
มั้ย ถ้าเป็นแบบฉันถามน่ะ?''
''ก็ได้ ไม่ใช่แก๊งมอเตอร์ไซค์ นั่นของแน่อยู่แล้ว'' เธอพูด
พร้อมกับสั่นศรีษะ เธอคิดอยู่ครู่หนึ่ง ''อืม...ฉันคิดว่า ที่สําคัญที่
สุดคือ เขาจะต้องเป็นผู้ชายประเภทที่จะต้องซื่อสัตย์ต่อฉัน ซื่อสัตย์
ต่อเรา ไปตลอดความสัมพันธ์ของเรา ฉันมีประสบการณ์กับผู้ชาย
อีกประเภทหนึ่งมาแล้ว และฉันไม่อาจทนทุกข์กับอะไรบางอย่าง
แบบนั้นได้อีกต่อไป ฉันคิดว่าฉันชอบใครบางคนที่อายุเท่าฉัน
หรือใกล้เคียงกันถ้าเป็นไปได้'' เธเรซ่าหยุดพูดแค่นั้นแล้วขมวดคิ้ว
ครุ่นคิดเล็กน้อย
''แล้วอะไรอีก?''
''แป๊บนึง ฉันกําลังคิดอยู่ นี่ฟังเหมือนไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ
ฉันคิดว่า ฉันคงเลือกผู้ชายสเป๊กมาตรฐานตามคําที่ชอบพูดกันซํ้าๆ
ซากๆ นั่นแหละ ฉันอยากให้เขาเป็นคนรูปหล่อ ใจดี ฉลาด แล้ว
ก็มีเสน่ห์ เธอก็รู้ดีอยู่แล้วนี่ถึงสิ่งดีๆ ทั้งหมดทั้งมวลที่ผู้หญิงต้อง
การในตัวผู้ชายสักคน''
อีกครั้งที่เธอหยุดพูดไปชั่วขณะ เดียนน่าเก็บแจ๊กที่เธเรซ่า
ทิ้งขึ้นไป สีหน้าเธอแสดงความพอใจที่ทําให้เธเรซ่าตกอยู่ในภาวะ
คับขัน
''แล้วอะไรอีกล่ะ?''
''เขาจะต้องใช้เวลาอยู่กับเควินได้เหมือนเควินเป็นลูกของ
เขาเอง ซึ่งนั่นเป็นเรื่องสําคัญๆ สําหรับฉัน โอ้...เขาต้องเป็น
คนโรแมนติกด้วย ฉันอยากได้รับดอกไม้บ้างเป็นครั้งคราว แล้ว
ก็ต้องแข็งแรงด้วย ฉันไม่อาจยกย่องนับถือผู้ชายที่ฉันงัดข้อชนะ
เขาได้''
''แค่นั้นเหรอ?''
''ใช่ แค่นั้นละ''
''งั้น ลองให้ฉันคิดซิว่า ฉันเข้าใจเรื่องนี้ถูกต้องหรือเปล่า
เธอต้องการผู้ชายที่ซื่อสัตย์ รูปหล่อ มีเสน่ห์ อายุ 30-39 ปี และ
ต้องเป็นคนฉลาด โรแมนติก แล้วก็แข็งแรง และเขาต้องเข้ากับ
เควินได้ดี ถูกมั้ย?''
''เธอเข้าใจถูกแล้ว''
เดียนน่าสูดหายใจเข้าลึกๆ ขณะวางมือลงบนโต๊ะ
''ค่อยยังชั่ว อย่างน้อยที่สุดเธอก็ไม่ได้จุกจิกกับรายละเอียด
มากนัก จิน''

หลังจากเธเรซ่าแพ้ไพ่จินรัมมี่อย่างราบคาบแล้ว
เธอก็เข้าไปในบ้านเพื่อเริ่มอ่านหนังสือที่ซื้อติดมา เธอนั่งริม
หน้าต่างซึ่งที่นั่งจัดเรียงชิดไปตามผนังด้านข้างส่วนหลังของบ้าน
ขณะที่เดียนน่ากลับไปอ่านหนังสือของเธอต่อ ไบรอันยังคงหาช่อง
ที่มีรายการแข่งขันกอล์ฟดูต่อไป และใช้เวลาช่วงบ่ายเฝ้าดูอย่าง
ใจจดใจจ่อ รวมทั้งกล่าวความคิดเห็นขึ้นมาลอยๆ ทุกครั้งที่มีอะไร
บางอย่างสดุดความสนใจเขา
6 โมงเย็นวันนั้น และที่สําคัญยิ่งไปกว่าคือ หลังจากราย
การแข่งขันกอล์ฟจบลง ไบรอันและเดียนน่าพากันออกไปเดินเล่น
ที่ชายหาด เธเรซ่าอยู่หลังบ้านและเฝ้ามองจากหน้าต่าง ทั้ง
สองจูงมือกันเดินเล่นไปตามชายหาด ทั้งเขาและเธอมีสายสัม-
พันธืต่อกันอย่างลํ้าเลิศ เธอครุ่นคิดขณะที่เฝ้ามองดูคนทั้งสอง
เขาและเธอมีความสนใจแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่กระนั้นก็ดู
เหมือนว่าสิ่งนั้นจะเป็นตัวประคับประคองทําให้ทั้งสองอยู่ด้วยกัน
แทนที่จะเป็นสิ่งผลักดันให้เขาและเธอแยกจากกัน
หลังดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ทั้งสามขับรถไปยังเมืองไฮยัน-
นิสเพื่อกินอาหารคํ่ากันที่ร้านแซมแครบเฮาส์ ซึ่งเป็นภัตตาคาร
เลื่องชื่อที่สมควรได้รับการยกย่อง ภัตตาคารแห่งนี้มีผู้คนหนา
แน่น ทั้งสามจึงต้องรอที่นั่งอยู่เป็นชั่วโมง แต่ทว่าปูนึ่งและเนย
เหลวผสมเครื่งปรุงรสด้วยกระเที่ยมก็คุ้มค่าแก่การรอคอย ทั้ง
สามดื่มเบียร์ด้วยกันหมดไป 6 ขวดในสองชั่วโมง เมื่อกินอาหาร
คํ่าใกล้เสร็จ ไบรอันถามถึงจดหมายที่ถูกคลื่นซัดขึ้นมา
''ผมอ่านจดหมายฉบับนั้นแล้วเมื่อกลับจากตีกอล์ฟ เดียน-
น่าติดมันไว้ที่ตู้เย็น''
เดียนน่ายักไหล่ แล้วหัวเราะ เธอหันมาทางเธเรซ่า แล้ว
สบตาเพื่อบอกเป็นนัยว่า 'เห็นมั้ย ฉันบอกเธอแล้วไงว่าใครบาง
คนต้องทําแบบนั้น' แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
''มันถูกคลื่นซัดขึ้นมาบนหาดค่ะ ฉันพบมันขณะวิ่งออก
กําลังกาย''
ไบรอันดื่มเบียร์จนเกลี้ยงแก้วแล้วพูดต่อ ''เป็นจดหมายที่
น่าทึ่งจริงๆ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องน่าเศร้าเหลือเกิน''
''ฉันรู้ นั่นคือสิ่งที่ฉันรู้สึกเมื่อได้อ่าน''
''คุณรู้มั้ยว่าหาดไรส์วิลอยู่ที่ไหน?''
''ไม่ค่ะ ฉันไม่เคยได้ยินชื่อเลย''
''มันอยู่ในรัฐนอร์ทแคโรไลน่า'' ไบรอันพูดขณะล้วงหยิบ
บุหรี่ในกระเป๋าเสื้อ ''ครั้งหนึ่งผมเคยเดินทางลงไปตีกอล์ฟที่นั่น
สนามเยี่ยมมาก ราบไปหน่อย แต่ก็เล่นได้''
เดียนน่าผงกศรีษะพร้อมกับขัดจังหวะการสนทนา ''สําหรับ
ไบรอันแล้ว ทุกอย่างต้องเอาไปโยงกับเรื่องกอล์ฟจนได้ไม่ทางใด
ก็ทางหนึ่งเสมอแหละ''
เธเรซ่าถามต่อ ''อยู่ที่ไหนในรัฐนอร์ทแคโรไลน่าคะ?''
ไบรอันจุดบุหรี่สูบ เขาพูดขณะพ่นควันออกมา
''ใกล้เมืองวิลมิงตัน หรือที่แน่ๆ มันอาจถึงขั้นเป็นส่วนหนึ่ง
ของเมืองนั้นเลยก็ได้ ผมไม่แน่ใจเรื่องเขตแดนนัก ถ้าคุณขับรถไป
จากตอนเหนือของหาดไมร์ทัลก็ใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่ง คุณ
เคยได้ยินภาพยนตร์เรื่อง Cape Fear มั้ย?''
''เคยสิคะ''
''แม่นํ้าเคปเฟียร์อยู่ในเมืองวิลมิงตัน และนั่นคือสถานที่
ซึ่งใช้ถ่ายทําภาพยนตร์เรื่องนี้ทั้งสองครั้ง จริงๆ แล้วภาพยนตร์
หลายเรื่องถ่ายทําที่นั่น กองถ่ายใหญ่ ส่วนมากมีให้เห็นในเมือง
หาดไรส์วิลเป็นเกาะแห่งหนึ่งอยู่ไม่ไกลจากชายฝั่งทะเล เจริญมาก
ตอนนี้กลายเป็นชุมชนที่พักตากอากาศไปแล้ว มันคือที่ซึ่งดารา
หลายคยใช้พักกันในขณะที่พวกเขาอยู่ระหว่างถ่ายทําภาพยนตร์
ที่นั่น
''ทําไมฉันไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนเลยล่ะ?''
''ไม่รู้สิ ผมคิดว่ามันคงไม่ได้รับความสนใจมากนัก เนื่อง
จากหาดไมร์ทัลไม่เป็นที่รู้จัก แต่คนนิยมไปเที่ยวกันมากทางตอน
ใต้ลงไป หาดสวย ทรายขาว นํ้าทะเลอุ่น เป็นสถานที่อันยอด
เยี่ยมที่คุณน่าจะใช้เวลาไปพักผ่อนสักหนึ่งสัปดาห์ ถ้าคุณมีโอกาส
จริงๆ''
เธเรซ่าไม่ตอบ เดียนน่าเอ่ยขึ้นอีกครั้งด้วยนํ้าเสียงยั่วเย้า
''งั้นตอนนี้เราก็รู้แล้วสิว่านักเขียนลึกลับของเรามาจากไหน''
เธเรซ่ายักไหล่ ''ฉันก็คิดอย่างนั้น แต่ยังบอกไม่ได้แน่นอน
มันอาจเป็นที่ซึ่งเขาและเธอไปเที่ยวพักผ่อนวันหยุดด้วยกัน หรือไป
เยือนก็ได้ ไม่ได้หมายความว่าเขาอยู่ที่นั่น''
เดียนน่าสั่นศรีษะ ''ฉันไม่คิดอย่างนั้นหรอก ลักษณะการ
เขียนจดหมาย เหมือนกับว่าความฝันของเขาดูจริงจังเกินกว่าที่จะ
เก็บรวบรวมรายละเอียดจากสถานที่ซึ่งเขาไปเพียงครั้งหรือสองครั้ง
เข้าด้วยกันได้ขนาดนั้น''
''เธอให้ความสําคัญกับความคิดบางอย่างนแบบนี้จริงๆ ใช่
มั้ย?''
''เรื่องของสัญชาตญาณน่ะ เธอต้องหัดเรียนรู้ที่จะเชื่อมั่น
แล้วฉันกล้าพนันได้เลยว่า หาดไรส์วิลหรือเมืองวิลมิงตันน่ะคือ
บ้านของเขา''
''แล้วไง?''
เดียนน่าเอื้อมไปหยิบบุหรี่จากมือไบรอัน อัคควันเข้าไป
ลึกๆ แล้วถือไว้สูบเอง ดธอทําแบบนี้มาหลายปีแล้ว ในความ
คิดของเธอ เธอถือว่าเธอไม่ได้ติดบุหรี่เป็นจริงเป็นจัง เพราะเธอไม่
ได้เป็นคนจุดมันสูบ ไบรอันดูเหมือนไม่ได้สังเกตในสิ่งที่ดธอทํา
เขาจุดบุหรี่อีกมวน เดียนน่าเอนตัวมาข้างหน้า
''เธอคิดอะไรเพิมเติมเรื่องที่จะตีพิมพ์จดหมายฉบับนี้บ้าง
มั้ย?''
''ไม่เลยจริงๆ ฉันก็ยังไม่รู้อยู่นั่นแหละว่ามันเป็นความคิด
ที่ดีหรือเปล่า''
''แล้วถ้าเราไม่ได้ใช้ชื่อของเขาและเธอล่ะ ใช้แค่อักษรตัว
แรกของชื่อเท่านั้น? เราทําได้แม้แต่เปลี่ยนชื่อของหาดไรส์วิล ถ้า
เธอต้องการ''
''ทําไมเรื่องนี้ถึงสําคัญกับเธอนักนะ?''
''เพราะฉันรู้ว่าเรื่องไหนดีเมื่อฉันเห็นมันน่ะสิ ยิ่งไปกว่านั้น
ฉันคิดว่าเรื่องนี้น่าจะมีความหมายกับคนหลายคน ทุกวันนี้คนเรา
มีธุระยุ่งจนเรื่องรักๆ ใครๆ ดูเหมือนจะหมดไปทีละน้อย จดหมาย
ฉบับนี้แสดงให้เห็นว่าเรื่องแบบนี้ยังคงเป็นไปได้''
เธเรซ่ายกมือบิดปอยผมเล่นอย่างใจลอย นั่นเป็นนิสัยอย่าง
หนึ่งที่มีมาตั้งแต่วัยเด็ก เป็นสิ่งที่เธอทําทุกครั้งที่เธอกําลังคิดถึง
อะไรบางอย่าง หลังจากเงียบไปครู่ใหญ่ ในที่สุดเธอก็ตอบว่า
''ตกลง''
''เธอจะตีพิมพ์จดหมายฉบับนี้?''
''ใช่ แต่ต้องทําอย่างที่เธอพูดไว้นะ เราจะใช้เพียงแค่
อักษรตัวแรกของชื่อเขาและเธอเท่านั้น และเราจะไม่พูดถึงส่วน
ของเรื่องที่เกี่ยวกับหาดไรส์วิล และฉันจะเขียนเกริ่นนําเรื่องสัก
สองสามประโยค''
''ฉันดีใจจังเลย'' เดียนน่าร้องด้วยความกระตือรือร้นแบบ
เด็กสาวๆ ''ฉันรู้ดีว่าเธอจะต้องตีพิมพ์ เราจะส่งแฟกซ์จดหมาย</span></span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
แมงป่อง
แม่ไข่หวาน พ่อไข่เค็ม
 
โพสต์: 1468
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ พ.ค. 05, 2007 10:25 pm

โพสต์โดย แมงป่อง » พฤหัสฯ. มิ.ย. 19, 2008 10:08 am

<span style='color:orange'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>ฉบับนี้เข้าไปที่สํานักงานพรุ่งนี้''
ต่อมา ในคืนนั้นเธเรซ่าเขียนเกริ่นนําบทความที่จะตีพิมพ์
จนเสร็จ เธอเขียนด้วยลายมือบนกระดาษเขียนจดหมายที่เธอ
หาได้ในลิ้นชักโต๊ะห้องทํางาน เมื่อเขียนเสร็จเรียบร้อย เธอกลับ
ไปห้องพักแล้ววางกระดาษสองแผ่นที่เธอเขียนลงบนโต๊ะหัวเตียง
ด้านหลังเธอก่อนคลานขึ้นเตียง คืนนั้นเธอนอนหลับสนิท

วันต่อมาเธเรซ่าและเดียนน่าเข้าไปในเมืองชาธัม แล้ว
นําจดหมายไปพิมพ์ที่ร้านห้องแถวรับพิมพ์งาน เนื่องจากทั้งสอง
ไม่ได้นําเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กมาด้วย เธเรซ่ายืนยันว่าข้อ
ความในคอลัมน์ต้องไม่รวมถึงรายละเอียดบางอย่าง จึงดูเหมือน
ว่ามันเป็นสิ่งที่มีเหตุผลที่สุดที่จะทํา เมื่อพิมพ์บทความเสร็จแล้ว
ทั้งสองจึงส่งแฟ๊กซ์เอกสารดังกล่าวเข้าไปที่สํานักงาน ข้อความที่
ปรากฏจะได้รับการตีพิมพ์ฉบับวันถัดไป
เธอทั้งสองใช้เวลาที่เหลือในช่วงเช้าและบ่ายเหมือนกัน
ก่อนๆ ช้อปปิ้ง พักผ่อนตามสบายริมชายหาด สนทนากันเรื่อง
จิปาถะ และกินอาหารมื้อคํ่าอร่อยๆ เช้าตรู่วันต่อมา เมื่อหนังสือ
พิมพ์มาถึง เธเรซ่าได้อ่านเป็นคนแรก เธอตื่นแต่เช้าตรู่ แล้ววิ่งออก
กําลังกายเสร็จก่อนที่เดียนน่าและไบรอันจะลุกจากเตียง เธอกาง
หนังสือพิมพ์ออกอ่านบทความดังกล่าว
สี่วันก่อน ขณะที่ดิฉันอยู่ระหว่างเที่ยวพักผ่อนวันหยุด
ดิฉันกําลังฟังเพลงยุคเก่าบางเพลงจากวิทยุ และได้ยินวง Sting
ร้องเพลง ''สาส์นรักในขวดแก้ว'' ดิฉันได้รับแรงกระตุ้นจากเสียง
ครวญอันนุ่มหวานที่ปลุกเร้าแรงปราถนาอันเล่าร้อนจนลุก
โซนให้กระทําอะไรบางอย่าง ดิฉันรีบวิ่งไปที่ชายหาดเพื่อหาขวด
แบบเดียวกันนั้นมาเป็นของตนเองบ้าง ภายในเวลาไม่กี่นาที ดิฉัน
ก็พบขวดใบหนึ่ง และแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัยว่ามีสาส์นฉบับ
หนึ่งอยู่ในขวด (ความจริงแล้วดิฉันไม่ได้ยินเสียงเพลงแบบนั้นมา
ตั้งแต่แรก แต่ดิฉันผูกเรื่องขึ้นมาเพื่อให้มีการสร้างความ
เร้าใจ ดิฉันพบขวดใบหนึ่งเข้าจริงๆ ในเช้าอันแสนวิเศษวันหนึ่ง
พร้อมกับจดหมายซึ่งสร้างความสะเทือนใจอย่างลึกซึ้งอยู่ภายใน
ขวดนั้น) ดิฉันไม่อาจสลัดทิ้งความรู้สึกที่มีอยู่ภายในใจออกไปได้
ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะไม่ใช่เรื่องบางอย่างที่ดิฉันเขียนถึงตามปกติ แต่
ดิฉันหวังว่า คุณจะรู้สึกถึงคุณค่าอันเปี่ยมไปด้วยความหมายเช่น
เดียวกับที่ดิฉันรู้สึก ในเวลาซึ่งรักนิรันดร์และความผูกพันที่มีให้
ต่อกันดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่กําลังขาดแคลนเป็นอย่างมาก

เนื้อที่ส่วนที่เหลือทั้งหมดของคอลัมน์ได้รับการอุทิศ
ให้กับจดหมายฉบับนั้น เมื่อเดียนน่าร่วมกินอาหารเช้ากับเธเรซ่า
เธออ่านคอลัมน์ดังกล่าวก่อนที่จะพลิกอ่านหน้าอื่น ''เยี่ยมจริงๆ''
เธอพูดขึ้นเมื่ออ่านจบ ''พอพิมออกมาแล้ว ดูดีกว่าที่ฉันคาดไว้
ว่าจะเป็นเสียด้วยซํ้า เธอจะได้รับจดหมายส่งเข้ามามากมายเลย
จากบทความนี้''
''เธอคิดอย่างนั้น?''
''แน่นอน ฉันมั่นใจ''
''มากกว่าปกติที่เคยมีอีกงั้นรึ?''
''มากกว่าเป็นตัน ฉันรู้สึกได้ ความจริงวันนี้ฉันกําลังจะ
โทรหาจอห์น ฉันจะให้เขานําบทความนี้ไปออกอากาศทางวิทยุ
สัก 2 ครั้งในสัปดาห์นี้ เธออาจเห็นหนังสือพิมพ์ฉบับวันอาทิตย์
บางฉบับนําบทความนี้ไปตีพิมพ์ด้วยซํ้า''
''แล้วเราค่อยมาดูกัน'' เธเรซ่าพูดขณะกินขนมปังบา-
เกล โดยไม่แน่ใจว่าจะเชื่อเดียนน่าได้จริงๆ หรือไม่ แต่ก็ยัง
คงกระหายใคร่รู้อยู่ในใจ</span></span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
แมงป่อง
แม่ไข่หวาน พ่อไข่เค็ม
 
โพสต์: 1468
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ พ.ค. 05, 2007 10:25 pm

โพสต์โดย แมงป่อง » พฤหัสฯ. มิ.ย. 19, 2008 11:21 am

<span style='font-size:14pt;line-height:100%'><span style='color:blue'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>บทที่ 3</span>
<span style='color:green'>8 วันหลังจากที่เธเรซ่าไปถึงจุดหมายแล้ว เธอก็กลับ
สู่บอสตันในวันเสาร์
เธอไขประตูห้องในอพาร์ตเมนต์ที่พัก เจ้าฮาร์วี่วิ่งออก
มาหาจากหลังห้องนอน มันไซ้ตัวที่ขาเธอและร้องครางเบาๆ
เธเรซ่าอุ้มมันขึ้นมาแล้วเดินพามันไปที่ตู้เย็น เธอหยิบเนยแข็งชิ้น
หนึ่งออกมาจากตู้เย็นให้เจ้าฮาร์วี่กินขณะลูบหัวมันไปมาและรู้สึก
ขอบคุณเอลล่า เพื่อนข้างห้องที่ตกลงดูแลมันให้ระหว่างที่เธอไม่
อยู่ หลังจากเจ้าฮาร์วี่กินเนยแข็งหมดแล้ว มันก็กระโดลงไปจาก
มือเธอ แล้วเยื้องย่างไปยังประตูกระจกบานเลื่อนซึ่งเป็นทางไปสู่
ระเบียงหลังห้อง ห้องมีกลิ่นอับเพราะปิดไว้หลายวัน เธอจึงเลื่อน
บานประตูเปิดออกให้อากาศถ่ายเท
หลังจากนําข้าวของออกจากกระเป๋าแล้ว ไปรับกุญแจและ
จดหมายจากเอลล่ากลับมาแล้ว เธอรินไวน์ให้ตัวเองแก้วหนึ่ง แล้ว
เดินไปยังเครื่องเล่นสเตอริโอ ใส่แผ่นซีดีของจอห์น โคลเทรนที่เธอ
ซื้อมาเปิดฟัง เมื่อเสียงเพลงแจ๊ซดังกระหึ่มไปทั่วห้อง เธอจึงเริ่ม
คัดแยกจดหมายซึ่งส่วนใหญ๋เป็นบิลต่างๆ เช่นเคย แล้ววางมันไว้
ข้างตัวเพื่อกลับมาดูอีกครั้งในเวลาอื่น
มีข้อความฝากไว้ในเครื่องบันทึกเสียง 8 ครั้ง เมื่อเธอเปิด
ฟัง มีข้อความสองครั้งจากผู้ชายซึ่งเคยออกเดตด้วยในอดีตขอให้
โทร.กลับไปถ้ามีโอกาส วูบหนึ่งเธอคิดจะทําตามข้อเสนอนั้น แต่
แล้วก็ตัดสินใจคัดค้านความคิดของตนเอง ไม่มีใครสักคนซึ่งฝาก
ข้อความที่ดึงดูดใจไว้ในนั้น เธอไม่ได้อยากไปเที่ยวแค่เพียงเพราะ
ว่ามีช่วงเวลาหยุดพักจากการทํางาน เธอได้รับโทรศัพท์จากแม่
และน้องสาว ซึ่งเธอเตือนตัวเองว่าจะหาโอกาสโทร.ไปหาพวกเขา
ภายในสัปดาห์นี้ ไม่มีโทรศัพท์จากเควิน ขณะนี้เขากําลังล่องแพ
และกางเต็นท์ค้างแรมกับพ่อของเขา ณ ที่หนึ่งที่ใดในรัฐอริโซน่า
เมื่อเควินไม่อยู่ ดูเหมือนห้องพักจะเงียบลงไปอย่างน่าประ
หลาด แต่ในขณะเดียวกันก็ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยดี สิ่งนี้ทําให้
เรื่องต่างๆ สงบลงบ้างไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เป็นการดีที่กลับถึงที่
พักแล้วจัดห้องให้เป็นระเบียบเรียบร้อยเสียบ้างเป็นครั้งคราวภาย
หลังจากอาบนํ้าชําระร่างกาย
เธอนึกถึงวันหยุดพักผ่อนที่ยังเหลืออยู่อีกสองสัปดาห์ใน
ปีนี้ เธอและเควินน่าจะใช้เวลาบางช่วงด้วยกันที่ชายหาด เพราะ
ได้สัญญากับเขาไว้ว่าจะพาไป แต่นั่นก็ยังมีเวลาเหลืออีกหนึ่ง
สัปดาห์ และอาจใช้เวลาช่วงที่เหลือนั้นตอนใกล้ช่วงเทศกาลคริสต์
มาส แต่ปีนี้เควินจะไปบ้านพ่อเขา ดังนั้น จึงดูเหมือนไม่มีประ
เด็นให้ต้องคิดเรื่องนี้มากนัก เธอเกลียดการใช้เวลาช่วงคริสต์มาส
ตามลําพัง ซึ่งเคยเป็นวันหยุดที่เธอชื่นชอบเสมอ แต่เธอไม่มีทาง
เลือก จึงตัดสินใจว่าการอยู่กับความจริงเช่นนี้เป็นสิ่งไร้ประโยชน์
บางทีอาจจะไปเบอร์มิวด้าหรือจาเมก้า หรือที่แห่งอื่นในแถบทะเล
แคริบเบียน แต่ก็ไม่อยากไปเพียงลําพังเลยจริงๆ แล้วก็ไม่รู้ว่า
ใครจะไปกับเธอ เจเน็ตอาจไปได้ แต่ก็ไม่แน่ใจ เพราะลูกเล็กๆ
3 คนทําให้มีภาระยุ่งอยู่เสมอ และส่วนใหญ่เอ็ดเวร์ดมักไม่
สามารถลางานได้ บางทีอาจจะใช้วันหยุดสัปดาห์ที่เหลือทําสิ่ง
ต่างๆ รอบๆ ห้องตามที่เธอตั้งใจว่าจะทํา...แต่นั่นก็ดูเหมือนว่าจะ
เป็นการเสียเวลาเปล่า ก็ใครกันที่อยากใช้เวลาในวันหยุดพักผ่อน
ของพวกเขาทาสีห้องพักและติดวอลล์เปเปอร์?
ในที่สุดเธอจึงล้มเลิกแผนการทั้งหมด แล้วตัดสินใจว่า ถ้า
ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นแวบเข้ามาในความคิดแล้ว ก็จะขอเพียงแค่เก็บ
วันหยุดไว้ใช้สําหรับปีต่อไป บางทีเธอและเควินอาจไปฮาวายกัน
2 สัปดาห์
เธอไปที่เตียงแล้วหยิบนิยายซึ่งเริ่มอ่านที่เคปคอดขึ้นมาอ่าน
ต่ออย่างรวดเร็วโดยไร้สิ่งอื่นมาเบี่ยงเบนความสนใจและอ่านจบไป
ได้เกือบ 100 หน้า ก่อนจะรู้สึกล้าเมื่อถึงเวลาเที่ยงคืน เธอจึงปิด
ไฟนอน คืนนั้นเธอฝันว่าเธอเดินไปตามชายหาดที่รกร้างผู้คน
แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดเธอจึงฝันเช่นนั้น
ในวันจันทร์ มีจดหมายกองอยู่บนโต๊ะทํางานของเธออย่าง
ล้นหลามเกือบ 200 ฉบับเมื่อเธอมาถึง และอีก 2 ฉบับมาพร้อม
บุรุษไปรษณีย์ในวันนั้น ทันทีที่เธอเดินเข้ามาในสํานักงาน เดียน-
น่าชี้ไปที่กองจดหมายดังกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
''เห็นมั้ย ฉันบอกเธอแล้ว'' เธอพูดพร้อมกับรอยยิ้ม
เธเรซ่าขอให้พักสายเรียกเข้าของเธอไว้ แล้วเริ่มเปิดจดหมาย
เหล่านั้นทันที ทุกฉบับเป็นการแสดงความคิดเห็นกลับมาถึงจด-
หมายซึ่งตีพิมพ์ลงในคอลัมน์ของเธอ ไม่ยกเว้นเลยแม้แต่ฉบับ
เดียว จดหมายฉบับใหญ่มาจากผู้หญิงและมีผู้ชายจํานวนไม่มาก
นักเขียนเข้ามาด้วย และความเห็นที่สอดคล้องต้องกันของคน
เหล่านั้นทําให้เธอประหลาดใจ เธออ่านข้อความที่บรรยายว่า
จดหมายที่ไม่ระบุชื่อผู้เขียนดังกล่าวทําให้คนเหล่านั้นซาบซึ้งมาก
เพียงใดไปทีละฉบับ หลายคนถามว่า เธอรู้หรือไม่ว่าผู้เขียนคือ
ใคร และผู้หญิงสองสามรายเขียนเป็นนัยว่า ถ้าผู้ชายคนนั้นเป็น
โสด พวกเธออยากแต่งงานกับเขา
เธอได้รู้ว่าหนังสือพิมพ์ฉบับวันอาทิตย์ของรัฐอีกซีกหนึ่ง
เกือบทุกฉบับตีพิมพ์บทความดังกล่าว และจดหมายเหล่านั้นมา
จากถิ่นที่ห่างไกล เช่น ลอสแอนเจลิส ผู้ชาย 6 คนอ้างว่า พวก
เขาเป็นผู้เขียนจดหมายฉบับนั้นเอง และ 4 คนในนั้นต้องการ
ค่าเรื่องสําหรับจดหมายนั้น มีคนหนึ่งถึงขนาดข่มขู่ว่าจะดําเนิน
การตามกฏหมาย แต่เมื่อตรวจสอบลายมือแล้ว ไม่มีลายมือใคร
คล้ายกับผู้เขียนจดหมายฉบับนั้นนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว
เมื่อถึงเวลาเที่ยง เธออกไปกินอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร
ญี่ปุ่นร้านโปรดของเธอ คน 2 คนซึ่งกําลังกินอาหารกันอยู่ที่โต๊ะ
อื่นพูดถึงเรื่องที่พวกเขาอ่านคอลัมน์นั้นด้วย ''ภรรยาผมใช้เทป
ติดมันไว้กับประตูตู้เย็น'' ชายคนหนึ่งพูด ซึ่งคําพูดดังกล่าวทําให้
เธเรซ่าถึงกับหัวเราะเสียงดัง
เมื่อสิ้นสุดเวลาทํางาน เธอรู้สึกอ่อนล้าจากการสะสางงาน
ส่วนใหญ่ที่กองสุมอยู่บนโต๊ะจาเสร็จสิ้น เธอยังไม่ได้เขียนบท
ความที่จะตีพิมพ์ครั้งต่อไป ทําให้รู้สึกเหมือนมีแรงกดก่อตัวอยู่
หลังต้นคอ เหมือนกับอาการที่เกิดขึ้นตามปกติ เมื่อกําหนดเส้น
ตายการทํางานใกล้เข้ามา เมื่อถึงเวลา 5 ดมงครึ่ง เธอเริ่มพิมพ์
บทความเกียวกับเควินซึ่งไปอยู่ในที่ห่างไกล และเหตุการณ์ดัง
กล่าวทําให้เธอรู้สึกอย่างไร ตัวเรื่องดีกว่าเธอคาดไว้ และเมื่อ
เธอพิมพ์เกือบจะเสร็จเรียบร้อบแล้ว เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะก็ดังขึ้น
เป็นสายจากพนักงานประจําเคาน์เตอร์ต้อนรับของสํานัก
งานหนังสือพิมพ์
''เฮ้ เธเรซ่า ฉันรู้ว่าคุณขอให้ฉันพักสายเรียกเข้าของคุณ
ไว้ แล้วฉันก็ทําแบบนั้นมาตลอด'' เธอเริ่มต้น ''มันไม่ง่ายเลยนะ
อ้อ! มีประมาณ 60 สายโทร.เข้ามาหาคุณวันนี้ เสียงกริ่งโทรศัพท์
ดังไม่หยุด''
''แล้วเกิดอะไรขึ้นล่ะ''
''ผู้หญิงที่อยู่ในสายตอนนี้โทร.ถึงฉันไม่หยุดหย่อน นี่เป็น
ครั้งที่ห้าแล้วที่เธอโทร.มาวันนี้ แล้วก็โทร.มาสองครั้งเมื่อสัปดาห์
ที่แล้ว เธอไม่แจ้งชื่อไว้ แต่ฉันจําเสียงโทร.ได้ แล้วขณะนี้เธอบอก
ว่าต้องพูดกับคุณ''
''คุณแค่รับฝากข้อความไว้ไม่ได้หรือ?''
''ฉันพยายามทําอย่างนั้นแล้ว แต่เธอยืนกรานจะพูดกับ
คุณให้ได้ เธอเฝ้าแต่ขอให้ต่อเข้าสายที่พักไว้จนกว่าคุณจะมีเวลา
ว่างสักครู่หนึ่ง เธอบอกว่ากําลังโทร.ทางไกล และต้องพูดกับคุณ
เท่านั้น''
เธเรซ่าคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในขณะที่จ้องไปยังจอคอมพิวเตอร์ข้าง
หน้า บทความเธอเกือบเสร็จแล้ว แค่อีก 2 ย่อหน้าที่ต้องพิมพ์
''คุณขอหมายเลขโทรศัพท์ที่ฉันติดต่อเธอไว้ไม่ได้รึไง?''
''ไม่ได้ เธอจะไม่ยอมทําเช่นนั้น เธอหลบเลี่ยงเก่งมาก''
''คุณรู้มั้ยว่าเธอต้องการอะไรกันแน่?''
''ฉันไม่รู้อะไรเลย แต่ฟังเธอพูดแล้วดูเป็นเหตุเป็นผล ไม่
เหมือนหลายคนที่โทร.มาวันนี้ ผู้ชายคนหนึ่งขอฉันแต่งงานด้วย''
เธเรซ่าหัวเราะ ''ตกลง บอกเธอให้รอเดี๋ยว ฉันจะรับสาย
ในอีก 2 นาที''
''แล้วจะบอกให้''
''เธออยู่สายไหนนะ?''
''สาย 5 ''
''ขอบคุณ''
เธเรซ่าพิมพ์บทความที่เหลือเสร็จอย่างรวดเร็ว และกลับมา
ตรวจดูอีกครั้งทันทีที่เธอพูดโทรศัพท์เสร็จ เธอยกหูโทรสัพท์ขึ้น
แล้วกดรัยสาย 5
''สวัสดีค่ะ''
สายเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วผู้ที่โทร.มาก็ตอบรับด้วยเสียงอัน
นุ่มไพเราะชวนฟัง
''คุณเธเรซ่า ออสบอร์น ใช่มั้ยคะ?''
''ใช่ค่ะ'' เธเรซ่าเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ แล้วเริ่มบิดผมเล่น
''คุณคือคนที่เขียนบทความเกี่ยวกับจดหมายในขวดใช่มั้ย
คะ''
''ใช่คะ ให้ฉันช่วยอะไรคุณได้บ้างคะ?'' ผู้โทร.มาหยุดพูด
ไปชั่วขณะอีกครั้ง
เธเรซ่าได้ยินเสียงลมหายใจของเธอเล็ดลอดผ่านสายโทร-
ศัพท์เหมือนเธอกําลังคิดอยู่ว่าจะพูดอะไรต่อไปหลังจากนั้นครู่
หนึ่ง ผู้โทร.มาก้ถามขึ้นว่า
''คุณช่วยบอกชื่อที่อยู่ในจดหมายฉบับนั้นให้ฉันทราบหน่อย
ได้มั้ยคะ''
เธเรซ่าหลับตาแล้วหยุดบิดผม ก็แค่คนสอดรู้สอดเห็นอีก
คน เธอลืมตากลับมาอยู่ที่หน้สจอคอมพิวเตอร์แล้วเริ่มตรวจบท
ความ
''ไม่ค่ะ ฉันเสียใจ ฉันบอกไม่ได้ ฉันไม่ต้องการให้ข้อมูล
นั้นเผยแพร่ออกสู่สาธารณะ''
ผู้โทร.มาเงียบไปอีกครั้ง ในขณะที่เธเรซ่าเริ่มหมดความ
อดทนขึ้นเรื่อยๆ เธอเริ่มอ่านย่อหน้าแรกบนจอ แล้วผู้โทร.มาก็
ทําให้เธอต้องประหลาดใจ
''ได้โปรดเถอะค่ะ'' เธอพูด ''ฉันต้องรู้ให้ได้''
เธเรซ่าเงยหน้าจากจอ เธอได้ยินนํ้าเสียงที่แสดงความกระ
ตือรือร้นอันแน่วแน่ของผู้โทร.มา ซึ่งมีสิ่งอื่นบางอย่างแอบแฝงอยู่
ด้วย
''ฉันเสียใจค่ะ'' เธเรซ่าพูดในที่สุด ''ฉันให้ไม่ได้จริงๆ''
''งั้นคุณช่วยตอบคําถามสักข้อหนึ่งได้มั้ย?''
''อาจได้ค่ะ''
''จดหมายฉบับนั้นเขียนถึงเคธรีน และลงชื่อโดยผู้ชายชื่อ
แกเร็ตใช่มั้ยคะ''
ผู้ที่โทร.มาทําให้เธเรซ่าตั้งใจฟังเต็มที่ เธอจึงนั่งเหยียดตัว
ตรงขึ้นมาทันที
''นั่นใครพูดคะ?'' เธอถามอย่างเร่งร้อนขึ้นมาทันใด และ
เมื่อเธอพูดออกไปแล้ว เธอรู้ดีว่าผู้โทร.มาต้องรู้ความจริง</span></span></span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
แมงป่อง
แม่ไข่หวาน พ่อไข่เค็ม
 
โพสต์: 1468
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ พ.ค. 05, 2007 10:25 pm

โพสต์โดย แมงป่อง » พฤหัสฯ. มิ.ย. 19, 2008 4:00 pm

<span style='color:red'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'> ''ใช่ ใช่มั้ย?''
''นั่นใครพูดคะ?'' เธเรซ่าถามซํ้าอีกครั้งด้วยนํ้าเสียงที่นุ่ม
นวลขึ้น เธอได้ยินเสียงผู้โทร.สูดลมหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งครั้งก่อน
จะตอบ
''ฉันชื่อมิเชล เทิร์นเนอร์ค่ะ อยู่ที่เมืองนอร์ฟอล์ก เวอร์จิ-
เนีย''
''คุณรู้เรื่องจดหมายฉบับนั้นได้ไงคะ?''
''สามีของฉันเป็นทหารเรือค่ะ และเขาประจําการอยู่ที่นี่
เมื่อ 3 ปีก่อน ฉันเดินเล่นไปตามชายหาดและได้พบจดหมาย
ฉบับหนึ่งแบบเดียวกับฉบับที่คุณพบในวันหยุดพักผ่อนของคุณ
นั่นแหละค่ะ หลังจากอ่านบทความของคุณแล้ว ฉันรู้ดีว่าคนที่
เขียนจดหมายนั้นเป็นคนคนเดียวกัน เพราะชื่ออักษรตัวแรก
เหมือนกันค่ะ''
เธเรซ่าหยุดพูดไปชั่วขณะ มันไม่น่าเป็นไปได้ เธอคิด 3 ปี
มาแล้วหรือ
''กระดาษที่ใช้เขียนเป็นแบบไหนคะ?''
''กระดาษเป็นสีเบจ และมีภาพเรือใบอยู่มุมขวาด้านบน''
เธเรซ่ารู้สึกหัวใจเต้นรัว มันยังฟังดูไม่น่าเชื่อสําหรับเธอ
อยู่ดี
''จดหมายของคุณ มีภาพเรือใบรํานึงอยู่ที่มุมขวาด้วยใช่มั้ย?''
''ค่ะ'' เธเรซ่ากระซิบ
''ฉันรู้ค่ะ ฉันรู้ทันทีที่อ่านบทความของคุณ'' เสียงเธอฟัง
คล้ายกับว่ามีคนยกของหนักๆ ออกไปจากบ่า
''คุณยังคงมีสําเนาจดหมายนั้นสักฉบับมั้ย?'' เธเรซ่าถาม
''มีค่ะ เป็นฉบับที่สามีฉันไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ฉันนํามัน
ติดตัวไปด้วยเป็นครั้งคราวเพื่ออ่านอีกครั้งเสมอ มีข้อความแตก
ต่างจากจดหมายฉบับที่คุณคัดลอกลงมาตีพิมพ์ในบทความเล็ก
น้อย แต่ก็ให้ความรู้สึกเหมือนกัน
''คุณช่วยส่งแฟ๊กซ์สําเนามาให้ฉันหน่อยได้มั้ยคะ?''
''ได้สิ'' เธอพูดก่อนที่จะหยุดไปชั่วขณะ
''เป็นเรื่องอัศจรรย์ใช่มั้ย? ฉันหมายถึงครั้งแรกที่ฉันพบ
จดหมายฉบับนี้มานานแสนนาน แล้วตอนนี้คุณก็พบจดหมาย
แบบเดียวกันอีกฉบับ''
''ค่ะ'' เธเรซ่ากระซิบ ''เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์''
หลังจากที่เธเรซ่าให้หมายเลขแฟ๊กซ์กับมิเชลแล้ว เธอก็แทบ
ไม่สามารถอ่านตรวจแก้บทความได้อีกเลย มิเชลต้องไปที่ร้าน
ถ่ายเอกสารเพื่อส่งแฟ๊กซ์จดหมายดังกล่าว และเธเรซ่ารู้สึกว่าตัว
เธอเดินจากโต๊ะทํางานไปถึงเครื่องแฟ๊กซ์ทุก 5 นาที ขณะที่รอให้
จดหมายมาถึง 46 นาทีต่อมาเธอก็ได้ยินเสียงเครื่องแฟ๊กซ์ทํางาน
กระดาษแผ่นแรกที่ผ่านเครื่องแฟ๊กซ์มาเป็นจดหมายปะหน้าจาก
ร้านเนชั่นแนล ก๊อปปี้ เซอร์วิส จ่าหน้าถึงเธเรซ่า ออสบอร์น หนัง
สือพิมพ์ บอสตันไทมส์
เธอเฝ้าดูมันตกลงมายังถาดข้างล่าง จากนั้นจึงได้ยินเสียง
เครื่องแฟ๊กซ์ทํางานในขณะที่มันทําการคัดลอกข้อความในจด
หมายบรรทัดต่อบรรทัด เครื่องแฟ๊กซ์ทํางานอย่างรวดเร็ว โดย
ใช้เวลาเพียงแค่ 10 วินาทีในการคัดลอกข้อความหนึ่งหน้า แม้
จะเร็วขนาดนั้นแล้ว แต่การรอคอยก็ดูเหมือนจะนานเสียเหลือเกิน
แล้วกระดาษแผ่นนั้นก็เริ่มพรินต์ออกมา เธอรู้ดีเช่นเดียวกับจด
หมายที่เธอพบว่า จดหมายฉบับนี้ต้องมีข้อความเขียนไว้บน
กระดาษทั้งสองด้วนด้วยเช่นกัน
เธอเอื้อมไปหยิบสําเนาเอกสารเหล่านั้นในขณะที่เครื่อง
แฟ๊กซ์ร้องบี๊บ เป็นสัญญาณบอกว่าการส่งข้อความสิ้นสุดลงแล้ว
แล้วนําเอกสารทั้งหมดมาวางลงบนโต๊ะทํางานโดยยังไม่ได้อ่าน
แล้ววางควํ่าหน้ากระดาษลงเป็นเวลาสองสามวินาที และพยายาม
ผ่อนลมหายใจให้ช้าลง มันก็แค่จดหมายฉบับหนึ่งเท่านั้น เธอ
บอกตัวเอง
เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งครั้ง แล้วหยิบกระดาษแผ่น
แรกขึ้นมา จากการชําเลืองมองปร๊าดไปยังสัญลักษณ์ภาพเรือใบ
ได้พิสูจน์ให้เธอเห็นแล้วว่าเป็นจดหมายที่เขียนขึ้นมาจากคนคน
เดียวกันจริงๆ เธอวางกระดาษลงบริเวณที่มีแสงไฟสว่าง แล้วเริ่ม
อ่านจดหมายฉบับนั้น

6 มีนาคม 1994
แคธรีนที่รักของผม
คุณอยู่ที่ไหน? แล้วทําไมเราต้องจําพรากจากกันด้วย ผม
สงสัยขณะที่นั่งอยู่เพียงเดียวดายใบหน้าอันมืดมิด
ผมไม่ทราบคําตอบสําหรับคําถามเหล่านั้น แม้ว่าผมจะ
พยายามอย่างมากมายเพียงใดที่จะเข้าใจก็ตาม เหตุผลนั้นเป็น
เรื่องง่าย แต่จิตใจผลักไสให้ผมปฏิเสธมัน และความกระวนกระ
วายกระชากใจผมออกจากกัน ตลอดทุกชั่วโมงการทํางาน ปราศ
จากคุณแล้ว ผมคือผู้หลงทาง ผมเป็นคนไร้วิญญาณเป็นคน
เร่ร่อนที่ปราศจากบ้านพักพิง เป็นวิหคอันเดียวดายที่บินไปโดย
ไร้จุดหมาย ผมเป็นทั้งหมดทั้งมวลเหล่านี้ ผมจึงไม่ได้เป็นอะไร
เลย ที่รักของผม นี่คือชีวิตของผมที่ปราศจากคุณ ผมถวิลหา
ให้คุณกลับมาทําให้ผมเห็นวิธีที่จะมีชีวิตอยู่อีกครั้ง
ผมพยายามจดจําวิถีชีวิตที่ครั้งหนึ่งเราเคยมีร่วมกัน ณ
ดาดฟ้าอันพร่างพรมไปด้วยสายลมเย็นบนเรือแฮปเปนสแตนซ์
คุณจําได้ไหมว่า เราพยายามสร้างเรือลํานี้มาด้วยกันอย่างไร?
เรากลายเป็นส่วนหนึ่งของทะเลในขณะที่เราสร้างมันขึ้นมา เพราะ
เราทั้งสองรู้ดีว่าทะเลเป็นสถานที่ซึ่งนําพาเรามาใช้ชีวิตร่วมกัน
เวลาเช่นนั้นแหละที่ผมเข้าใจถึงความหมายของความสุขที่แท้จริง
ยามคํ่าคืน เราล่องเรือใบไปในทะเลอันมืดมิด และผมเฝ้ามองคุณ
อยู่ในขณะที่แสงจันทร์สะท้อนให้เห็นถึงความงดงามของคุณ ผม
จะเฝ้ามองคุณด้วยความชื่นชมอย่างล้นเหลือ และในหัวใจผมรู้ดี
ว่า เราจะอยู่ด้วยกันไปตลอดกาล ผมสงสัยว่า เมื่อคนสองคนอยู่
ในห้วงรักแล้ว ความรู้สึกจะเป็นแบบนั้นเสมอหรือเปล่า? ผมไม่รู้
แต่ถ้านับตั้งแต่ที่คุณได้นําชีวิตผมไปเป็นเครื่องชี้วัดใดๆ ที่บ่งบอก
ถึงความรักแล้วหล่ะก็ ผมคิดว่าผมรู้คําตอบนั้นดี นับจากนี้ไป ผม
รู้ดีว่าผมจะต้องอยู่เพียงเดียวดาย
ผมคิดถึงคุณ ผมฝันถึงคุณ ผมนิรมิตภาพคุณขึ้นมาในใจ
เมื่อผมต้องการคุณจนถึงที่สุด นั่นคือทั้งหมดที่ผมทําได้ แต่
สําหรับผมแล้ว มันไม่เพียงพอ มันจะไม่มีวันเพียงพอ
ผมรู้สิ่งนี้ดี แต่กระนั้นมีสิ่งอื่นสําหรับผมที่จะทําได้อีกหรือ
ถ้าคุณอยู่ที่นี่ คุณจะบอกผมได้ แต่ผมถูกฉ้แฉลไปแม้แต่เรื่องนั้น
คุณรู้จักใช้คําพูดอันเหมาะสมมาปลอบประโลมความเจ็บปวดที่ผม
รู้สึกเสมอ คุณรู้วิธีทําให้ผมรู้สึกดีลึกๆ อยู่ภายในใจเสมอ</span></span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
แมงป่อง
แม่ไข่หวาน พ่อไข่เค็ม
 
โพสต์: 1468
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ พ.ค. 05, 2007 10:25 pm

โพสต์โดย แมงป่อง » ศุกร์ มิ.ย. 20, 2008 11:57 am

<span style='color:orange'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'> เป็นไปได้มั้ยที่คุณจะรู้ว่า ผมรู้สึกอย่างไรเมื่อปราศจากคุณ
เมื่อผมฝัน ผมอยากคิดว่าคุณกําลังฝันอยู่กับผมด้วย ก่อนหน้าที่
เราจะมาใช้ชีวิตร่วมกันนั้น ผมใช้ชีวิตผ่านพ้นไปในแต่ละวันอย่าง
ไร้ความหมายและไร้เหตุผล นับตั้งแต่ชั่วขณะที่ผมก้าวเดินต่อไป
ในชีวิตนั้น ผมรู้ดีว่าทุกย่างก้าวคือการเดินทางไปสู่การได้พบคุณ
ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เราถูกกําหนดให้มาใช้ชีวิตร่วมกัน
แต่ขณะนี้ เมื่อผมอยู่เพียงเดียวดายในบ้าน ผมเริ่มตระหนัก
ว่า โชคชะตาอาจทําร้ายจิตใจใครคนหนึ่งได้เท่ากับที่อาจทําให้เขา
มีความสุขเช่นกัน และผมสงสัยว่า ทําไมบรรดาคนทั้งโลกที่ผม
อาจรักได้อีกตั้งมากมายนั้น ผมถึงต้องมาตกหลุมรักใครบางคนซึ่ง
ต้องมาพรากจากกันไปด้วย

แกเร็ต

หลังจากอ่านจดหมายฉบับนั้นแล้ว เธอก็เอนหลังพิงเก้าอี้
แล้วยกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปาก เสียงจากห้องเขียนข่าวดูเหมือนดังมา
จากที่แห่งใดแห่งหนึ่งอันไกลโพ้น เธอเอื้อมไปหยิบกระเป๋าถือเพื่อ
หาจดหมายฉบับแรกเริ่ม แล้วนําจดหมายฉบับแรก ตามด้วยฉบับ
ที่สอง แล้วก็อ่านสลับกันอีก ด้วยความรู้สึกคล้ายกับว่าเป็นพวก
ชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องของคนอื่น เหมือนกับว่ากําลังแอบฟังเรื่อง
ที่เป็นความลับส่วนตัวของคนอื่นอยู่
เธอลุกจากโต๊ะทํางานด้วยความรู้สึกมีปมแปลกๆ อยู่ภาย
ในใจแล้วเดินตรงไปที่ตู้จําหน่ายเครื่องดื่มอัตโนมัติ ก่อนที่จะหยอด
เหรียญซื้อนํ้าแอปเปิลมาหนึ่งกระป๋องและพยายามที่จะเข้าใจ
ความรู้สึกที่มีในใจ แต่เมื่อกลับมาที่โต๊ะทํางาน ดูเหมือนขาเธอ
จะสั่นขึ้นมาในทันทีทันใด เธอจึงทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ หากไม่ได้ยืน
อยู่ในที่อันเหมาะเจาะพอดีในขณะนั้นแล้ว เธอคงล้มฟาดพื้นเป็น
แน่

เธอเริ่มจัดของอันยุ่งเหยิงบนโต๊ะทํางานให้เป็นระเบียบ
ด้วยหวังว่าจะทําให้ไม่ต้องคิดอะไร เธอเก็บปากกาไว้ในลิ้นชัก
นําบทความซึ่งใช้ค้นคว้าแยกเก็บใส่แฟ้ม ใส่ตัวเย็บกระดาษใน
เครื่องเย็บ และเหลาดินสออีกหลายแท่ง รวมทั้งจัดวางถ้วยกาแฟ
บนโต๊ะทํางาน เมื่อทําทุกอย่างเรียบร้อย ก็ไม่มีอะไรอยู่ผิดที่ผิด
ทางอีกต่อไป เว้นแต่จดหมายสองฉบับซึ่งเธอไม่ได้ขยับเขยื้อน
มันเลย
ประมาณหนึ่งสัปดาห์ก่อน เธอพบจดหมายฉบับแรก และ
ถ้อยคําในนั้นสร้างรอยประทับใจอันลํ้าลึกในใจเธอ แต่ความ
เป็นนักตรรกะที่มีภายในตัวเธอพยายามผลักไสไม่ให้เธอใส่ใจมัน
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นไปไม่ได้เสียแล้ว มัน
เป็นไปไม่ได้ หลังจากพบจดหมายฉบับที่สองซึ่งสันนิษฐานตาม
เหตุผลได้ว่าเขียนขึ้นมาโดยคนคนเดียวกัน มีมากกว่านี้หรือ
เปล่า? เธอสงสัย แล้วผู้ชายแบบไหนกันนะที่ส่งจดหมายเหล่านั้น
โดยใส่ไว้ในขวด? ดูเหมือนเป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่เมื่อ 3 ปีก่อนมี
คนอีกคนหนึ่งพบจดหมายฉบับนั้นโดยบังเอิญ เธอเก็บซ่อนไว้ใน
ลิ้นชักตลอดมา เพราะมันทําให้เธอรู้สึกซาบซึ้งด้วยเช่นกัน กระนั้น
มันก็ได้เกิดขึ้นแล้ว แต่เรื่องทั้งหมดนี้หมายถึงอะไร?
เธอรู้ว่าจริงๆ แล้วมันไม่ควรเป็นเรื่องสําคัญอะไรกับเธอ
มากมายนัก แต่ก็เป็นไปแล้วโดยไม่ทันตั้งตัว เธอใช้มือเสยผมไป
ข้างหลังแล้วมองไปรอบๆ ห้อง ทุกหนทุกแห่งมีผู้คนเคลื่อนไหวไป
มา เธอเปิดกระป๋องนํ้า แอปเปิลยกขึ้นดื่ม แล้วพยายามที่จะเข้าใจ
ความคิดซึ่งวูบผ่านเข้ามาในหัว เธอยังคงไม่แน่ใจทีเดียวนัก และ
ความปราถนาเดียวของเธอตอนนี้คือ ขออย่าให้มีใครเดินเข้ามาที่
โต๊ะทํางานในสองสามนาทีจากนี้ไปเลย จนกว่าเธอจะเข้าใจความ
คิดต่างๆ ในใจได้ดีขึ้น
คุณอยู่ที่ไหน?
เธอออกจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์สําหรับเขียนบทความ
และทั้งๆ ที่เธอยังสับสนตัวเองอยู่ แต่เธอก็เลือกเข้าโปรแกรม
ซึ่งทําให้เธอเรียกดูข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตได้
หลังจากช่วงเวลาแห่งความลังเลผ่านพ้นไปแล้ว เธอจึง
พิมพ์คําว่า หาดไรส์วิล ลงในช่องรายการค้นหาคํา แล้ว
กดปุ่มเรียกดูข้อมูล เธอรู้ว่าบางทีอาจมีข้อมูลบางอย่างปรากฏ
ขึ้นในบัญชีรายการ และในเวบาไม่ถึง 5 วินาที เธอก็ได้หัวข้อเรื่อง
ซึ่งแตกต่างกันจํานวนหนึ่ง ซึ่งเธออาจเลือกค้นหาได้
พบ 3 รายการเข้าชุดกับเนื้อหาของหาดไรส์วิล แสดง
รายการเข้าชุดกัน 1-3
กลุ่มให้ข้อมูลที่ตั้ง
ภูมิภาค : รัฐต่างๆ ในสหรัฐอเมริกา : นอร์ทแคโรไล-
น่า : เมืองต่างๆ : หาดไรส์วิล
สถานที่ให้ข้อมูลที่ตั้ง
ภูมิภาค : รัฐต่างๆ ในสหรัฐอเมริกา : นอร์ทแคโรไล
น่า : เมืองต่างๆ : วิลมิงตัน : อสังหาริมทรัพย์
บริษัทอสังหาริมทรัพย์ ทิการ์ - รวมทั้งสํานักงานที่
หาดไรส์วิล และหาดแคโรไลน่า
ภูมิภาค : รัฐต่างๆ ในสหรัฐอเมริกา : นอร์ทแคโรไล-
น่า : เมืองต่างๆ : หาดไรส์วิล
ที่พัก : แคสเคด บีช รีสอร์ต


ขณะที่จ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่นั้น เธอรู้สึกขึ้นมา
ในทันทีทันใดว่ากําลังทําในสิ่งซึ่งไร้เหตุผล แม้เดียนน่าจะพูดถูก
และแกเร็ตจะอยู่ที่แห่งใดแห่งหนึ่งในเขตพื้นที่หาดไรส์วิล แต่มัน
ก็ยังคงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหาเขาพบ แล้วทําไมเธอจึงพยา
ยามทําเช่นนั้น?
แน่นอนว่าเธอรู้เหตุผลดี จดหมายทั้งสิงฉบับนั้นเขียนขึ้น
โดยผู้ชายซึ่งอยู่อย่างเดียวดายในขณะนี้ เมื่อเป็นเด็ก เธอเชื่อว่า
จะได้พบชายลํ้าเลิศสักคน เป็นเจ้าชายหรืออัศวินตามนิยายในวัย
เด็ก แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว ผู้ชายเช่นนั้นไม่มีตัวตนอยู่
จริง ผู้คนในชีวิตจริงล้วนมีระเบียบแบบแผนที่แท้จริง มีความต้อง
การที่แท้จริง มีความคาดหวังที่แท้จริงในเรื่องที่คนอื่นควรประพฤติ
ตนเช่นไร ความจริงแล้วก็ยังมีผู้ชายดีๆ อยู่ข้างนอกนั่น ผู้ชายซึ่ง
รักจนหมดใจ และยังคงยืนหยัดอยู่เช่นนั้น แม้จะต้องเผชิญกับ
อุปสรรค์อันใหญ่หลวงซึ่งเป็นแบบอย่างของผู้ชายที่เธอต้องการพบ
นับจากเธอและเดวิดหย่าร้างกัน แต่มีวิธีใดที่จะได้พบกับผู้ชาย
เช่นว่านี้?
ขณะนี้เธอรู้แล้วว่าผูชายเช่นนั้นมีตัวตนอยู่จริง ผู้ชายซึ่ง
ตอนนี้อยู่เพียงเดียวดาย และการรู้เช่นนั้นทําให้บางสิ่งภายในตัว
เธอเขม็งเกลียวขึ้นมา ดูเหมือนจะเห็นได้ชัดว่าบางทีแคธรีนอาจ
ตายไปแล้ว หรืออย่างน้อยที่สุดก็หายสาบสูญไปโดยไม่มีคําอธิบาย
กระนั้น ไม่ว่าเธอจะเป็นใครก็ตาม แกเร็ตก็ยังคงรักเธอมากพอที่
จะส่งจดหมายรักไปให้เธอเป็นเวลาติดต่อกันอย่างน้อยที่สุด 3 ปี
ถ้าไม่ใช่ด้วยเหตุผลอื่น เขาก็พิสูจน์แล้วว่าเขารักใครบางคนได้
อย่างลํ้าลึก และที่สําคัญไปกว่านั้นคือ ยังคงมีความรู้สึกผูกพัน
อย่างเต็มเปี่ยม แม้หลังจากคนที่เขารักจากไปนานแล้ว
คุณอยู่ที่ไหน?
เธอไม่รู้แน่ชัด แต่เขามีชีวิตอยู่จริงๆ และเรื่องหนึ่งที่เธอ
เรียนรู้มาจากหลายๆ เรื่องในช่วงต้นชีวิตของเธอก็คือ ถ้าคุณพบ
ว่ามีอะไรบางอย่างทําให้คุณเกิดอาการเขม็งเกลียวอยู่ภายในอัน
เกิดจากความรู้สึกกระวนกระวายใจแล้วละก็ คุณควรพยายาม
เรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งนั้นให้มากขึ้นจะเป็นการดีกว่า ถ้าคุณทําเพียง
แค่ไม่ใส่ใจกับความรู้สึกกระวนกระวายใจแล้วละก็ คุณควรพยายาม
เรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งนั้นให้มากขึ้นจะเป็นการดีกว่า ถ้าคุณทําเพียง
แค่ไม่ใส่ใจกับความรู้สึกดังกล่าวแล้ว คุณจะไม่มีวันล่วงรู้ถึงสิ่งที่
อาจเกิดขึ้นได้เลย และการทําเช่นนั้นเลวร้ายยิ่งไปกว่าการค้นพบ
ว่าคุณทําผิดพลาด คุณก็เดินหน้าต่อไปในชีวิตคุณได้ โดยไม่
ต้องเหลียวหลังกลับมามองชีวิตและสงสัยในสิ่งที่อาจเป็นไป
แต่เรื่องทั้งหมดนี้จะนําไปสู่ที่ใด?
แล้วหมายถึงอะไร? การค้นพบจดหมายดังกล่าวเป็นโชค
ชะตาไม่ทางใดก็ทางหนึ่งหรือเปล่า? หรือเป็นเพียงแค่เหตุบังเอิญ?
หรือบางทีอาจเป็นเพียงเครื่องเตือนใจในสิ่งที่เธอกําลังพลาดอยู่ใน
ชีวิตก็ได้ เธอบิดผมเล่นอย่างใจลอย ในขณะที่ครุ่นคิดถึงคําถาม
สุดท้าย ไม่เป็นไรเธอตัดใจ ฉันอยู่กับมันได้
แต่เธอมีความกระหายใครรู้ถึงนักเขียนลึกลับผู้นี้มาก่อน
หน้านั้นแล้ว และไม่มีหตุผลที่จะปฏิเสธเรื่องนี้ อย่างน้อยที่สุดก็
กับตัวเธอเอง และเนื่องจากไม่มีใครคนอื่นเข้าใจเรื่องนี้ (พวกเขา
จะเข้าใจได้อย่างไร ถ้าเธอไม่เข้าใจ?) เธอจึงตัดสินใจ ณ ขณะนี้
ว่าจะไม่บอกให้ใครรู้ถึงสิ่งที่เธอกําลังรู้สึก
คุณอยู่ที่ไหน?
ลึกลงไปในใจแล้ว เธอรู้ดีว่าการค้นหาจากคอมพิวเตอร์
และความหลงใหลในเรื่องเกี่ยวกับแกเร็ตไม่อาจนําไปสู่สิ่งใดได้
เลย มันคงจะค่อยๆ เปลี่ยนผ่านไปเป็นลักษณะของเรื่องแปลกๆ
บางเรื่องซึ่งเธอนําไปเล่าขานต่อครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วเธอก็จะ
ดําเนินชีวิตต่อไปด้วยการเขียนบทความ ใช้เวลากับเควิน และทํา
สิ่งต่างๆ ทุกอย่างที่แม่ม่ายลูกติดต้องทํา
และเธอคิดเกือบจะถูกต้องแล้วว่า ชีวิตเธอน่าจะดําเนิน
ต่อไป ดังเช่นที่เธอคิดไว้ทุกประการ แต่ 3 วันต่อมาก็มีอะไรบาง
อย่างเกิดขึ้น ซึ่งเป็นเหตุให้เธอต้องรับผิดชอบต่อภาระหน้าที่ซึ่ง
ไม่รู้ตัวมาก่อน พร้อมกับกระเป๋าเดินทางที่ใส่เสื่อผ้าเต็มหนึ่งใบ
และเอกสารกองหนึ่งซึ่งอาจจะมีหรือไม่มีความหมายใดๆ เลยก็ได้
เธอค้นพบจดหมายฉบับที่สามจากแกเร็ต</span></span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
แมงป่อง
แม่ไข่หวาน พ่อไข่เค็ม
 
โพสต์: 1468
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ พ.ค. 05, 2007 10:25 pm

ต่อไป

ย้อนกลับไปยัง คุยกันเจ๊าะแจ๊ะ

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน