ครัวไกลบ้านได้ทำการปรังปรุงเวบไซต์ให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นในระบบสมาร์ทโฟน และได้รวมข้อมูลเมนูอาหารและ สมาชิกจากทั้งเวบไซต์เก่าและใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว

สมาชิกท่านไหนมีปัญหาไม่สามารถล็อกอินได้ ให้ทำการเปลี่ยนพาสเวิร์ดโดยคลิ๊กลิ้งค์นี้ ลืมรหัสผ่าน
ถ้าท่านใดมีชื่อสมาชิกมากกว่าหนึ่งชื่อแล้วต้องการรวมโพสทั้งหมดให้อยู่ในชื่อสมาชิกเดียว หรือมีปัญหาในการใช้เวบไซต์
สามารถส่งอีเมล์แจ้งรายละเอียดมาได้ที่ admin@kruaklaibaan.com หรือส่งข้อความได้ที่ user: sillyfooks

ถ้าชอบครัวไกลบ้าน อย่าลืมคลิ๊กไลค์เฟสบุ๊คให้ครัวไกลบ้านด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

MESSAGE IN A BOTTLE(จบบริบรูณ์)

อยากคุย อยากเล่า อยากบ่น เรื่องสุข เรื่องทุกข์ เรื่องสารพันปัญหา เชิญคุยกันได้ตามสบายที่ห้องนี้ค่ะ

โพสต์โดย แมงป่อง » อาทิตย์ มิ.ย. 29, 2008 9:21 am

<span style='font-size:14pt;line-height:100%'><span style='color:purple'>บทที่ 8</span>
<span style='color:orange'>
เธเรซ่าใช้เวลาที่เหลือในช่วงบ่ายสํารวจสถานที่ต่างๆ
ในขณะที่แกเร็ตทํางานอยู่ในร้าน เธอสอบถามเส้นทางไปย่านที่มี
ความสําคัญทางประวัติศาสตร์เนื่องจากไม่รู้จักเมืองวิลมิงตันดีนัก
และใช้เวลาสองสามชั่วโมงดูของทั่วๆไป ตามร้านต่างๆ ร้านค้า
ส่วนใหญ่สนองความต้องการของนักท่องเที่ยว และเธอพบสิ่งที่
เควินอยากได้สองสามอย่าง แต่ก็ไม่มีสิ่งใดต้องรสนิยมเธอ หลัง
จากซื้อกางเกงขาสั้นสองตัวที่เควินสามารถใส่ได้ทันทีเมื่อเขากลับ
มาจากแคลิฟอร์เนียแล้ว เธอก็กลับมาที่โรงแรมเพื่อนอนพักช่วง
สั้นๆ งีบหนึ่ง ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อสองสามวันก่อนทําให้เธอ
อ่อนเพลียจนงีบหลับไปอย่างรวดเร็ว
ในทางตรงข้าม แกเร็ตต้องพบกับสถานการณ์ยุ่งยากเล็ก
น้อย จบเรื่องหนึ่งก็เข้ามาถึงร้านพอดี และหลังจากเก็บ
สินค้าที่ไม่จําเป็นต้องใช้ลงลังแล้ว เขาจึงโทรศัพท์ไปยังบริษัทส่ง
ของเพื่อจัดการจัดส่งสินค้าส่วนที่เหลือคืน ต่อมาช่วงบ่ายเขาได้รู้ว่า
3 คนซึ่งมีกําหนดตารางเรียนดํานํ้าในวันสุดสัปดาห์นี้จะไปนอก
เมืองและต้องยกเลิกการเรียน การรีบโทร.ไปสอบถามคนที่ลง
รายชื่อรอให้มาเรียนแทนนั้นปรากฏว่าไร้ผล
เมื่อถึงเวลา 6 โมงครึ่ง เขารู้สึกเหนื่อยล้า และถอนหายใจ
ด้วยความโล่งอกเมื่อในที่สุดคืนนี้เขาก็ปิดร้านลงได้ หลังเสร็จงาน
แล้วเขาขับรถไปที่ร้านชําเป็นจุดแรก และซื้อของต่างๆ ที่จําเป็น
ต้องใช้สําหรับอาหารคํ่า เขาอาบนํ้า ใส่กางเกงยีนสะอาดสะอ้าน
และสวมเสื้อผ้าฝ้ายเนื้อบางเบา จากนั้นจึงเดินไปหยิบเบียร์ใน
ตู้เย็นมาเปิด ก่อนก้าวออกมาที่ระเบียงหลังบ้านแล้วนั่งลงบนเก้าอี้
เหล็กดัด เมื่อก้มดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือก็รู้ว่าเธเรซ่าจวนจะมา
ถึงที่นี่ในอีกไม่ช้า
แกเร็ตยังคงนั่งอยู่ที่ระเบียงหลังบ้านเมื่อได้ยินเสียงเครื่อง
ยนต์อืดๆ มุ่งหน้าลงมาตามถนนช้าๆ เขาก้าวพ้นระเบียงแล้วเดิน
อ้อมไปข้างบ้าน เฝ้ามองเธเรซ่าจอดรถไว้บนถนนต่อจากรถเขา
พอดี
เธอก้าวลงมาจากรถโดยใส่กางเกงยีนและเสื้อตัวเดิมที่ใส่
มาก่อนแล้ววันนี้ ซึ่งเป็นชุดที่เน้นให้รู้ร่างเธอสวยงามไร้ที่ติ เธอ
ดูผ่อนคลายยิ้มแย้มอย่างอบอุ่นในขณะที่เดินตรงมาหาเขา ทําให้
เขาตระหนักว่า เขาสนใจเธอมากขึ้นเรื่อยๆ นับจากได้กินอาหาร
กลางวันด้วยกันในบ่ายวันนี้ ซึ่งทําให้เขาอึดอัดใจเล็กน้อยด้วย
เหตุผลที่ไม่ต้องการยอมรับความรู้สึกนั้น
เขาเดินตรงไปหาเธอด้วยท่าทางสบายๆ ที่สุดเท่าที่จะทํา
ได้ ในขณะที่เธเรซ่าเดินถือไวน์ขาวขวดหนึ่งเข้ามาพบเขาครึ่งทาง</span></span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
แมงป่อง
แม่ไข่หวาน พ่อไข่เค็ม
 
โพสต์: 1468
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ พ.ค. 05, 2007 10:25 pm

โพสต์โดย แมงป่อง » อาทิตย์ มิ.ย. 29, 2008 6:55 pm

<span style='color:blue'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>เมื่อเข้ามาใกล้เธอ เขาได้กลิ่นนํ้าหอม ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยใช้มา
ก่อน
''ฉันซื้อไวน์มาด้วยค่ะ'' เธอพูดพร้อมกับยื่นไวน์ให้ ''ฉัน
คิดว่ามันเข้ากันได้ดีกับอาหารมื้อคํ่า'' หลังจากเงียบไปได้ไม่นาน
เธอกล่าวขึ้นว่า ''ช่วงบ่ายคุณเป็นยังไงบ้างคะ?''
''ยุ่งครับ ลูกค้าเข้าร้านตลอดจนกระทั่งปิดร้าน แล้วผมก็มี
งานเอกสารมากมายที่ต้องทําให้เสร็จ ความจริงแล้วผมเพิ่งมาถึง
บ้านเมื่อครู่ที่ผ่านมานี่เอง'' เขาออกเดินไปยังประตูหน้าบ้านโดย
มีเธเรซ่าเดินอยู่เคียงข้าง ''แล้วคุณล่ะ? คุณใช้เวลาช่วงเหลือ
ในวันนี้ไปกับการทําอะไรบ้าง?''
''ฉันหลับไปงีบนึงค่ะ'' เธอพูดเหมือนกับหยอกล้อเขา ทํา
ให้แกเร็ตหัวเราะ
''ว่าแต่ว่าคุณอยากได้อะไรเป็นพิเศษสําหรับมื้อคํ่าหรือเปล่า
ผมลืมถามคุณมาก่อนหน้านั้น?'' เขาถาม
''คุณตั้งใจไว้ว่าจะทําอะไรล่ะคะ?''
''ผมคิดว่าจะย่างสเต๊กบนเตาย่าง แต่แล้วผมก็นึกสงสัย
ว่าคุณจะกินอาหารแบบนั้นมั้ย''
''ล้อเล่นรึเปล่า? ลืมไปแล้วเหรอว่าฉันเติบโตในรัฐเนบราส
ก้า ฉันชอบสเต๊กอร่อยๆ ค่ะ''
''ถ้าอย่างนั้นคุณก็จะได้พบกับความแปลกใจอันน่าอภิรมย์''
''อะไรนะคะ?''
''ผมจะทําสเต๊กซึ่งอร่อยที่สุดในโลก''
''โอ้ คุณทําได้งั้นเหรอ?''
''ผมจะพิสูจน์ให้คุณเห็น'' เขาพูด แล้วเธอก็หัวเราะด้วย
เสียงน่าฟัง
ในขณะที่เขาและเธอเข้าไปใกล้ประตูบ้าน เธเรซ่ามองไปที่
นํ้า นํ้า ตัวบ้านเป็นครั้งแรก มันเป็นบ้านหลังเล็กเมื่อเปรียบเทียบกับหลัง
อื่น ตัวบ้านเป็นไม้ชั้นเดียวทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ทาสีทับไว้ สีข้าง
บ้านลอกหลุดมากกว่าหนึ่งแห่ง บ้านหลังนี้ไม่เหมือนบ้านทั่วไป
บนหาดไรส์วิล ตัวบ้านสร้างอยู่บนทราย เมื่อเธอถามเขาว่าทําไม
จึงไม่เทยกพื้อสูงขึ้นเหมือนบ้านหลังอื่น เขาอธิบายให้ฟังว่า บ้าน
หลังนี้สร้างขึ้นมาก่อนที่กฏหมายกําหนดรูปแบบอาคารป้องกันภัย
จากพายุเฮอร์ริเคนลูกใหญ่ที่จะเกิดในครั้งต่อไป อาจ
กวาดบ้านเก่าแก่หลังนี้ลงไปทะเลก็ได้ แต่เท่าที่ผ่านมาผมยังโชค
ดีอยู่''
''คุณไม่กังวลกับเรื่องนี้บ้างรึไง?''
''ไม่เลยจริงๆ ที่นี่ไม่ค่อยมีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นบ่อย
นัก และนั่นเป็นเพียงเหตุผลเดียวที่ผมพอจะตอบได้ ผมคิดว่าที่
สุดแล้วเจ้าของเดิมคงรู้สึกเหนื่อยล้าไปกับความเครียดทั้งหลายที่
เกิดขึ้นทุกครั้งที่พายุลูกใหญ่เริ่มเคลื่อนตัวเข้ามายังฝั่งแลตแลนติก''
ทั้งสองเดินมาถึงบันไดขั้นแรกที่มีรอยแตกแล้วเดินต่อเข้าไป
ในบ้าน สิ่งแรกที่เธเรซ่าสังเกตเห็นเมื่อก้าวเข้ามาคือภาพทิวทัศน์
ซึ่งมองเห็นจากห้องโถงกลาง หน้าต่างในบ้านติดตั้งยาวจากพื้น
ขึ้นไปจรดเพดานและต่อเป็นแนวยาวไปตลอด ส่วนด้านหลังมอง
ลงไปเห็นระเบียงหลังบ้านและหาดแคโรไลน่า
''วิวที่นี่งดงามเหลือเชื่อเลยค่ะ'' เธอพูดขึ้นด้วยความประ
หลาดใจ
''สวยมากใช่มั้ย? ผมอยู่ที่นี่ได้สองสามปีจนถึงเดี๋ยวนี้แล้ว
แต่ผมก็ยังไม่เห็นคุณค่าของสิ่งนี้เท่าที่ควรเลย''
มองออกไปด้านข้าง มีเตาผิงที่รายล้อมไปด้วยรูปถ่ายใต้
นํ้า 12 รูป เธอเดินไปยังรูปเหล่านั้น ''คุณจะรังเกียจมั้ยคะ ถ้า
ฉันจะขอเดินดูไปทั่วๆ''
''ไม่ครับ เชิญเลย ผมต้องนําเตาย่างออกไปเตรียมไว้หลัง
บ้านอยู่ดีนั่นแหละ มันจําเป็นต้องทําความสะอาดนิดหน่อย''
แกเร็ตเดินออกไปทางประตูกระจกบานเลื่อน
หลังจากที่เขาออกไปแล้ว เธเรซ่ามองดูรูปถ่ายต่างๆ อยู่พัก
หนึ่ง แล้วจึงเดินชมส่วนที่เหลือของบ้าน
เช่นเดียวกับบ้านริมหาดหลายแห่งที่เธอเคยเห็น บ้านหลัง
นี้ไม่มีห้องให้คนมากกว่าหนึ่งหรือสองคนอยู่ที่นี่ มีเพียงหนึ่งห้อง
นอน ซึ่งเข้าไปได้โดยผ่านประตูห้องนั่งเล่นบริเวณโถงกลาง ห้อง
นอนมีลักษณะคล้ายห้องโถงกลาง คือมีหน้าต่างยาวจากพื้นจรด
เพดาน ซึ่งทําให้มองลงไปเห็นชายหาดได้เช่นกัน ส่วนหน้าของตัว
บ้านซึ่งเป็นด้านที่ใกล้ถนนที่สุดซึ่งประกอบไปด้วยห้องครัว(ไม่ถึงกับ
เป็นห้องครัวทีเดียวนัก) มีพื้นที่กินอาหารเล็กๆ และห้องนํ้า แม้
ว่าทุกอย่างจะเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ดูเหมือนกับว่าบ้านหลังนี้
จะไม่มีการปรับปรุงให้ทันสมัยมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว
เมื่อกลับมายังห้องโถงกลางแล้ว เธอจึงหยุดยืนอยู่หน้าห้อง
นอนของเขาแล้วแอบชําเลืองดูในห้อง อีกครั้งที่เธอเห็นรูปถ่ายใต้
นํ้าประดับอยู่บนผนัง นอกจากนั้น ตรงขึ้นไปเหนือหัวเตียงยังมี
แผนที่แผ่นใหญ่แสดงเขตแนวชายฝั่งของรัฐนอร์ทแคโรไลน่าแขวน
อยู่ พร้อมตําแหน่งที่ตั้งของซากเรืออับปางเกือบ 500 จุดซึ่งมีเอก
สารยืนยัน เมื่อมองไปยังโต๊ะหัวเตียง เธอเห็นรูปถ่ายผู้หญิงคน
หนึ่งใส่กรอบตั้งอยู่ เพื่อให้แน่ใจว่าแกเร็ตยังคงทําความสะอาด
เตาย่างอยู่ข้างนอก เธอจึงก้าวเข้าไปในห้องเพื่อจะได้มองเห็นเขา
ใกล้ยิ่งขึ้น
แคธรีนต้องมีอายุระหว่าง 20 ถึง 30 ปีเมื่อถ่ายรูปนี้ ดู
เหมือนว่าแกเร็ตถ่ายรูปด้วยตัวเขาเองเช่นเดียวกับรูปอื่นๆ ที่แขวน
อยู่บนผนัง เธอสงสัยว่าเป็นรูปที่นํามาดูและเห็นว่าแคธรีน
เป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์ดึงดูดใจ เอวบางร่างน้อยกว่าเธอนิดหน่อย ผม
สีทองเคลียอยู่กลางบ่า แม้ว่ารูปจะดูเก่าและมีจุดกะดํากะด่าง
อยู่บ้าง และดูเหมือนว่าจะเป็นรูปที่ถ่ายขึ้นใหม่จากรูปเล็ก แต่เธอ
ก็ยังสังเกตเห็นดวงตาของแคธรีน ดวงตาสีเขียวเข้มแทบจะเหมือน
ตาแมว ทําให้เธอดูสวยแปลกไม่เหมือนใคร และดูแทบเหมือนกับ
ว่าดวงตาคู่นั้นกําลังจ้องมองกลับมาที่เธอ เธอวางรูปลงเบาๆ และ
จัดจนกระทั่งแน่ใจว่ามันอยู่ในมุมเดิมกับที่เคยตั้งอยู่ก่อนหน้านั้น
ครั้นหันหลังกลับมาแล้วก็ยังคงรู้สึกเหมือนกับว่าแคธรีนกําลังเฝ้า
มองเธออยู่ทุกฝีก้าว
เธอมองไปที่บานกระจกเงาซึ่งติดอยู่กับตู้ลิ้นชักโดยไม่ใส่ใจ
กับความรู้สึกที่เกิดขึ้น น่าแปลก ที่นี่มีรูปถ่ายซึ่งมีแคธรีนรวมอยู่
ด้วยอีกเพียงรูปเดียวเท่านั้น ในภาพนั้น แกเร็ตและแคธรีนยืนยิ้ม
กว้างอยู่บนดาดฟ้าเรือแฮปเปนสแตนซ์ สภาพเรือดูเหมือนผ่าน
การซ่อมแซมมาแล้ว จึงสันนิษฐานได้ว่าภาพนี้น่าจะถ่ายไว้เพียง
ไม่กี่เดือนก่อนเธอตาย</span></span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
แมงป่อง
แม่ไข่หวาน พ่อไข่เค็ม
 
โพสต์: 1468
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ พ.ค. 05, 2007 10:25 pm

โพสต์โดย แมงป่อง » จันทร์ มิ.ย. 30, 2008 10:29 pm

<span style='color:green'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>เนื่องจากรู้ว่าเขาอาจเข้ามาในบ้านได้ทุกเวลา เธอจึงเดิน
ออกมาจากห้องนอน ด้วยความรู้สึกผิดเล็กน้อยที่ไปสอดรู้สอดเห็น
เรื่องของคนอื่นมาตั้งแต่แรก เธอเดินผ่านห้องโถงกลางไปที่ประตู
กระจกบานเลื่อนเพื่อเปิดออกไปยังระเบียง แกเร็ตกําลังทําความสะ
อาดฝาปิดเตาย่าง และยิ้มให้เมื่อเขาได้ยินเสียงเธอเปิดประตู
ออกมา เธอเดินช้าๆ ไปยังขอบระเบียงซึ่งเขากําลังทําความสะ
อาดเตาย่างอยู่แล้วยืนไขว้ขสเอนตัวพิงราวระเบียงด้านหนึ่งไว้
''คุณเป็นคนถ่ายภาพทั้งหมดบนผนังนั่นเหรอคะ?'' เธอถาม
เขาใช้หลังมือปาดผมที่ตกลงมาระใบหน้าขึ้นไป ''ใช่ ผม
ถ่ายรูปเหล่านั้นอยู่พักหนึ่ง ส่วนใหญ่เวลาดํานํ้าผมจะติดกล้องไป
ด้วย รูปส่วนใหญ่แขวนไว้ที่ร้าน แต่เนื่องจากมีรูปที่ถ่ายไว้เป็น
จํานวนมาก ผมจึงคิดว่าน่าจะนํารูปมาแขวนไว้ที่นี่ด้วย''
''มันดูเหมือนมืออาชีพเลยค่ะ''
''ขอบคุณครับ แต่ผมคิดว่าคุณภาพต้องดูจากปริมาณรูป
ถ่ายที่แท้จริงซึ่งผมถ่ายไว้เยอะกว่านี้ คุณควรได้เห็นรูปถ่ายทั้ง
หมดที่ผมไม่ได้นําออกมาให้ดูด้วย''
แกเร็ตถือฝาปิดเตาย่างขึ้นมาในขณะที่พูด ถึงแม้ว่ามันจะ
มีรอยไหม้ดําเป็นถ่านอยู่หลายจุด แต่ก็ดูพร้อมใช้งาน เขาจึงนํามา
ไว้ใกล้เตาข้างหนึ่ง ก่อนที่จะเอื้อมไปหยิบถุงใส่ถ่าน แล้วเทถ่าน
บางส่วนลงในเตาย่างซึ่งดูเก่าครํ่าคร่าร่วม 30 ปี แล้วใช้มือเกลี่ย
ถ่านเพื่อให้แน่ใจว่ามันกระจายไปทั่วเสมอกัน จากนั้นจึงเพิ่มเชื้อ
เพลิงเหลวลงไปเล็กน้อยเพื่อให้ถ่านแต่ละก้อนชุ่มโดยใช้เวลาเพียง
ครู่เดียว เธอพูดด้วยนํ้าเสียงหยอกล้อเหมือนที่เธอเคยทํามาก่อน
''คุณรู้มั้ยคะว่าสมัยนี้เขามีเตาย่างแก๊สใช้กันแล้ว''
''ผมรู้ แต่ผมอยากทําแบบเดียวกับที่เราเคยทํากันมาจนโต
อีกอย่าง ทําแบบนี้ได้รสชาติดีกว่า การทําอาหารด้วยเตาแก๊ส
ก็เหมือนกับการปรุงอาหารอยู่ในบ้านไม่มีผิด''
เธอยิ้ม ''แล้วคุณก็สัญญาว่าจะทําสเต๊กที่อร่อยที่สุดตั้งแต่
ฉันเคยกินมาให้''
''แล้วคุณจะได้กิน เชื่อใจผมเถอะน่า''
เขาใส่เชื้อเพลิงเหลวเสร็จ แล้ววางมันไว้ข้างถุงใส่ถ่าน ''ผม
จะปล่อยให้ถ่านเปียกชุ่มอยู่สองสามนาที คุณอยากดื่มอะไรมั้ย?''
เธเรซ่าถามว่า ''คุณมีอะไรบ้างคะ?''
แกเร็ตกระแอม ''เบียร์ โซดา หรือไม่ก็ไวน์ที่คุณนํามา''
''เบียร์ฟังดูดีค่ะ''
แกเร็ตหยิบถ่านและเชื้อเพลิงเหลวขึ้นมาเก็บไว้ในลังใส่
ของโบราณที่ใช้เก็บของในเรือซึ่งตั้งอยู่ติดกับตัวบ้าน หลังจาก
สะบัดทรายออกจากพื้นรองเท้าแล้ว เขาจึงเดินเข้าไปในบ้านโดย
เปิดกระจกบานเลื่อนทิ้งไว้
เมื่อเขาเดินคล้อยหลังไป เธเรซ่าจึงหันกลับมาดูชาย
หาด ด้วยเหตุที่ดวงอาทิตย์เริ่มคล้อยตํ่าลงแล้ว ผู้คนส่วนใหญ่จึง
เริ่มหายไป เหลือเพียงคนสองสามคนกําลังวิ่งออกกําลังกายหรือ
เดินเล่นอยู่ แม้ว่าชายหาดจะไม่หนาแน่นด้วยผู้คน แต่ก็ยังมีคน
มากกว่า 12 คน เดินผ่านตัวบ้านแล้วหายลับไปในช่วงเวลาสั้นๆ
''คุณเคยรู้สึกเบื่อหน่ายกับการมีผู้คนทั้งหมดเหล่านี้อยู่
รอบๆ บ้านมั้ยคะ?'' เธอถามขึ้นเมื่อเขาเดินกลับออกมา
เขายื่นเบียร์ให้เธอ ''ไม่เลยจริงๆ ผมไม่ได้ใช้เวลาทั้งหมด
อยู่ที่นี่มากขนาดนั้นอยู่ดีนั่นแหละ ปกติแล้วเมื่อผมกลับถึงบ้าน
ชายหาดก็ร้างผู้คนไปมากแล้ว และในฤดูหนาวก็ไม่มีใครออกมา
ที่นี่กันเลย''
ชั่วครู่หนึ่ง เธอนึกถึงภาพเขากําลังนั่งอยู่ริมระเบียงบ้าน
เฝ้ามองผืนทะเลอย่างเดียวดายเช่นที่เขาทําเสมอมา แกเร็ตล้วง
กระเป๋ากางเกงหยิบกล่องไม้ขีดออกมาจุดลงบนถ่าน แล้วก้าวถอย
ออกมาเมื่อเปลวไฟลุกโชนขึ้น สามลมเอื่อยๆ พัดเปลวไฟเต้นไหว
เป็นจังหวะอยู่ในวงโค้ง
''ถ่านเริ่มติดไฟแล้ว งั้นผมจะเริ่มทําอาหารคํ่าละ''
''ให้ฉันช่วยอะไรบ้างมั้ย?''
''ไม่มีอะรต้องทํามากนักหรอก'' เขาตอบ ''แต่ถ้าคุณโชค
ดี บางทีผมอาจบอกสูตรลับในการปรุงให้คุณรู้ก้ได้''
เธอเอียงคอมองเขาอย่างเจ้าเล่ห์ ''คุณรู้มั้ยว่าคุณกําลังตั้ง
มาตรฐานสเต๊กพวกนี้ไว้ซะสูงเชียวนะ''
''ผมรู้ดี แต่ผมมั่นใจ'' เขาหลิ่วตาให้เธอ เธอหัวเราะก่อน
ที่จะตามเขาเข้าไปในครัว แกเร็ตเปิดตู้ใบหนึ่งแล้วหยิบมันฝรั่ง
ออกมาสองหัว เขายืนอยู่หน้าอ่างล้างจาน เริ่มจากล้างมือ แล้ว
จึงล้างมันฝรั่ง หลังจากเปิดเตาอบแล้วเขาจึงห่อมันฝรั่งทั้งสองลูก
ไว้ในแผ่นฟอยล์ ก่อนวางลงบนชั้นในเตาอบ
''ให้ฉันช่วยอะไรบ้างมั้ย?''
''ก็อย่างที่ผมบอกนั่นแหละ ไม่มีอะไรต้องทํามากนัก ผม
คิดว่าผมจัดการกับมันไปมากแล้ว ผมซื้อสลัดสําเร็จรูปพวกนี้มา
หนึ่งกล่อง แล้วก็ไม่มีอย่างอื่นในเมนูอีกแล้ว''
เธเรซ่ายืนห่างๆ อยู่ข้างแกเร็ต ในขณะที่เขาใส่มันฝรั่งก้อน
สุดท้ายเข้าไปในเตาอบ นําสลัดออกมาจากตู้เย็น เขาลอบชําเลือง
มองเธอด้วยหางตาในขณะที่เขาเทสลัดใส่ชาม มีอะไรในตัวเธอ
กันนะที่ทําให้เขาเกิดความรู้สึกขึ้นมาในทันทีใดว่าเขาต้องการ
อยู่ใกล้ชิดเธอให้มากที่เท่าที่จะเป็นไปได้?''
ด้วยความสงสัยที่ยังไม่จางหายไปจากใจ เขาเปิดตู้เย็นแล้ว
หยิบเนื้อสเต๊กที่แล่ไว้เป็นชิ้นๆ เตรียมเก็บไว้เฉพาะที่จะใช้ในคืนนี้
ออกมา จากนั้นจึงเปิดตู้ซึ่งอยู่ถัดไปจากตู้เย็นเพื่อหาของที่เหลือ
ซึ่งจําเป็นต้องใช้ เมื่อรวบรวมของทั้งหมดได้แล้วก็วางของทุกอย่าง
ไว้ข้างๆ เธเรซ่า
เธอส่งยิ้มทักทายเขา ''เอาละ มีอะไรพิเศษสุดสําหรับ
สเต๊กพวกนี้เหรอคะ?''
แกเร็ตไม่พยายามคิดถึงเรื่องอื่น เขาเทบรั่นดีลงในชามตื้น
ใบหนึ่ง ''มีสองสามประการ ก่อนอื่นคุณต้องมีเนื้อแล่หนาๆ สอง
ชิ้นแบบนี้ โดยปกติแล้ว ตามร้านค้าจะไม่แล่เนื้อหนาขนาดนี้ ดัง
นั้นคุณต้องขอให้เขาทําให้เป็นพิเศษ จากนั้นคุณก็ปรุงรสเนื้อเหล่า
นั้นด้วยเกลือ พริกไทย และผงกระเทียมนิดหน่อย แล้วหมักไว้ใน
บรั่นดีจนถ่านเริ่มขาว''
เขาอธิบายหร้อมกับลงมือทําไปด้วย เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่
เธอพบเขาที่เขาดูเท่าอายุจริง เมื่อพิจรณาจากเรื่องต่างๆ ที่เขา
เล่าให้เธอฟังแล้ว เขาควรมีอายุน้อยกว่าเธออย่างน้อยที่สุด 4 ปี
''นั่นเป็นสูตรลับของคุณเหรอ?''
''นั่นเป็นแค่การเริ่มต้น'' เขาให้สัญญา และรู้สึกในทันที
ทันใดนั้นว่าเธอช่างมองดูงดงามมากเพียงใด
''ทันทีก่อนที่จะนํามันไปย่างบนเตา ผมจะเพิ่มผงเอนไซม์ที่
ทําให้เนื้อนุ่มลงไปบนเนื้อพวกนี้ ขั้นตอนที่เหลือขึ้นอยู่กับวิธีที่คุณ
ทําให้มันสนุก ไม่ใช่รสชาติ''
''ฟังดูแล้วเหมือนคุณเป็นพ่อครัวเลยนะคะ''
''ไม่หรอก ไม่ใช่เลยจริงๆ ผมทําเก่งแค่สองสามอย่าง แต่
เดี๋ยวนี้ผมไม่ได้เตรียมอาหารหลายอย่างไว้กินแล้ว เมื่อกลับถึง
บ้าน โดยปกติผมจะอยู่ในอารมณ์ที่จะทําอะไรบางอย่างซึ่งไม่ต้อง
ใช้ความพยายามมากมายขนาดนี้''
''ฉันก็เป็นอย่างนั้นค่ะ ฉันไม่คิดอยากทําอาหารอะไรมาก
ไปกว่าที่ทําให้เควินกินเลย''
ตอนนี้สเต๊กปรุงเสร็จแล้ว เขาจึงกลับไปหามีดในลิ้นชัก
อีกครั้ง ก่อนจะกลับมายืนเคียงข้างเธอ เขาเอื้อมไปหยิบมะเขือ
เทศบนเคาน์เตอร์สองลูก แล้วเริ่มหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า
''ฟังดูเหมือนกับคุณมีความสัมพันธ์ที่ยอดเยี่ยมกับเควินนะ''
''ใช่ค่ะ ฉันเพียงแค่หวังว่ามันจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ตอน
นี้เขาเกือบเป็นวัยรุ่นแล้ว และฉันรู้สึกกังวลใจเมื่อเขาเริ่มอายุมาก
ขึ้น ว่าเขากําลังต้องการใช้เวลาอยู่กับฉันน้อยลง''
''ผมไม่เห็นต้องกังวลอะไรมากมายนักเลย ดูจากลักษณะ
ที่คุณพูดถึงเขาแล้ว ผมคิดว่าคุณสองคนน่าจะสนิทสนมกันตลอด
ไป''
''ฉันก็หวังเช่นนั้นค่ะ ณ เวลานี้ เขาคือทุกอย่างที่ฉันมี
ฉันไม่รู้ว่าจะทําอย่างไรดี ถ้าหากเขาเริ่มกันฉันออกไปจากชีวิตเขา
ฉันมีเพื่อนบางคนซึ่งมีลูกชายอายุมากกว่าเขาเล็กน้อย พวกเขา
บอกกับฉันว่า มันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้''
''ผมแน่ใจว่าเขากําลังมีแนวโน้มว่าจะเปลี่ยนไป ทุกคนก็
เป็นเช่นนี้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่พูดคุยกับคุณนี่''
เธอมองเขาอย่างพินิจพิเคราะห์ ''คุณกําลังพูดจากประสบ
การณ์ หรือเพียงแค่กําลังบอกในสิ่งที่ฉันอยากได้ยินคะ?''
เขายักไหล่ อีกครั้งที่เขาสนใจกลิ่นนํ้าหอมของเธอ ''ผม
เพียงแค่จําได้ถึงชีวิตที่ประสบมาเมื่ออยู่กับพ่อ เราสนิทสนมกัน
เสมอจนผมเติบโตเป็นผู้ใหญ่ แล้วก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป
จากเมื่อผมเรียนชั้นมัธยมเลย ผมเริ่มทําสิ่งแตกต่างไปจากเดิม
คบหาเพื่อนมากขึ้น แต่เราก็ยังพูดคุยกันตลอด''
''ฉันหวังว่าคงจะเป็นแบบเดียวกับฉันนะคะ'' เธอพูด
ด้วยขั้นตอนการเตรียมอาหารที่ทําอยู่ ทําให้เขาและเธอซิง
ลงสู้ความเงียบอันสุขสงบโดยฉับพลัน เมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว การ
กระทําง่ายๆ ในการยืนหั่นมะเขือเทศอยู่ข้างๆ ด้วยกันกับเธอ ทํา
ให้ความกระวนกระวายที่เขาเคยรู้สึกจางคลายลง เธเรซ่าคือผู้
หญิงคนแรกที่เขาเชิญเข้ามาในบ้านหลังนี้ และแกเร็ตตระหนัก
ดีว่ามีบางอย่างที่ทําให้เขารู้สึกอึดอัดใจที่มีเธออยู่ที่นี่
เมื่อเขาหั่นเสร็จแล้ว แกเร็ตใส่มะเขือเทศลงในชามสลัด
แล้วเช็ดมือลงด้วยกระดาษเช็ดมือ จากนนั้นเขาก้มลงหยิบเบียร์ขวด
ที่สองออกมาจากตู้เย็น
''คุณพร้อมสําหรับเบียร์อีกขวดรึยัง?''
เธอดื่มเบีร์ที่เหลือในขวดจนเกลี้ยงด้วยความแปลกใจที่
ดื่มหมดลงไปอย่างรวดเร็วมาก เธอผงกศรีษะ แล้ววางขวดเบียร์
เปล่าไว้ที่มุมห้อง แกเร็ตเปิดฝาแล้วส่งเบียร์ขวดใหม่ให้เธอ และ
เปิดอีกขวดให้ตัวเอง เธเรซ่ายืนพิงเคาน์เตอร์อยู่ด้วยท่าทางผ่อน
คลาย และเมื่อรับขวดเบียร์มาแล้ว ท่วงท่าบางอย่างที่เธอยืนอยู่
ทําให้เขาชะงักงันประหนึ่งเป็นท่าทางอันคุ้นเคย อาจเป็นรอยยิ้ม</span></span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
แมงป่อง
แม่ไข่หวาน พ่อไข่เค็ม
 
โพสต์: 1468
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ พ.ค. 05, 2007 10:25 pm

โพสต์โดย แมงป่อง » อังคาร ก.ค. 01, 2008 8:57 pm

<span style='color:red'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>อันยั่วเย้าบนริมฝีปากเธอ หรือไม่ก็การชม้อยตาขณะที่เธอเฝ้ามอง
เขายกขวดเบียร์ขึ้นจรดริมฝีปาก ทําให้เขาหวนนึกถึงช่วงบ่ายใน
ฤดูร้อนอันชวนให้เกียจคร้านที่อยู่กับแคธรีน เมื่อเขากลับมากิน
อาหารเที่ยงที่บ้านเพื่อให้เธอแปลกใจ การหวนคิดถึงสถานการณ์
ในวันนั้นดูเหมือนจะเต็มไปด้วยภาพอันเป็นเครื่องยํ้าเตือนมากมาย
เหลือเกิน...กระนั้น เป็นไปได้อย่างไรกันที่เขาจะเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง
เหมือนกับที่เขาเคยเห็นมาก่อนแล้ว? เขาและแคธรีนยืนอยู่ในครัว
เหมือนกับที่เขาและเธเรซ่ากําลังทําอยู่ในขณะนี้ทุกประการ

''ผมว่าคุณคงกินอะไรมาแล้วละ'' แกเร็ตพูดขณะที่แคธรีน
ยืนอยู่หน้าตู้เย็นที่เปิดค้างไว้
แคธรีนชําเลืองมองดูเขา ''ฉันไม่ค่อยหิวเลย'' เธอพูด ''ฉัน
แค่กระหายนํ้า คุรอยากดื่มชาเย็นๆ มั้ย?''
''ชา ฟังดูเยี่ยมเลย คุณรู้มั้ยว่าจดหมายมาถึงรึยัง?''
แคธรีนผงกศรีษะ ในขณะที่เธอดึงเหยือกใส่ชาออกมาจาก
ตู้เย็นชั้นบนสุด
''มันอยู่บนโต๊ะ''
เธอเปิดตู้แล้วเอื้อมหยิบแก้วออกมาสองใบ หลังจากรินชา
ใส่แก้วใบแรกและวางบนเคาน์เตอร์แล้ว เธอกลับทําแก้วใบที่สอง
ลื่นหลุดมือตกลงพื้นไปในขณะกําลังรินชา
''คุณเป็นอะไรรึเปล่า?'' แกเร็ตวางจดหมายลงด้วยความ
เป็นห่วง
แคธรีนใช้มือเสยผมไปข้างหลังด้วยความรู้สึกอาย แล้วก้ม
ลงเก็บเศษแก้ว
''ฉันแค่รู้สึกมึนงงไปชั่วครู่ เดี๋ยวก็หายเองแหละ''
แกเร็ตเดินไปหาเธอแล้วเริ่มช่วยเธอทําความสะอาดเศษ
แก้ว ''คุณยังรู้สึกไม่สบายอีกรึเปล่า?''
''ไม่หรอก บางทีเช้านี้ฉันอาจใช้เวลาอยู่ข้างนอกมากเกิน
ไป''
เขาเงียบไปพักหนึ่งขระเก็บเศษแก้ว
''คุณแน่ฝจหรือว่าผมควรกลับไปทํางาน? สัปดาห์ที่ผ่านมา
คุณดูไม่ดีเอาซะเลย''
''ฉันสบายดี อีกอย่าง ฉันรู้สึกว่าคุณมีงานต้องทํามากมาย
ที่ร้าน''
แม้เธอจะพูดถูก แต่ในที่สุดเมื่อเขาไปทํางานแล้ว เขา
ก็รู้สึกว่าเขาไม่ควรฟังเธอเลย

เขากลืนนํ้าลายอย่างแรง แล้วในทันทีนั้นเขาก็รู้ตัวว่าเขา
ยังอยู่ในครัว ''ผมจะไปตรวจดูถ่านว่าเป็นยังไงบ้างแล้ว'' เขาพูด
ด้วยความจําเป็นที่ต้องไปทําอะไรบางอย่าง อะไรก็ได้ ''หวังว่ามัน
ใกล้จะใช้ได้แล้ว''
''ให้ฉันจัดโต๊ะระหว่างที่คุณออกไปดูมั้ย''
''ได้เลย สิ่งที่คุณจําเป็นต้องใช้ ส่วนใหญ่อยู่ตรงนั้นแล้ว''
หลังจากพาเธอไปดูที่ๆจะหาสิ่งที่เธอต้องการใช้แล้ว เขาก็
ตรงซิงไปนอกบ้าน ในขณะที่บังคับใจตนเองให้ผ่อนคลายและเลิก
คิดถึงความทรงจําที่เฝ้าตามหลอกหลอนอยู่ เมื่อเดินมาถึงเตาย่าง
แล้ว เขาจึงตรวจดูถ่านและใส่ใจอยู่กับงานตรงหน้า ถ่านเกือบ
ขาวแล้ว ต้องใช้เวลาอีกสองสามนาที เขาคิด แล้วเดินไปยังลังใส่
ของที่ใช้ในเรืออีกครั้ง คราวนี้เขาหยิบที่สูบลมมือถือเล็กๆ ออกมา
วางไว้บนราวระเบียงถัดจากตะแกรงย่าง แล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
อากาศชายทะเลสดชื่นจนแทบทําให้เบิกบานใจ และทัน
ใดนั้น เป็นครั้งแรกที่เขาตระหนักว่า เขายังคงรู้สึกพึงใจที่มีเธเรซ่า
อยู่ที่นี่ ทั้งๆ ภาพแคธรีนอยู่ในใจเขาเพียงชั่วครู่ที่ผ่านมานี้เอง
ความจริงแล้วเขารู้สึกมีความสุข ซึ่งเป็นอะไรบางอย่างทีเขาไม่เคย
รู้สึกมานานแสนนานแล้ว
ไม่ใช่เพียงแค่ท่าทีที่เขาเข้ากันได้ดีเท่านั้น แต่มัน
คือสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เธเรซ่าทําด้วย ไม่ว่าจะเป็นลักษณะที่เธอยิ้ม
ลักษณะที่เธอมองดูเขา แม้แต่ลักษณะที่เธอจับมือเขาไว้ก่อนหน้า
นั้นในช่วงบ่ายวันนี้ สิ่งเหล่านี้เริ่มทําให้รู้สึกเหมือนกับว่าเขารู้จัก
เธอมานานกว่าที่ได้รู้จักเธอจริงๆ เขาสงสัยว่าเป็นเพราะเธอคล้าย
กับแคธรีนหลายอย่าง หรือเป็นเพราะพ่อเขาพูดถูกในเรื่องที่เขา
จําเป็นต้องใช้เวลาอยู่กับคนอื่นบ้างกันแน่
ในขณะที่แกเร็ตอยู่นอกบ้านนั้น เธเรซ่าได้จัดโต๊ะอาหาร
เตรียมไว้ เธอวางแก้วไวน์ไว้ข้างจานแต่ละใบก่อนเปิดลิ้นชักมอง
หาเครื่องเงินบางชิ้นที่เข้าชุดกันและข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ รวม
ทั้งเทียนไขสองเล่ม แต่ละเล่มปักอยู่บนเชิงเทียนเล็กๆ หลังจากที่
ไม่แน่ใจว่ามีเทียนมากเกินไปหรือเปล่า เธอตัดสินใจวางเทียนลง
บนโต๊ะอาหาร แล้วปล่อยให้เขาคิดเองว่าจะจุดมันหรือไม่ แกเร็ต
เดินเข้ามาในบ้านขณะเธอจัดโต๊ะอาหารเสร็จพอดี
''เรายังมีเวลาอีกสองสามนาที คุณอยากนั่งเล่นข้างนอก
ในขณะที่เรารอมั้ย?''
เธเรซ่าหยิบขวดเบียร์ของเธอขึ้นมาแล้วเดินตามเขาออกไป
สายลมพัดผ่านมาเช่นเดียวกับคืนก่อน แตความแรงของลมไม่ใกล้
เคียงกันเลย เธอนั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง โดยมีแกเร็ตนั่งไขว้เท้าอยู่
ข้างๆ เธอ เสื้อเชิ้ตสีอ่อนช่วยขับผิวสีแทนเข้มของเขา เธอหลับตาลง
ครู่หนึ่ง รู้สึกมีชีวิตชีวามากกว่าที่เธอเคยเป็นมาตลอดระยะเวลา
อันยาวนาน
''ผมพนันได้เลยว่าคุณไม่ได้เห็นทิวทัศน์แบบนี้จากที่ซึ่งคุณ
อยู่ในบอสตัน'' เขาพูดทําลายคามเงียบขึ้นมาในทันใด
''คุณพูดถูก'' เธอกล่าว ''ไม่มีภาพแบบนี้ให้เห็นหรอก ฉัน
อาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์ พ่อแม่คิดว่าฉันบ้าที่ไปอยู่ในย่านธุรกิจ
พวกเขาคิดว่าฉันควรจะกลับไปอยู่แถบชานเมือง''
''ทําไมคุณไม่ทําอย่างนั้นล่ะ?''
''ฉันเคยอยู่มาแล้ว ก่อนหย่า แต่ตอนนี้ เป็นชีวิตที่ง่าย
ขึ้นมากจริงๆ ฉันไปทํางานโดยใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที โรงเรียนที่
เควินเรียนก็อยู่ถัดไปแค่ช่วงตึก และฉันไม่เคยต้องใช้ทางหลวง
เลย ถ้าฉันไม่ได้ออกไปทํางานนนอกเมือง อีกอย่าง ฉันต้องการ
ชีวิตบางอย่างที่แตกต่างไปหลังจากชีวิตแต่งงานสิ้นสุดลง ฉัน
ไม่อาจทนรับมือกับสายตาของเพื่อนบ้านที่มองฉันหลังจากที่รู้ว่า
เดวิดทิ้งฉันไป''
''คุณหมายความว่าอะไร?''
เธอยักไหล่ นํ้าเสียงเธอนุ่ในวลขึ้น ''ฉันไม่เคยบอกใครๆ
เลยว่าเหตุใดเดวิดกับฉันจึงต้องแยกทางกัน ฉันแค่คิดว่ามันไม่ใช่
เรื่องอะไรของพวกเขาเลย''
''มันก็ไม่ใช่นี่''
เธอเงียบไปครู่หนึ่งเพื่อใช้ความจํา ''ฉันรู้ค่ะ แต่ในความ
คิดของพวกเขาแล้ว เดวิดเป็นสามีที่แสนประเสริฐ รูปหล่อ แล้วก็
ประสบความสําเร็จในชีวิต พวกเขาจึงไม่อยากเชื่อว่าเขาจะทําสิ่ง
ใดผิดพลาด แม้แต่เมื่อเราอยู่ด้วยกัน เขาก้ปฏิบัติเหมือนกับว่ทุก
สิ่งทุกอย่างสมบรูณ์แบบ ฉันไม่เคยมีความคิดเลยว่าเขากําลังไป
มีความสัมพันธ์กับหญิงอื่น จนกระทั่งเรื่องมาถึงจุดจบจริงๆ''
เธอหันมามองเขาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศก
เสียใจ ''ก้เหมือนที่เขาพูดกันนั่นแหละค่ะ ภรรยาเป็นคนสุด
ท้ายที่รู้เสมอ''
''แล้วคุณรู้ได้ยังไง?''
เธอสั่นศรีษะ ''ฉันรู้ว่ามันฟังดูเหมือนเหตุการณ์พิเศษที่เคย
ได้ยินกันมาซํ้าซาก แต่ฉันรู้เรื่องมาจากร้านซักแห้ง เมื่อฉันไปรับ
เสื้อผ้าของเขา คนซักแห้งยื่นใบเสร็จจากโรงแรมแห่งหนึ่งในย่านธุรกิจ
และฉันรู้จากวันที่ในใบเสร็จนั้นว่าเขาอยู่บ้านในเย็นวันนั้น ดังนั้น
ในต้องเป็นใบเสร็จที่ได้รับมาในช่วงบ่ายแน่นอน เขาปฏิเสธเมื่อ
ฉันเผชิญหน้ากับเขา แต่ด้วยท่าทีที่เขามอง ฉันรู้ดีว่าเขากําลัง
โกหก ในที่สุดเรื่องทั้งหมดก็ปูดออกมา ฉันจึงฟ้องหย่า''
แกเร็ตฟังอยู่เงียบๆ ปล่อยให้เธอพูดไปจนจบด้วยความ
สงสัยว่า เธอไปตกหลุมรักใครบางคนซึ่งจะทําสิ่งนั้นกับเธอได้
แล้วทําให้คุณเชื่อ ฉันคิดว่าเขาเชื่อเรื่องส่วนใหญ่ที่เขาบอกกับฉัน
เสียเองด้วยซํ้า เราพบกันในมหาวิทยาลัย และเขามีสิ่งดึงดูดใจ
ในตัวมากมาย จนทําให้ฉันเกิดความรู้สึกหลงใหลอย่างท่วมท้น
เขาเป็นคนรูปหล่อและมีเสน่ห์ ฉันรู้สึกพอใจที่เขามาสนใจคน
อย่างฉัน ก็ฉันมันแค่เด็กสาวใสซื่อจากรัฐเนบราสก้า แล้วเขาก็
เป็นคนไม่เหมือนใครที่ฉันเคยพบมาก่อน เมื่อเราแต่งงานกัน ฉัน
คิดว่าจะมีชีวิตอันแสนสุข แต่ฉันคิดว่ามันคงเป็นสิ่งที่ห่างไกลสุดกู่
จากสิ่งที่อยู่ในใจเขา ฉันค้นพบในเวลาต่อมาว่า เขาไปมีความ
สัมพันธ์กับผู้หญิงอื่นคนแรกในชั่วเวลาเพียงแค่ 5 เดือน หลังจากที่
เราแต่งงานกัน''
เธอหยุดพูดไปครู่หนึ่ง แกเร็ตมองไปที่ขวดเบียร์ของเขา
''ผมไม่รู้จะพูดยังไงดี''
''ไม่มีอะไรที่คุณต้องพูดหรอก'' เธอพูดด้วยความเด็ดเดี่ยว
''มันจบไปแล้ว ก็เหมือนกับที่ฉันพูดเมื่อวานนี้แหละ สิ่งเดียว
ที่ฉันต้องการจากเขาในตอนนี้ก็คือ...ขอให้เขาเป็นพ่อที่ดีสําหรับ
เควิน''
''คุณทําให้เรื่องฟังดูง่ายจัง''
''ฉันไม่ได้ตั้งใจให้เป็นเช่นนั้นเลยค่ะ เดวิดทําร้ายจิตใจฉัน
สาหัสทีเดียว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทําให้ฉันต้องใช้เวลาทําใจอยู่ถึง
2 ปี และต้องปรึกษานักจิตบําบัดที่เก่งมากกว่าสองสามนัดเพื่อ
ที่จะมาให้ได้ถึงจุดนี้ ฉันได้เรียนรู้อะไรมากมายจากการบําบัด
และฉันก็ได้เรียนรู้เกี่ยวกับตัวเองมากมายไปด้วยในระหว่างการ
บําบัด ทันทีที่ฉันกําลังพูดพล่อยถึงเรื่องโง่เง่าที่เขาได้ทํามา เธอ
จะชี้ประเด็นให้เห็นว่า ถ้าฉันยังเฝ้าติดยึดอยู่กับความโกรธแล้ว
เขาก็ยังคงควบคุมชีวิตฉันอยู่ แล้วฉันก็ไม่เต็มใจที่จะยอมรับสิ่ง
นั้น ดังนั้นฉันจึงปล่อยวาง''
เธอจิบเบียรือีกครั้ง แกเร็ตถามว่า ''คุณจําสิ่งอื่นที่นักจิต
บําบัดของคุณบอกไว้ได้มั้ย?''
เธอคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วยิ้มเนือยๆ ''จริงๆ แล้วเธอบอกไว้
ค่ะ เธอพูดว่า หากฉันบังเอิญไปพบใครบางคนซึ่งทําให้ฉันนึกถึง
เดวิดแล้วละก็ ฉันควรหันหลังกลับแล้ววิ่งหนีขึ้นเขาไปเลย''
''ผมทําให้คุณนึกถึงเดวิดรึเปล่า?''
''ไม่เลยจนนิดเดียว คุณแทบจะแตกต่างจากเดวิดโดยสิ้น
เชิงเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งอาจเป็นได้''
''นั่นดีแล้ว'' เขาพูดกับเธอด้วยเสียงจริงจัง ''คุณรู้มั้ยว่า
ประเทศในแถบนี้ไม่มีภูเขามากนัก คุณต้องวิ่งเป็นระยะทางไกล
สุดประมาณเลยกว่าจะเจอ''
เธอหัวเราะคิกคัก แกเร็ตมองเลยไปที่เตาย่าง เมื่อเห็น
ถ่านได้ที่แล้ว เขาจึงถามเธอว่า ''คุณพร้อมจะเริ่มต้นย่างเนื้อรึยัง?''
''คุณจะแสดงสูตรลับที่เหลือของคุรให้ฉันดูรึเปล่า?''
''ด้วยความยินดีครับ'' เขาพูดขึ้นในขณะที่ทั้งสองลุกจาก
ที่นั่ง เขาเข้าไปหาผงเอนไซม์ที่ทําให้เนื้อนุ่มในครัว แล้วโดรยลงบน
ผิวหน้าของเนื้อสเต๊ก จากนั้นจึงนําเนื้อที่แล่ไว้ทั้งสองชิ้นออกมา
จากเหล้าบรั่นดี แล้วโรยผงเอนไซม์เพิ่มลงไปด้านข้างของชิ้นเนื้อ
เขาเปิดประตูแล้วหยิบถุงพลาสติกเล็กๆ ออกมา
''นั่นอะไรคะ?'' เธเรซ่าถาม
''ไขเนื้อครับ เป็นส่วนไขมันของเนื้อสเต๊ก ซึ่งโดยปกติแล้ว
ส่วนนี้จะถูกแล่ออกไป ผมบอกให้คนขายเนื้อเก็บมันไว้อย่างนั้น
เมื่อซื้อเนื้อสเต๊ก''
''มันใช้ทําอะไรเหรอคะ?''
''แล้วคุณจะได้เห็นเอง'' เขาพูด
หลังจากกลับไปที่เตาย่างพร้อมกับเนื้อสเต๊กและคีมคีบหนึ่ง
อันแล้ว เขาจึงจัดเรียงสิ่งต่างๆ ไว้บนราวระเบียงข้างที่สูบลม จาก
นั้นจึงนําที่สูบลมซึ่งเขานําออกมาก่อนหน้านั้นมาใช้ เขาเริ่มใช้
ที่สูบลมเป่าขี้เถ้าออกจากถ่าน แล้วอธิบายให้เธอฟังในสิ่งที่เขา
กําลังทํา
''ส่วนหนึ่งในการย่างสเต๊กให้ยอดเยี่ยม คือต้องแน่ใจว่า
ถ่านร้อน คุณใช้ที่สูบลมเป่าขี้เถ้าออกไป การทําแบบนั้นจะไม่มี
สิ่งใดมาสกัดกั้นความร้อนไว้ได้''
เขาวางฝาครอบลงไปบนเตาที่มีตะแกรงย่าง แล้วทิ้งไว้ให้
ร้อนประมาณ 1 นาที จากนั้นจึงใช้คีมตีบเนื้อสเต๊กวางลงบนตะ
แกรงย่าง ''คุณชอบสเต๊กแบบไหน?''
''กึ่งสุกกึ่งดิบค่ะ''
''นั่นต้องใช้เวลาย่างแต่ละข้างประมาณ 11 นาที สําหรับ
เนื้อสเต๊กชิ้นขนาดนี้''
เธอเลิกคิ้ว ''คุณบอกเวลาได้แม่นยํามากเกี่ยวกับเรื่องทั้ง
หมดนี้เลยใช่มั้ย?''
''ผมสัญญากับคุณว่าจะทําสเต๊กที่อร่อย แล้วผมก็ตั้งใจทํา
ให้''
ในขณะที่ต้องใช้เวลาครู่หนึ่งในการย่างสเต๊ก แกเร็ตเฝ้า
มองเธเรซ่าด้วยหางตา รูปร่างเธอมีอะไรบางอย่างเย้ายวนใจ ยาม
ที่เห็นส่วนสัดตัดกับแสงอาทิตย์อัสดง ท้องฟ้ากําลังเปลี่ยนเป็น
สีส้ม และแสงอาทิตยืที่เริ่มอ่อนแรง ช่วยขับดวงตาสีนํ้าตาลของ
เธอให้เข้มขึ้น ทําให้เธอยิ่งแลดูงดงามเป็นพิเศษ เส้นผมเธอต้อง
สายลมยามเย็นพลิ้วแผ่วขึ้นไปอย่างน่าเย้ายวน
''คุณกําลังคิดอะไรอยู่คะ?''
เขารู้สึกเครียดเมื่อได้ยินเสียงเธอ แล้วทันใดนั้นเขาก็รู้ตัว
ว่าเขาไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยนับจากที่เขาย่างเนื้อสเต๊ก
''ผมแค่กําลังคิดว่า อดีตสามีคุณนี่ช่างเป็นไอ้งั่งอะไรเช่นนี้''
เขาพูดแล้วหันมามองเธอ เขาเห็นเธอยิ้ม เธอตบไหล่เขาเบาๆ
''แต่ถ้าฉันยังคงใช้ชีวิตแต่งงานอยู่ ฉันคงไม่ได้มาอยู่ที่นี่กับคุณ
หรอก''
''และนั่นคงเป็นเรื่องน่าเสียใจ'' เขาพูด ในขณะที่ยังคงรู้สึก
ถึงสัใผสจากเธอ
''ใช่ค่ะ คงเป็นเช่นนั้น'' เธอพูดซํ้า สายตาเขาและเธอ
ประสานอ้อยอิ่งกันอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดแกเร็ตก็เบือนหน้าไปแล้ว
เอื้อมไปหยิบไขเนื้อ เขากระแอมก่อนพูดว่า
''ผมคิดว่าเวลานี้เราพร้อมสําหรับสิ่งนี้แล้ว'' เขานําไขเนื้อ
ซึ่งหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ออกมา และวางแต่ละชิ้นลงบนถ่านที่อยู่ตรง
ใต้เนื้อสเต๊ก จากนั้นเขาจึงก้มลงเหนือเตาแล้วเป่าจนกระทั่งชิ้นไข
เหล่านั้นลุกเป็นไฟ
''คุณกําลังทําอะไรคะ?''
''เปลวไฟจากไขเนื้อจะรักษาความชุ่มฉํ่าของรสชาติและ
คงความนุ่มของเนื้อสเต๊กเอาไว้ นั่นเป็นเหตุผลเดียวกับที่คุณใช้
คีมคีบแทนส้อมนั่นแหละ''
เขาโยนชิ้นไขเนื้อลงบนถ่านเพิ่มมากขึ้นอีกสองสามชิ้น
และทําแบบเดิมซํ้าอีก เธเรซ่ามองไปรอบบริเวณแล้วให้ความเห็น
ว่า
''ข้างนอกนี่ช่างงดงามเหลือเกิน ฉันเข้าใจแล้วค่ะว่าทําไม
คุณจึงซื้อบ้านหลังนี้''
เขาย่างเนื้อเสร็จ แล้วดื่มเบียร์อีกอึกหนึ่งให้ชุ่มคอ
''มีอะไรบางอย่างที่ทะเลทําให้คนเรารู้สึกเช่นนั้นครับ ผม
คิดว่านั่นคือเหตุผลที่ผู้คนเป็นจํานวนมากมาพักผ่อนหย่อนใจกัน
ที่นี่''
เธอหันมองเขา ''บอกฉันได้มั้ยคะแกเร็ต ว่าคุณคิดอะไร
เมื่อคุณออกมายืนที่นี่ตามลําพัง?''
''หลายเรื่องครับ''
''ไม่มีเรื่องอะไรเป็นพิเศษเลยหรือ?''
เขาอยากบอกว่าผมคิดถึงแคธรีน แต่เขาไม่ได้พูดออกมา
เขาถอนหายใจ ''ไม่นี่ครับ ไม่มีจริงๆ บางครั้งผมคิดถึง
เรื่องงาน บางครั้งผมก็คิดถึงสถานที่แห่งใหม่ซึ่งผมอยากไปดํานํ้า
สํารวจ เวลาที่เหลือผมก็ฝันถึงการล่องเรือใบไปให้พ้นๆ แล้วทิ้ง
ทุกอย่างไว้ข้างหลัง''
เธอเฝ้ามองเขาอย่างเอาใจใส่ในขณะที่เขากล่าวถ้อยคําใน
ตอนท้าย ''คุณทําแบบนั้นได้จริงๆ เหรอคะ? ล่องเรือใบไปให้
พ้นๆ แล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย?''
''ผมก็ไม่แน่ใจ แต่อยากคิดว่าทําได้ ผมไม่มีใครในครอบ
ครัวนอกจากพ่อ ไม่เหมือนคุณ ส่วนหนึ่งแล้วผมคิดว่าเขาต้อง
เข้าใจ เขากับผมมีนิสัยคล้ายกันมาก ถ้าไม่ใช่เพื่อผม ผมคิดว่า
เขาคงทําแบบนั้นนานแล้ว''
''แต่นั่นน่าจะเหมือนกับการหนีปัญหานะคะ?''
''ผมรู้''
''ทําไมคุณถึงอยากทําแบบนั้นล่คะ?'' เธอเค้นเอาคําตอบ
ซึ่งเธอรู้อยู่แล้วไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เมื่อเขาไม่ตอบ เธอจึงโน้มตัว
ลงไปใกล้เขาแล้วพูดเบาๆ ว่า
''แกเร็ตคะ ฉันรู้ดีว่าไม่ใช่ธุระกงการอะไรของฉัน แต่
คุณไม่อาจหนีไปจากสิ่งที่คุณประสบอยู่ได้'' เธอยิ้มยืนยันใน
สิ่งที่เธอพูด ''และอีกอย่าง คุณก็มีสิ่งดีๆ มากมายเหลือเกินที่จะ
มอบให้ใครบางคน''
แกเร็ตยังคงเงียบ และคิดถึงสิ่งที่เธอพูดด้วยความสงสัย
ว่า เหตุใดจึงดูเหมือนเธอช่างรู้ซะจริงๆ เลยว่าจะพูดอย่างไรเพื่อ
ทําให้เขารู้สึกดีขึ้น
ไม่กี่นาทีต่อจากนั้น มีเพียงจากที่แห่งอื่นดังอยู่รอบๆ
ตัวเขาและเธอ แกเร็ตพลิกเนื้อสเต๊ก ซึ่งส่งเสียงดังฉ่าอยู่บนตะ
แกรงย่าง สายลมเอื่อยยามเย็นทําให้เครื่องแขวนเสียงระฆังดัง
กังวานเสนาะมาจากที่ไกล ระลอกคลื่อนม้วนตัวทอดสู่ฝั่งครวญ
เสียงปลอบประโลมใจให้สงบอย่างต่อเนื่อง
จิตใจของแกเร็ตล่องลอยไปกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตลอด
ช่วง 2 วันที่ผ่านมา เขาคิดถึงชั่วขณะที่ได้เห็นเธอเป็นครั้งแรก
เวลาหลายชั่วโมงที่เขาและเธออยู่ด้วยกันบนเรือแฮปเปนสแตนซ์
และเดินเล่นบนชายหาดตอนเช้า เมื่อเขาบอกเธอเรื่องแคธรีนเป็น
ครั้งแรก ความเครียดที่เขารู้สึกมาก่อนหน้านั้นแทบจะหายไปจน
หมดสิ้นแล้วในตอนนี้ และในขณะที่เขาและเธอกําลังยืนเคียงข้าง
กันและกันอยู่ท่ามกลางแสงอาทิตย์ยามพลบคํ่าอันงามซึ้งอยู่นั้น
เขารู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นในเย็นวันนี้มากกว่าที่ทั้งเขาและ
เธออยากสารภาพออกมา
ก่อนหน้าที่สเต๊กพร้อมที่จะกินได้เพียงครู่เดียว เธเรซ่าก็
กลับเข้าไปในบ้านเพื่อจัดโต๊ะอาหารส่วนที่เหลือให้เรียบร้อย เธอ
หยิบมันฝรั่งออกมาจากเตาอบ แกะแผ่นฟอยล์ออก แล้ววางลง
ในจานแต่ละใบ จากนั้นจึงนําสลัดจัดวางไว้กลางโต๊ะ ตามด้วย
นํ้าสลัดต่างกันสองชนิดที่เธอพบในช่องเก็บของข้างประตูตู้เย็น
สุดท้ายวางเกลือ พริกไทย เนยเหลว และผ้ากันเปื้อน 2 ผืนลงบน
โต๊ะ เนื่องจากภายในบ้านเริ่มมืดแล้ว เธอจึงเปิดไฟในครัว แต่ดู
เหมือนจะสว่างเกินไปหรือเปล่า เมื่อคิดว่าดูเหมาะดีแล้ว เธอจึงหยิบ
ขวดไวน์ขึ้นมาวางบนโต๊ะ ในขณะที่แกเร็ตเดินเข้ามาในบ้านพอดี
หลังจากปิดประตูกระจกบานเลื่อนแล้ว แกเร็ตจึงเห็นสิ่งที่
เธอทํา ในครัวมืดมิด มีเพียงแสงจากเปลวเทียนเล็กๆ พุ่งขึ้นไป
และแสงเทียนที่ส่องสว่างออกมาทําให้เธเรซ่ามองดูงดงามยิ่ง ผม
สีนํ้าตาลเข้มของเธอดูสวยแปลกตาอยู่ท่ามกลางแสงเทียนที่เคลื่อนไหวไป
มา แกเร็ตพูดอะไรไม่ออกอยู่พักใหญ่ ทั้งหมดที่เขาทําได้คือจ้อง
มองเธอ และ ณ เวลานั้น คือชั่วขณะที่เขารู้แนแท้แก่ใจถึงสิ่งที่
เขาพยายามปฏิเสธตัวเองมาตลอด
''ฉันคิดว่าสิ่งเหล่านี้น่าจะให้ความรู้สึกที่ซาบซึ้งงดงามค่ะ''
เธอพูดเบาๆ
''ผมคิดว่าคุณพูดถูกแล้วละ''
เขาและเธอยังคงเฝ้ามองกันและกันอยู่คนละฟากห้องไม่
วางตา ทั้งสองต่างนิ่งงันกันไปชั่วขณะ ภายใต้เงื้อมเงาของความ
เป็นไปได้อันไกลห่าง จากนั้นเธเรซ่าจึงชําเลืองมองไปทางอื่น
''ฉันหาที่เปิดไวน์ไม่เจอค่ะ'' เธอฉวยเอาเรื่องบางอย่างขึ้น
มาพูด
''ผมจะไปหยิบมาให้'' เขาพูดอย่างรวดเร็ว ''ผมไม่ได้ใช้
มันบ่อยนัก มันน่าจะหมกอยู่ในลิ้นชักหนึ่ง''
เขาถือจานใส่สเต๊กเนื้อมาวางไว้บนโต๊ะ แล้วเดินไปที่ลิ้นชัก
หลังจากที่มองหาผ่านเครื่องใช้ไม้สอยต่างๆ ไปจนถึงหลังลิ้นชัก
แล้ว เขาก้พบที่เปิดขวดแล้วนํามาที่โต๊ะ เขาเปิดขวดไวน์ด้วยการ
ใช้ที่เปิดขวดขยับไปมาง่ายๆ สองสามครั้ง แล้วรินไวน์ลงในแก้ว
แต่ละใบด้วยปริมาณพอเหมาะพอดี จากนั้นจึงนั่งลง แล้วใช้คีม
คีบเนื้อสเต๊กวางลงบนจานแต่ละใบของเขาและเธอ
''ได้เวลาพิสูจน์ความจริงกันแล้ว'' เธอพูดขึ้นก่อนกินสเต๊ก
คําแรก
แกเร็ตยิ้มในขณะที่เขาเฝ้ามองเธอลองชิม เธเรซ่ารู้สึก
แปลกใจแฝงไว้ด้วยความยินดีที่พบว่าเขาพูดถูกมาตลอดทุกขั้น
ตอน
''แกเร็ตคะ สเต๊กนี่อร่อยดี'' เธอพูดด้วยความกระตือรือร้น
''ขอบคุณครับ''
เทียนละลายลงไปเรื่อยๆ ในขณะที่ยามเย็นผ่านพ้น แกเร็ต
บอกเธอถึงสองครั้งว่า เขาดีใจมากแค่ไหนที่เธอมาในเย็นวันนี้ ทั้ง
สองครั้งที่เขาบอกเช่นนั้น เธเรซ่ารู้สึกว่ามีบางอย่างเสียวซ่านที่
ต้นคอ ทําให้เธอต้องจิบไวน์เพิ่งเพียงเพื่อทําให้ความรู้สึกนั้นจาง
หายไป
ข้างนอก นํ้าทะเลสูงขึ้นช้าๆ ตามกระแสนํ้าที่สูงขึ้นจากแรง
ดึงดูดของจันทร์เสี้ยวซึ่งดูเหมือนล่องลอยออกมาจากฟากฟ้า

หลังอาหารคํ่า แกเร็ตชวนไปเดินเล่นที่ชายหาดอีก
ครั้ง ''ยามคํ่าคืนสวยจริงๆ นะ'' เขาพูด
เมื่อเธอตกลง เขาจึงหยิบจานและชุดกินอาหารเครื่องเงิน
ขึ้นมาจากโต๊ะอาหารแล้ววางไว้ในอ่างล้างจาน
เขาและเธอเดินออกจากครัวไปนอกบ้าน แกเร็ตปิดประตู
หลังบ้านไว้ เวลานั้นเป็นช่วงหัวคํ่า ทั้งสองก้าวออกมาจากระเบียง
จากนั้นจึงเดินตรงขึ้นไปยังเนินทรายเล็กๆ แล้วไปยังชายหาด
เนื่องจากไม่มีคนอื่นอยู่บริเวณนั้นเลยเมื่อเขาและเธอมาถึง
ชายทะเล ทั้งสองจึงถอดรองเท้าทิ้งไว้บนหาดทรายเหมือนกับที่เคย
ทํามาแล้วก่อนหน้านี้ เขาและเธอเดินใกล้ๆ กันไปช้าๆ เธเรซ่า
รู้สึกแปลกใจที่แกเร็ตเอื้อมมาจับมือเธอไว้ เธอรู้สึกถึงความอบอุ่น
จากตัวเขา และสงสัยมนชั่วขณะนั้นว่าจะรู้สึกอย่างไรหากเขาได้
สัมผัสร่างเธอด้วยการลูบไล้ช้าๆ ไปตามผิวกาย ความคิดดังกล่าว
ทําให้บางอย่างภายในตัวเธอเกร็งขึ้นมา และเมื่อเธอเงยหน้าขึ้น
ชําเลืองมองเขา เธออดสงสัยไม่ได้ว่าเธอกําลังคิด
อะไรอยู่
เขาและเธอเดินช้าๆ ต่อไปเรื่อยๆ ทั้งสองดื่มดํ่ากับธรรม
ชาติพลบคํ่า ''ผมไม่มีคํ่าคืนแบบนี้มานานแล้ว'' แกเร็ตพูดขึ้นใน
ที่สุด เสียงของเขาฟังดูแทบจะคล้ายกับการพรํ่ารําพัน
''ฉันก็เหมือนกันค่ะ'' เธอพูด
ผืนทรายอันเยือกเย็นซาบซ่านอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขาและเธอ
''แกเร็ตคะ คุณจําตอนที่คุณชวนฉันไปล่องเรือใบกับคุณ
ครั้งแรกได้มั้ยคะ?'' เธเรซ่าถาม
''จําได้ครับ''
''ทําไมคุณถึงชวนฉันไปกับคุณคะ?''
เขามองดูเธอด้วยความสงสัยใคร่รู้ ''คุรหมายความว่า
อะไร?''
''ฉันหมายความว่า คุณดูแทบจะเหมือนกับว่าคุณเสียใจ
ในขณะที่คุณพูดเช่นนั้นออกมา''
เขายักไหล่ ''ผมไม่แน่ใจว่า คําว่าเสียใจใช้กับผมได้รึ
เปล่า ผมคิดว่าผมแปลกใจตัวเองที่ผมถามไปเช่นนั้น แต่ผมไม่ได้
เสียใจ''
เธอยิ้ม ''คุณแน่ใจเหรอคะ?''
''ใช่ ผมแน่ใจ คุณควรจําไว้อย่างนึงว่าผมไม่เคยชวนใคร
ออกไปล่องเรือใบด้วยเลยตลอดระยะเวลา 3 ปีมาแล้ว เมื่อคุณ
พูดว่าคุณไม่เคยล่องเรือใบมาก่อน ผมคิดว่ามันเป็นคําพูดชนิดที่
โดนใจผมเข้าพอดีกับที่ผมกําลังเบื่อหน่ายกับการล่องเรือไปคน
เดียวมาตลอด''
''คุรหมายความว่า ตอนนั้นฉันอยู่ในสถานที่และเวลาที่
เหมาะเจาะพอดีงั้นรึ?''
เขาสั่นศรีษะ ''ผมไม่ได้ตั้งใจให้มันฟังดูเป็นแบบนั้น ผม
อยากพาคุณออกไปกับผม ผมไม่คิดว่าถ้าเป็นคนอื่นผมจะชวน
ออกไป อีกอย่าง เรื่องทั้งหมดนี้ก็กลับกลายเป็นสิ่งดีกว่าที่ผมคิด
ไว้ว่ามันน่าจะเป็น''
''2 วันที่ผ่านมานี้เป็นวันที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยมีตลอดระยะ
เวลาอันยาวนาน''
เธอรู้สึกอบอุ่นอยู่ภายในใจในสิ่งที่เขาพูด ขณะที่เขาเดิน
อยุ่นั้น เธอรู้สึกว่าเขากําลังใช้นิ้วโป้งลูบวนเป็นวงเล็กๆ อยู่บนผิว
กายเธอ เขาพูดต่อไป
''คุณคิดไว้ก่อนรึเปล่าว่า วันหยุดพักผ่อนของคุณจะเป็น
อะไรคล้ายกับที่เป็นอยู่ตอนนี้?''
เธอลังเลที่จะตอบ แล้วตัดสินใจว่ามันไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม
ที่จะบอกความจริงแก่เขา
''ไม่ค่ะ''
ทั้งสองเดินต่อไปด้วยกันเงียบๆ มีคนอื่นสองสามคนอยู่บน
หาด แต่พวกเขาอยู่ไกลจนเธเรซ่ามองเห็นแต่เงา
''คุณคิดว่าคุณจะกลับมาที่นี่อีกมั้ย? ผมหมายถึงวันหยุด
พักผ่อนครั้งต่อไป''
''ฉันไม่รู้ค่ะ ทําไมเหรอคะ?''
''เพราะผมออกจะหวังไว้ว่าคุณจะกลับมา''
เธอมองเห็นไปที่ติดไว้เป็นแนวยาวไปตามสะพานท่าเทียบ
เรือซึ่งเห็นอยู่ลิบๆ อีกครั้งที่เธอรู้สึกว่ามือเขากําลังเคล้าคลึงอยู่ที่
มือเธอ
''คุณจะทําอาหารเย็นให้ฉันอีกครั้งมั้ย ถ้าฉันกลับมา?''
''ผมจะทําอาหารทุกอย่างให้ตามที่คุณต้องการ ตราบใดที่
มันยังคงเป็นสเต๊ก''
เธอหัวเราะเบาๆ ''ถ้าอย่างนั้นฉันจะรับไว้พิจรณา ฉัน
สัญญา''
''แล้วถ้าผมสอนบทเรียนดํานํ้าแบบสคูบ้าสองสามบทแถม
ให้ด้วยล่ะ?''
''ฉันคิดว่าเควินน่าจะสนุกกับเรื่องนั้นมากกว่าฉันนะ''
''งั้นก็พาเข้ามาด้วยสิ''
เธอชําเลืองขึ้นมองเขา ''คุณไม่ขัดข้องหรือคะ?''
''ไม่เลย ผมอยากพบเขา''
''ฉันพนันได้เลยว่าคุณจะต้องชอบเควิน''
''ผมรู้ว่าผมจะต้องชอบเขา''
เขาและเธอเดินไปด้วยกันเงียบๆ จนกระทั่งเธเรซ่าพูดโพล่ง
ออกมาว่า ''แกเร็ตคะ ให้ฉันถามอะไรคุณบางอย่างได้มั้ย?''
''ได้สิ''
''ฉันรู้ดีว่านี่จะต้องเป็นคําถามที่ฟังดูแปลก แต่...''
เธอหยุดพูดไปครู่หนึ่ง เขาจึงมองเธออย่างงงๆ
''อะไรครับ?''
''อะไรคือสิ่งเลวร้ายที่สุดเท่าที่คุณเคยทํา?''
เขาหัวเราะเสียงดัง
''นึกยังไงถึงได้ถามแบบนั้น?''
''ฉันเพียงแค่อยากรู้ ฉันถามผู้คนด้วยคําถามนี้เสมอ มัน
ทําให้ฉันรู้ว่า จริงๆ แล้วคนคนนั้นเป็นคนยังไง?''
''สิ่งเลวร้ายที่สุดเหรอ?''
''เอาแบบที่เลวร้ายที่สุดจริงๆ เลยนะ''
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง ''ผมคิดว่า ผมน่าจะบอกว่าสิ่งเลวร้าย
ที่สุดที่ผมเคยทําก็คือ เมื่อผมและเพื่อนกลุ่มหนึ่งออกไปเที่ยวข้าง
นอกกันเมื่อคืนวันหนึ่งในเดือนธันวาคม เราดื่มกันอย่างเมามัน
และสิ้นสุดการเที่ยวลงด้วยการขับรถไปตามถนนที่ประดับประดา
ด้วยไฟวันคริสต์มาสเต็มไปทั่วท้องถนน แล้วเราก็จอดรถ และตรง
นั้นเองที่เราเริ่มคลายสกรูที่ยึดหลอดไฟ แล้วขโมยหลอดไฟทุกดวง
ที่เราสามารถทําได้''
''คุณไม่ได้ทําแน่!"
''เราทําครับ เรามีกันห้าคน แล้วเราก็ใส่ไฟตกแต่งวันคริสต์
มาสที่ขโมยมาไว้เต็มท้ายรถบรรทุก เราผล่อยสายไฟทิ้งเอาไว้
แบบนั้น และนั่นคือเหตุการณ์ส่วนที่เลวร้ายที่สุดของเรื่อง มันดู
เหมือนเจ้ากรินช์*(*Grinch - ตัวประหลาดร่างเขียวตามจินตนาการใน
นิทานสําหรับเด็กของ Dr.Seuss เรื่อง How the Grinch Stole Chris
tmas มีนิสัยใจร้าย น่ารังเกียจ และเกือบจะทําร้ายวันคริสต์มาส)
ออกมาเดินเพ่นพ่านตามถนน เราอยู่กันข้าง
นอกนั่นเกือบ 2 ชั่วโมง หัวเราะเสียงดังกึกก้องไปกับสิ่งที่เราทํา
ถนนสายนั้นได้รับการตีพิมพ์ภาพลงในหนังสือพิมพ์ในฐานะที่
เป็นถนนซึ่งใช้ไฟประดับประดามากที่สุดสายหนึ่งในเมือง และ
เมื่อเราทําสิ่งนั้นลงไปแล้ว...ผมไม่อาจจินตนาการถึงสิ่งที่ผู้คนซึ่ง
เห็นมันคิดกันได้เลย พวกเขาต้องรู้สึกโกรธแค้นแน่''
''นั่นเป็นเรื่องเลวร้ายจริงๆ!''
เขาหัวเราะอีกครั้ง ''ผมรู้ เมื่อคิดย้อนกลับไปแล้วผมรู้ดีว่า
มันเป็นสิ่งเลวร้าย แต่ในตอนนั้นมันเป็นความคึกคะนอง''
''แล้วดูฉันสิ หลงคิดไปว่าคุณช่างเป็นผู้ชายที่น่ารักซะเหลือ
เกิน''
''ผมเป็นคนน่ารักนะ''
''คุณเป็นเจ้ากรินช์น่ะสิ''
เธอเค้นเอาคําตอบต่อไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ''แล้ว
อย่างอื่นที่คุณกับเพื่อนๆ ของคุรทําล่ะคะ?''
''คุณอยากรู้จริงๆ เหรอ?''
''ใช่ ฉันอยากรู้''
แล้วเขาก็เริ่มให้ความเพลิดเพลินแก่เธอด้วยการเล่าเรื่อง
ของการผจยภัยผิดที่ผิดทาง ตั้งแต่เรื่องการเอาสบู่ไปละเลงกระ
จกรถแฟนเก่า ไปจนถึงการนํากระดาษทิชชู่ม้วนไปพันรอบบ้าน
เธอ แล้วเล่าว่าครั้งหนึ่งเขาเห็นเพื่อคนหนึ่งขับรถตีคู่ขึ้นมาข้าง
รถเขาในขณะที่เขากําลังออกเดต หลังจากที่เพื่อนเขาโบกไม้โบก
มือให้เขาเลื่อนกระจกรถลง เขาได้ทําตามนั้น แล้วเพื่อนเขาก็พุ่ง
หลอดประทัดเข้าไปในรถทันที พร้อมกับระเบิดใส่เท้าเขา
เขายังเล่าเรื่องราวต่างๆ ต่อไปอีกราว 20 นาที ซึ่งล้วนแล้ว
แต่สร้างความขบขันแก่เธอเป็นอย่างมาก ในที่สุดเมื่อเขาเล่าจบ
เขาจึงถามเธอด้วยคําถามเดียวกัน ซึ่งทําให้การสนทนากลับไปเริ่ม
ต้นใหม่
''โอ้ ฉันไม่เคยทําอะไรแบบคุณหรอก'' เธอพูด แทบจะรู้สึก
อายๆ ''ฉันเป็นเด็กดีมาตลอด''
เขาหัวเราะอีกครั้ง และรู้สึกเหมือนกับว่าเขาถูกหลอกถาม
ทั้งยังรู้ดีอยู่แก่ใจว่าเธอไม่ได้พูดความจริง แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่เขา
ใส่ใจ
เขาและเธอเดินไปไกลจนสุดหาด สลับกับการเล่าเรื่องราว
ต่างๆ เพิ่มเติมตั้งแต่วัยเด็ก ในขณะที่เขาเล่า เธเรซ่าพยายามนึก
ภาพถึงเขาตอนที่ยังเป็นหนุ่ม ด้วยความสงสัยในใจว่าเธอจะคิดกับ
เขาอย่างไรหากเธอพบเขาในขณะที่เธอเรียนอยู่มหาวิทยาลัย เธอ
จะรู้สึกว่าเขากระตุ้นความสนใจเป็นอย่างมากเหมือนที่เธอรู้สึกอยู่
ตอนนี้ไหม หรือเธอจะยังคงตกหลุมรักเดวิดอยู่อีก? เธออยาก
บอกให้ตัวเองเชื่อว่า เธอน่าจะเห็นคุณค่าในความแตกต่างระหว่าง
เขาทั้งสอง แต่เธอจะทําได้หรือ? เมื่อมองย้อนกลับไปแล้ว ก็ดู
เหมือนว่าเดวิดช่างเป็นชายที่ลํ้าเลิสเหลือเกิน
เขาและเธอหยุดเดินกันครู่หนึ่ง แล้วมองออกไปเหนือผืน
ทะเล เขายืนอยู่ใกล้เธอจนไหล่ของเขาและเธอแทบแนบชิดกัน
''คุณกําลังคิดอะไรอยู่?'' แกเร็ตถาม
''ฉันแค่กําลังคิดว่า ความเงียบนี่ช่างดีเหลือเกิน ในยามนี้ที่
อยู่กับคุณ''
เขายิ้ม ''แล้วผมก็แต่กําลังคิดว่า ผมเล่าเรื่องต่างๆ มาก
มายซึ่งผมไม่เคยบอกใครให้คุณฟัง''
''นั่นเป็นเพราะคุณรู้ว่าฉันกําลังจะกลับบอสตัน แล้วจะไม่
บอกใครรึเปล่า?''
เขาหัวเราะเบาๆ ''ไม่ใช่ ไม่ใช่อย่างนั้นเลย''
''แล้วเพราะอะไรล่ะคะ?''
เขามองเธอด้วยความอยากรู้ ''คุณไม่รู้เหรอ?''
''ไม่ค่ะ''
เธอยิ้มเมื่อพูดคํานั้นออกไป จนแทบจะเหมือนเป็นการท้า
ทายให้เขาพูดต่อ เขาสงสัยว่าเขาจะอธิบายสิ่งที่ตัวเขาเองก็ยาก
ที่จะเข้าใจออกมาได้ด้วยวิธีใด ครั้นแล้วหลังจากที่เขารวบรวม
ความคิดอยู่ครู่ใหญ่ เขาจึงพูดขึ้นเบาๆ ว่า
''ผมคิดว่า คงเป็นเพราะผมต้องการให้คุณรู้ว่า จริงๆ แล้ว
ผมเป็นคนยังไง เพราะถ้าคุรรู้จักตัวตนจริงๆ แล้ว และ
ยังคงต้องการใช้เวลาอยู่กับผม...''</span></span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
แมงป่อง
แม่ไข่หวาน พ่อไข่เค็ม
 
โพสต์: 1468
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ พ.ค. 05, 2007 10:25 pm

โพสต์โดย แมงป่อง » พุธ ก.ค. 02, 2008 9:57 pm

<span style='color:gray'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>เธเรซ่าไม่ได้พูดอะไร แต่เธอรู้อยู่แก่ใจในสิ่งที่เขากําลัง
พยายามที่จะพูดออกมา แกเร็ตมองไปทางอื่น
''ขอโทษ ผมไม่มีเจตนาที่จะทําให้คุณรู้สึกอึดอัด''
''มันไม่ได้ทําให้ฉันรู้สึกอึดอัดเลยค่ะ'' เธเรซ่าเป็นฝ่ายเริ่ม
''ฉันดีใจที่คุณพูดเช่นนั้น...''
เธอหยุดพูด จากนั้นครู่หนึ่งเขาและเธอจึงออกเดินกันต่อ
ไป
''แต่คุณไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกับผม''
เธอเงยหน้าสบตาเขา ''แกเร็ตคะ...ฉัน...'' เธอพูดเสียงแผ่ว
ลง
''ไม่ครับ คุรไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น...''
เธอไม่ปล่อยให้เขาพูดจนจบประโยค ''ใช่ค่ะ ฉันรู้สึกเช่น
เดียวกับคุณ คุณอยากได้คําตอบ แล้วฉันก็อยากบอกคุณ'' เธอ
หยุดพูด และคิดถึงวิธีที่ดีที่สุดที่จะพูดออกมา จากนั้นเมื่อสูดลม
หายใจเข้าลึกๆ แล้วจึงเอ่ยขึ้นว่า
''หลังจากที่เดวิดกับฉันแยกทางกัน ฉันต้องผ่านพบช่วง
เวลาอันเลวร้าย และทันทีที่ฉันคิดว่าฉันเริ่มจัดการกับปัญหาต่างๆ
ที่เกิดขึ้นได้แล้ว ฉันก็เริ่มออกเดตอีกครั้ง แต่ผู้ชายที่ฉันพบมา...
ไม่รู้สิคะ ก็เพียงแค่ดูเหมือนว่าโลกจะเปลี่ยนไปในขณะที่ฉันใช้ชีวิต
แต่งงาน พวกเขาทุกคนล้วนแต่ต้องการสิ่งต่างๆ มากมาย แต่ไม่
มีใครในบรรดาคนพวกนั้นเลยที่ต้องการจะให้ ฉันคิดว่าฉันคงเริ่ม
เหนื่อยหยน่ายกับพวกผู้ชายทั่วๆไป''
''ผมไม่รู้ว่าจะพูดอะไร...''
''แกเร็ตคะ ฉันไม่ไดกําลังบอกเรื่องนี้กับคุณเพราะฉันคิด
ว่าคุณเหมือนผู้ชายพวกนั้น ฉันกลับคิดว่าคุณอยู่ในจุดที่ห่างไกล
จากคนพวกนั้นเป็นที่สุด และทําให้ฉันรู้สึกกลัวนิดหน่อย เพราะ
หากฉันบอกคุณว่า ฉันชอบคุณมากเพียงใด...ส่วนหนึ่งแล้วก็
เหมือนกับฉันฏัลังบอกสิ่งเดียวกันนั้นกับตัวเองด้วย และถ้าฉัน
พูดไปเช่นนั้นแล้ว ฉันก็คิดว่าฉันกําลังเปิดใจกับตัวเองให้ต้องปวด
ร้าวอีกครั้ง''
''ผมไม่ทําให้คุณปวดร้าวใจแน่นอน'' เขาเอ่ยเบาๆ
เธอหยุดเดินแล้วจับตัวเขาหันมาหาเธอ แล้วพูดเบาๆ
''ฉันรู้ดีค่ะว่าคุณเชื่อเช่นนั้ร แกเร็ต แต่คุณต้องรับมือกับ
เงาร้ายในใจคุณมาตลอดช่วงเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ฉันไม่รู้ว่า
คุณพร้อมที่จะใช้ชีวิตต่อไปรึยัง แล้วถ้าคุณไม่พร้อม ฉันจะเป็น
คนแรกที่ต้องเจ็บปวด''
คําพูดของเธอกระทบใจเขาอย่างรุนแรง เขาจึงต้องใช้เวลา
ครู่หนึ่งก่อนจะตอบ แกเร็ตตั้งใจให้เธอสบตาเขา
''เธเรซ่า...ตั้งแต่เราพบกัน...ผมไม่รู้...''
เขาหยุดพูด เพราะรู้ดีว่าเขาไม่อาจร้อยเรียงถ้อยคําพูดออกมา
ได้เหมือนที่เขารู้สึก
เขายกมือขึ้น แล้วใช้นิ้วสัมผัสข้างใบหน้าเธอ ลูบไล้ไปมา
อย่างแผ่วเบา จนทําให้เธอรู้สึกแทบจะคล้ายกับว่ามีขนนกเคล้า
เคลียอยู่บนผิวหน้าเธอ ชั่วขณะที่เขาสัมผัสเธอนั้น เธอหลับตา
พริ้ม และทั้งๆ ที่ยังมีความไม่แน่นอนอยู่ในใจ เธอก็ปล่อยความ
รู้สึกสะท้านไหวให้ไหลไปตามร่าง จนลําคอและเนินอกของเธอ
เสียวซ่าน
ด้วยอารมณ์เตลิดเพริดไปนั้น ทําให้เธอรู้สึกว่าทุกสิ่งทุก
อย่างเริ่มเคลื่อนผ่านไปเร็วกว่าจะทันรู้สึกตัว และทันใดนั้น เธอก็รู้
ว่าเธอคิดถูกแล้วที่มาอยู่ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นอาหารคํ่าที่เขาและเธอ
กินร่วมกัน การเดินเล่นบนชายหาดของเขาและเธอ ท่าทีที่เขามอง
เธออยู่ในขณะนี้ เธอไม่อาจจินตนาการถึงสิ่งใดที่ดีไปกว่าสิ่งที่
กําลังเกิดขึ้นในขณะนี้ได้อีกแล้ว
คลื่นม้วนตัวขึ้นกระทบหาด ซัดสาดเท้าของเขาและเธอจน
เปียกปอน สายลมฤดูร้อนอันอบอุ่นพัดผ่านเส้นผมเธอ เพิ่มความ
รู้สึกจากสัมผัสเขาให้ทะยานโลดแล่นไปไกล ผืนทะเลต้องแสง
จันทร์เปล่งประกายระยิบระยับงดงามราวแดนสวรรค์ ในขณะที่
กลุ่มเมฆสาดเงาลงมาตามแนวชายหาด ทธาให้ทิวทัศน์โดยรอบ
แทบดูเหมือนไม่ใช่ของจริง
ครั้นแล้วเขาและเธอก็สลัดทิ้งทุกสิ่งภายในใจที่สร้างขึ้นมา
กางกั้นไว้นับจากวินาทีแรกที่เขาและเธอพบกัน อารมณ์ของเธอ
จมซิงอยู่กับเขาจนรู้สึกถึงไออุ่นจากร่างเขา เขาปล่อยมือเธอ
จากนั้นจึงค่อยๆ กอดเธอไว้ในวงแขนทั้งสองข้าง เขารั้งตัวเธอ
เข้ามาแนบชิดร่างแล้วจูบที่ริมฝีปากอย่างนุ่มนวล หลังจากถอย
ตัวกลับออกมาเล็กน้อยเพื่อมองดูเธอแล้วเขาก็จูบเธออย่างแผ่ว
เบาอีกครั้ง เธอจูบตอบ และรู้สึกถึงฝ่ามือเขาที่ลูบไล้ขึ้นไปตาม
แผ่นหลังไล่ขึ้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาหยุดซุกนิ้วลงใต้ผมเธอ
ทั้งสองยืนประคองกอดกันและกัน จูบกันอยู่ใต้แสงจันทร์
เป็นเวลานาน โดยเขาและเธอไม่สนใจว่าจะมีผู้ใดเห็นหรือไม่ ทั้ง
สองต่างเฝ้ารอชั่วขณะนี้มานานแสนนาน และในที่สุดเมื่อเขา
และเธอถอยห่างออกจากกันแล้ว ทั้งสองต่างจ้องมองกัน จาก
นั้นเธเรซ่าจึงจับมือเขาไว้อีกครั้ง แล้วพากันเดินกลับมาบ้านช้าๆ
มันดูคล้ายกับความฝัน ในขณะที่เขาและเธอเดินเข้ามา
ในบ้าน หลังจากปิดประตูแล้ว แกเร็ตจูบเธออีกครั้งทันทีด้วยแรง
ปราถนาที่เร่าร้อนยิ่งขึ้นในครั้งนี้ และเธเรซ่ารู้สึกว่าร่างของเธอ
สะท้านไหวด้วยใจรัญจวน เธอเดินไปที่ครัว หยิบเทียนไขสองเล่ม
ขึ้นมาจากโต๊ะอาหาร แล้วเดินนําเขาเข้าไปยังห้องนอน เธอวาง
เทียนลงบนโต๊ะเขียนหนังสือ เขาล้วงไม้ขีดจากกระเป๋า แล้วจุด
เทียนไข ในขณะที่เธอเดินไปที่หน้าต่างและเริ่มปิดม่าน
แกเร็ตยืนอยู่ข้างโต๊ะเขียนหนังสือเมื่อเธอเดินกลับมาหาเขา
ยามเมื่อยืนใกล้กันอีกครั้ง เธอจึงใช้มือลูบไล้ไปบนอกเขาจนรู้สึก
ถึงกล้ามเนื้อแน่นแข็งใต้เสื้อเชิ้ต และปลดปล่อยอารมณ์ไปกับ
ความเย้ายวนใจที่มี เธอมองลึกลงไปในดวงตาเขาแล้วดึงชาย
เสื้อเขาออก แล้วเริ่มดึงเรื่อยขึ้นมาเหนือลําตัวเขาช้าๆ เธอยกแขน
เขาขึ้น ค่อยๆ ถอดเสื้อเขาออกมาทางศรีษะ แล้วอเนกายแนบชิด
เขา ในขณะที่ได้ยินเสียงเสื้อตกกระทบพื้น เธอจูบแผงอก ลําคอ
และรู้สึกสะท้านไหวในขณะที่มือเขาเลื่อนมาอยู่ข้างหน้าเสื้อเธอ
เธอเอนตัวถอยออกมาเพื่อให้มีช่วงห่างในขณะที่เขาเริ่มปลดกระ
ดุมเสื้อเธอจากด้านล่างไล่ขึ้นมาทีละเม็ดด้วยความระมัดระวัง
เมื่อเสื้อของเธอหล่นลงพื้นแล้ว เขาจึงเลื่อนมือไปรวบแผ่น
หลังเธอ แล้วโน้มตัวมาหาเขาจนรู้สึกถึงไอร้อนจากผิวกายเธอ
ที่แนบชิดกับเขา เขาจูบซอกคอเธอ แล้วขบเบาๆ ลงบนติ่งหูเธอ
ในขณะที่มือเขาลูบไล้ไปตามแนวสันหลังเธอ เธอเผยอปาก และ
รู้สึกถึงสัมผัสอันอ่อนโยน นิ้วเขาหยุดลงที่ชุดชั้นในเธอ และถอด
มันออกด้วยวิธีบิดอันชํ่าชอง จนทําให้เธอต้องกลั้นหายใจ จาก
นั้นเขาจึงจูบต่อไป แล้วดึงสายชั้นในมาจากไหล่เพื่อเผยให้
เห็นเนินอกอันเปลือยเปล่าของเธอ เขาโน้มตัวลงจูบเนินอกเธอ
ทีละข้างอย่างอ่อนโยน เธอเอนศรีษะไปข้างหลัง และรู้สึกถึงลม
หายใจอันร้อนผ่าวของเขาและความชุ่มชื้นในทุกจุดที่เขาใช้ริมฝี
ปากสัมผัสเรือนร่างเธอ
เธอหายใจถี่รัว ในขณะที่เอื้อมไปหากระดุมกางเกงยีนของ
เขา เธอสบตาเขาอีกครั้งก่อนจะปลดมันออก แล้วค่อยๆ รูดซิป
กางเกงเขาลงมาช้าๆ ขณะที่ยังคงเฝ้ามองดูเขาอยู่นั้น เธอก็ใช้นิ้ว
ลูบไล้ไปมาที่เอวเขา แล้วใช้เล็บข่วนข้างสะดือเขาอย่างแผ่วเบา
ก่อนที่จะดึงกางเกงเขาลงมาจากเอว เมื่อรู้สึกว่ากางเกงเริ่มหลวม
ขึ้นเล็กน้อยแล้ว เขาจึงก้าวถอยมาครู่หนึ่ง แล้วถอดมันออก จาก
นั้นก้าวไปจูบเธออีกครั้ง เขายกตัวเธอขึ้นไว้ในวงแขน แล้วอุ้มเธอ
เดินข้ามห้องไปอย่างนุ่มนวล จากนั้นจึงวางเธอลงบนเตียง
ขณะที่นอนอยู่เคียงข้างเขา เธอใช้มือลูบไล้ไปตามแผงอก
เขาอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้ชื้นไปด้วยเหงื่อ และรู้สึกว่ามือเขาเคลื่อนไหว
อย่างนุ่มนวลมาที่กางเกงยีนเธอ เขาปลดกระดุมกางเกงออกแล้ว
ยกสะโพกเธอขึ้นมาเล็กน้อย เธอถอดกางเกงออกจากขาทีละข้าง
ในขณะที่มือเขายังคงซอกซอนไปตามเรือนร่างเธอต่อไป เธอเคล้า
คลึงแผ่นหลังเขา และใช้สัมผัสที่นุ่มนวลขึ้นเล็กน้อยเคล้าคลึงที่
ซอกคอ พร้อมกับเสียงลมหายใจตัวเองถี่รัวขึ้น เขาเริ่มถอด
กางเกงบ๊อกเซอร์ออก ในขณะที่เธอถอดกางเกงชั้นในของเธอออก
มาด้วยเช่นกัน ในที่สุดเมื่อเขาและเธอเปลือยเปล่า ร่างเขาและ
เธอก็กอดแนบอยู่ด้วยกัน
เธองดงามอยู่ใต้แสงเทียน เขาใช้ลิ้นซอกซอนลงไปในร่อง
อกเธอ ไล่ลงไปที่ท้องผ่านสะดือเธอ แล้วไล่กลับขึ้นไปอีกครั้ง เส้น
ผมเธอเปล่งประกายอยู่ใต้แสงเทียน ผิวกายเธอนุ่มนวลและยั่ว
ยวนใจ ในขณะที่เธอและเขากอดรัดกันแน่น เขารู้สึกถึงมือเธอที่
แผ่นหลังซึ่งกําลังโน้มตัวเขาเข้าไปให้ใกล้ขึ้น
เขาจูบร่างเธอต่อไปโดยไม่เร่งรัด เขาแนบใบหน้าข้าง
หนึ่งลงที่ท้องเธอ ลูบไล้ไปมาอย่างนุ่มนวล เคราสั้นๆ บนคางเขา
ที่แนบลงบนผิวกายทําให้เธอเกิดความรู้สึกเสียวกระสัน จนเธอ
ต้องเอนหลังนอนลงบนเตียง โดยซุกมือเธอไว้ใต้หลังเขา เขาทํา
เช่นนั้นต่อไปจนกระทั่งเธอทนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว จากนั้นแกเร็ต
จึงขยับตัวขึ้นไป และทําสิ่งเดียวกันนั้นกับเนินอกเธอ
เธองอหลังขึ้นมารั้งตัวเขากลับมาหาเธอ ในขณะที่เขาค่อยๆ
ขยับตัวขึ้นมาอยู่บนร่างเธอช้าๆ เขาจูบปลายนิ้วเธอทีละนิ้ว และ
ในที่สุด ขณะที่เธอและเขาประสานร่างเป็นหนึ่งเดียวกันนั้น เธอ
หลับตาพริ้มลงไปพร้อมกับลมหายใจอันหอบรัว ด้วยรสจูบอัน
นุ่มนวล ทั้งสองร่วมรักกันด้วยเพลิงปราถนาอันเร่าร้อนซึ่งเก็บ
ซ่อนเร้นอยู่ในใจมาตลอดช่วงเวลา 3 ปีที่ผ่านมา
ร่างทั้งสองเคลื่อนไหวเป็นหนึ่งเดียวกัน ทั้งเขาและเธอต่าง
รู้ชัดในสิ่งที่แต่ละฝ่ายต้องการ ต่างฝ่ายก็พยายามจะทําให้อีกฝ่าย
มีความสุข แกเร็ตจูบเธอแทบจะติดต่อกัน สัมผัสอันชุ่มชื้นจาก
ริมฝีปากเขายังคงตราตรึงอยู่ในทุกๆ ที่ๆเขาประทับจูบลงไป เธอ
รู้สึกว่าร่างเธอเริ่มเสียวกระสันไปกับเพลิงปราถนาที่ลุกโชนขึ้นไป
สู่บางอย่างที่น่าอัศจรรย์ ในที่สุดเมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้น เธอกดนิ้วลง
บนหลังเขาอย่างแรง แต่ในชุ่วขระที่ความรู้สึกนั้นสิ้นสุดลง อีก
ฝ่ายก็เริ่มปลุกเร้าขึ้นอีกครั้ง จนเธอเริ่มไปสู่จุดสุดยอดแห่งอารมณ์
พิศวาสเป็นช่วงๆ ติดต่อกันเนิ่นนาน จากครั้งหนึ่งไปสู่ครั้งต่อๆ ไป
ในทันที เมื่อเขาและเธอเสร็จสิ้นการร่วมรักกันแล้ว เธเรซ่าก็หมด
แรง จากนั้นเธอจึงกอดเขาไว้แนบชิดในวงแขน เธอนอนผ่อน
คลายอยู่ข้างกายเขา โดยที่มือเขายังคงลูบไล้ไปตามผิวกายเธอ
อย่างนุ่มนวลเพื่อผ่อนคลาย ชั่วขณะที่เขาและเธอเพิ่งแบ่งปัน
ความสุขร่วมกัน ในขณะที่เธอเฝ้ามองดูเทียนค่อยๆ มอดไหม้
ลงไปสู่ฐานอย่างช้าๆ
เขาและเธอนอนอยู่ด้วยกันตลอดคืน ร่วมรักกันครั้ง
แล้วครั้งเล่า หลังจากนั้นก็กอดรัดกันและกันไว้แนบแน่น เธเรซ่า
งีบหลับไปในวงแขนเขาด้วยความรู้สึกอันแสนวิเศษ แกเร็ตเฝ้า
มองเธอในขณะที่เธอหลับไปข้างกายเขา ก่อนที่เขาจะงีบหลับ
ไปเพียงเล็กน้อยนั่นเอง เขาปัดผมที่ตกลงมาบนใบหน้าเธอขึ้นไป
อย่างละมุนละไม และพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะจดจําทุกสิ่งทุก
อย่างไว้
ก่อนอรุณรุ่ง เธเรซ่าลืมตาขึ้นและรู้ด้วยสัญชาตญาณว่า
เขาหายไป เธอหันมองหาเขาที่เตียง เมื่อไม่เห็นเขา เธอจึงลุกขึ้น
เดินไปยังตู้เสื้อผ้าเขาเพื่อหาเสื้อคลุมอาบนํ้า เมื่อผูกสายรัดเสื้อ
คลุมแล้วเธอจึงออกมาจากห้องนอนและกวาดสายตามอไปที่ครัว
ในความมืด เขาไม่ได้อยู่ที่นั่น เธอมองดูในห้องนั่งเล่นแต่ก็ไม่มี
เขาอยู่ที่นั่นเช่นกัน แล้วทันใดนั้น เธอรู้แน่ชัดว่าเขาน่าจะอยู่ที่ไหน
เมื่อก้าวออกมานอกบ้าน เธอพบเขานั่งอยู่บนเก้าอี้ โดย
สวมเพียงกางเกงบ๊อกเซอร์และเสื้อยืดสวมแขนยาวสีเทา เขา
เอี้ยวตัวหันมาหาเธอแล้วยิ้มให้
''อยู่นี่เอง''
เธอก้าวไปหาเขา และเขาทําไม้ทํามือให้เธอนั่งลงบนตัวเขา
เขาจูบเธอในขณะที่โน้มตัวเธอไปหาเขา เธอโอบแขนทั้งสองไว้
รอบคอเขา ครั้นแล้วเธอก็ดึงตัวกลับขึ้นมาเมื่อรู้สึกว่ามีอะไรบาง
อย่างผิดปกติ แล้วใช้มือแตะแก้มเขาไว้
''คุณสบายดีรึคะ?''
เขาใช้เวลาครู่หนึ่งก่อนตอบว่า ''ครับ สบายดี'' เขาพูด
ค่อยๆ โดยไม่หันมามองเธอ
''คุณแน่ใจเหรอคะ?''
เขาผงกศรีษะ และเป็นอีกครั้งที่เขาไม่ยอมสบตาเธอ เธอ
ใช้นิ้วบังคับให้เขาหันมองหน้าเธอแล้วพูดเบาๆ ว่า
''คุณดูออกจะ...เสียใจ''
เขายิ้มเนือยๆ ให้เธอโดยไม่ตอบ
''คุรเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเหรอคะ?''
เขาไม่ตอบ และอีกครั้งที่เขาหลบตาไปทางอื่น
เธอพูดอย่างนุ่มนวลว่า ''คุณออกมาข้างนอกนี่เพราะแคธ
รีนใช่มั้ย?''
เขารอเวลาอยู่ครู่หนึ่งโดยไม่ตอบ จากนั้นจับมือเธอมา
ประกบไว้กับมือของเขา ในที่สุดสายตาของทั้งสองก็ประสานกัน
''ไม่ใช่ ผมไม่ได้ออกมาข้างนอกนี่เพราะแคธรีน'' เขาพูด
ขึ้นด้วยคําพูดซึ่งแทบจะเป็นเสียงกระซิบ
''ผมออกมาข้างนอกนี่เพราะคุณ''
จากนั้นเขาโน้มดึงตัวเธอเข้าไปใกล้อย่างอ่อนโยน
ด้วยความนุ่มนวลที่ทําให้เธอนึกถึงเด็กเล็กๆ เขากอดเธอ
ไว้แน่นโดยไม่เอ่ยคําใดออกมา และไม่ยอมปล่อยตัวเธอ
จนกระทั่งท้องฟ้าเริ่มสว่งและปรากฏให้เห็นคนบนชายหาด
เป็นคนแรก</span></span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
แมงป่อง
แม่ไข่หวาน พ่อไข่เค็ม
 
โพสต์: 1468
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ พ.ค. 05, 2007 10:25 pm

โพสต์โดย แมงป่อง » พุธ ก.ค. 02, 2008 10:03 pm

<span style='color:red'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'><span style='color:blue'>บทที่ 9</span></span>

<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>''หมายความว่ายังไง วันนี้แกมากินอาหารกลางวัน
กับพ่อไม่ได้งั้นรึ? เราทําแบบนี้ต่อเนื่องกันมาหลายปีแล้วนะ แก
ลืมมันไปได้ยังไงกัน?''
''ไม่ได้ลืม ผมแค่ไปไม่ได้เฉพาะวันนี้เท่านั้น เราจะกลับมา
คุยเรื่องนี้กันอีกครั้งสัปดาห์หน้า ตกลงมั้ย?''
เจบ เบล็ดหยุดพูดโทรศัพท์กับปลายสาย แล้วเคาะนิ้วเป็น
จังหวะลงบนโต๊ะ
''ทําไมพ่อถึงรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่แกไม่บอกพ่อ?''
''ก็ไม่มีอะไรนี่''
''แกแน่ใจงั้นรึ?''
''แน่ใจ''
เธเรซ่าเรียกหาแกเร็ตจากที่อาบนํ้าฝักบัวเพื่อขอให้เขาส่ง
ผ้าเช็ดตัวให้เธอ แกเร็ตใช้มือปิดหูโทรศัพท์ แล้วบอกเธอว่า
เดี๋ยวเขาจะนําไปให้ เมื่อเขาหันความสนใจกลับมาสู่การพูดโทร
ศัพท์แล้ว เขาได้ยินเสียงพ่อสูดลมหายใจเข้าดังๆ
''นั่นใครน่ะ?''
''ไม่มีอะไรนี่''
ครั้นแล้วพ่อเขาก็พูดขึ้นด้วยนํ้าเสียงแสดงความเข้าใจใน
ทนที ''แม่สาวเธเรซ่าอยู่ที่นั่นใช่มั้ยล่ะ''
เมื่อเขารู้ตอนนี้ไม่อาจปิดบังความจริงพ่อเขาได้แล้ว แก
เร็ตจึงตอบไป ''ใช่ เธออยู่ที่นี่''
เจบผิวปากด้วยความพอใจอย่างเห็นได้ชัด
''ถึงเวลาบ้าๆนี่ซะที''
แกเร็ตพยายามที่จะทําให้ดูเป็นเรื่องสําคัญน้อยลง
''พ่ออย่าทําเรื่องนี้ให้กลายเป็นใหญ่โตอะไรเลยน่า...''
''พ่อไม่ทําแบบนั้นหรอก พ่อสัญญา''
''ขอบคุณ''
''แต่พ่อขอถามอะไรแกบางอย่างได้มั้ย?''
''ได้สิ'' แกเร็ตถอนหายใจ
''เธอทําให้แกมีความสุขรึเปล่า?''
เขาต้องใช้เวลาครู่หนึ่งก่อนตอบ
''ใช่ เธอทําให้ผมมีความสุข'' เขาพูดขึ้นในที่สุด
''ถึงเวลาบ้าๆ นี่ซะที'' เขาพูดเช่นเดิมอีกครั้งพร้อมกับหัว
เราะก่อนวางสาย แกเร็ตจ้องมองโทรศัพท์ขณะที่เขาวางมันกลับ
ไปยังที่วาง
''เธอทําให้เรามีความสุขจริงๆ'' เขากระซิบบอกตัวเองพร้อม
กับรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้า ''เธอทําให้เรามีความสุขจริงๆ''
เธเรซ่าออกมาจากห้องนอนในเวลาไม่กี่นาทีต่อมา เธอ
ผ่อนคลายและสดชื่น เมื่อได้กลิ่นกาแฟที่กําลังต้มอยู่ในเครื่อง
โชยมา เธอเข้าไปหาถ้วยกาแฟในครัว หลังจากใส่ขนมปังแผ่น
หนึ่งลงในเครื่องปิ้งขนมปังแล้ว แกเร็ตก็เดินเข้ามาข้างเธอ
''อรุณสวัสดิ์อีกครั้ง'' เขาพูดแล้วจูบเธอที่ท้ายทอย
''อรุณสวัสดิ์คุณอีกครั้งค่ะ''
''ขอโทษที่ออกไปจากห้องเมื่อคืนวาน''
''เฮ้ ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจ''
''คุณหมายความอย่างนี้จริงๆ หรือ?''
''แน่นอนค่ะ ฉันหมายความตามที่พูด''
เธอหันมามองหน้าเขาพร้อมกับรอยยิ้ม
''มันเป็นคืนอันแสนวิเศษสําหรับฉันค่ะ''
''ผมก็เช่นกัน'' แกเร็ตหยิบถ้วยกาแฟในตู้ออกมาให้เธเรซ่า
แล้วเหลียวมาถามเธอว่า ''คุณอยากทําอะไรในวันนี้บ้างมั้ย? ผม
โทร.ไปบอกที่ร้านว่าผมจะไม่เข้าไป''
''คุณคิดอะไรไว้ในใจรึเปล่า?''
''พาคุณไปเที่ยวรอบเมืองวิลมิงตันเป็นไง''
''เราอาจทําแบบนั้นก็ได้'' เสียงเธอฟังดูไม่ค่อยแน่ใจ
''คุณมีอย่างอื่นทําแทนรึเปล่าล่ะ?''
''งั้นเราทําแบบว่า เอ้อระเหยอยู่ที่นี่เป็นไง?''
''แล้วทําอะไรกันล่ะ?''
''โอ้ ฉันคิดได้สองสามอย่างแล้ว'' เธอพูดแล้วโอบตัวเขาไว้
''นั่นคือ...ถ้าคุณไม่มีปัญหาในการทําเช่นนั้นด้วยนะ''
''ไม่มีครับ'' เขาพูดพร้อมกับยิ้มกว้างจนเห็นฟัน ''ไม่มี
ปัญหาใดๆ ทั้งสิ้นเลย''
ในช่วง 4 วันต่อมา เธเรซ่าและแกเร็ตไม่อาจแยกจากกันได้
แกเร็ตให้สิทธิเอียนเป็นผู้ควบคุมร้าน และอนุญาตแม้แต่ให้เขา
สอนชั้นเรียนดํานํ้าในวันเสาร์ด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่แกเร็ตไม่เคยทํามา
ก่อน แกเร็ตและเธเรซ่าออกไปล่องเรือใบด้วยกันอีกสองครั้ง ใน
คืนที่สองเขาและเธออยู่กลางทะเลด้วยกันตลอดคืน และนอน
ด้วยกันในห้องพักบนเรือซึ่งโคลงเคลงจากระลอกคลื่นในมหาสมุทร
แอตแลนติกที่ม้วนตัวขึ้นอย่างเนิบช้า ต่อมาในเย็นวันนั้น เธอขอ
ให้เขาเล่าเรื่องการผจญภัยเกี่ยวกับกะลาสีเรือยุคก่อนเพิ่มเติม
เธอลูบผมเขาไปเรื่อยๆ ในขณะที่เสียงของเขาดังสะท้อนกลับมา
จากห้องในลําเรือ
สิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือ หลังจากที่เธองีบหลับไปแล้ว แกเร็ตไม่ได้
นอนอยู่ข้างเธอเช่นเดียวกับที่เขาทําในคืนวันแรกที่อยู่ด้วยกัน เขา
เดินไปเดินมาตามดาดฟ้าเรือเพียงลําพัง โดยคิดว่าเธเรซ่าหลับอยู่
ในห้อง และคิดถึงข้อเท็จจริงที่ว่าเธอไม่น่าจะออกจากห้องในเร็วๆ
นี้ พร้อมกับความคิดเช่นนั้น อีกความทรงจําหนึ่งที่มีมานานหลาย
ปีก่อนหน้านั้นก็ปรากฏขึ้นในใจ

''ผมไม่คิดว่าคุณควรไปเลยจริงๆ'' แกเร็ตพูดในขณะมอง
แคธรีนด้วยสายตาเป็นห่วง
เธอยืนอยู่ประตูหน้าบ้านโดยมีกระเป๋าเดินทางวางอยู่
ข้างตัวเธอ และรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยกับการแสดงความคิดเห็น
ของเขา ''ไม่เอาน่า แกเร็ต เราคุยเรื่องนี้กันแล้วนะ ฉันไปแค่สอง
สามวันเท่านั้น''
''แต่ช่วงหลังมานี่ คุณไม่เป็นตัวของตัวเองเลยนะ''
แคธรีนอยากจะเหวี่ยงมือทั้งสองขึ้นมาซะจริงๆ ''นี่ฉันต้อง
บอกคุณอีกกี่ครั้งกันนะว่าฉันสบายดี? น้องสาวต้องการฉันจริงๆ
คุณก็รู้ว่าเธอเป็นยังไง เธอกังวลกับเรื่องการแต่งงาน แล้วแม่ก็
ช่วยอะไรไม่ได้มากนัก''
''แต่ผมก็ต้องการคุณด้วยนี่''
''แกเร็ต เพียงเพราะว่าคุณต้องอยู่ที่ร้านตลอดทั้งวัน ไม่ได้
หมายความว่าฉันจะต้องอยู่ที่นี่ด้วย เราไม่ได้ตัวติดกันนะ''
แกเร็ตก้าวถอยหลังออกมาโดยอัตโนมัติเมื่อรู้สึกเหมือนกับ
ว่าเธอกําลังจะทุบตีเขา ''ผมก็ไม่ได้พูดว่าเราเป็นแบบนั้น ผม
เพียงแต่ไม่แน่ใจว่า คุณควรจะไปในขณะที่คุณกําลังรู้สึกแบบนี้
รึเปล่า?''
''คุณไม่เคยต้องการให้ฉันไปไหนเลย''
''ผมจะหัหห้ามใจไม่ให้คิดถึงคุณเมื่อคุณไม่อยู่ได้ยังไง?''
สีหน้าเธอดีขึ้นมาเพียงเล็กน้อย ''ฉันอาจต้องไปนะ แกเร็ต
แต่คุณก็รู้นี่ว่าฉันจะกลับมาเสมอ''

เมื่อภาพแห่งความทรงจําเลือนหายไปแล้ว แกเร็ตจึงเดิน
กลับเข้ามาในห้องพักบนเรือและเห็นเธเรซ่านอนซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม
เขาเลื่อนตัวไปอยู่ข้างเธออย่างเงียบเชียบ แล้วกอดเธอแนบชิดไว้
แน่น
วันต่อมาเขาและเธอใช้เวลาด้วยกันบนชายหาด ทั้งสอง
นั่งใกล้สะพานท่าเทียบเรืออันเป็นสถานที่ตั้งของร้านซึ่งเขาและเธอ
กินอาหารกลางวันด้วยกันเป็นครั้งแรก เมื่อเธเรซ่าเริ่มแสบผิวจาก
แสงอาทิตย์ยามเช้า แกเร็ตจึงเดินไปยังร้านค้าแห่งหนึ่งในบรรดา
หลายร้านริมหาดและซื้อโลชั่นกลับมาให้เธอ เขาทาโลชั่นที่หลัง
ของเธอ แล้วเคล้าคลึงให้ซึมลงไปในผิวหนังอย่างนุ่มนวลที่สุดเท่า
ที่จะทําได้ราวกับว่าเธอเป็นเด็ก และแม้เธอไม่อยากเชื่อในสิ่งที่
เกิดขึ้นก็ตาม แต่ในใจลึกๆ แล้วเธอรู้สึกว่ามีชั่ววูบที่จิตใจเขาล่อง
ลอยไปโดยที่ไม่ได้อยู่กับเธอ ในขณะที่เธอคิดเช่นนั้น ก็เหมือน
เขาจะกลับมาสนใจเธอขึ้นมาในทันทีทันใด ทําให้เธอสงสัยว่าเธอ
เข้าใจผิดไปหรือเปล่า
เขาและเธอไปกินอาหารกลางวันที่ร้านแฮงค์อีกครั้ง ทั้ง
สองจับมือกันไว้และจ้องมองกันและกันจากคนละฟากโต๊ะ พูด
คุยกันเบาๆ โดยไม่ได้สังเกตดูกลุ่มคนรอบๆ ตัว และไม่ได้สังเกตดู
อะไรเลยจนกระทั่งบิลมาวางบนโต๊ะ ในขณะที่กลุ่มคนที่กินอาหาร
กลางวันออกไปจากร้านกันหมดแล้ว
เธเรซ่าเฝ้ามองเขาอย่างพินิจพิเคราะห์ด้วยความสงสัยว่า
แกเร็ตรับรู้ความรู้สึกด้วยสัญชาตญาณกับแคธรีนได้เช่นเดียวกับที่
ดูเหมือนว่าเขารู้สึกเช่นนั้นกับเธอหรือไม่? มันเหมือนกับว่าเขา
แทบจะอ่านใจเธอได้ทุกครั้งที่เขาและเธออยู่ด้วยกัน เป็นต้นว่า
ถ้าเธออยากให้เขาจับมือเธอไว้ เขาก็จะเอื้อมมาจับมือเธอก่อน
ที่เธอจะพูดสิ่งใดออกมา ถ้าเธออยากทําเพียงแค่พูดอย่างเดียว
สักพักหนึ่งโดยไม่ต้องการให้ขัดจังหวะ เขาก็จะฟังอยู่เงียบๆ และ
ถ้าเธออยากรู้ว่าเขากําลังรู้สึกกับเธออย่างไรในเวลาใดเวลาหนึ่ง
โดยเฉพาะแล้ว ลักษณะที่เขามองเธอก็จะทําให้ทุกอย่างกระจ่าง
แจ้ง ดูเหมือนว่าไม่มีใครแม้แต่เดวิดเข้าใจเธอได้ดีเท่าแกเร็ตอีก
แล้ว กระนั้นเธอรู้จักเขามานานแค่ไหนกัน? เพียงไม่กี่วันไม่ใช่
หรือ? เธอสงสัยว่าความรู้สึกนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร? ยามดึกเธอ
พยายามคิดหาคําตอบในขณะที่เขานอนหลับอยู่ข้างเธอ แล้วคํา
ตอบก็กลับไปสู่ขวดที่เธอพบตั้งแต่เริ่มแรก ยิ่งเธอรู้จักแกเร็ตมาก
ขึ้นเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งเชื่อว่าชะตากรรมได้นําเธอมาพบกับจดหมายของ
เขาที่เขียนถึงแคธรีน ประหนึ่งว่ามีพลังอันยิ่งใหญ่ผลักดันให้เธอ
ต้องเข้ามาเกี่ยวพันกับชีวิตของคนทั้งสอง ด้วยเจตนาที่จะนําพา
คนทั้งสองให้กลับมาอยู่ด้วยกัน
ในเย็นวันเสาร์ แกเร็ตทําอาหารมื้อเย็นให้เธอกินอีกครั้ง
ครั้งนี้ทั้งสองกินอาหารกันที่หลังระเบียงใต้หมู่ดาว หลังจากร่วม
รักกันแล้ว เขาและเธอก็นอนกอดกันแนบชิดกันอยู่บนเตียง ทั้ง
สองต่างรู้ดีว่าเธอต้องกลับไปบอสตันในวันรุ่งขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ต่าง
ฝ่ายต่างหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงจนกระทั่งถึงขณะนี้
''ฉันจะได้พบคุรอีกมั้ย?'' เธอถาม
เขาเงียบ และแทบจะเงียบเกินไป ''ผมหวังว่าอย่างนั้น''
เขาพูดขึ้นในที่สุด
''คุณอยากพบฉันมั้ยคะ?''
''แน่นอน ผมอยากพบคุณ'' เขาลุกขึ้นนั่งบนเตียงขณะที่
พูดแล้วดึงตัวห่างออกมาจากเธอเล็กน้อย จากนั้นครู่หนึ่งเธอจึง
ลุกขึ้นนั่งแล้วเปิดโคมไฟข้างเตียง
''เกิดอะไรขึ้นคะ แกเร็ต?''
''ผมเพียงแค่ไม่อยากให้มันจบสิ้นลง'' เขาพูดแล้วหลุบตา
ลง ''ผมไม่อยากใหความสัมพันธ์ของเราต้องสิ้นสุดลง ผมไม่
อยากให้สัปดาห์นี้สิ้นสุดลง ผมหมายความว่า คุณเข้ามาในชีวิต
ผมและทําให้ชีวิตของผมเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง แล้วขณะนี้
คุณกําลังจะจากไป''
เธอเอื้อมไปจับมือเขาไว้แล้วพูดเบาๆ ว่า
''โอ้ แกเร็ตคะ ฉันก็ไม่อยากให้มันจบสิ้นลงเหมือนกัน ครั้ง
นี้เป็นสัปดาห์ที่ดีที่สุดสัปดาห์หนึ่งที่ฉันเคยมีมา มันดูเหมือนกับว่า
ฉันจะจดจําคุณไปตลอดกาล เราทําให้มันเกิดขึ้นได้นะคะถ้าเรา
พยายาม ฉันอาจลงมาที่นี่ได้ หรือคุณอาจขึ้นไปบอสันก็ได้ เรา
อาจพยายามทําได้ทั้งสองทางใช่มั้ยคะ?''
''ผมจะพบคุณได้บ่อยแค่ไหน? เดือนละครั้งหรือน้อยกว่า
นั้น?''
''ฉันไม่รู้ค่ะ ฉันคิดว่ามันขึ้นอยู่กัยเรา และสิ่งที่เราตั้งใจ
ทํา ฉันคิดว่าถ้าเราทั้งสองคนเต็มใจที่จะยอมเสียสละให้กันเล็กๆ
น้อยๆ แล้ว เราก็สามารถทําให้ความสัมพันธ์ดําเนินต่อไปได้''
เขาหยุดเงียบไปครู่ใหญ่ก่อนพูดขึ้นว่า ''คุณคิดจริงๆ หรือ
ว่ามันเป็นไปได้โดยที่เราไม่ได้พบกันมากนัก? ผมจะกอดคุณได้
เมื่อไหร่? ผมจะเห็นหน้าคุณได้เมื่อไหร่? ถ้าเราพบกันและกัน
เพียงครั้งคราวแล้วเราจะไม่อาจทําสิ่งต่างๆ ที่เราอยากทํา...เพื่อ
รักษาความรู้สึกที่เรามีให้คงอยู่ต่อไป ทุกครั้งที่เราพบกัน เราย่อม
รู้ดีว่ามันเป็นเวลาเพียงแค่สองสามวัน นั่นไม่ใช่เวลาที่น่าจะทําให้
ความสัมพันธ์ใดๆ พัฒนาขึ้นมาได้เลย''
คําพูดเขาทิ่มแทงใจเธอ ส่วนหนึ่งมาจากความจริง และ
ส่วนหนึ่งเพราะดูเหมือนเขาอยากให้ความสัมพันธ์จบลงง่ายๆ ที่นี่
และเดี๋ยวนี้ ในที่สุดเมื่อเขาหันมาหาเธอด้วยรอยยิ้มที่แสดงความ
เสียใจแล้ว เธอจึงไม่รู้ว่าจะพูดอะไร เธอปล่อยมือเขาด้วยความ
รู้สึกสับสน
''แล้วคุณไม่ต้องการลองพยายามดูเลยใช่มั้ย? นั่นคือสิ่งที่
คุณกําลังพูดถึงอยู่ใช่มั้ยคะ? คุณเพียงแค่อยากลืมทุกสิ่งทุกอย่าง
ที่เกิดขึ้น''
เขาสั่นซรีษะ ''ไม่ ผมไม่อยากลืม ผมลืมไม่ลง ผมไม่รู้...
ผมเพียงแค่อยากพบคุณมากกว่า ที่ดูเหมือนเราทําได้จริง''
''ฉันก็เหมือนกันค่ะ แต่เราไม่อาจทําเช่นนั้นได้ ดังนั้น เรา
เพียงแค่ทําให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทําได้กันดีกว่า ตกลงมั้ย?''
เขาสั่นศรีษะด้วยท่าทางที่ดูแทบจะไม่แยแสเลย
''ผมก็ไม่รู้...''
เธอเฝ้ามองเขาอย่างใกล้ชิดในขณะที่เขาพูดและรู้สึกว่ามี
สิ่อื่นเกิดขึ้นภายในใจเขา
''แกเร็ต เกิดอะไรขึ้นคะ?''
เขาไม่ตอบ เธอจึงพูดต่อไป ''มีเหตุผลที่คุณไม่ต้องการ
ลองพยายามทําดูหรือเปล่า?''
เขายังคงนิ่งเงียบ ในความเงียบนั้น เขาหันไปยังรูปของ
แคธรีนที่ตั้งอยู่บนโต๊ะวางของหัวเตียง

''เดินทางเป็นไงบ้าง?'' แกเร็ตคว้ากระเป๋าของแคธรีนออก
มาจากเบาะหลัง ขณะที่เธอก้าวออกมาจากรถ แคธรีนยิ้มให้ แต่
เขาดูรู้ว่าเธอเหนื่อย
''ราบรื่นดี แต่น้องสาวฉันยังคงมีสภาพจิตใจยํ่าแย่ เธอ
ต้องการให้ทุกอย่างไร้ที่ติ และเราไปรู้มาว่า เธอยังรู้มาว่าแนนซี่
ท้อง ชุดเพื่อนเจ้าสาวของเธอจึงใส่ไม่พอดี''
''แล้วไงล่ะ? ก็เธอเพิ่งไปจัดการให้จนเรียบร้อยแล้วนี่''
''นั่นละ คือสิ่งที่ฉันบอกเธอ แต่คุณก็รู้ตัวดีว่าเธอเป็นคน
ยังไง เธอกําลังทําให้ทุกอย่างเป็นเรื่องใหญ่โต''
แคธรีนวางมือทั้งสองข้างลงบนสะโพก แล้วเหยียดหลังขึ้น
ทําให้เธอหน้าตาบิดเบี้ยวเล็กน้อยด้วยความเจ็บปวดในขณะที่ทํา
เช่นนั้น
''คุณเป็นอะไรรึเปล่า?''
''ก็แค่รู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัวเลย ฉันเหนื่อยตลอดเวลาที่
อยู่ที่นั่น แล้วก็มีอาการปวดเมื่อยหลังมาสองสามวันแล้ว''
เธอออกเดินไปยังประตูหน้าบ้าน โดยมีแกเร็ตเดินเคียงข้าง
ไปด้วย
''แคธรีน ผมอยากบอกคุณจริงๆว่า ผมเสียใจในท่าทีที่ผม
ปฏิบัติต่อคุณก่อนที่คุณจะไป ตอนนี้ผมรู้สึกดีใจที่คุณไป แต่ผม
มีความสุขมากยิ่งกว่าเมื่อคุณกลับมา''

''แกเร็ตพูดกับฉันสิคะ''
เธอจ้องหน้าเขาด้วยความห่วงใย ในที่สุดเขาจึงพูดว่า
''เธเรซ่า...ในขณะนี้มันยากเหลือเกินจริงๆ สิ่งต่างๆ ที่ผม
ต้องทนเจ็บปวดทรมานกับมันมา...''
เขาพูดเสียงแผ่วลง เธเรซ่าจึงรู้ได้ในทันใดนั้นเองว่าเขากําลัง
จะพูดถึงเรื่องอะไร เธอรู้สึกเขม็งเกลียวขึ้นมาที่ท้อง
''เรื่องนี้เกี่ยวกับแคธรีนใช่มั้ยคะ? ทั้งหมดนี่เกี่ยวกับเรื่อง
นั้นใช่มั้ยคะ?''
''ไม่ใช่ มันเป็นเพียงแต่ว่า...'' เขาหยุดพูด
เธอจึงรู้ได้ในทันใดด้วยความแน่ใจอันสิ้นหวังว่า เธอคิดถูก
แล้ว
''มันจริงใช่มั้ย? คุณไม่ได้ต้องการแม้แต่จะพยายามสาน
ต่อความสัมพันธ์ของเรา...เพราะแคธรีน''
''คุณไม่เขาใจเลยจริงๆ''
เธอรู้สึกโกรธขึ้นมา ทั้งๆ ที่เธอไม่อยากรู้สึกเช่นนั้นเลย
''อ๋อ ฉันเข้าใจแล้ว คุณไม่สามารถใช้เวลาอยู่กับฉันอาทิตย์
นี้ได้ เพียงเพราะคุณรู้ว่าแนกําลังจะจากไป และเมื่อฉันไปแล้ว
คุณก็สามารถกลับไปสู่สิ่งที่คุณเคยเป็นมาก่อนได้ ฉันมันก็เป็น
เพียงแค่คู่นอนใช่มั้ย?''
เขาสั่นศรีษะ ''ไม่ คุณไม่ได้เป็นอย่างนั้น คุณไม่ใช่คู่นอน
ผมชอบคุณจริงๆ...''
เธอจ้องหน้าเขาถมึง ''แต่ไม่มากพอแม้แต่ที่จะพยายาม
ทําให้เรื่องนี้เป็นไปได้''
เขามองเธอด้วยสายตาที่แสดงความเจ็บปวดอย่างเห็นได้
ขัด ''อย่าเป็นแบบนี้สิ...''
''แล้วฉันควรเป็นยังไงล่ะ? เข้าใจงั้นรึ? คุณต้องการให้ฉัน
เพียงแค่พูดว่า 'โอ้ ตกลงค่ะ แกเร็ต เราจะจบสิ้นความสัมพันธ์ลง
เพียงแค่ที่นี่ เพราะว่ามันยุ่งยาก และเราจะไม่ได้พบกันอีกบ่อย
นัก ฉันเข้าใจค่ะ ดีใจที่ได้พบคุณ' คุณต้องการให้ฉันพูดแบบ
นั้นใช่มั้ย?''
''ไม่ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการให้คุณพูด''
''แล้วคุณต้องการอะไร? ฉันพูดไปแล้วว่าฉันเต็มใจที่จะ
พยายาม...ฉันพูดไปแล้วว่าฉันอยากลองพยายามดูก่อน...''
เขาสั่นศรีษะโดยไม่อาจสบตากับเธอ เธเรซ่ารู้สึกว่านํ้าตา
เริ่มเอ่อท้นขึ้นมา
''ฟังนะ แกเร็ต ฉันรู้ดีว่าคุณสูญเสียภรรยาไป ฉันรู้ดีว่า
คุณต้องทนทุกข์ทรมานแสนสาหัสกับเรื่องนั้น แต่คุณกําลังทําตัว
เหมือนคนที่จะยอมตายเพื่อหลักการอยู่นะตอนนี้ คุณมีชีวิตทั้ง
ชีวิตรอคุณอยู่ข้างหน้า อย่าโยนมันทิ้งไปด้วยการใช้ชีวิตอยู่กับ
อดีตอย่างนี้สิ''
''ผมไม่ได้กําลังมีชีวิตอยู่กับอดีตนี่'' เขาพูดปกป้องตัวเอง
เธเรซ่าพยายามสะกดกลั้นนํ้าตาไว้ไม่ให้ไหลออกมา เสียง
เธอนุ่มนวลขึ้น
''แกเร็ตคะ...ฉันอาจไม่ได้สูญเสียภรรยาไป แต่ฉันก็ได้สูญ
เสียใครบางคนซึ่งฉันรู้สึกแคร์จริงๆ ไปด้วยเช่นเดียวกัน ฉันรู้ดี
ถึงความเจ็บปวดรวดร้าวใจทั้งหมด แต่พูดกันจริงๆ แล้วฉันเบื่อ
หน่ายกับการอยู่คนเดียวตลอดเวลา มันเป็นเวลากว่า 3 ปีมาแล้ว
สําหรับฉัน เหมือนคุณนั่นแหละ แล้วฉันก็เบื่อหน่ายกับมัน ตอน
นี้ฉันพร้อมแล้วที่จะมีชีวิตต่อไปและหาคนพิเศษบางคนที่จะอยู่
ด้วยกัน แล้วคุณก็ควรทําแบบนี้ด้วยเช่นกัน''
''ผมรู้เรื่องนั้นดี คุณไม่คิดหรือว่าผมรู้เรื่องนั้นดี?''
ขณะนี้ฉันไม่แน่ใจค่ะ บางอย่างพิเศษเกิดขึ้นระ
หว่างเรา และฉันไม่อยากให้เรามองข้ามสิ่งนั้นไป''
เขาหยุดพูดไปครู่ใหญ่
''คุณพูดถูก'' เขาเริ่มพูดด้วยความรู้สึกต่อสู้ภายในใจ
กับการพยายามหาถ้อยคําที่จะใช้
''ในความคิดของผม ผมรู้ดีว่าคุณพูดถูก แต่ในใจของผม
แล้ว...ผมไม่รู้จริงๆ''
''แล้วใจฉันล่ะคะ? มันไม่สําคัญกับคุณเลยใช่มั้ย?''
ท่าทีที่เธอมองเขาทําให้คอเขาเกร็งขึ้นมา
''แน่นอน มันสําคัญกับผม มันเป็นเรื่องลึกซึ้งมากกว่าที่
คุณคิด'' เมื่อเขาเอื้อมมือออกไปเพื่อที่จะจับมือเธอไว้ เธอถอย
หนีออกมา เขาจึงประจักษ์ว่า เขาได้ทําร้ายจิตใจเธอมากเพียงใด
เขาพยายามควบคุมความรู้สึกแล้วเอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า
''เธเรซ่า ผมเสียใจที่ทําให้คุณ เอ้อ ทําให้เรามาพบกับเรื่อง
ยุ่งยากเช่นนี้ในคืนสุดท้ายของเรา ผมไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้นเลย
เชื่อผมเถอะ คุณไม่ได้เป็นแค่คู่นอนสําหรับผม พรัเจ้า คุณเป็น
ทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ไม่ได้เป็นแบบที่คุณพูดนั้นเลย''
''ผมบอกคุรแล้วว่าผมแคร์คุณจริงๆ แล้วผมหมายความ
ตามที่พูดนั้น''
เขาอ้าแขนออก สายตาเขาอ้อนวอนให้เธอเข้ามาอยู่เคียง
ข้างเขา เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วในที่สุดก้อเนกายไปซบเขา
ความรู้สึกขัดแย้งอย่างรุนแรงพลุ่งพล่านอยู่ในตัวเธอ เธอซบหน้า
ลงกับอกเขาด้วยไม่อยากเห็นสีหน้าเขา เขาจูบผมเธอแล้วพูดขึ้น
อย่างนุ่มนวล ริมฝีปากเขาขยับไปมาอยู่เหนือตัวเธอ
''ผมแคร์คุณจริงๆ ผมแคร์คุณมากจนทําให้ผมกลัว ผม
ไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานแสนนานแล้ว แทบจะคล้ายกับว่าผมลืม
ไปแล้วว่า ใครสักคนอาจมีความสําคัญกับชีวิตผมได้มากเพียงใด
ผมไม่คิดว่าผมจะทําเพียงแค่ปล่อยคุณไปแล้วก็ลืมคุณ แล้วผมก็
ไม่อยากให้มันเป็นเช่นนั้นด้วย อีกอย่าง ผมไม่ต้องการให้ความ
สัมพันธ์ของเราจบสิ้นลงในขณะนี้แน่นอน'' มีเพียงเสียงหายใจ
เบาๆ เป็นจังหวะของเขาอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเขากระซิบว่า
''ผมสัญญาว่าผมจะทําทุกอย่างเพื่อให้ผมได้พบคุณ และ
ผมจะพยายามทําให้สําเร็จ''
นํ้าเสียงอันอ่อนโยนของเขาทําให้นํ้าตาเธอเริ่มรินหลั่งออก
มา เขาพูดต่อไปด้วยเสียงค่อยจนเธอแทบไม่ได้ยิน
''เธเรซ่า ผมคิดว่าผมหลงรักคุณ''
ผมคิดว่า ผมหลงรักคุณ เธอได้ยินอีกครั้ง ผมคิดว่า...
ผมคิดว่างั้นหรือ...
เธอไม่อยากพูดโต้ตอบ เพียงแค่กระซิบว่า
''แค่กอดฉันไว้ก็พอ ตกลงมั้ย? เราอย่าพูดอะไรกันอีกเลย''
สิ่งแรกที่เขาและเธอทํในตอนเช้าคือร่วมรักกันและกอด
กันไว้ จนกระทั่งดวงอาทิตย์เคลื่อนตัวขึ้นสูงพอที่จะทําให้เขาและ
เธอรู้ว่าถึงเวลาที่เธเรซ่าพร้อมที่จะไปแล้ว แม้ว่าเธอจะไม่ได้ใช้
เวลามากมายอยู่ที่โรงแรม และนํากระเป๋าเดินทางมาไว้ที่บ้าน
แกเร็ตแล้วก็ตาม แต่เธอก็ยังไม่ได้เช็กเอาต์เผื่อฉุกเฉินกรณีที่เควิน
หรือเดียนน่าโทรศัพท์มาหา
ทั้งสองอาบนํ้าฝักบัวด้วยกัน หลังจากแต่งตัวเสร็จแล้ว
แกเร็ตจึงทําอาหารเช้าให้เธเรซ่าระหว่างที่เธอเก็บของใส่กระเป๋า
จนเสร็จ ในขณะที่เธเรซ่ารูดซิปกระเป๋าเดินทาง เธอได้ยินเสียง
ฉ่าๆ จากในครัวพร้อมกับกลิ่นเบคอนอบอวลไปทั่วบ้าน หลังเป่า
ผมและแต่งหน้าเสร็จแล้วเธอจึงเดินเข้าไปในครัว
แกเร็ตกําลังนั่งดื่มกาแฟอยู่ที่โต๊ะ เขาหลิ่วตาให้เมื่อเธอเดิน
เข้ามา บนเคาน์เตอร์เขาวางถ้วยใบหนึ่งทิ้งไว้ข้างเครื่องต้มกาแฟ
เธอจึงรินกาแฟใส่ถ้วยนั้น อาหารเช้าพร้อมอยู่ที่โต๊ะ ไข่คน เบคอน
และขนมปังปิ้ง เธเรซ่านั่งเก้าอี้ติดกับเขา
''ผมไม่รู้ว่าคุณอยากกินอะไรสําหรับอาหารเช้า'' เขาพูด
และผายมือไปที่โต๊ะ
''ฉันไม่หิวค่ะแกเร็ต ถ้าคุณไม่ว่าอะไร''
เขายิ้ม ''ไม่เป็นไรครับ ผมก็ไม่หิวเหมือนกัน''
เธอลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินไปนั่งตักเขา เธอโอบตัวเขาไว้
และซุกหน้าลงที่ลําคอเขา เขากอดเธอตอบกลับไว้แน่นแล้วใช้มือ
ลูบผมเธอไล่ลงมา
ที่สุดเธอก้ดึงตัวกลับ เวลาที่เขาและเธอใช้ร่วมกันกลาง
แจ้งในสัปดาห์นี้ทําให้ผิวเธอเป็นสีแทน เธอดูเหมือนวัยรุ่นที่มีแต่
ความสําราญใจในชุดกางเกงยีนขาสั้นและเสื้อเชิ้ตขาวสะอาด
เป็นเวลาครู่หนึ่งที่เธอจ้องมองลงไปที่ดอกไม้เล็กๆ ซึ่งเย็บติดเป็น
ลวดลายอยู่ในรองเท้าแตะที่เธอสวม กระเป๋าเดินทางและกระเป๋า
ถือของเธอตั้งวางรออยู่ข้างประตูห้องนอน
''เครื่องบินจะออกในไม่ช้านี้แล้วค่ะ ฉันยังต้องไปเช็กเอาต์
จากโรงแรม และคืนรถเช่าด้วย'' เธอพูด
''คุณแน่ใจหรือครับว่าคุณไม่อยากให้ผมไปกับคุณ?''
เธอผงกศรีษะและเม้มริมฝีปาก ''ไม่ค่ะ ฉันต้องรีบขึ้น
เครื่องให้ทันตามเวลาจริงๆ แล้วอีกอย่าง คุณก็ต้องขับรถตาม
ฉันไป เราอาจกล่าวลากันง่ายๆ ที่นี่ก็ได้ค่ะ''
''ผมจะโทร.หาคุณคืนนี้นะ''
เธอยิ้ม ''ฉันก็หวังว่าคุณจะโทร.มาค่ะ''
ดวงตาเธอเริ่มมีนํ้าตาเอ่อท้นขึ้นมา เขาจึงโน้มตัวเธอเข้า
มาใกล้
''ผมจะคิดถึงยามเมื่อมีคุณอยู่ที่นี่'' เขาพูด ในขระที่เธอ
เริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้น เขาใช้นิ้วปาดนํ้าตาให้เธอ สัมผัสเขาแผ่ว
พลิ้วอยู่บนผิวหน้าเธอ
''ฉันจะคิดถึงยามที่คุณทําอาหารให้ฉันกิน''
เธอกระซิบ และรู้สึกว่ามันเป็นคําพูดโง่ๆ
เขาหัวเราะ ความตึงเครียดจึงผ่อนคลายลง ''อย่าเสียใจ
ไปเลย เราจะพบกันในอีก 2 สัปดาห์ไม่ใช่หรือ?''
''ถ้าคุรไม่เปลี่ยนใจ''
เขายิ้ม ''ผมจะนับวันรอ แล้วคราวนี้คุณจะพาเควินมา
ด้วย ถูกมั้ย?''
เธอผงกศรีษะ
''ดีครับ ผมอยากพบเขา ถ้ารวมๆแล้วเขาคล้ายคุณ ผม
แน่ใจว่าเราจะเข้ากันได้อย่างดีเยี่ยม''
''ฉันก็แน่ใจเช่นกันค่ะว่าคุณต้องเข้ากับเขาได้ดี''
''แล้วผมจะคิดถึงคุณตลอดเวลา จนกว่าจะถึงเวลานั้น''
''จริงนะคะ?''
''แน่นอน ตอนนี้ผมก็คิดถึงคุณอยู่แล้ว''
''นั่นเป็นเพราะว่าฉันอยู่บนตักของคุณไง''
เขาหัวเราะอีกครั้ง เธอจึงยิ้มให้เขาทั้งนํ้าตา จากนั้นจึงยืน
ขึ้นแล้วเช็ดคราบนํ้าตาอันเปียกชื้นออกจากแก้ม แกเร็ตเดินไปยก
กระเป๋าเดินทาง แล้วทั้งสองก็ออกจากบ้านไป ข้างนอกนั้นดวง
อาทิตย์เคลื่อนสูงขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้ว จึงทําให้อากาศเริ่มร้อนขึ้น
อย่างรวดเร็ว เธเรซ่าหยิบแว่นกันแดดที่เธอเคยใช้และเก็บไว้ใน
ช่องข้างกระเป๋าถือขึ้นมาถือไว้ในมืออีกครั้ง ในขณะที่ทั้งสองเดิน
ไปยังรถที่เธเรซ่ามา
เธอไขกุยแจเปิดท้ายรถเพื่อให้เขาวางกระเป๋าเดินทางไว้
ด้านใน จากนั้นเขาจึงดึงตัวเธอมากอดไว้แล้วจูบทันทีอย่างแผ่ว
เบาก่อนปล่อยตัวเธอ หลังจากเปิดประตูรถให้แล้วเขาก็ช่วยเปิด
ประตูรถให้เธอ เธอสอดกุญแจเข้าไปในรู ทั้งสองจ้องมองกันโดย
ที่ประตูรถยังเปิดอยู่ จนกระทั่งเธอสตาร์ตรถ
''ฉันต้องไปแล้วค่ะ ไม่เช่นนั้นจะขึ้นเครื่องไม่ทัน''
''ผมรู้''
เขาก้าวถอยออกมาแล้วปิดประตูรถ เธอเลื่อนกระจกรถลง
แล้วยื่นมืออกมา แกเร็ตจับมือเธอไว้เพียงคร฿หนึ่ง จากนั้นเธอก็
เข้าเกียร์ถอยหลัง
''คุณจะโทร.มาคืนนี้ใช่มั้ย?''
''ผมสัญญา''
เธอดึงมือกลับเข้าไปในรถ ยิ้มให้เขา แล้วเริ่มเคลื่อนรถไป
ข้างหน้าช้าๆ แกเร็ตเฝ้ามองเธอโบกมือให้เป็นครั้งสุดท้ายก่อนขับ
รถออกไปพร้อมกับความสงสัยว่า เขาจะผ่านพ้น 2 สัปดาห์จาก
นี้ไปได้อย่างไรกัน
ทั้งๆ ที่การจราจรคับคั่ง แต่เธเรซ่าก็มาถึงได้อย่าง
รวดเร็วแล้วเช็กเอาต์ มีข้อความจากเดียนน่าฝากถึงเธอ 3 ครั้ง
ดูเหมือนว่าแต่ละครั้งจะเพิ่มความอยากรู้มากยิ่งกว่าครั้งก่อนขึ้น
เรื่อยๆ ข้อความแรกอ่านว่า ''เกิดอะไรขึ้นที่นั่นบ้าง? การออก
เดตของเธอเป็นยังไงบ้าง?'' ข้อความที่สองอ่านว่า ''ทําไมเธอไม่
โทร.มาเลย? ฉันรอฟังเรื่องราวทั้งหมดอยู่'' และข้อความที่สาม
บอกเพียงว่า ''เธอทําให้ฉันอยากรู้จนใจจะขาดอยู่แล้ว โทร.มา
เล่ารายละเอียดให้ฟังด้วย ได้โปรดเถอะ'' มีข้อความจากเควิน
ฝากไว้อีกหนึ่งข้อความด้วย ซึ่งดูเหมือนเป็นข้อความที่ล่วงผ่านมา
อย่างน้อยที่สุด 2 วันแล้ว เพราะเธอโทร.ไปหาเขาสองสามครั้ง
แล้วจากบ้านแกเร็ต
เธอคืนรถเช่าและไปถึงสนามบินก่อนเวลาเครื่องบินออกไม่
ถึงครึ่งชั่วโมง โชคดีที่แถวต่อคิวเช็กกระเป๋าสั้น เธอจึงไปถึงประตู
ทางออกทันเวลาขึ้นเครื่องพอดี หลังจากยื่นตั๋วให้กับพนักงาน
หญิงดูแลผู้โดยสารบนเครื่องแล้ว เธอจึงขึ้นเครื่องไปนั่งตามเลขที่
นั่งของเธอ เที่ยวบินไปเมืองชาร์ล็อต*(*Charlotte - เมืองใหญ่ที่สุด
ในรัฐนอร์ทแคโรไลน่า ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของรัฐ ใกล้เขตรัฐเซาท์แค
โรไลน่า)ไม่เต็ม และที่นั่งติดเธอว่าง
เธเรซ่าหลับตาลง แล้วนึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์อันน่า
อัศจรรย์ที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่เพียงแต่เธอจะพบแกเร็ต
เท่านั้น เธอยังได้รู้จักเขาดีขึ้นกว่าที่เคยจินตนาการว่าจะเป็นไป
ได้ เขาได้ปลุกเร้าความรู้สึกอันลํ้าลึกในตัวเธอขึ้นมา ความรู้สึกที่
เธอคิดว่ามันถูกฝังไปนานแล้ว
แต่เธอรักเขาหรือ?
เธอใครครวญถึงคําตอบต่อคําถามนั้นอย่างระมัดระวัง
ด้วยความเคลือบแคลงสงสัยว่า การยอมรับเช่นนั้นอาจหมายถึง
อะไร
เธอคิดทบทวนบทสนทนาระหว่างเขาและเธอในคืนสุดท้าย
ไปเรื่อยเปื่อย ความกลัวของเขาที่จะปลดปล่อยอดีตให้ผ่านไป
ความรู้สึกของเขาที่จะไม่อาจเห็นหน้าเธอได้มากเท่าที่เขาต้องการ
เธอเข้าใจสิ่งต่างๆ ได้โดยสมบรูณ์ แต่คําพูดที่ว่า...''
ผมคิดว่า ผมรักคุณ
เธอขมวดคิ้ว ทําไมถึงต้องเติมคําว่า ''คิด'' เข้าไปด้วยนะ?
เขารัก...หรือไม่ก็ เขาไม่รัก...
หรือเขาไม่รัก? เขาพูดเช่นนั้นเพื่อปลอบประโลมใจเธอหรือ
เปล่านะ? หรือเขาพูดเช่นนั้นเพื่อเหตุผลอื่น?
ผมคิดว่า ผมหลงรักคุณ
เธอได้ยินเสียงของเขาก้องอยู่ในใจครั้งแล้วครั้งเล่า นํ้า
เสียงของเขาหวาดหวั่นอยู่กับ...อะไรนะ? ความรู้สึกสองจิตสอง
ใจงั้นหรือ? เมื่อคิดถึงเรื่องต่างๆ ขึ้นมาตอนนี้แล้ว เธอแทบไม่
อยากให้เขาพูดอะไรออกมาเลย อย่างน้อยที่สุด เธอก็ไม่ต้องมา
นั่งพยายามคิดว่าเขาหมายถึงอะไร
แล้วเธอล่ะ...เธอรักแกเร็ตหรือเปล่า?
เธอหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า และไม่ต้องการเผชิยกับ
ความรู้สึกซึ่งต่อสู้กันอยู่ภายในจิตใจของเธอขึ้นมาในบัดดล แต่
ที่แน่ๆ เรื่องหนึ่งก็คือ เธอจะไม่บอกเขาว่าเธอรักเขาเป็นอันขาด
จนกว่าเธอจะแน่ใจว่าเขาตัดใจจากแคธรีนได้อย่างแน่นอนแล้ว
คืนนั้น ในความฝันของแกเร็ต พายุรุนแรงกําลังโหมกระ
หนํ่าเข้ามา ฝนตกลงมาอย่างหนัก สาดเทลงมาปะทะด้านข้าง
ของตัวบ้าน ในขระที่แกเร็ตวิ่งอย่างบ้าคลั่งจากห้องหนึ่งไปยัง
อีกห้องหนึ่งที่อยู่ติดกัน มันคือบ้านที่เขาอยู่ขณะนี้ แม้ว่าเขารู้แน่
ชัดว่าเขากําลังจะไปที่ไหน แต่ฝนที่ตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา
ซึ่งสาดเข้ามาทางช่องหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้ ทําให้ยากลําบากที่จะ
มองเห็น ด้วยรู้ว่าเขาต้องปิดหน้าต่าง เขาจึงรีบวิ่งไปยังห้องนอน
และรู้สึกว่าตัวเขาติดอยู่ในม้วนผ้าม่านที่พันตัวเขาเนื่องจากแรงลม
พายุพัดกระหนํ่าเข้ามาในห้อง เขาดิ้นหลุดออกมาได้ แล้วเอื้อม
มือไปที่หน้าต่าง ในจังหวะเดียวกับที่ไฟฟ้าดับลงพอดี
ห้องมืดมิดลง เขาได้ยินเสียงไซเรนเตือนภัยพายุเฮอร์ริเคน
ดังขึ้นมาจากระยะไกลแข่งกับเสียงพายุ ท้องฟ้าสว่างวาบขึ้นด้วย
สายฟ้าฟาดขณะที่เขาพยายามใช้มือความปิดหน้าต่าง แต่หน้า
ต่างบานนั้นขยับไม่ได้ ฝนยังคงเทกระหนํ่าเข้ามาในบ้านต่อไปไม่
หยุดหย่อน และมือเปียกปอนทําให้เป็นไปได้ยากที่เขาจะจับยึด
สิ่งที่เขาต้องการไว้ได้
เหนือตัวเขาขึ้นไป หลังคาเริ่มมีเสียงดังโครมครามจาก
ความรุนแรงของพายุ
เขาพยายามใช้มือควานปิดหน้าต่างต่อไป แต่มันติดกึก
และขยับเขยื้อนไม่ได้ เขาล้มเลิกความตั้งใจในที่สุด แล้วพยายาม
ทําแบบเดียวกันนั้นกับหน้าต่างบานข้างๆ มันติดเช่นเดียวกับ
หน้าต่างบานแรก
เขาได้ยินเสียงแผ่นไม้มุงหลังคาปริแยกจากหลังคา ตาม
มาด้วยเสียงดังเปรี้ยงจากกระจกที่แตกละเอียด
เขาหมุนตัววิ่งไปยังห้องนั่งเล่น กระจกหน้าต่างในห้องนั้น
แตกดังเปรี้ยง เศษกระจกสาดกระจายเข้ามาในบ้านเต็มทั่วพื้น
ห้อง ฝนซัดกระหนํ่าจากด้านข้างเข้ามาในห้องนั่งเล่นพร้อมกับ
ลมพายุอันน่าสะพรึงกลัว ประตูหน้าบานสั่นกระเพื่อมอยู่ในโครง
ประตู
เขาได้ยินเสียงเธเรซ่าตะโกนเรียกเขาจากนอกหน้าต่าง
''แกเร็ต คุณต้องออกมาเดี๋ยวนี้!''
ในชั่วขณะนั้น กระจกหน้าต่างในห้องนอนก็แตกเปรี้ยงเข้า
มาในห้องด้วย แรงจากลมที่พัดผ่านเข้ามาในบ้านเริ่มฉีกฝ้าเปิด
ออก บ้านหลังนี้ไม่อาจทนต่อแรงพายุได้อีกนานนัก
แคธรีน
เขาต้องไปหยิบรูปและข้าวของอื่นๆ ของเธอซึ่งเขาเก็บรักษา
ไว้ในด๖หัวเตียง
''แกเร็ต! คุณไม่มีเวลาเหลือแล้วนะ!'' เธเรซ่าตะโกนอีกครั้ง
ทั้งที่ๆ ฝนตกลงมาท่ามกลางความมืดมิด เขาก็ยังมองเห็น
เธอยืนโบกมือเรียกให้เขาตามเธออกไป
รูป แหวน การ์ดวันวาเลนไทน์
''มาเร็ว!'' เธอตะโกนต่อไป แขนเธอโบกไปมาอย่างบ้าคลั่ง
หลังคาแยกออกจากโครงของตัวบ้านเสียงดังสนั่น และลม
เริ่มกระชากหลังคาแยกออกจากกันเป็นชิ้นๆ เขายกมือปิดเหนือ
ศรีษไว้ด้วยสัญชาตญาณ ในขณะที่ชิ้นส่วนของเพดานหล่นลง
มากระแทกตัวเขาพอดี
ในชั่วขณะนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างอาจสูญสลายไป เขาวิ่งตรง
ไปยังห้องนอนโดยไม่สนใจอันตรายใดๆ เขาไม่อาจจากไปโดย
ปราศจากสิ่งของเหล่านั้นได้
''คุณยังออกมาทันนะ!''
อะไรบางอย่างในเสียงร้องของเธเรซ่าทําให้เขาหยุดวิ่ง เขา
ชําเลืองมองมาที่เธเรซ่าและมองไปยังห้องนอน แล้วยืนตัวแข็งทื่อ
อยู่ตรงนั้น
ชิ้นส่วนเพดานหล่นลงมารอบๆ ตัวเขามากขึ้น หลังคา
ยังคงหลุดกระจายต่อไป พร้อมกับเสียงไม้มุงหลังคาแตกลั่นดัง
เปรี๊ยะๆ
เขาก้าวตรงไปยังห้องนอน และเห็นเธเรซ่าหยุดโบกมือ เมื่อ
เขาทําเช่นนั้น สําหรับเขาแล้ว ดูเหมือนกับว่าเขาเลิกล้มความตั้งใจ
ลงในทันทีทันใด
แรงจากลมพายุที่พัดผ่านเข้ามาในห้อง ทําให้เกิดเสียงร้อง
โหยหวนอันลึกลับที่ดูเหมือนจะแว่วผ่านเขาไป เฟอร์นิเจอร์ล้ม
ระเนระนาดไปทั่วทั้งห้องและกั้นขวางทางเขาไว้
''แกเร็ต! ได้โปรดเถอะ!'' เธเรซ่าตะโกน
นํ้าเสียงเธอทําให้เขาหยุดลงอีกครั้ง และด้วยเสียงนั้นทํา
ให้เขาตระหนักว่า หากเขาพยายามรักษาสิ่งต่างๆ ในอดีตของเขา
ไว้แล้ว เขาอาจไม่สามารถรอดชีวิตออกไปได้
แต่มันคุ้มกันหรือเปล่า?
คําตอบชัดเจนอยู่แล้ว
เขาล้มเลิกความตั้งใจเดิมแล้วรับวิ่งออกไปยังบริเวณห้อง
โถงมีหน้าต่าง เขาใช้กําปั้นทุบเศษกระจกที่ยังค้างอยู่ที่หน้าต่าง
นั้นแล้วก้าวออกมาจากตัวบ้านไปบนระเบียงด้านหลัง ในขณะที่
หลังคาบ้านถูกแรงลมกระโชกหลุดกระจายออกไปจากกัน ผนัง
บ้านเริ่มโค้งงอ และในขณะที่เขากระโจนออกไปบนระเบียง ส่วนที่
เหลือของตัวบ้านก็พังทลายลงมากองพร้อมกับเสียงกึกก้องกัมป
นาทปานฟ้าคําราม
เขามองหาเธเรซ่าเพื่อให้แน่ใจว่าเธอปลอดภัย แต่
น่าแปลกที่เขามองไม่เห็นเธออีกต่อไปแล้ว</span></span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
แมงป่อง
แม่ไข่หวาน พ่อไข่เค็ม
 
โพสต์: 1468
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ พ.ค. 05, 2007 10:25 pm

โพสต์โดย แมงป่อง » พฤหัสฯ. ก.ค. 03, 2008 9:57 pm

<span style='font-size:14pt;line-height:100%'><span style='color:blue'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'><span style='color:red'>บที่ 10</span></span>

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ในขณะที่เธเรซ่ากําลังหลับสนิท เสียง
โทรศัพท์ดังรบกวนปลุกเธอให้ตื่น เธอคลําหาโทรศัพท์เพื่อรับสาย
และจดจําเสียงของแกเร็ตได้ทันที
''คุณถึงบ้านเรียบร้อยดีมั้ย?''
''ค่ะ เรียบร้อยดี'' เธอตอบแบบสะลืมสะลื ''กี่โมงแล้ว
คะ?''
''หกโมงกว่าแล้ว ผมทําให้คุณตื่นรึเปล่า?''
''ค่ะ เมื่อคืนวานฉันรอโทรศัพท์คุณจนดึก ฉันเริ่มสงสัย
แล้วว่าคุณลืมสัญญารึเปล่า?''
''ผมไม่ได้ลืม ผมเพียงแค่คิดว่าคุณต้องการเวลานิดหน่อย
สําหรับการปรับตัวให้เข้าที่เข้าทาง''
''แต่คุณมั่นใจว่าฉันจะตืนตั้งแต่ไก่โห่ ถูกมั้ย?''
แกเร็ตหัวเราะ ''ขอโทษ เที่ยวบินเป็นยังไงบ้าง คุณสบาย
ดีมั้ย?''
''ดีค่ะ เหนื่อยแต่ก็ดี''
''งั้นผมเข้าใจว่า การก้าวไปตามจังหวะชีวิตในเมืองใหญ่
ทําให้คุณเหนื่อยล้าอีกครั้งแล้ว''
เธอหัวเราะ เสียงของแกเร็ตจึงเปลี่ยนเป็นจริงจัง ''เฮ้ ผม
อยากให้คุณรู้อะไรบางอย่าง''
''อะไรคะ?''
''ผมคิดถึงคุณ''
''จริงรึ?''
''จริงสิ เมื่อวานร้านปิด แต่ผมก็ไปทํางานโดยหวังว่าจะทํา
งานเอกสารบางอย่างให้เสร็จ แต่ผมทําไม่ได้มากนักเพราะผมเฝ้าแต่
คิดถึงคุณ''
''ดีจังที่ได้ยินเช้นนั้น''
''เป็นความจริงนะ ผมไม่รู้ว่าผมจะทํางานต่างๆ ให้เสร็จ
สิ้นไปได้ยังไงตลอด 2 สัปดาห์ข้างหน้านี้''
''โอ้ คุณจัดการได้แน่ค่ะ''
''ผมอาจหลับไม่ลงอีกด้วยนะ''
เธอหัวเราะ เพราะรู้ว่าเขากําลังหยอกล้อเธอ
''ตอนนี้อย่าเพิ่งไปไกลขนาดนั้นเลย ฉันไม่สนใจบรรดา
ผู้ชายที่เอาชีวิตไปแขวนไว้กับคนอื่นมากเกินเหตุ คุณรู้มั้ย ฉัน
อยากให้ผู้ชายที่ฉันรักเป็นผู้ชายเต็มตัว''
''งั้นผมจะพยายามระงับใจไว้''
เธอหยุดพูดไปครู่หนึ่ง ''ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนคะ?''
''ผมกําลังนั่งอยู่ระเบียงหลังบ้าน เฝ้าชมดวงอาทิตย์ขึ้นอยู่
ทําไมเหรอ?''
เธเรซ่าหวนคิดถึงทิวทัศน์ที่เธอพลาดชม
''สวยมั้ยคะ?''
''งดงามเสมอครับ แต่เช้านี้ผมไม่ได้เพลิดเพลินกับมันมาก
เท่าที่เป็นเหมือนเคย''
''ทําไมล่ะ?''
''เพราะคุณไม่ได้อยู่ที่นี่กับผมเพื่อเพลิดเพลินกับมันด้วย
น่ะสิ''
เธอเอนหลังนอนลงบนเตียงเพื่อทําตัวตามสบาย ''เฮ้ ฉัน
ก็คิดถึงคุณเช่นกัน''
''ผมก็หวังไว้เช่นนั้น ผมไม่ชอบคืดว่าผมรู้สึกแบบนี้เพียง
คนเดียว''
เธอยิ้ม ในขณะที่มือหนึ่งยังถือโทรศัพท์ไว้ที่หู ส่วนอีกมือ
หนึ่งบิดปอยผมอย่างใจลอย เขาและเธอพูดคุยกันต่อไปอีก
20 นาที จนพูดกล่าวเวลากันอย่างไม่สู้เต็มใจแล้ววางสาย
เธเรซ่าเข้ามาที่สํานักงานสายกว่าปกติ เธอรู้สึกว่าในที่สุด
แล้ว ผลจากการผจญภัยที่เกิดขึ้นในเวลาอันจํากัดเริ่มทําให้เธอ
เหนื่อยล้า เธอไม่ได้นอนมากนัก และเมื่อส่องกระจกหลังจากคุย
โทรศัพท์กับแกเร็ตแล้ว เธอจึงรู้สึกแน่ใจว่าเธอดูแก่กว่าอายุจริงไป
อย่างน้อย 10 ปี ตามปกติเมื่อมาถึงที่ทํางาน เธอจะไปที่ห้อง
เบรกเป็นแห่งแรกเพื่อแวะชงกาแฟ และเช้าวันนี้เธอเพิ่มนํ้าตาล
ในกาแฟ 2 ซองเพื่อช่วยกระตุ้นเป็นพิเศษ
''เฮ้อ สวัสดีเธเรซ่า'' เดียนน่าพูดอย่างมีความสุขขณะที่เดิน
ก้าวยาวๆ เข้ามาข้างหลังเธอ ''ฉันคิดว่าเธอจะไม่มาที่นี่อีกแล้ว
ฉันอยากได้ยินเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นแทบตายอยู่แล้ว''
''อรุณสวัสดิ์'' เธเรซ่าพึมพําขณะชงกาแฟ ''ขอโทษนะที่
มาสาย''
''ฉันดีใจจริงๆ ที่เธอกลับมาถึงเรียบร้อยดีทุกอย่าง เมื่อคืน
วานฉันเกือบแจ้นไปหาเธอที่อพาร์ตเมนต์เพื่อคุยกับเธอแล้วเชียว
แต่ฉันไม่รู้ว่าเธอจะมาถึงเวลาไหน?''
''ขอโทษนะที่ไม่ได้โทร.หาเธอ ฉันรู้สึกเพลียนิดหน่อยจาก
การใช้เวลาตลอดช่วงสัปดาห์ที่หยุดพัก'' เธอพูด
เดียนน่าเอนตัวพิงเคาน์เตอร์
''อ๋อ...นั่นไม่ใช่เรื่องแปลกเลย ฉันใช้เหตุผลปะติดปะต่อ
เรื่องราวเข้าด้วยกันได้แล้วล่ะ''
''เธอหมายความว่าอะไร?''
เดียนน่าตาเป็นประกาย ''ฉันเข้าใจว่าเธอยังไม่เห็นโต๊ะ
ทํางานของเธอละสิ''
''ยังเลย ฉันเพิ่งเดินเข้ามา ทําไมเหรอ?''
''ดีละ'' เธอพูดพร้อมเลิกคิ้ว ''ฉันคิดว่ามันจะต้องทําให้
เธอประทับใจเป็นอย่างมากเลย''
''เธอกําลังพูดถึงเรื่องอะไรน่ะ เดียนน่า?''
''มากับฉันนี่'' เดียนน่าพูดพร้อมกับยิ้มกว้างจนเห็นฟัน
อย่างมีเลศนัยในขณะที่เธอเดินนําเธเรซ่ากลับเข้าไปในห้อเขียน
ข่าว เมื่อเธเรซ่าเห็นโต๊ะทํางานของเธอ เธอถึงกับอ้าปากค้างเมื่อ
เห็นกุหลาบ 12 ดอกจัดไว้อย่างงดงามในแจกันใสขนาดใหญ่วาง
ไว้ถัดจากจดหมายที่กองรวมกัน
''เป็นสิ่งแรกที่มาถึงในเช้านี้ ฉันคิดว่าผู้ชายที่นําดอกไม้มา
ส่งตกใจนิดหน่อยที่เธอไม่ได้อยู่รับของ แต่ฉันก็รับสมอ้างไปเลย
ว่าฉันเป็นเธอ จากนั้นเขาเลยยิ่งดูตกใจมากขึ้นจริงๆ''
เธเรซ่าไม่ค่อยฟังสิ่งที่เดียนน่าพูดนัก ในขณะที่เธอเอื้อมไป
หยิบการ์ดที่วางพิงอยู่กับแจกันแล้วเปิดออกทันที เดียนน่ายืนอยู่
ข้างหลัง แล้วชะโงกหน้ามองข้ามไหล่เธอมา
ข้อความในการ์ดอ่านว่า
''แด่ผู้หญิงที่สวยที่สุดที่ผมรู้จัก ด้วยเหตุที่ผมต้องอยู่อย่าง
เดียวดายอีกครั้ง
จึงไม่มีสิ่งใดเหมือนกับที่ครั้งหนึ่งสิ่งต่างๆ เคยเป็น
ท้องฟ้าหม่นหมอง และทะเลไม่น่ามองยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
คุณจะทําให้สิ่งต่างๆกลับมางดงามอีกครั้งได้ไหม?
วิธีเดียวคือการกลับมาพบผมอีกครั้ง''

ผมคิดถึงคุณ
แกเร็ต

เธเรซ่ายิ้มให้กับข้อความนั้น แล้วสอดการ์ดกลับเข้าไปใน
ซอง เธอโน้มตัวลงดมช่อกุหลาบ
''เธอต้องพบกับสัปดาห์อันควรค่าแก่การจดจํามาแน่ๆ เลย''
เดียนน่าพูด
''ใช่ ฉันได้พบกับสิ่งนั้น'' เธเรซ่าตอบเพียงแค่นั่น
''ฉันทนรอฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ไหวแล้วนะ เล่ามาทุก
รายละเอียดอันดุเด็ดเผ็ดมันเลย''
''ฉันคิดว่า'' เธเรซ่าพูด เธอมองไปรอบๆ ห้องแล้วกวาด
สายตาไปยังทุกคนรอบๆ ห้องเขียนข่าวที่กําลังแอบจับตามองเธอ
อยู่ ''ฉันอยากคุยเรื่องนี้กับเธอทีหลังเมื่อเราอยู่กันตามลําพัง ฉัน
ไม่อยากให้คนทั้งสํานักงานซุปซิบนินทากันเกี่ยวกับเรื่องนี้''
''พวกเขาซุปซิบนินทากันไปแล้วละเธเรซ่า มันเกิดขึ้นนาน
แล้ว ตั้งแต่มีดอกไม้ส่งมาที่นี่ แต่ไม่เป็นไร เราจะคุยเรื่องนี้กันที
หลัง''
''เธอบอกพวกเขารึเปล่าว่าใครส่งดอกไม้มา?''
''ไม่แน่นอน ด้วยความสัตย์จริงแล้วฉันอยากทําแบบว่า
ปล่อยให้พวกเขางงเล่นๆ กันไปอย่างงั้นแหละ''
เธอขยิบตากับเธเรซ่านิดหน่อยหลังจากมองไปรอบห้อง
เขียนข่าว ''ฟังนะ เธเรซ่า ฉันมีงานบางอย่างต้องทํา เธอคิดว่า
เรากินมื้อเที่ยงด้วยกันวันนี้ดีมั้ย? แล้วเราจะได้คุยกัน''
''ได้สิ ที่ไหนล่ะ''
''ร้านมิคูนิเป็นไง? ฉันพนันได้เลยว่าเธอหาร้านอาหารที่มี
ซูชิได้ไม่มากนักที่วิลมิงตัน''
''ฟังดูเยี่ยมเลย อีกอย่างนึง เดียนน่า...ขอบคุณนะที่รักษา
เรื่องนี้ไว้เป็นความลับ''
''ไม่มีปัญหา''
เดียนน่าตบไหล่เธเรซ่าเบาๆ อย่างนุ่มนวล แล้วเดินตรงกลับ
ไปยังห้องทํางานของเธอ เธเรซ่าโน้มตัวลงไปที่โต๊ะทํางานเพื่อดม
กลิ่นกุหลาบอีกครั้ง ก่อนจะเลื่อนแจกันไปไว้มุมโต๊ะ เธอเริ่มตรวจ
คัดแยกจดหมายเป็นเวลาสองสามนาที โดยแสร้งทําเป็นว่าไม่
สังเกตเห็นดอกไม้ จนกระทั่งห้องเขียนข่าวกลับคืนสู่สภาพปกติ
อันสับสนวุ่นวายเหมือนเดิม เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครให้ความสนใจ
แล้ว เธอจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทร.ไปหาแกเร็ตที่ๆทํางาน
เอียนรับสาย ''รอสักครู่ครับ ผมคิดว่าเขาอยู่ในสํานักงาน
โปรดแจ้งด้วยครับว่าใครโทร.มา?''
''บอกเขาว่าเป็นคนซึ่งต้องการนัดกําหนดการเรียนดํานํ้าที่
จะจัดขึ้นในสองสามสัปดาห์นี้'' เธอพยายามทําเสียงให้ดูห่างเหิน
ที่สุดเท่าที่จะทําได้ เพราะไม่แน่ใจว่าเอียนรู้เรื่องของเขาและเธอ
หรือไม่
เอียนให้เธอถือสายรอ และเงียบไปเพียงครู่เดียว จากนั้นก็
มีเสียงยกหูโทรศัพท์ แกเร็ตพูดสาย
''มีอะไรให้ผมช่วยมั้ยครับ'' เขาถาม นํ้าเสียงฟังดูอ่อนล้า
เล็กน้อย
เธอพูดเพียงว่า ''คุณไม่ควรต้องลําบากหรอกค่ะ แต่ฉันก็
ดีใจที่คุณได้ทําให้''
เขาจําเสียงเธอได้ นํ้าเสียงเขาสดใสขึ้น
''เฮ้ คุณนั่นเอง ผมดีใจที่ดอกไม้ไปถึงแล้ว มันดูดีมั้ย''
''สวยค่ะ คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันชอบกุหลาย?''
''ผมไม่รู้หรอก แต่ผมไม่เคยได้ยินเลยว่ามีผู้หญิงคนไหน
ไม่ชอบกุหลาบ ดังนั้นผมจึงลองเสี่ยงดู''
เธอยิ้ม ''งั้นคุณก็คงส่งกุหลาบไปให้ผู้หญิงหลายคนแล้วสิ''
''เป็นล้านเลยครับ ผมมีกลุ่มแฟนๆ ที่คลั้งไคล้ผมมากมาย
คุณรู้มั้ยว่าครูสอนดํานํ้าน่ะแทบจะเป็นเหมือนดาราหนังเลยนะ''
''พวกเขาเป็นอย่างนั้นกัน งั้นเหรอคะ?''
''คุณหมายความว่าคุณไม่เคยรู้มาก่อนเลยรึ? แล้วนี่ผมก็
คิดว่าคุณเป็นเพียงแค่กลุ่มแฟน ที่คลั่งไคล้ในตัวผมอีกคน''
เธอหัวเราะ ''ขอบคุณมากนะคะ''
''แน่อยู่แล้ว มีใครถามหรือเปล่าว่าใครส่งดอกไม้มาให้?''
เธอยิ้ม ''มีสิคะ''
''ผมหวังว่าคุณคงจะพูดถึงสิ่งดีๆ นะ''
''ฉันก็พูดไปอย่างนั้นละค่ะ ฉันบอกพวกเขาไปว่า คุณอายุ
68 ปี ตัวอ้วน แถมยังพูดไม่ชัดอย่างน่าเกลียดจนไม่อาจเข้าใจสิ่ง
ที่คุณพูดออกมาได้ แต่เพราะคุณช่างน่าสงสารเหลือเกิน ฉันจึง
คบกับคุณต่อไป แล้วก็ไปกินมื้อเที่ยงกับคุณ และโชคร้านที่คุณ
กําลังตามตื้อฉันอยู่''
''เฮ้ พูดอย่างนั้นทําร้ายจิตใจกันนะ'' เขาพูด แล้วเงียบไป
พักหนึ่งก่อนพูดขึ้นว่า ''เอาละ...ผมหวังว่ากุหลาบเหล่านั้นจะเตือน
ให้คุณรู้ว่าผมคิดถึงคุณนะ''
''อาจจะค่ะ'' เธอพูดอย่างเหนียมอาย
''อืม...ผมคิดถึงคุณ และไม่ต้องการให้คุณลืม''
เธอชําเลืองมองไปที่กุหลาบ ''ฉันด้วยค่ะ'' เธอพูดค่อยๆ
หลังจากที่เขาและเธอวางสายแล้ว เธเรซ่านั่งเงียบๆ ครู่หนึ่ง
แล้วเอื้อมไปหยิบการ์ดขึ้นมาอ่านข้อความอีกครั้ง คราวนี้แทนที่
จะวางการ์ดกลับไปอยู่กับดอกไม้ เธอกลับใส่ลงไปในกระเป๋าถือ
ของเธอเพื่อเก็บไว้ในที่ปลอดภัย เธอรู้จักกลุ่มคนพวกนี้ดี จึงแน่
ใจว่าใครบางคนจะต้องมาอ่านเมื่อเห็นว่าเธอไม่อยู่แล้ว
''แล้วเขาเป็นไงบ้าง?''
เดียนน่านั่งตรงข้ามเธเรซ่าที่โต๊ะอาหารในภัตตาคาร เธเรซ่า
ยื่นรูปที่ถ่ายไว้ในวันหยุดพักผ่อนของเธอให้เดียนน่าดู
''ฉันไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหนดี''
เดียนน่าจ้องดูรูปของแกเร็ตและเธเรซ่าบนชายหาด แล้วพูด
ขึ้นโดยไม่ได้มองเธอ
''เริ่มตั้งแต่ต้นเลย ฉันไม่อยากพลาดไปแม้แต่เรื่องเดียว''
เนื่องจากเธเรซ่าเคยเล่าเรื่องที่พบกับแกเร็ตที่ท่าเรือให้เธอ
ฟังไปบ้างแล้ว เธอจึงเลือกเรื่องเริ่มจากเย็นวันที่เขาและเธอใช้เวลา
ในการล่องเรือใบ เธอบอกกับเดียนน่าว่า เธอจงใจทิ้งเสื้อแจ๊กเก็ต
ไว้บนเรือเพื่อเป็นข้อแก้ตัวในการพบเขาอีกครั้ง ซึ่งเป็นเราองที่เดียน
น่าตอบกลับมาว่า ''สุดยอดจริงๆ!'' จากนั้นก็เล่าต่อไปเรื่อยๆ จน
ถึงเรื่องทีเขาและเธอกินอาหารมื้อเที่ยงด้วยกันในวันต่อมา และ
ในที่สุดก็ถึงอาหารมื้อคํ่า สรุปความ 4 วันสุดท้ายที่เขาและเธอใช้
เวลาด้วยกัน โดยตัดส่วนที่เป็นเรื่องปลีกย่อยมากๆ ทิ้งไป ในขณะ
ที่เดียนน่าตั้งใจฟังอย่างใจจดใจจ่อ
''ฟังดู เธอมีความสุขอันแสนวิเศษเลยนะ'' เดียนน่าพูดแล้ว
ยิ้มประหนึ่งแม่ที่ภาคภูมิใจในตัวลูก
''ใช่เลย มันเป็นสัปดาห์หนึ่งที่ดีที่สุดเท่าที่ฉันเคยมีมา
เพียงแต่ว่า...''
''อะไรเหรอ?''
เธอต้องใช้เวลาครู่หนึ่งเพื่อตอบ
''เฮ้อ...แกเร็ตพูดอะไรบางอย่างในตอนท้าย ซึ่งทําให้ฉัน
สงสัยว่าเป็นจุดที่เรื่องราวทั้งหมดกําลังจะเริ่มดําเนินต่อจากไป
จุดนี้''
''เขาพูดอะไร?''
''ไม่ใช่เพียงแค่สิ่งที่เขาพูดหรอก แต่มันคือท่าทีที่เขาพูด
ฟังดูเหมือนเขาไม่แน่ใจว่าเขาต้องการให้เราพบกันอีกรึเปล่า?''
''ฉันคิดว่า ฉันได้ยินเธอพูดว่าจะลงไปวิลมิงตันอีกครั้งใน
2 สัปดาห์นี้นะ''
''ฉันจะลงไป''
''แล้วปัญหาคืออะไรล่ะ?''
เธอกระวนกระวายใจและพยายามรวบรวมความคิด
''อืม เขายังคงต่อสู้ภายในใจอยู่กับแคธรีน และ...และฉัน
ไม่แน่ใจนักว่าจะมีวันที่เขาตัดใจจากเธอได้จริงๆ หรือเปล่า?''
เดียนน่าหัวเราะขึ้นมาในทันทีทันใด
''มีอะไรน่าขํานักหนา?'' เธเรซ่าถามขึ้นด้วยความตกใจ
''เธอนั่นแหละเธเรซ่า เธอคาดหวังว่าจะเจอกับอะไร? เธอ
ก็รู้ดีอยู่แล้วว่าเขายังคงต่อสู้กับแคธรีนอยู่ภายในใจก่อนที่เธอจะลง
ไปที่นั่นแล้ว จําได้มั้ยว่า นั่นคือความรัก ''อมตะ'' ของเขา ซึ่งเธอ
รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ดึงดูดใจเหลือเกินในตอนแรก เธอคิดว่าเขาจะ
ตัดใจจากแคธรีนได้อย่างสิ้นเชิงภายในเวลาไม่กี่วัน เพียงเพราะว่า
เธอทั้งสองไปด้วยกันได้ดีงั้นเหรอ?''
เธเรซ่าแลดูกระดากอาย เดียนน่าจึงหัวเราะอีกครั้ง
''เธอคิดอย่างนั้น ใช่มั้ยล่ะ? นั่นคือสิ่งที่เธอคิดอยู่จริงๆ''
''เดียนน่า เธอไม่ได้อยู่ที่นั่น...เธอไม่รู้หรอกว่าระหว่างเรา
แล้วทุกสิ่งทุกอย่างมันลงตัวเพียงใด จนกระทั่งมาถึงคืนสุดท้าย''
เสียงเดียนน่านุ่มนวลขึ้น ''เธเรซ่า ฉันรู้ว่ามีส่วนหนึ่งในตัว
เธอที่เชื่อว่าเธอสามารถเปลี่ยนแปลงใครบางคนได้ แต่ในความ
เป็นจริงแล้วเธอไม่อาจทําเช่นนั้นได้ เธออาจเปลี่ยนแปลงตัวเธอ
เองได้ และแกเร็ตก็อาจเปลี่ยนตัวเขาได้ แต่เธอไม่สามารถ
ทําสิ่งนั้นเพื่อเขาได้''
''ฉันรู้เรื่องนั้นดี''
''แต่เธอไม่ได้ทําเช่นนั้นนี่'' เดียนน่าพูดตัดบทเธอ
''หรือถ้าเธอทํา เธอก้ไม่อยากเห็นมันในลักษณะนั้น ภาพ
ในใจเธอเริ่มถูกบดบังด้วยเมฆหมอก เหมือนที่เขาพูดกัน''
เธเรซ่าขบคิดสิ่งที่เธอพูดอยู่ครู่หนึ่ง
''เราเริ่มมาพิจารณาเรื่องนี้กันโดยไม่มีอคติถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
กับแกเร็ตกันดีกว่า ตกลงมั้ย?'' เดียนน่าถาม
เธเรซ่าผงกศรีษะ
''แม้ว่าเธอจะรู้บางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับแกเร็ต แต่เขาไม่รู้
อะไรเกี่ยวกับเธอเลยโดยสิ้นเชิง กระนั้นเขาก็ยังชวนเธอไปล่อง
เรือใบด้วย ดังนั้น ต้องมีอะไรบางอย่างระหว่างเธอทั้งสองที่ปิ๊ง
กันขึ้นมาในทันที ประการต่อมา เธอพบเขาอีกครั้งเมื่อเธอแวะไป
รับเสื้อแจ๊กเก็ตของเธอ แล้วเขาก็ชวนเธอไปกินมื้อเที่ยง เขาบอก
เธอเรื่องแคธรีน แล้วชวนเธอกินอาหารมื้อคํ่า หลังจากนั้นเธอได้
ใช้เวลา 4 วันอันแสนสุขร่วมกัน เริ่มรู้จักกันและใส่ใจกันและกัน
ถ้าเธอเล่าให้ฉันฟังก่อนที่เธอจะจากที่นั่นมาว่าสิ่งนี้เกิดขึ้น
ฉันจะไม่เชื่อเลยว่ามันเป็นไปได้ แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว นั่คือแระ
เด็นที่น่าสนใจเป็นพิเศษ แล้วตอนนี้เธอทั้งสองก็วางแผนไว้ว่าจะ
พบกันอีกครั้ง สําหรับฉันแล้ว ฟังดูเหมือนเรื่องทั้งหมดได้สําเร็จ
ลงอย่างลํ้าเลิศ''
''งั้น เธอหมายความว่า ฉันไม่ควรกังวลในเรื่องที่ว่าเขาจะ
มีวันตัดใจจากแคธรีนหรือไม่ ใช่มั้ย?''
เดียนน่าสั่นศรีษะ ''ไม่ซะทีเดียว แฟงนะ เธอต้องทําที
ละอย่าง ความจริงคือว่า จนถึงขณะนี้เธอเพิ่งใช้เวลาอยู่ด้วยกัน
เพียงสองสามวัน นั่นไม่ใช่เวลามากพอที่จะตัดสินใจในเรื่องแบบ
นี้ ถ้าฉันเป็นเธอนะ ฉันจะดูต่อไปว่าพวกเธอรู้สึกอย่างไรต่อกัน
ตลอด 2 สัปดาห์ข้างหน้า และเมื่อเธอพบเขาครั้งต่อไปเธอจะ
เริ่มขยายขอบเขตที่เธอรู้จักตัวเขาออกไปมากกว่าที่เธอรู้จักเขาอยู่
ตอนนี้''
''เธอคิดอย่างนั้นหรือ?'' เธเรซ่าจับตามองเพื่อนเธอด้วย
ความกังวล
''ฉันคิดถูกตั้งแต่ชักจูงแกมบังคับให้เธอลงไปที่นั่นมาตั้งแต่
แรกแล้วไม่ใช่เหรอ?''
ในขณะที่เธเรซ่าและเดียนน่ากินอาหารกันอยู่นั้น แกเร็ตนั่ง
ทํางานอยู่ในสํานักงานหลังกองเอกสารมหึมาและเปิดประตูห้อง
ไว้ เจบ เบล็กเข้ามาในห้อง เขามองจนแน่ใจว่าลูกชายเขาอยู่
เพียงลําพังก่อนจะปิดประตูห้อง หลังจากนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้าม
โต๊ะทํางานของแกเร็ตแล้ว เจบจึงล้วงใบยาสูบและกระดาษม้วนใบ
ยาออกมาจากกระเป๋าแล้วเริ่มมวนบุหรี่
''เข้ามาเลย นั่งลงก่อนสิ ก็อย่างที่พ่อเห็นนี่แหละ ผมไม่
มีเวลาทําอะไรมากนักหรอก'' แกเร็ตชี้ไม้ชี้มือไปทางกองเอกสาร
ตรงหน้า
เจบยิ้มแล้วยืนมวนใบยาต่อ ''พ่อโทร.ไปที่ร้านสองสาม
ครั้ง เด็กในร้านบอกว่าแกไม่ได้เข้ามาที่ร้านเลยตลอดทั้งสัปดาห์
แกไปทําอะไร?''
แกเร็ตเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ แล้วมองตาพ่อเขา
''ผมแน่ใจว่าพ่อรู้คําตอบที่พ่อถามดีอยู่แล้ว และบางทีนั่น
อาจเป็นเหตุผลที่พ่อมาที่นี่ก็ได้''
''แกอยู่กับเธเรซ่าตลอดเวลาเลยรึ?''
''ใช่ ผมอยู่กับเธอตลอด''
เจบมวนบุหรี่ต่อไป แล้วถามอย่างใจเย็น
''แกสองคนไปทําอะไรกันมาบ้างล่ะ?''
''เราไปล่องเรือใบ เดินเล่นชายหาด แล้วก็คุยกัน...พ่อก็รู้นี่
ว่าเราแค่เพิ่งเริ่มรู้จักกัน''
เจบมวนบุหรี่เสร็จแล้วคาบไว้ที่ปาก เขาล้วงไฟแช็กซิปโป้
ออกมาจากกระเป๋าเสื้อเชิ้ตแล้วจุดบุหรี่ จากนั้นจึงสูดเข้าไปลึกๆ
แล้วพ่นควันออกมา ก่อนที่จะยิ้มยิงฟันแบบกวนๆ ใส่แกเร็ต
''แกทําสเต๊กเหมือนที่พ่อสอนแกไว้รึเปล่า?''
แกเร็ตยิ้มแหยๆ ''ทําสิ''
''เธอประทับใจมั้ย?''
''เธอประทับใจมาก''
เจบผงกศรีษะ แล้วอัดควันบุหรี่อีกครั้ง แกเร็ตรู้สึกว่าอา
กาศในห้องทํางานเริ่มมีกลิ่นเหม็นตลบจากควันบุหรี่
''งั้นก็ดีแล้ว อย่างน้อยที่สุดเธอก้เป็นคนมีคุณสมบัติดี
อย่างหนึ่งแล้ว ใช่มั้ย?''
''เธอมีอะไรดีมากกว่าหนึ่งอย่างนั้นมากเลยพ่อ''
''แกชอบเธอ ใช่มั้ย?''
''มากเลยละ''
''แม้ว่าแกจะไม่รู้จักเธอดีงั้นรึ?''
''ผมรู้สึกเหมือนกับว่าผมรู้ทุกอ่างเกี่ยวกับเธอ''
เจบผงกศรีษะ แล้วไม่พูดอะไรไปครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาจึง
ถามขึ้นว่า
''แกจะได้พบเธออีกหรือเปล่า?''
''ได้พบสิ เธอจะลงมาที่นี่ในสองสัปดาห์นี้พร้อมกับลูกชาย</span></span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
แมงป่อง
แม่ไข่หวาน พ่อไข่เค็ม
 
โพสต์: 1468
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ พ.ค. 05, 2007 10:25 pm

โพสต์โดย แมงป่อง » ศุกร์ ก.ค. 04, 2008 10:00 pm

<span style='color:orange'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>เธอ''
เจบจับตามองสีหน้าของแกเร็ตอย่างพินิจพิเคราะห์ จาก
นั้นเขาก็ยืนขึ้นแล้วออกเดินไปยังประตู ก่อนเปิดประตู เขาหัน
กลับมามองหน้าลูกชายแล้วพูดขึ้นว่า ''แกเร็ตพ่อจะให้คําแนะนํา
อะไรบางอย่างกับแกได้มั้ย?''
แกเร็ตสะดุ้งในการรีบร้อนจากไปของพ่อเขา แล้วตอบว่า
''ได้สิ''
''ถ้าแกชอบเธอ ถ้าเธอทําให้แกมีความสุข แล้วถ้าแกรู้สึก
เหมือนกับว่าแกรู้จักเธอดีแล้วละก็ อย่าปล่อยให้เธอหลุดมือไป''
''พ่อบอกเรื่องนี้กับผมทําไม?''
เจบมองตรงไปที่แกเร็ต แล้วอัดบุกรี่อีกครั้ง ''เพราะพ่อ
รู้จักแกดีพอที่จะรู้ว่าแกจะเป็นคนที่ทําให้เรื่องนี้จบลง และพ่อมา
ที่นี่ เพื่อพยายามหยุดยั้งแกไว้จากการทําเช่นนั้น ถ้าพ่อสามารถ
ทําได้''
''พ่อกําลังพูดถึงเรื่องอะไรกัน?''
''แกก็รู้อยู่เต็มอกว่าพ่อกําลังพูดเรื่องอะไร?'' เขาค่อยๆพูด
เจบหันหลังมาเปิดประตูแล้วออกไปจากสํานักงานของแกเร็ต
โดยไม่พูดอะไรอีกเลยแม้แต่คําเดียว

ต่อมาในคืนนั้น คําพูดของพ่อเขาที่ค้างคาใจยังคง
เสียนผ่านเข้ามาในหัวของเขา ทําให้แกเร็ตนอนไม่หลับ เขาลุก
จากเตียงไปที่ครัว ด้วยรู้ดีว่าเขาต้องการทําอะไร ในลิ้นชัก เขา
พบกระดาเขียนจดหมายที่เขาใช้อยู่เสมอเมื่อเกิดความขัดแย้ง
ขึ้นภายในจิตใจ
จากนั้นเขานั่งลง ด้วยหวังว่าจะถ่ายทอดความคิดออกมา
เป็นถ้อยคํา

แคธรีนที่รักของผม
ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม และผมไม่รู้ว่าผมตั้งใจให้มัน
เกิดขึ้นจริงๆ หรือเปล่า เมื่อเร็วๆ นี้มีสิ่งต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย
เหลือเกิน ซึ่งผมไม่อาจใช้เหตุผลกับสิ่งที่ผมกําลังประสบอยู่ได้

แกเร็ตนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารนานเป็นชั่วโมง หลังจากเขียน
ข้อความสองประโยคนั้นแล้ว เขาไม่อาจคิดถึงสิ่งอื่นใดที่จะพูดได้
อีก แต่ในเช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อเขาตื่นนอน เขากลับไม่รู้สึกเหมือนวัน
ส่วนใหญ่ที่ผ่านมา ความคิดแรกของเขาไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับแคธรีน
มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับเธเรซ่าแทน
ตลอด 2 สัปดาห์ต่อมา แกเร็ตและเธเรซ่าพูดโทรศัพท์กัน
ทุกคืน บางครั้งเป็นชั่วโมงๆ แกเร็ตส่งจดหมายถึงเธอสองสาม
ฉบับด้วย ซึ่งจริงๆ แลวเป็นข้อความสั้นๆ เพื่อให้เธอรู้ว่าเขา
คิดถึงเธอ เขายังส่งกุหลาบอีก 12 ดอกให้เธอในสัปดาห์ต่อมา
คราวนี้มาพร้อมกับลูกอมหนึ่งกล่อง
เธเรซ่าไม่ต้องการส่งกุหลาบหรือลูกอมให้เขา ดังนั้นเธอจึง
ส่งเสื้อเชิ้ตผ้าออกซ์ฟอร์ดสีฟ้าอ่อน ซึ่งเธอคิดว่าคงดูดีเมื่อเขาใส่
กับกางเกงยีนให้แทน พร้อมทั้งส่งการ์ดตามไปด้วยสองสามใบ
สองสามวันต่อมาเควินก็กลับถึงบ้าน และทําให้สัปดาหื
ต่อมาของเธเรซ่าผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็วกว่าแกเร็ตมาก คืนแรก
ที่เควินกลับมาถึงบ้าน เขากินอาหารเย็นกับเธเรซ่าแล้วเล่าให้เธอ
ฟังเรื่องวันหยุดพักผ่อนของเขาอย่างกระท่อนกระแท่น ก่อนที่จะ
ฟุบตัวลงนอนหลับสนิทลงไปเป็นเวลาเกือบ 15 ชั่วโมง เมื่อเขาตื่น
ขึ้นมาก็มีบัญชีรายการสิ่งต่างๆ ที่ต้องทํายาวเหยียดเตรียมไว้พร้อม
แล้ว เขาจําเป็นต้องมีเสื้อผ้าใหม่ไปโรงเรียน ตัวเขาโตเกินขนาด
เสื้อผ้าส่วนใหญ่ที่เขาเคยใส่มาเมื่อปีก่อนแล้ว และต้องลงทะเบียน
แข่งขันฟุตบอลลีกในฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งแทบจะต้องใช้เวลาวันเสาร์
ทั้งวันเพื่อทําสิ่งต่างๆ ให้เรียบร้อย นอกจากนี้ยังกลับบ้านมา
พร้อมกับเสื้อผ้าสกปรกที่ใส่แล้วเต็มกระเป๋าเดินทางซึ่งจําเป็นต้อง
นําไปซัก เขาอยากไปล้างรูปที่ถ่ายไว้เมื่อไปเที่ยวพักผ่อนวันหยุด
และมีนัดกับทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการจัดฟันเพื่อดูว่า
เขาจําเป็นต้องใช้ลวดดัดฟันหรือไม่
พูดอีกอย่างก็คือ ชีวิตในครอบครัวออสบอร์นได้กลับเข้าสู่
สภาพปกติแล้ว
ในคืนที่สองหลังจากเควินกลับมา เธเรซ่าเล่าให้เขาฟังเรื่อง
การไปเที่ยวพักผ่อนวันหยุดของเธอที่เคปคอด จากนั้นจึงเล่าเรื่อง
การเดินทางไปยังเมืองวิลมิงตัน เธอพูดถึงแกเร็ต เพื่อพยายามสื่อ
สารให้เข้าใจว่าเธอรู้สึกกับเขาอย่างไรโดยไม่ทําให้เควินรู้สึกตระ
หนกใจ ครั้งแรกเมื่อเธออธิบายว่าเธอและเควินจะไปเยี่ยม
แกเร็ตในสุดสัปดาห์หน้านี้ ดูแล้วเควินไม่แน่ใจเรื่องนี้มากนัก
แต่หลังจากที่เธอเล่าให้ฟังว่าแกเร็ตประกอบอาชีพอะไรแล้ว
เควินจึงเริ่มแสดงท่าทีสนใจขึ้นบ้าง
''แม่หมายความว่า เขาอาจสอนดํานํ้าแบบสคูบ้าให้ผมได้
ใช่มั้ยฮะ?'' เขาถามในขณะที่เธอกําลังดูดฝุ่น
''เขาบอกว่าเขาจะสอนให้ ถ้าลูกอยากเรียน''
''เจ๋ง'' เขาพูด แล้วกลับไปทําสิ่งท่เขากําลังทําอยู่ก่อนหน้า
นั้น
ไม่กี่คืนต่อมา เธอพาเควินไปร้านแห่งหนึ่งเพื่อซื้อนิตยสาร
เกี่ยวกับการดํานํ้าให้เขาสองสามฉบับ เมื่อถึงเวลาที่เธอและเขา
พร้อมจะไป เควินก็รู้จักชื่ออุปกรณ์ทุกชิ้น ซึ่งเป็นไปได้ที่จะซื้อหามา
ใช้เอง และฝันถึงการผจญภัยที่ใกล้จะมาถึงอย่างเห็นได้ชัด
ในระหว่างนั้นแกเร็ตก็โหมทํางานหัวปักหัวปํา เขาทํางาน
จนดึกดื่นและคิดถึงเธเรซ่าตลอดเวลาขณะท่เขาทําเช่นนั้นอยู่ เขา
ปฏิบัติตัวเหมือนกันกับที่เขาเคยทําหลังจากแคธรีนตายจากไป
เมื่อเขาบอกพ่อว่าเขาคิดถึงเธเรซ่ามากเพียงใด พ่อเขาเพียงแค่
ผงกศรีษะแล้วยิ้ม บางอย่างในสายตาพ่อที่จ้องมองเพื่อหยั่งใจ
เขา ทําให้แกเร็ตนึกสงสัยถึงสิ่งที่แวบผ่านเข้ามาในจิตใจของชาย
ขราผู้นี้อย่างแท้จริง
ด้วยข้อตกลงกันก่อนหน้านี้ ทั้งเธเรซ่าและแกเร็ตตัดสินใจ
ว่า จะเป็นการดีที่สุดถ้าเธอและเควินจะไม่พักอยู่ที่บ้านของแกเร็ต
แต่เนื่องจากยังเป็นช่วงหน้าร้อน ห้องในเมืองแทบทุกห้องจึง
ได้รับการจองไว้เต็มหมด โชคดีที่แกเร็ตรู้จักเจ้าของโรงแรมเล็กๆ
ซึ่งตั้งอยู่ที่ชายหาดห่างจากบ้านเขาขึ้นไปราวหนึ่งไมล์ เขาจึง
สามารถเตรียมการให้เธอและเควินพักที่นั่นได้
ในที่สุดเมื่อถึงวันที่เธเรซ่าและเควินมาเยี่ยมเขา แกเร็ตจึง
แวะไปซื้อของใช้บางอย่างเตรียมไว้ จากนั้นจึงทําความสะอาดรถ
ทั้งด้านนอกและด้านใน แล้วอาบนํ้าก่อนจะมุ่งหน้าไปสนามบิน
แกเร็ตสวมกางเกงขายาวสีกากี รองเท้าท็อปไซเดอร์ และ
ใส่เสื้อเชิ้ตตัวที่เธเรซ่าซื้อให้ เขารอด้วยความตื่นเต้นอยู่ที่ประตูทาง
ออกผู้โดยสาร
ช่วงเวลา 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ความรู้สึกของเขาที่มีต่อ
เธเรซ่าเริ่มทวีขึ้น ตอนนี้เขารู้แล้วว่า อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นระหว่าง
เขาและเธเรซ่าไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานเพียงแค่ความเย้ายวนทาง
ด้านร่างกาย แต่มันบอกเป็นนัยถึงความถวิลหาบางอย่างของเขา
ที่ลึกซึ้งกว่านั้นมาก และคงอยู่เนิ่นนานกว่าความเย้ายวนทางด้าน
ร่างกาย
ขณะที่เขาชะเง้อมองหาเธอท่ามกลางผู้โดยสารทั้งหลายอยู่
นั้นเขารู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมาทันที เป็นเวลานานเหลือเกิน
แล้วที่เขารู้สึกแบบนี้กับใครสักคน แล้วความรู้สึกนั้นหายไป
อยู่ที่ไหนหมด?
เมื่อเธเรซ่าก้าวออกมาจากเครื่องบินพร้อมกับเควินอยู่ข้าง
กายเธอ ความตื่นเต้นทั้งหมดของเขาก็มลายหายไปในทันที เธอ
สวยกว่าที่เขาจําเธอได้มากเหลือเกิน เควินเหมือนกับที่เขาเห็นใน
รูปถ่ายไม่ผิดเพี้ยนและดูคล้ายกับแม่เขามาก เขาสูงเกิน 5 ฟุต
เล็กน้อย ผมและตาสีนํ้าตาลเข้มเหมือนเธเรซ่า ผอมเก้งก้าง ดู
เหมือนทั้งแขนและขาของเขาจะเติบโตเร็วกว่าส่วนอื่นๆ ในตัวเขา
เขาใส่กางเกงขาสั้นยาวถึงเข่า รองเท้าไนกี้และเสื้อเชิ้ตแบบเดียว
กับที่เห็นจากคอนเสิร์ตของวง Hootie and the Blowfish การเลือก
เสื้อผ้าของเขาเห็นชัดว่าได้รับแรงดลใจมาจากรายการเพลงช่อง
MTV แกเร็ตจึงห้ามใจไม่ได้ที่จะยิ้มกับตัวเอง บอสตันหรือวิลมิง
ตันไม่ใช่เรื่องสําคัญเลยจริงๆ ใช่ไหม? เด็กก็คือเด็ก
เธเรซ่าโบกมือให้เมื่อเห็นเขา จากนั้นแกเร็ตจึงเดินเข้าไปหา
เธอและเควิน แล้วเอื้อมมือไปรับกระเป๋าถือขึ้นเครื่องของทั้งสอง
มา เขาไม่แน่ใจว่าเขาควรจูบเธอต่อหน้าเควินหรือไม่ เขาลังเล
อยู่จนกระทั่งเธเรซ่าโน้มตัวขึ้นมาจูบเขาที่แก้มอย่างรื่นเริง
''แกเร็ตคะ ฉันอยากให้คุณพบกับเควินลูกชายฉัน'' เธอ
พูดด้วยความภาคภูมิใจ
''สวัสดี เควิน''
''สวัสดีดีฮะ คุณเบล็ก'' เขาพูดเกร็งๆ เหมือนกับแกเร็ตเป็น
ครูเขาเขา
''เรียกฉันว่าแกเร็ตก็ได้'' เขาพูดพร้อมกับยื่นมืออกไป
เควินจับมือเขาเขย่าด้วยท่าทีไม่แน่ใจเล็กน้อย จนถึงขณะนี้แล้ว
ยังไม่มีผู้ใหญ่คนอื่นนอกจากแอนเน็ต ที่บอกว่าเขาสามารถเรียก
ใครๆ ด้วยชื่อแรกได้
''เที่ยวบินเป็นยังไงบ้าง?'' แกเร็ตถาม
''เรียบร้อยดีค่ะ'' เธเรซ่าตอบ
''คุณกินอะไรมารึยัง?''
''ยังเลยค่ะ''
''ดีเลย งั้นเราไปหาอะไรกินกัน ก่อนที่ผมจะพาคุณไปโรง
แรมเป็นไง?''
''ฟังดูดีค่ะ''
''เควินอยากกินอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า?'' แกเร็ตถามเควิน
''ผมชอบแมคโดนัลด์ฮะ''
''โอ้ลูก ไม่เอาน่า'' เธเรซ่าพูดอย่างรวดเร็ว แต่แกเร็ตหยุด
เธอไว้ด้วยการสั่นศรีษะ
''สําหรับผมแล้ว แมคโดนัลด์ก็ดี''
''คุณแน่ใจเหรอคะ?'' เธเรซ่าถาม
''แน่ใจสิ ผมกินที่นั่นมาตลอด''
เควินดูจะดีใจกับคําตอบของเขา แล้วทั้งสามคนก็เริ่มเดิน
ไปยังพื้นที่ในส่วนรับกระเป๋าเดินทาง ในขณะที่ทุกคนออกมาจาก
ประตูทางออกแล้ว แกเร็ตถามขึ้นว่า
''นายว่ายนํ้าเก่งรึเปล่า เควิน?''
''เก่งทีเดียวฮะ''
''นายพร้อมสําหรับการเรียนดํานํ้าสุดสัปดาห์นี้รึเปล่า?''
''ผมคิดว่าพร้อมฮะ ผมศึกษาเรื่องนี้มาแล้ว'' เขาพูดโดย
พยายามทําให้ฟังดูแก่กว่าอายุจริง
''เอาละ ดีแล้ว ฉันก็หวังว่านายจะพูดอย่างนั้น ถ้าโชคดี
เราอาจออกใบรับรองให้นายก่อนที่นายจะกลับบ้านไปด้วยซํ้า''
''นั่นหมายความว่าอะไรฮะ?''
''มันคือใบอนุญาตให้นายดํานํ้าได้ทุกแห่งที่นายต้องการ
เหมือนใบขับขี่รยยนต์นั่นแหละ''
''คุณทําอย่างนั้นได้ด้วยเหรอฮะ ในเวลาแค่ไม่กี่วัน''
''แน่นอน นายต้องทําแบบทดสอบข้อเขียนและใช้เวลา
สองสามชั่วโมงในทะเลกับครูผู้ฝึกสอน แต่เนื่องจากนายเป็นนัก
เรียนของฉันเพียงคนเดียวเท่านั้นในสุดสัปดาห์นี้ถ้าแม่นายไม่อยาก
เรียนด้วย เราจึงมีเวลาเหลือเฟือ''
''เจ๋ง'' เควินพูด เขาหันมาทางเธเรซ่า
''แม่จะเรียนด้วยมั้ยครับ?''
''ยังไม่รู้เลย อาจจะ''
''ผมคิดว่าแม่ควรเรียนด้วยนะฮะ'' เควินพูด ''น่าสนุกดี
ออก''
''เขาพูดถูก คุณควรเรียนด้วย'' แกเร็ตพูดเสริมพร้อมกับ
แกล้งยิ้ม ด้วยรู้ว่าเขาทั้งสองคนกําลังจะทําให้เธอรู้สึกจนมุมและ
บางทีอาจยอมแพ้
''ก็ได้ เธอพูดแล้วกลอกตา ''ฉันจะไปด้วย แต่ถ้าฉันเห็น
ฉลามเมื่อไหร่ฉันเลิกเรียน''
''คุณหมายความว่าอาจมีฉลามด้วยเหรอฮะ?'' เควินถาม
อย่างรวดเร็ว
''ใช่แล้ว บางทีเราอาจพบฉลามบางตัว แต่พวกมันเป็น
ปลาฉลามตัวเล็กๆ และไม่ทําร้ายคน''
''เล็กแค่ไหนคะ?'' เธเรซ่าถาม เธอจําเรื่องที่เขาเล่าถึงฉลาม
หัวค้อนซึ่งเขาเผชิญกับมันได้
''เล็กพอที่คุณจะไม่ต้องกังวลใดๆ กับเรื่องนั้นเลย''
''คุณแน่ใจนะ?''
''แน่ใจ''
''เจ๋ง'' เควินพูดสําทับกับตัวเอง เธเรซ่าชําเลืองมองแกเร็ต
ด้วยความสงสัยว่าเขากําลังพูดความจริงอยู่หรือเปล่า
หลังจากไปรับกระเป๋าเดินทางของทั้งสองคนและหยุดพัก
กินอาหารกันแล้ว แกเร็ตจึงขับรถพาเธเรซ่าและเควินไปยังโรงแรม
เมื่อนําสัมภาระของทั้งสองไปไว้ในโรงแรมแล้วแกเร็ตจึงกลับมาที่
รถของเขา แล้วกลับเข้าไปพร้อมกับหนังสือเล่มหนึ่ง และเอกสาร
บางอย่างหนีบไว้ใต้แขน
''เควิน นี่สําหรับนาย''
''อะไรอะ?''
''หนังสือและแบบสอบถามที่นายจําเป็นต้องอ่านเพื่อให้ได้
ใบรับรอง อย่ากังวลนะ ดูเหมือนมีอะไรให้อ่านมากกว่าที่จะต้อง
อ่านจริงๆ แต่ถ้านายอยากลุยไปเรียนพรุ่งนี้เลย นายก็ต้องอ่าน
หนังสือสองตอนแรกให้จบ แล้วทําแบบทดสอบแรกให้เรียบร้อย''
''ยากมั้ยฮะ?''
''ไม่เลย ค่อนข้างง่าย แต่นายก็ยังต้องทําแบบทดสอบอยู่
ดี นายสามารถหาคําตอบที่นายไม่แน่ใจได้จากหนังสือ''
''คุณหมายความว่า ผมค้นหาคําตอบได้ในระหว่างที่ผมทํา
แบบทดสอบงั้นเหรอฮะ?''
แกเร็ตผงกศรีษะ ''ใช่แล้ว เมื่อฉันแจกแบบสอบถามเหล่า
นี้ให้นักเรียนในชั้นเรียน พวกเขาควรจะนําไปทําที่บ้าน และฉัน
แน่ใจว่าเกือบทุกคนเปิดหนังสือ สิ่งสําคัญคือ ให้นายพยายาม
เรียนรู้ในสิ่งที่นายจําเป็นต้องรู้ การดํานํ้าเป็นเรื่องสนุกมาก แต่
มันอาจเป็นอันตรายได้ถ้านายไม่รู้ในสิ่งที่นายกําลังทํา''</span></span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
แมงป่อง
แม่ไข่หวาน พ่อไข่เค็ม
 
โพสต์: 1468
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ พ.ค. 05, 2007 10:25 pm

โพสต์โดย แมงป่อง » เสาร์ ก.ค. 05, 2008 10:13 pm

<span style='color:gray'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'> แกเร็ตยื่นหนังสือให้เควินในขณะที่เขาพูดต่อไป
''ถ้าพรุ่งนี้นายทําสําเร็จ โดยต้องอ่านประมาณ 20 หน้า รวม
ทั้งทําแบบทดสอบด้วย เราจะมุ่งหน้าไปสระว่ายนํ้ากันเพื่อเรียน
ส่วนแรกเพื่อให้ได้ใบรับรอง นายจะได้เรียนวิธีสวมอุปการณ์ แล้ว
จากนั้นเราจะใช้เวลาฝึกกันพักหนึ่ง''
''เราจะไม่ไปฝึกกันในทะเลเหรอฮะ?''
''ไม่ใช่พรุ่งนี้ นายต้องใช้เวลาสักช่วงหนึ่งฝึกให้เริ่มรู้สึก
สบายกับการใช้อุปกรณ์ต่างๆ ก่อร หลังจากที่เราใช้เวลาสองสาม
ชั่วโมงฝึกทําเช่นนั้นแล้ว เราก็พร้อมที่จะฝึกในทะเล บางทีเราอาจ
ไปทะเลกันในวันจันทร์หรือวันอังคารสําหรับการดํานํ้าในทะเลโล่ง
เป็นครั้งแรกก็ได้ แล้วถ้านายใช้เวลาฝึกในทะเลหลายชั่วโมงมาก
พอ นายจะได่ใบรับรองชั่วคราวเมื่อถึงเวลาที่นายก้าวขึ้นเครื่อง
บินกลับบ้าน จากนั้นทั้งหมดที่นายต้องทําก็คือ ส่งใบสมัครมา
ทางไปรษณีย์ แล้วนายจะได้รับใบรับรองตัวจริงทางไปรษณีย์
ภายใน 2 สัปดาห์''
เควินเริ่มพลิกหน้าหนังสือผ่านๆ ''แม่ต้องทําแบบเดียวกัน
ด้วยรึเปล่าฮะ''
''ถ้าเธอต้องการใบรับรอง เธอก็ต้องทํา''
เธเรซ่าเดินตรงเข้ามาแล้วแอบชะโงกหน้ามองข้ามไหล่เควิน
ในขณะที่เขาเปิดดูหนังสือผ่านๆ รายละเอียดในหนังสือไม่ได้ดู
ยากเย็นจนทําให้ท้อใจอะไรเลย
''เควิน'' เธอพูด ''เราสามารถทําแบบทดสอบด้วยกันพรุ่ง
นี้เช้า ถ้าลูกเหนื่อยเกินไปที่จะเริ่มตอนนี้''
''ผมยังไม่เหนื่อยเลยครับ'' เขาพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว
''งั้นลูกจะว่าอะไรมั้ย ถ้าแกเร็ตกับแม่จะไปคุยกันที่ลานนั่ง
เล่นสักพักนึง?''
''ไม่ฮะ ตามสบายเลย'' เขาพูดอย่างใจลอย และเปิดหนัง
สือไปที่หน้าแรกแล้ว
เมื่ออกมาข้างนอก แกเร็ตและเธเรซ่าจึงนั่งลงฝั่งตรงข้าม
กัน เธเรซ่าชําเลืองกลับไปที่ลูกชายเธอ และเห็นว่าเควินกําลังเริ่ม
อ่านหนังสือไปบ้างแล้ว
''คุณไม่ได้ลัดขั้นตอนใดๆ ให้ง่ายขึ้นเพื่อให้เขาได้การรับรอง
ใช่มั้ยคะ?''
แกเร็ตสั่นศรีษะ ''ไม่ครับ ไม่เลย การได้รับใบรับรอง
ดํานํ้าแบบ PADI* (*ชื่อองค์กรซึ่งเป็นที่ยอมรับทั่วโลกในการกํา
หนดหลักสูตรสอนดํานํ้า ย่อมาจาก Professional Association of
Diving Instructors)
ซึ่งเป็นใบรับรองสําหรับนักดํานํ้าเพื่อความเพลิด
เพลินนั้น คุณจําเป็นต้องผ่านการทดสอบและใช้เวลาฝึกในนํ้ากับ
ผู้ฝึกสอนตามจํานวนเวลาที่กําหนดไว้ตายตัวก็เท่านั้นเอง โดย
ปกติแล้วเราจะเรียนกันเป็นช่วงๆ ไปตลอด 3 หรือ 4 วันในช่วง
สุดสัปดาห์ แต่นั่นเป็นเพราะว่าคนส่วนมากไม่มีเวลามาเรียนใน
ระหว่างสัปดาห์ เขาต้องใช้จํานวนชั่วโมงเท่ากัน แค่เป็นการ
ฝึกที่จักจํานวนชั่วโมงให้แน่นขึ้นมาเท่านั้น''
''ฉันรู้สึกซาบซึ้งในการที่คุณทําเพื่อเขาในครั้งนี้ค่ะ''
''เฮ้ คุณลืมไปแล้วหรือว่า นี่คือสิ่งที่ผมทําเพื่อเลี้ยงชีพ''
หลังจากแน่ใจว่าเควินยังอ่านหนังสืออยู่เขาจึงลากเก้าอี้ที่นั่งเข้า
มาใกล้ขึ้นเล็กน้อย ''ผมคิดถึงคุณตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา''
เขาพูดค่อยๆ แล้วกุมมือเธอไว้
''ฉันก็คิดถึงคุณเช่นกันค่ะ''
''คุณดูสวยเหลือเกิน'' เขาพูดเสริมขึ้น ''คุณเป็นผู้หญิง
เรียบง่ายที่สวยที่สุดที่ก้าวออกมาจากเครื่องบิน''
เธเรซ่าหน้าแดง ทั้งๆ ที่เธอไม่อยากให้เป็นเช่นนั้นเลย
''ขอบคุณค่ะ...คุณเองก็ดูดีนะคะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ
สวมเสื้อเชิ้ตตัวนี้''
''ผมคิดว่าคุณอาจจะชอบ''
''คุณผิดหวังรึเปล่าคะที่เราไม่ได้พักที่บ้านคุณฒ''
''ไม่เลยจริงๆ ผมเข้าใจเหตุผลของคุณ เควินไม่รู้จักเลยว่า
ผมเป็นใคร แล้วผมก็อยากปล่อยให้เขาทําตัวตามสบายในแบบ
ของเขาเมื่อยู่กับผม มากกว่าที่จะไปยัดเยียดความรู้สึกต่างๆ ให้
เขา ก็เหมือนที่คุณเคยพูดไว้นั่นแหละ เขาผ่านเรื่องเลวร้ายมา
มากพอแล้ว''
''คุณรู้ดีใช่มั้ยคะ มันหมายถึงว่า เราไม่อาจใช้เวลาอยู่ด้วย
กันตามลําพังได้มากนักในช่วงสุดสัปดาห์นี้?''
''ผมยอมรับคุณได้ทุกอย่างที่ผมสามารถเข้าใจคุณได้'' เขา
พูด
เธเรซ่าชําเลืองมองเข้าไปด้านในอีกครั้ง เมื่อเธอเห็นว่า
เควินหมดมุ่นอยู่กับการอ่านหนังสือ เธอจึงโน้มตัวข้ามโต๊ะมาจูบ
แกเร็ต เธอรู้สึกประหลาดใจในความสุขที่ได้รับ ทั้งๆ ที่ในความ
เป็นจริงแล้วเธอจะไม่ได้อยู่กับเขาไปตลอดคืน การได้นั่งอยู่ใกล้ๆ
เขาและได้เห็นท่าทีที่เขามองเธอ ทําให้หัวใจเธอเต้นถี่รัว
''ฉันอยากให้เราไม่ต้องแยกกันอยู่ไกลๆ'' เธอพูด ''คุณเป็น
คนประเภทที่อยู่ด้วยแล้วติด''
''ผมจะถือซะว่านั่นคือคําชม''
3 ชั่วโมงต่อมา หลังจากเควินหลับไปนานแล้ว เธเรซ่าเดิน
นําแกเร็ตมาที่ประตูห้องเงียบๆ หลังจากก้าวออกมายังโถงทาง
เดินแล้วปิดประตูด้านหลังแล้ว ทั้งสองจึงจูบกันเนิ่นนาน ทั้งเขา
และเธอรู้สึกว่ามันยากที่จะยอมให้อีกฝ่ายหนึ่งจากไป ในอ้อมแขน
ของเขา เธเรซ่ารู้สึกเหมือนเป็นสาวแรกรุ่นอีกครั้ง เหมือนกับว่า
เธอกําลังแอบลักลอบจูบอยู่บนระเบียงบ้านพ่อแม่เธอ และเพิ่ม
ความรู้สึกตื่นเต้นให้เธอไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
''ฉันอยากให้คุณอยู่ที่นี่ในคืนนี้ค่ะ'' เธอกระซิบ
''ผมก็อยากให้เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน''
''เป็นการยากสําหรับคุณที่จะกล่าวราตรีสวัสดิ์ เหมือนกับ
ที่ฉันรู้สึกรึเปล่าคะ?''
''ผมเต็มใจพนันเลยว่า สําหรับผมแล้วมันยากกว่ามาก ผม
กําลังจะกลับไปสู่บ้านอันว่างเปล่า''
''อย่าพูดอย่างนั้นสิ คุณทําให้ฉันรู้สึกผิด''
''บางทีการรู้สึกผิดนิดหน่อยก็เป็นสิ่งดี ขอเพียงให้ผมได้รู้
ว่าคุณรู้สึกเป็นห่วงเป็นใย''
''ฉันคงไม่ลงมาที่นี่หรอกค่ะ ถ้าฉันไม่ห่วงคุณ'' เขาและ
เธอจูบกันอีกครั้งด้วยอารมณ์อันหิวกระหาย
เขาดึงตัวกลับมาแล้วบ่นพึมพําว่า ''ผมควรจะไปได้แล้ว''
นํ้าเสียงเขาดูเหมือนจะไม่ได้หมายความตามที่พูด
''ฉันรู้ค่ะ''
''แต่ผมไม่อยากไปนี่'' เขาพูดแล้วยิ้มแบบเด็กๆ
''ฉันรู้ดีค่ะว่าคุณหมายถึงอะไร'' เธอพูด
''แต่คุณต้องไปแล้วละ คุณต้องสอนวิธีดํานํ้าให้กับเควิน
พรุ่งนี้นะคะ''
''ผมอยากสอนอย่างอื่นสองสามอย่างที่ผมรู้ให้คุณมาก
กว่า''
''ฉันคิดว่าคุณสอนไปครั้งสุดท้ายที่ฉันอยู่ที่นี่นะคะ''
เธอพูดอย่างเหนียมอาย
''ผมรู้ แต่การฝึกฝนจะทําให้สมบรูณ์ขึ้น''
''งั้นเราต้องหาเวลาบางช่วงเพื่อฝึกฝนกันในระหว่างที่ฉัน
อยู่ที่นี่แล้วละค่ะ''
''คุณคิดว่าสิ่งนั้นอาจเกิดขึ้นได้หรือ?''
''ฉันคิดว่า เมื่อเวลาของเรามาถึงแล้วทุกอย่างย่อมเป็นไป
ได้'' เธอพูดอย่างสัตย์ซื่อ
''ผมหวังว่าคุณคงคิดถูกนะ''
''ฉันคิดถูกแล้วค่ะ'' เธอพูดก่อนที่จะจูบเขาเป็นครั้งสุดท้าย
''โดยปกติฉันก็คิดอะไรถูกต้องอยู่แล้ว''
เธอดึงตัวออกจากเขาอย่างนุมนวล แล้วเดินกลับไปที่ประตู
''นั่นคือสิ่งที่ผมชอบในตัวคุณ แกเร็ต'' เธอพูดอย่างมีสติ ''แล้วช่วย
อะไรฉันอย่างได้มั้ยคะ''
''ได้ทุกอย่างเลย''
''ฝันถึงฉันด้วย ตกลงมั้ยคะ?''

เช้าวันต่อมา เควินตื่นนอนก่อนแล้วเปิดม่านออก ทํา
ให้แสงแดดสาดเข้ามาในห้อง เธเรซ่าหรี่ตาและพลิกตัวไปอีกทาง
เพื่อพยายามนอนพักต่อไปอีกสองสามนาที แต่เควินยืนกราน
ให้เธอลุกขึ้น ''แม่ฮะ'' แม่ต้องไปทําแบบทดสอบก่อนที่เราจะไป
นะฮะ'' เขาพูดอย่างตื่นเต้น เธเรซ่าร้องฮึมฮัม เธอพลิกตัวกลับ
ขึ้นมา แล้วตรวจดูเวลาจากนาฬิกาในห้อง เพิ่ง 6 โมงเช้าเศษ เธอ
ได้นอนยังไม่ถึง 5 ชั่วโมงเลย
''เช้าเกินไป'' เธอพูด แล้วหลับตาลงอีกครั้ง ''ขอเวลาแม่
สักสองสามนาทีนะลูก?</span></span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
แมงป่อง
แม่ไข่หวาน พ่อไข่เค็ม
 
โพสต์: 1468
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ พ.ค. 05, 2007 10:25 pm

โพสต์โดย แมงป่อง » อาทิตย์ ก.ค. 06, 2008 4:07 pm

<span style='color:green'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'> ''เราไม่มีเวลาแล้วนะฮะ'' เขาพูดขณะนั่งอยู่บนเตียงที่เธอ
นอน แล้วเขย่าไหล่เธอเบาๆ
''แม่ยังไม่ได้อ่านบทแรกเลยด้วยซํ้า''
''ลูกอ่านจบไปทั้งหมดแล้วเมื่อคืนวานเหรอ?''
''ใช่ฮะ'' เขาพูด ''แบบทดสอบของผมอยู่ตรงนั้น แต่ห้าม
ลอก ตกลงไหมฮะ ผมไม่อยากเดือดร้อน''
''แม่ไม่คิดว่าลูกจะต้องเดือดร้อนอะไรเลยนี่'' เธอพูดซะลืม
สะลือ ''เรารู้จักครูดี ลูกก็รู้จักนี่''
''แต่มันไม่ยุติธรรมเลยนะฮะ แล้วอีกอย่าง แม่ต้องรู้เรื่อง
พวกนี้เหมือนกับที่คุณเบล็ก...ผมหมายถึงแกเร็ต...พูดไว้นะฮะ ไม่
อย่างนั้นแล้วแม่อาจต้องพบกับเรื่องเดือดร้อนก็ได้''
''ตกลง ตกลง'' เธอพูดแล้วลุกขึ้นนั่งช้าๆ เธอขยี้ตา ''มี
กาแฟสําเร็จรูปอยู่ในห้องบ้างรึเปล่า?''
''ผมไม่เห็นเลยฮะ แต่ถ้าแม่อยากได้ ผมจะวิ่งลงไปที่โถง
ข้างล่างแล้วซื้อโค้กมาให้แม่''
''แม่มีเศษเหรียญอยู่ในกระเป๋าถือ''
เควินดีดตัวขึ้นมาและเริ่มค้นหาเศษเหรียญไปทั่วกระเป๋า
เธอจนข้าวของในนั้นกระจุยกระจาย หลังจากหาเหรียญ 15 เซนต์
ได้สองสามเหรียญแล้วเขาจึงวิ่งออกไปทางประตูหน้า โดยที่ผม
เป็นกระเชิงจากการนอน เธอได้ยินเสียงเท้าเขากระแทกพื้นดัง
ขณะที่เขาวิ่งปร๋อลงไปที่ห้องโถงโรงแรม หลังจากยืนขึ้นและ
เหยียดแขนทั้งสองข้างขึ้นเหนือศรีษะแล้ว เธอจึงเดินตรงไปยังโต๊ะ
เล็กๆ ที่วางหนังสือไว้แล้วหยิบหนังสือขึ้นมา เธอเริ่มอ่านบทที่ 1
ในขณะที่เควินกลับมา พร้อมกับโค้ก 2 กระป๋อง
''นี่ฮะ'' เขาพูด แล้ววางโค้กกระป๋องหนึ่งไว้บนโต๊ะข้างตัว
เธอ ''ผมจะไปอาบนํ้าฝักบัว แล้วเตรียมตัวให้พร้อม แม่เก็บกาง
เกงว่ายนํ้าผมไว้ที่ไหนฮะ?''
อ้า...พลังงานอันไร้ที่สิ้นสุดของวัยเด็ก เธอคิด ''อยู่ในลิ้น
ชักบนสุดติดกับลิ้นชักที่ใส่ถุงเท้าของลูก''
''โอเคฮะ'' เขาพูดแล้วดึงลิ้นชักออกมา ''เจอแล้วฮะ'' เขา
ไปห้องนํ้า และเธเรซ่าได้ยินเสียงเปิดนํ้าฝักบัว เธอเปิดโค้กแล้ว
กลับไปอ่านหนังสือต่อ
โชคดีที่แกเร็ตพูดถูก เมื่อเขาบอกเธอว่าข้อมูลในหนังสือ
ไม่ยาก มันเป็นหนังสือที่อ่านง่ายพร้อมภาพบรรยายอุปกรณ์ต่างๆ
และเธออ่านเสร็จเมื่อเควินแต่งตัวอยู่ หลังจากหาแบบทดสอบของ
เธอจึงนํามาวางไว้ตรงหน้า เควินเดินเข้ามาและยืนอยู่
ด้านหลังเธอ ในขณะที่เธอชําเลืองไปดูที่คําถามแรก เธอจําไดว่า
เธออ่านเรื่องนี้มาจากที่ไหน เธอจึงเริ่มพลิกหนังสือ กลับผ่านไปจน
ถึงหน้าที่เหมาะสม
''แม่ฮะ นั่นเป็นข้อง่าย นะฮะ แม่ไม่เห็นจําเป็นต้องใช้
หนังสือเพื่อหาคําตอบสําหรับข้อนั้นเลย''
''ในเวลา 6 โมงเช้าแบบนี้ แม่ต้องการความช่วยเหลือทุก
อย่าที่อาจทําได้'' เธอบ่นโดยไม่ได้รู้สึกผิดที่ทําเช่นนั้นเลยแม้แต่
น้อยนิด แกเร็ตบอกว่าใช้หนังสือได้ไม่ใช่เหรอ
เควินชะโงกหน้ามองข้ามไหล่เธอต่อไปในขณะที่เธอตอบ
คําถามสองข้อแรก แล้วแสดงความเห็น
''ไม่ใช่ฮะ แม่ดูผิดที่แล้ว'' หรือ
''แม่แน่ใจเหรอฮะว่าแม่อ่านบทนั้นแล้ว?''
จนกระทั่งในที่สุดเธอต้องการให้เขาไปดูโทรทัศน์
''แต่มันไม่มีอะไรให้ดูเลยนี่ฮะ'' เขาพูดด้วยเสียงฟังดูหดหู่
''งั้นก้ไปหาอะไรอ่านสิ''
''ผมไม่ได้นําหนังสืออะไรมาเลยฮะ''
''งั้นก็นั่งเงียบๆ''
''ผมก็นั่งเงียบๆอยู่แล้วนี่ฮะ''
''ลูกไม่ได้ทําอย่างนั้น ลูกกําลังยืนคํ้าหัวแม่อยู่''
''ผมเพียงแค่พยายามช่วยนะฮะ''
''แค่ไปนั่งบนเตียง ตกลงมั้ย? แล้วไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น''
''ตอนนี้แม่ก็กําลังพูดอยู่นี่ฮะ''
''นั่นเป็นเพราะว่าลูกกําลังพูดอยู่กับแม่น่ะสิ''
''ลูกปล่อยให้แม่ทําแบบทดสอบอย่างสงบไม่ได้เหรอ?''
''ตกลงฮะ ผมจะไม่พูดอีกเลยแม้แต่คําเดียว ผมจะเงียบ
เหมือนหนูเลย''
แล้วเขาก็ทําเช่นนั้นเป็นเวลา 2 นาที จากนั้นเขาก็เริ่มผิว
ปาก
เธอวางปากกาลงแล้วหันมามองหน้าเขา ''ลูกผิวปาก
ทําไม?''
''ผมเบื่อ''
''งั้นก็เปิดทีวีดูสิ''
''ไม่มีอะไรให้ดูเลย...''
แล้วมันก็ดําเนินเช่นนี้ต่อไปจนกระทั่งเธอทําแบบสอบถาม
เสร็จในที่สุด เธอต้องใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงทําในสิ่งซึ่งเธอ
สามารถทําเสร็จได้โดยใช้เวลาที่น้อยกว่าในที่ทํางาน
เธอใช้เวลานานในการอาบนํ้าฝักบัวอุ่นๆ จากนั้นจึงสวม
ชุดว่ายนํ้าไว้ใต้เสื้อผ้า ตอนนี้เควินเริ่มหิวแล้ว และอยากไปร้าน
แมคโดนัลด์อีกครั้ง แต่คราวนี้เธอมาถึงจุดที่ไม่ยอมตามใจ และ
แนะนําให้ไปกินอาหารเช้าที่ร้านวัฟเฟิลเฮาส์ ซึ่งอยู่ถนนฝั่งตรงข้าม
''แต่ผมไม่ชอบอาหารร้านนั้นนี่ฮะ''
''ลูกไม่เคยกินอาหารที่นั่นมาก่อนเลยนะ''
''ผมรู้ฮะ''
''งั้นลูกรู้ได้ยังไงว่าลูกไม่ชอบ?''
''ผมรู้ก็แล้วกัน''
''ลูกเป็นพหูสูตเหรอ?''
''นั่นหมายความว่าอะไรฮะ''
''เจ้าหนุ่มน้อย มันหมายความว่า เรากําลังจะไปกินร้าน
ซึ่งแม่มันก็กินขึ้นมาทันทีน่ะสิ''
''จริงเหรอฮะ''
''ใช่แล้ว'' เธอพูด และตั้งตารอที่จะดื่มกาแฟมากยิ่งกว่าที่
เธอเคยเป็นมาในระยะเวลาอันยาวนาน
แกเร็ตเคาะประตูห้องโรงแรมซึ่งเธอและเควินพักทันทีเมื่อ
ถึงเวลา 9 โมงเช้า เควินวิ่งปรี่ไปเปิดประตูรับ
''คุณสองคนพร้อมรึยัง?'' เขาถาม
''แน่นอนฮะ เราพร้อมแล้ว'' เควินตอบอย่างรวดเร็ว
''แบบทดสอบของผมอยู่ตรงโน้น ให้ผมไปหยิบมาให้คุณนะฮะ''
เควินกระโดโผลงไปที่โต๊ะ ในขณะที่เธเรซ่าลุกจากเตียง
แล้วจูบอรุณสวัสดิ์แกเร็ตเร็วๆ
''เช้านี้คุณเป็นยังไงบ้าง'' เขาถาม
''ดูเหมือนเป็นช่วงบ่ายไปแล้วค่ะ เควินปลุกฉันขึ้นมาทํา
แบบทดสอบตั้งแต่ไก่โห่''
แกเร็ตยิ้ม ในขณะที่เควินกลับมาหาเขาพร้อมกับแบบทด
สอบที่เขาทํา
''นี่ไงครับคุณเบล็ก ผมหมายถึงแกเร็ตน่ะฮะ''
แกเร็ตรับมา แล้วเริ่มตรวจคําตอบของเควินคร่าวๆ
''แม่รู้สึกยุ่งยากใจกับคําถามสองสามข้อ แต่ผมก็ช่วยเธอ
จนได้ฮะ'' เควินพูดต่อไป เธเรซ่ากลอกตา ''พร้อมไปกันรึยังฮะ
แม่?''
''ทุกเมื่อที่ลูกพร้อม'' เธอพูดและหยิบกุญแจห้องกับกระเป๋า
ถือขึ้นมา
''งั้น ไปกันเลย'' เควินพูดแล้วเดินนําลงไปห้องโถงเพื่อไป
ยังรถบรรทุกของแกเร็ต
ตลอดช่วงเช้าและบ่ายต้นๆ แกเร็ตสอนทั้งสองถึงการดํานํ้า
ขั้นพื้นฐาน ทั้งสองได้เรียนรู้ถึงการทํางานของอุปกรณ์ดํานํ้าวิธี
สวม และวิธีทดสอบอุปกรณ์ดํานํ้า และในที่สุดได้เรียนรู้วิธีการ
หายใจผ่านเมาท์พีซ* (*mouthpiece - แผ่นคาบในปาก เป็น
ยางนิ่มบางๆ โค้งตามรูปปากเวลาใช้จะบังอยู่ด้านหน้าเหงือก
เกือบสุดปลายทั้งสองข้างมีปุ่มเล็กๆ ยื่นออกมาให้ใช้ฟันคาบ
เรียกว่าไบต์ เผื่อช่วยรั้งแผ่นคาบไว้ในปาก ต่อจากแผ่นคาบ
เป็นท่อลวงเชื่อมกับท่อหายใจ ในแวดวงดํานํ้าเรียกทับศัพท์)
โดยช่วงแรกฝึกกันอยู่ข้างสระว่ายนํ้า จาก
นั้นจึงฝึกใต้นํ้า ''สิ่งสําคัญที่สุดที่ต้องจําไว้'' แกเร็ตอธิบาย ''คือ
การหายใจให้เป็นปกติ อย่ากลั้นลมหายใจ อย่าหายใจช้าหรือเร็ว
เกินไป แค่ปล่อยให้เป็นไปเองตามธรรมชาติ'' แน่นอนว่า สําหรับ
เธเรซ่าแล้วไม่มีอะไรที่ดูเป็นธรรมชาติในเรื่องนี้เอาซะเลย และเธอ
เรียนจบด้วยความยุ่งยากมากกว่าเควิน เควินเป็นนักผจญภัยมา
ตลอด เขาคิดว่าหลังจากการพักไม่กี่นาทีใต้นํ้าแล้ว เขาจะได้รู้สิ่ง
ที่ต้องรุ้ทั้งหมดจากที่นั่น
''ง่ายจังฮะ'' เขาพูดกับแกเร็ต ''ผมคิดว่าผมพร้อมสําหรับ
การดํานํ้าในทะเลบ่ายนี้ฮะ''
'ฉันแน่ใจว่านายทําได้ แต่เรายังต้องเรียนบทเรียนตามไป
ตามลําดับขั้นตอนที่เหมาะสม''
''แม่เป็นยังไงบ้างฮะ?''
''ดี''
''ดีเท่าผมมั้ยฮะ''
''ทําได้ยอดเยี่ยมทั้งสองคนเลย'' เขาพูด
เควินใส่เมาท์พีซกลับเข้าไปในปาก เขากลับลงไปใต้นํ้า
ในขณะพอดีกับที่เธเรซ่าโผล่ขึ้นมาบนผิวนํ้าแล้วถอดเมาท์พีซออก
จากปาก
''มันรู้สึกตลกๆ เวลา เวลาฉันหายใจ'' เธอพูด
''คุณกําลังทําได้ดีแล้ว แค่ผ่อนคลายแล้วหายใจให้เป็น
ปกติ''
''นั่นคือสิ่งที่คุณพูดครั้งสุดท้ายที่ฉันโผล่ขึ้นมาสําลักนํ้านะ''
''กฏไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปในสองสามนาทีสุดท้ายหรอก
เธเรซ่า''
''ฉันรู้เรื่องนั้นดี ฉันเพียงแค่สงสัยว่ามีอะไรบางอย่างผิด
ปกติเกี่ยวกับถังอากาศของฉันรึเปล่าแค่นั้นเอง''
''ถังอากาศปกติดี ผมตรวจสอบซํ้าอีกครั้งแล้วเมื่อเช้านี้''
''แต่คุณไม่ได้เป็นคนใช้มันใช่มั้ย?''
''คุณอยากให้ผมใช้ดูมั้ย?''
''ไม่ต้องการหรอก'' เธอพูดพึมพํา แล้วหรี่ตาลงด้วยความ
หงุดหงิด ''ฉันจัดการเองได้'' เธอลงไปใต้นํ้าอีกครั้ง
เควินผุดพรวดขึ้นมาบนผิวนํ้า แล้วถอดเมาท์พีซออกอีกครั้ง
''แม่เป็นอะไรรึเปล่าฮะ? ผมเห็นแม่ขึ้นมา''
''เธอสบายดี แค่กําลังฝึกให้คุ้นเคยกับมันเหมือนเธอนั่น
แหละ''
''ดีฮะ ผมจะรู้สึกแย่จริงๆ เลย ถ้าผมได้ใบรับรองแต่แม่
ไม่ได้''
''นายอย่ากังวลเรื่องนั้นเลย แค่ฝึกต่อไปก็พอแล้ว''
''ตกลงฮะ''
แล้วทุกอย่างก็ดําเนินเช่นนั้นต่อไป
หลังจากใช้เวลาฝึกใต้นํ้ากันอยู่สองสามชั่วโมง ทั้งเควินและ
เธเรซ่าต่างก็รู้สึกเหนื่อยล้า ทั้งสามไปกินอาหารกลางวันด้วยกัน
และอีกครั้งที่แกเร็ตเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากการดํานํ้าของเขาให้
ฟัง คราวนี้เพื่อเป็นประโยชน์แก่เควินเอง เควินถามในสิ่งที่ดู
เหมือนเป็นคําถามไร้เดียงสาแบบเด็กๆ นับ 100 ข้อ แกเร็ตตอบ
คําถามแต่ละข้อด้วยความอดทน เธเรซ่ารู้สึกโล่งอกที่เขากับเควิน
เข้ากันได้ดี
หลังจากที่แกเร็ตจอดรถที่โรงแรมเพื่อแวะไปเอาหนังสือและ
บทเรียนสําหรับวันต่อไปแล้ว แกเร็ตจึงพาทั้งสองไปที่บ้านเขา แม้
ว่าเควินวางแผนไว้ว่าจะเริ่มอ่านหนังสือสองสามบทต่อไปทันที
แต่ข้อเท็จจริงที่ว่า แกเร็ตอยู่บ้านริมหาดก็เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุก
อย่างไปหมด เควินยืนอยู่ในห้องนั่งเล่นและมองไปยังทะเล เขา
ถามว่า
''ผมลงไปเล่นนํ้าทะเลได้มั้ยฮะ?''
''แม่ไม่คิดอย่างนั้นนะ'' เธอพูดค่อยๆ
''เราเพิ่งใช้เวลาอยู่ในสระว่ายนํ้ามาตลอดทั้งวัน''
''น่ะ แม่นะ ได้โปรดเถอะ แม่ไม่ต้องไปกับผมนี่ แค่มอง
ดูผมจากระเบียงก็ได้''
เธอลังเล เควินจึงรู้เขาเอาชนะเธอได้แล้ว ''ได้โปรดเถอะ
ฮะ'' เขาพูดขึ้นอีกครั้งพร้อมกับส่งยิ้มที่แสดงถึงความตั้งใจจริงเป็น
ที่สุดแก่เธอ
''ตกลง ลูกไปได้ แต่อย่าออกไปนํ้าลึกเกินไป ตกลงมั้ย?''
''ผมจะไม่ไปที่นํ้าลึกฮะ ผมสัญญา'' เขาพูดอย่างตื่นเต้น
หลังจากคว้าผ้าเช็ดตัวที่แกเร็ตยื่นให้แล้วเขาก็วิ่งลงทะเลไป แกเร็ต
และเธเรซ่านั่งบนระเบียงเฝ้ามองอยู่ในขณะที่เขาเริ่มเล่นนํ้าทะเล
จนกระเซ็นไปรอบตัว
''เขาเป็นเด็กหนุ่มที่น่าทึ่งที่เดียว'' แกเร็ตพูดขึ้นเบาๆ
''ใช่ค่ะ เขาเป็นอย่างนั้น'' เธอพูด ''แล้วฉันก็คิดว่าเขา
ขอบคุณด้วย ช่วยกินอาหารกลางวัน เมื่อคุณไปห้องนํ้า เขาบอก
ว่าคุณเจ๋ง''
แกเร็ตยิ้ม ''ผมดีใจครับ ผมก็ชอบเขาเหมือนกัน เขาเป็น
นักเรียนคนหนึ่งซึ่งดีกว่าหลายคนที่ผมเคยเจอ''
''คุณกําลังพูดเพียงแค่เอาใจฉันนะคะ''
''ไม่ ผมไม่ได้พูดเอาใจ เขาเป็นอย่างนั้นจริงๆ ผมพบเด็ก
วัยรุ่นมากมายในชั้นเรียนที่ผมสอน อีกอย่าง เขาดูเป็นผู้ใหญ่มาก
ทั้งยังรู้จักใช้คําพูดได้เหมาะสมด้วยสําหรับเด็กอายุขนาดเขา แล้ว
เขาน่ารักดี ทุกวันนี้มีเด็กมากมายเหลือเกินที่ถูกตามใจจนเสียเด็ก
แต่ผมไม่รู้สึกอย่างนั้นกับเขาเลย''
''ขอบคุณค่ะ''
''ผมหมายความอย่างนั้นจริงๆ เธเรซ่า หลังจากที่ได้ฟังถึง
ความวิตกกังวลของคุณแล้ว ผมไม่แน่ใจในสิ่งที่คาดหวังไว้นัก แต่
เขาเป็นเด็กที่ยอดเยี่ยมจริงๆ คุณเลี้ยงดูเขาได้ดี''
เธอเอื้อมไปจับมือเขายกขึ้นจูบอย่างอ่อนโยนพร้อมกับพูด
ขึ้นเบาๆ ว่า
''มันมีความหมายสําหรับฉันมากค่ะที่ได้ยินคุณพูดอย่าง
นั้น ฉันไม่ค่อยได้พบผู้ชายที่อยากคุยเรื่องเควินมากนัก อย่าว่า
แต่ใช้เวลาอยู่กับเขาเลย''
''งั้นมันก็เป็นการสูญเสียโอกาสของพวกเขาไป''
เธอยิ้ม ''ทําไมคุณถึงรู้แจ่มแจ้งเสมอคะว่าจะพูดอะไรเพื่อ
ทําให้ฉันรู้สึกดี?''
''อาจเป็นเพราะว่า คุณนําสิ่งที่ดีที่สุดเข้ามาสู่ชีวิตผมก็ได้''
''บางทีฉันอาจทําอย่างนั้นอยู่ก้ได้ค่ะ''
เย็นวันนั้นแกเร็ตพาเควินไปร้านขายวิดีโอเพื่อซื้อหนังสอง
เรื่องที่เขาอยากดูและสั่งพิซซ่าสําหรับ 3 คน ทั้งสามดูหนังเรื่อง
แรกด้วยกันในขณะกินอาหารในห้องนั่งเล่น หลังอาหารเย็นเควิน
เริ่มอ่อนเปลี้ยลงอย่างช้าๆ เมื่อถึงเวลา 3 ทุ่ม เขางีบหลับไปหน้า
โทรทัศน์ เธเรซ่าเขย่าตัวเขาเบาๆ แล้วบอกเขาว่าถึงเวลาต้องไป
แล้ว
''คืนนี้เรานอนกันที่นี่ไม่ได้เหรอฮะ?'' เขาพึมพําโดยไม่ค่อย
รู้ตัวดีนัก
''แม่คิดว่าเราควรไปกันได้แล้ว'' เธอพูดค่อยๆ
''คุณทั้งสองจะนอนที่เตียงผมก็ได้นะถ้าต้องการ''
แกเร็ตให้ข้อเสนอ ''ผมจะนอนบนโซฟาข้างนอกนี่''
''เราทําตามนั้นกันดีกว่าฮะแม่ ผมเหนื่อยจริงๆ''
''คุณแน่ใจเหรอคะ?'' เธอถาม แต่ขณะนั้นเควินก็เริ่มเดิน
โซเซไปยังทางไปห้องนอนแล้ว เขาและเธอได้ยินเสียงสปริงดัง
เอี๊ยดอ๊าดในขณะที่เควินทิ้งตัวลงนอนบนเตียงของแกเร็ต เขา
และเธอเดินตามเควินไปแล้วแอบมองทางช่องประตู ครู่หนึ่งเขา
ก็หลับไปอีกครั้ง
''ผมไม่คิดว่าเขาให้เลือกทางเลือกกับคุณมากนักนะ'' แกเร็ตกระ
ซิบ
''ฉันยังคงไม่แน่ใจนะคะว่ามันเป็นความคิดที่ดี''
''ผมจะทําตัวเป็นสุภาพบุรุษเต็มตัว ผมสัญญา''
''ฉันไม่ได้กังวลเกี่ยวกับคุณหรอกค่ะ ฉันเพียงแต่ไม่อยาก
ให้เควินได้รับผลกระทบในทางที่ผิด''
''คุณหมายความว่า คุณไม่อยากให้เขารู้ว่าเราเป็นห่วงเป็น
ใยซึ่งกันและกันรึ? ผมคิดว่าเขารู้เรื่องนั้นแล้วละ''
''คุณก็รู้นี่คะว่าฉันหมายถึงอะไร''
''ใช่ ผมรู้'' เขายักไหล่ ''ฟังนะ ถ้าคุรอยากให้ผมช่วย
คุณพาเขาออกไปขึ้นรถ ผมก็ยินดีทําอย่างนั้น''
เธอจ้องมองเควินอยู่พักหนึ่ง และได้ยินเสียงลมหายใจลึกๆ
เป็นจังหวะสมํ่าเสมอของเขา เขาดูหลับเป็นตายเลย
''เอาละ คืนเดียวอาจไม่ทําให้เสียหายอะไร'' เธอใจอ่อน
แกเร็ตหลิ่วตาให้เธอ
''ผมหวังว่าคุณจะพูดเช่นนั้น''
''ตอนนี้อย่าลืมสัญญาของคุณที่จะเป็นสุภาพบุรุษเต็มตัว
นะ''
''ผมจะไม่ลืมสัญญา''
''ฟังดูคุณแน่ใจเหลือเกินนะในเรื่องนั้น''
''เฮ้...สัญญาต้องเป็นสัญญาสิ''
เธอปิดประตูเบาๆ แล้วใช้มือทั้งสองโอบรอบคอบแกเร็ต เธอ
จูบเขาแล้วขบหยอกล้อเขาที่ริมฝีปาก
''นั่นดีแล้ว เพราะถ้าขึ้นอยู่กับฉันเพียงลําพังแล้ว ฉันไม่คิด
ว่าฉันจะสามารถควบคุมตัวเองได้''
เขาหลิ่วตา ''คุณรู้วิธีทําให้ผู้ชายกลัดมันได้จริงๆ เลยใช่
มั้ย?''
''พูดแบบนั้นหมายความว่า...คุณคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงยั่ว
สวาทเหรอคะ?''
''ไม่หรอก'' เขาพูดเบาๆ ''นั่นหมายถึงผมคิดว่า คุณเป็น
ผู้หญิงที่สมบรูณ์แบบต่างหาก''
แกเร็ตและเธเรซ่านั่งอยู่บนโซฟา จอบไวน์แล้วคุยกันแทนที่
จะดูหนังเรื่องที่สอง เธเรซ่าเดินไปดูเควินสองสามครั้งเพื่อให้แน่ใจ
ว่าเขายังหลับอยู่ ดูเหมือนเขาไม่ได้ขยับตัวไปจากเดิมเลย
เมื่อถึงเวลาเที่ยงคืน เธเรซ่าหาวไม่หยุดหย่อน แกเร็ตจึง
แนะนําให้เธอไปนอน
''แต่ฉันลงมาที่นี่เพื่อพบคุณนะ'' เธอคัดค้านอย่างสะลึม
สะลือ
''แต่ถ้าคุณไม่ยอมไปนอน ผมจะไม่สบายใจนะ''
''ฉันยังสบายดีค่ะ จริงๆ นะ'' เธอพูดก่อนที่จะหาวอีกครั้ง
แกเร็ตลุกขึ้นเดินไปที่ตู้ เขาดึงผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม และหมอนออก
มาไว้ที่โซฟา
''ผมยืนยันนะ พยายามนอนสักงีบนึง? เรายังมีเวลาอีก
สองสามวันต่อจากนี้ที่จะได้พบกัน''
''คุณแน่ใจนะ?''
''แน่ใจสิ''
เธอช่วยแกเร็ตจัดโซฟาเป็นที่นอนจนเรียบร้อยแล้วจึงเดิน
ไปห้องนอน
''ถ้าคุณไม่อยากนอนในชุดที่คุณใส่แล้วละก็ มีเสื้อยืดแขน
ยาวอยู่ในลิ้นชักช่องที่สอง'' เขาพูด
เธอจูบเขาอีกครั้ง ''วันนี้เป็นวันอันแสนวิเศษสําหรับฉัน
ค่ะ'' เธอพูด
''ผมก็เหมือนกัน''
''ฉันขอโทษด้วยที่รู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน''
''คุณทําอะไรมาตั้งมากมายในวันนี้ เป็นเรื่องที่สามารถ
เข้าใจกันได้เต็มที่อยู่แล้ว''
ทั้งสองกอดรัดกัน ในขณะที่เธอกระซิบข้างหูเขาว่า ''คุณ
เป็นคนที่เข้าใจอะไรได้ง่ายๆ แบบนี้กับคนที่คุณอยู่ด้วยเสมอเหรอ
คะ?''
''ผมพยายามอยู่''
''งั้นคุณก็กําลังทําให้งานคุณย่งเป็นบ้าเลย''

ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา แกเร็ตตื่นขึ้นเมื่อรู้สึกว่ามีใครบาง
คนเอาข้อศอกมากระทุ้งสีข้างเขาเบาๆ เมื่อลืมตาขึ้นเขาจึงเห็น
เธเรซ่านั่งอยู่ติดกับเขา เธอสวมเสื้อยืดที่เขาพูดถึงก่อนหน้านี้
''คุณเป็นอะไรรึเปล่า?'' เขาถามแล้วลุกขึ้นนั่ง
''ฉันสบายดี'' เธอกระซิบ แล้วลูบแขนขา
''กี่โมงแล้ว?''
''ตีสามกว่า''
''เควินยังหลับอยู่รึเปล่า?''
''เหมือนก้อนหินเลย''
''ผมขอถามหน่อยได้มั้ยว่าคุณลุกจากเตียงขึ้นมาทําไม''
''ฉันฝันค่ะ และฉันไม่อาจกลับไปนอนได้อีก''
เขาขยี้ตา ''ฝันถึงอะไร?''
''คุณค่ะ'' เธเรซ่าพูดด้วยนํ้าเสียงอันแผ่วเบา
''ฝันดีรึเปล่า?'' เขาถาม
''โอ้...ฝันดีค่ะ'' เธอพูดเสียงแผ่วลง พลางโน้มตัวลงจูบอก
เขา แกเร็ตดึงตัวเธอเข้ามาใกล้ขึ้น เขาชําเลืองไปยังประตูห้อง
นอนด้านหลัง เธอปิดมันไว้แล้ว
''คุณไม่กังวลเรื่องเควินเหรอ?'' เขาถาม
''นิดหน่อยค่ะ แต่ฉันวางใจว่าคุณจะทําได้เงียบที่สุดเท่าที่
จะเป็นไปได้''
เธอเอื้อมมือไปใต้ผ้าห่ม แล้วใช้นิ้วลูบไล้ไปมาบริเวณท้อง
เขา สัมผัสของเธอทําให้เกิดความรู้สึกเสียวกระสันขึ้นมาทันที
''คุณแน่ใจเรื่องนี้แล้วหรือ?''
''ฮืม'' เธอพูด
ทั้งสองร่วมรักกันอย่างนุ่มนวลเงียบเชียบ จากนั้นก็นอนอยู่
เคียงข้างกัน ทั้งเขาและเธอไม่มีใครพูดอะไรเป็นเวลานาน เมื่อ
แสงแรกแห่งอรุณพาดผ่านให้เห็นบนขอบฟ้า เขาและเธอก็จูบ
ราตรีสวัสดิ์กัน แล้วเธอจึงกลับไปห้องนอน ภายในไม่กี่นาทีเธอก็
หลับสนิท ในขณะที่แกเร็ตมองดูเธอจากช่องประตู เขารู้สึกว่า
เป็นไปได้ยากที่จะงีบหลับไปอีกครั้งด้วยเหตุผลบางประการ

เช้าวันต่อมา เธเรซ่าและเควินทําสมุดแบบทดสอบ
ด้วยกัน ในขณะที่แกเร็ตขับรถออกไปซื้อขนมปังบาเกลที่เพิ่งสุก
ใหม่ๆ สําหรับเป็นอาหารเช้า ทั้งสามออกเดินทางมุ่งหน้าไปยัง
สระว่ายนํ้าอีกครั้ง คราวนี้เป็นบทเรียนชั้นสูงขึ้นอีกเล็กน้อยซึ่ง
ครอบคลุมทักษะที่แตกต่างกัน เธเรซ่าและเควินฝึกวิธีปฏิบัติแบบ
''บัดดี้ บรีททิง'' ในเหตุการณ์ซึ่งไม่ว่าใครคนใดคนหนึ่งในคนทั้ง
สองขาดอากาศหายใจเมื่ออยู่ใต้นํ้า แล้วต้องใช้ถังอากาศร่วมกัน
แกเร็ตเตือนถึงอันตรายของความตระหนกตกใจในระหว่างดํานํ้า
แล้วรีบว่างขึ้นมาที่ผิวนํ้าเร็วเกินไป
''ถ้าคุณทําอย่างนั้น คุณจะได้พบกับสิ่งที่เรียกว่าเบ็นด์*(*bends -
อาการปวดแขนขาและช่องท้อง เนื่องจากความกดดันของอากาศ
ลดตํ่าลงอย่างรวดเร็ว)
มันไม่ใช่เพียงแค่เจ็บปวดเท่านั้น แต่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้''
ทั้งหมดใช้เวลาอยู่ที่จุกลึกที่สุดของสระว่ายนํ้าด้วยกัน แล้ว
ว่ายอยู่ใต้นํ้าโดยขยายช่วงเวลาให้นานออกไปเพื่อฝึกให้คุ้นเคย
กับการใช้อุปกรณ์ และฝึกวิธีเคลียร์หู* (*clearing the ears - ใน
แวดวงดํานํ้าเรียกว่าปรับหูหรือเคลียร์หู คือการปรับความดันในช่องหู
ด้านใน จะทําทุกครั้งเมื่อแรงกดจากนํ้าที่มีต่อแก้วหูเพิ่มขึ้นเมื่อดํานํ้าลึก
ลงไปเรื่อยๆ วิธีทําคือ เมื่อเริ่มรู้สึกว่ามีแรงกดดันทําให้หูอื้อ ให้ใช้นิ้ว
หัวแม่มือกับนิ้วชี้บีบปลายจมูกไว้ จากนั้นให้หายใจออกทางจมูกโดยเพิ่ม
แรงอัดให้มากขึ้นอย่างช้าๆ)ในตอนท้ายของบทเรียน
แกเร็ตสาธิตให้ทั้งสองดูวิธีกระโดดลงมาจากข้างสระว่ายนํ้า โดย
ไม่ให้หน้ากากดํานํ้าที่ทั้งสองคนใส่อยู่หลุดออกมา เป็นที่คาดเดา
ได้ว่าทั้งสองคนต้องเหนื่อยล้าหลังจากฝึกอยู่สองสามชั่วโมง และ
ยุติการฝึกในวันน้ไว้เพียงเท่านั้น
''เราจะลงไปดํานํ้าในทะเลพรุ่งนี้มั้ยฮะ?'' เควินถามในขณะ
ที่ทั้งสามคนกําลังเดินกลับมาขึ้นรถ
''ถ้านายอยาก ฉันคิดว่านายพร้อมแล้วละ แต่ถ้านาย
อยากใช้เวลาอีกวันในสระว่ายนํ้ามากกว่า เราก็อาจทําอย่างนั้น
แทนได้''
''ไม่ฮะ ผมพร้อมแล้ว''
''นายแน่ใจเหรอ? ฉันไม่อยากให้นายรีบร้อน''
''ผมแน่ใจฮะ'' เขาพูดอย่างรวดเร็ว
''แล้วคุณล่ะ เธเรซ่า? คุณพร้อมดํานํ้าในทะเลรึยัง?''
''ถ้าเควินพร้อม งั้นฉันก็พร้อม''
''ผมจะได้รับการรับรองในวันอังคารรึเปล่าฮะ?'' เควินถาม
''ถ้าการดํานํ้าในทะเลเป็นไปได้ด้วยดี นายและแม่ของนาย
ก็จะได้รับการรับรอง''
''เจ๋ง''
''เราจะทําอะไรกัน สําหรับเวลาที่เหลือในวันนี้คะ?'' เธเรซ่า
ถาม
แกเร็ตยกถังอากาศดีเยี่ยมเลย''
''ให้ผมเรียนวิธีล่องเรือใบด้วยได้มั้ยฮะ?'' เควินถามอย่าง
กระตือรือร้น ''ได้สิ ฉันจะทําให้นายเป็นผู้ช่วยล่องเรือใบมือขวา
ของฉัน''
''ผมจําเป็นต้องได้รับการรับรองด้วยรึเปล่าฮะ?''
''ไม่หรอก นั่นขึ้นอยู่กับกัปตัน และเนื่องจากฉันคือกัปตัน
ฉันจึงสามารถทําได้ตอนนี้เลย''
''แค่นั้นเองเหรอฮะ?''
''แค่นั้นแหละ''
เควินมองเธเรซ่าด้วยดวงตาอันเบิกกว้าง เธอจึงแทบสามารถ
อ่านความคิดเขาออก ตอนแรกฉันได้เรียนวิธีดํานํ้า จากนั้นก็
กลายเป็นมือขวาของกัปตันเรือ รอจนกว่าฉันจะได้กลับไปเล่าให้
เพื่อนฟังเถอะน่า

แกเร็ตพยากรณ์อากาศได้อย่างแม่นยํา ทั้งสามพบ
กับช่วงเวลาอันแสนสุขในทะเล แกเร็ตสอนพื้นฐานการล่องเรือใบ
แก่เควิน ตั้งแต่วิธีล่องเรือใบ และเมื่อไหร่ที่จะเปลี่ยนทิศทางเรือ
ไปจนถึงการคะเนทิศทางลมโดยใช้กลุ่มเมฆเป็นเกณฑ์ ในขณะ
ที่การออกเดตครั้งแรกด้วยกัน เขาและเธอกินแซนด์วิชและสลัด
แต่คราวนี้ทั้งสองเลี้ยงอาหารให้กับครอบครัวของปลาพอร์พอยส์*
(* porpoise - ปลาทะเลขนาดใหญ่คล้ายปลาโลมา ตามธรรมชาติจะ
ว่ายรวมกันเป็นฝูง และจะว่ายขึ้นมาหายใจหนือนํ้า)
ซึ่งว่ายกระโดดโลดเต้นอยู่รอบๆ เรือขณะกําลังกินอาหารกัน
เมื่อทั้งสามคนกลับมาถึงท่าเรือก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว
หลังจากแกเรตปิดเก็บเรือเพื่อป้องกันพายุที่เกิดขึ้นโดยไม่
คาดคิดให้เควินดูแล้ว แกเร็ตจึงส่งทั้งสองกลับโรงแรม ด้วยเหตุ
ที่ทั้งสามคนหมดเรี่ยวแรงแล้ว เธเรซ่าและแกเร็ตจึงกล่าวราตรี
สวัสดิ์กันอย่างรวดเร็ว ทั้งเธเรซ่าและเควินเข้านอนไปแล้วเมื่อ
แกเร็ตกลับมาถึงบ้าน
วันต่อมา แกเร็ตพาทั้งสองออกไปดํานํ้าทะเลเป็นครั้งแรก
หลังจากที่ความตื่นเต้นในช่วงเริ่มแรกหายไปทีละน้อย ทั้งสองก็
เริ่มหาความเพลิดเพลินให้ตัวเอง และจบการฝึกด้วยการที่แต่ละ
คนใช้ถังอากาศไปจนหมด 2 ถังตลอดหลักสูตรการฝึกช่วงบ่าย
ต้องขอบคุณอากาศชายฝั่งที่ลมสงบ นํ้าทะเลใส และมองเห็นใต้
นํ้าได้อย่างดีเยี่ยม แกเร็ตถ่ายภาพไว้สองสามภาพในขณะที่ทั้ง
สามดํานํ้าลงไปสํารวจซากเรืออัปปางบริเวณนํ้าตื้นใกล้ชายฝั่ง
ทะเลรัฐนอร์ทแคโรไลน่า เขาสัญญาว่าจะไปอัดรูปที่ถ่ายให้
ในสัปดาห์นั้น แล้วส่งไปให้ทั้งเธเรซ่ากับเควินเร็วที่สุดเม่าที่เขาจะ
ทําได้
ทั้งสองใช้เวลาช่วงเย็นที่บ้านแกเร็ตอีกครั้ง หลังจากเควิน
งีบฟลับไปแล้ว แกเร็ตและเธเรซ่าจึงมานั่งชิดกันที่ระเบียง ท่าม
กลางอากาศชื้นและอบอ้าวที่พัดผ่านผิวกายทั้งสองอย่างแผ่วเบา
หลังจากพูดคุยกันถึงเรื่องการดํานํ้าก่อนหน้านั้นของเขา
และเธอแล้ว เธเรซ่าก็เงียบไปครู่หนึ่ง ''ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าเรา
กําลังจะจากที่นี่ไปคืนพรุ่งนี้แล้ว'' เธอพูดขึ้นในที่สุด โดยแฝงไว้
ด้วยร่องรอยของความเศร้าในนํ้าเสียง ''สองวันสุดท้ายนี่ช่างผ่าน
ไปรวดเร็วเหลือเกิน''
''นั่นเป็นเพราะว่าเรามีอะไรทํากันยุ่งอยู่ตลอดเวลาเลย''
เธอยิ้ม ''ตอนนี้คุณคงรู้สึกได้ว่าชีวิตของฉันที่บอสตันเป็น
ยังไง''
''วิ่งวุ่นอยู่เสมอใช่มั้ย?''
เธอผงกศรีษะ ''ใช่เลยค่ะ เควินเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่เคย
เกิดขึ้นมาในชีวิตฉัน แต่บางครั้งเขาก็ทําให้ฉันอ่อนล้า เขาต้อง
ทําอะไรบางอย่างอยู่ตลอดเวลา''
''แต่คุณคงจะไม่เปลี่ยนแปลงสิ่งนั้นใช่มั้ย? ผมหมายความ
ว่า คุณไม่อยากเลี้ยงลูกให้เป็นเด็กติดทีวีเป็นบ้าเป็นหลัง หรือเป็น
เด็กที่นั่งฟังเพลงในห้องทั้งวัน ใช่มั้ย?''
''ไม่ค่ะ''
''งั้นก็จงขอบคุณในสิ่งที่เป็นอยู่ เขาเป็นเด็กยอดเยี่ยม ผม
เพลิดเพลินในการใช้เวลาอยู่กับเขาจริงๆ''
''ฉันดีใจเหลือเกินค่ะ ฉันรู้ดีว่าเขาก็รู้สึกแบบเดียวกัน'' เธอ
หยุดพูดไปครู่หนึ่ง ''คุณรู้มั้ยคะว่า ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้ใช้เวา
อยู่ด้วยกันตามลําพังมากนักสําหรับการเดินทางมาครั้งนี้ แต่ดู
เหมือนตอนนี้ฉันได้รู้จักคุณดีขึ้นกว่าเมื่อครั้งแรกที่ฉันลงมาที่นี่คน
เดียวมากเลยค่ะ''
''คุณหมายความว่าอะไร? ผมก็ยังเป็นผู้ชายคนเดิมเหมือน
กับที่ผมเคยเป็นมาก่อนหน้านั้น''
เธอยิ้ม ''คุณเป็น แล้วคุณก็ไม่ได้เป็น ครั้งสุดท้ายที่ฉันอยู่
ที่นี่ คุณสนใจแต่ฉันคนเดียว และเราทั้งสองคนต่างก็รู้ดีว่า เป็น
การง่ายกว่าที่จะเกี่ยวข้องกับใครบางคนเมื่อคุณสามารถใช้เวลา
เฉพาะกับคนนั้น ครั้งนี้คุณได้เห็นว่า จริงๆ แล้วเป็นยังไง เมื่อมี
เควินอยู่ใกล้ๆ...และกระนั้นคุณก็สามารถรับมือกับสถานการณ์
ทั้งหมดนี้ได้ดีกว่าที่ฉันสามารถจะจินตนาการถึงได้''
''เอ้อ...ขอบคุณ แต่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องยากเย็นอะไรขนาดนั้น
หรอก สิ่งที่ผมทําไม่ใช่เรื่องสําคัญหรอก ตราบใดที่มีคุณอยู่ใกล้ๆ
ผมเพียงแค่อยากใช้เวลาอยู่กับคุณเท่านั้น''
เขาโอบเธอไว้แล้วดึงตัวเธอเข้ามาใกล้ เธอซบศรีษะลงบน
ไหล่เขา เขาและเธอนิ่งเงียบฟังเสียงคลื่นที่ม้วนตัวซัดสาดขึ้นมา
ตามชายหาด
''คืนนี้คุณจะอยู่ค้างที่นี่อีกมั้ย?''
''ฉันกําลังสนใจพิจารณาถึงเรื่องนั้นอย่างจริงจังอยู่ค่ะ''
''คุณอยากให้ผมเป็นสุภาพบุรุษเต็มตัวอีกมั้ย?''
''อาจจะใช่ หรืออาจไม่ใช่''
เขาเลิกคิ้ว ''คุณกําลังจีบผมอยู่รึเปล่า?''
''ฉันกําลังพยายามอยู่ค่ะ'' เธอสารภาพ เขาจึงหัวเราะขึ้น
''คุณรู้มั้ยแกเร็ต ว่าฉันรู้สึกสบายจริงๆ เมื่ออยู่ใกล้คุณ''
''สบายเหรอ? คุรพูดเหมือนผมเป็นโซฟา''
''ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น ฉันหมายความว่า ฉันรู้สึก
ว่าตัวเองโชคดีจริงๆ เมื่อเราอยู่ด้วยกัน''
''สมควรแล้วครับ ผมก็รู้สึกค่อนข้างดีกับตัวคุณ''
''ค่อนข้างดีเหรอคะ? แค่นั้นเองเหรอคะ?''
เขาสั่นศรีษะ ''ไม่หรอก นั่นไม่ใช่ทั้งหมด''
เขาดูแทบจะเขินๆ ไปครู่หนึ่ง ''หลังจากที่คุณจากไปครั้ง
สุดท้าย พ่อผมมาที่ร้านและเทศนาให้ผมฟัง''
''เขาพูดว่าอะไรคะ?''
''พ่อบอกว่า ถ้าคุณทําให้ผมมีความสุข ผมก็ไม่ควรปล่อย
ให้คุณหลุดมือไป''
''แล้วคุณตั้งใจจะทําอย่างนั้นด้วยวิธีไหนคะ?''
''ผมคิดว่า ผมคงต้องใช้เสน่ห์ของผมมัดใจคุณให้อยู่หมัด''
''คุณก็ทําแบบนั้นอยู่แล้วนี่''
เขาชําเลืองมองเธอ แล้วมองเลยออกไปยังทะเล จากนั้น
พักหนึ่ง เขาจึงเอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า ''งั้นผมคิดว่า ผมคงต้องบอกคุณ
แล้วว่า ผมรักคุณ''
ผมรักคุณ
เบื้องบนของทั้งสอง หมู่ดาวกระจายไปทั่วท้องฟ้าส่องแสง
ระยิบระยับอยู่ในความมืด กลุ่มเมฆอันไกลโพ้นเคลื่อนตัวลอยสูง
ขึ้นไปเหนือขอบฟ้าสะท้อนรับขับแสงจันทร์เสี้ยว เธเรซ่าฟังถ้อยคํา
ที่เวียนผ่านเข้ามาในหัวเธออีกครั้ง
ผมรักคุณ
ครั้งนี้ไม่มีความรู้สึกสองจิตสองใจแล้ว ไม่มีความเคลือบ
แคลงใดๆ ในสิ่งที่เขาพูด
''คุณรักฉันจริงๆ เหรอคะ?'' เธอกระซิบขึ้นในที่สุด
''ใช่ครับ'' เขาพูด แล้วหันไปมองหน้าเธอ
''ผมรักคุณ'' เมื่อเขาตอบออกมาแล้ว เธอจึงเห็นบางอย่าง
ในดวงตาเขาในลักษณะซึ่งเธอไม่เคยเห็นมาก่อน
''โอ้...แกเร็ตคะ'' เธอเริ่มไม่แน่ใจ ก่อนหน้าที่แกเร็ตจะสั่น
ศรีษะขัดจังหวะ
''เธเรซ่า ผมไม่ได้หวังให้คุณรู้สึกแบบเดียวกับผม ผม
เพียงแค่อยากให้คุณรู้ว่าผมรู้สึกยังไง'' เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และ
จดจําความฝันของเขาได้ ''ตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีสิ่งต่างๆ
เกิดขึ้นมากมาย...'' เขาหยุดเงียบไป
เธอเริ่มพูดบางอย่างออกมา แต่แกเร็ตสั่นศรีษะ เขาต้อง
ใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งที่จะพูดต่อไป
''และผมไม่แน่ใจว่าผมเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ผมรู้แน่ชัด
ว่าผมรู้สึกกับคุณยังไง''
นิ้วมือเขาลูบไล้ไปตามแก้มและริมฝีปากเธออย่างแผ่วเบา
''ผมรักคุณเธเรซ่า''
''ฉันก็รักคุณเช่นกันค่ะ'' เธอพูดอย่างอ่อนโยน และพยา
ยามที่จะพูดคํานั้นออกมา โดยหวังว่านั่นคือความจริง
หลังจากนั้นเขาและเธอก็กอดกันอยู่อีกนาน ก่อนที่จะเข้า
ไปในบ้านและร่วมรักกัน แล้วกระซิบแผ่วต่อกันจนกระทั่งถึงชั่วโมง
แห่งรุ่งอรุณ แต่คราวนี้หลังจากที่เธเรซ่าไปถึงห้องนอนแล้ว แกเร็ต
เป็นฝ่ายหลับสนิท ในขณะที่เธเรซ่านอนไม่หลับ เฝ้าแต่คิดถึงสิ่ง
มหัศจรรย์ที่ชักนําให้เขาและเธอได้มาอยู่ร่วมกัน
วันต่อมาผ่านพ้นไปอย่างวิเศษ เมื่อไหร่ก็ตามที่มีโอกาส
แกเร็ตและเธเรซ่าจะจับมือกันไว้ และแอบจูบกันสองสามครั้ง เมื่อ
เควินไม่ได้มอง
เธอและเควินใช้เวลาสําหรับวันที่เหลืออยู่ฝึกดํานํ้าเช่นเดียว
กับที่ทํามาในวันก่อน และเมื่อมาถึงบทเรียนดํานํ้าบทสุดท้ายเสร็จ
สิ้นลง แกเร็ตจึงออกใบรับรองชั่วคราวให้ทั้งสองคนบนเรือทันที
''นายสามารถดํานํ้าได้ทุกที่และทุกเมื่อที่นายต้องการแล้วตอนนี้''
เขาพูดกับเควินซึ่งจับใบรับรองที่ได้รับไว้แทบจะเหมือนกับว่าเป็น
ทอง ''แค่ส่งแบบฟอร์มนี้มากับซอง แล้วนายจะได้รับใบรับรอง
การดํานํ้าแบบ PADI ภายในสองอาทิตย์ แต่จําไว้ว่า มันไม่ปลอด
ภัยเลยที่จะดํานํ้าเพียงลําพัง จงไปกับใครอีกคนเสมอ''
เนื่องจากเป็นวันสุดท้ายในเมืองวิลมิงตันของเธอและเควิน
เธเรซ่าจึงเช็กเอาต์จากโรงแรมแล้วทั้งสามคนก็ไปบ้านแกเร็ต เควิน
อยากใช้เวลาสองสามชั่วโมงสุดท้ายอยู่ที่ชายหาด เธเรซ่าและ
แกเร็ตจึงนั่งอยู่ใกล้ๆ เขาที่ชายทะเล แกเร็ตและเควินเล่นฟริสบี้*
(*Frisbee - เกมโยนรับแผ่นพลาสติกรูปจาน จัดเป็นกีฬาประเภทหนึ่ง)
ด้วยกันอยู่พักหนึ่ง เมื่อรู้ว่าเริ่มบ่ายจัดแล้ว เธเรซ่าจึงเข้าไปหาของ
กินในบ้าน
ทั้งสามคนกินไส้กรอกย่างจากตระแกรงเป็นอาหารเย็นแบบ
เร่งด่วนที่ระเบียงหลังบ้าน ก่อนที่แกเร็ตจะขับรถไปส่งเธอเควิน
ที่สนามบิน หลังจากเธเรซ่าและเควินขึ้นเครื่องไปอย่างปลอดภัย
แล้ว แกเร็ตยังอยู่ที่นั่นต่ออีกสองสามนาที เขามองดูอยู่จนกระทั่ง
เครื่องบินเริ่มถอยพ้นไปจากประตูทางออก เมื่อเครื่องบินบินลับ
สายตาไปแล้ว เขาจึงเดินกลับมาที่รถบรรทุกและขับกลับบ้าน
จากนั้นก็เฝ้าแต่มองนาฬิกา เพื่อดูว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่า
ที่เขาจะโทร.หาเธอได้ในเย็นวันนั้น
เธเรซ่าและเควินพลิกดูนิตยสารต่างๆ อยู่บนที่นั่ง เมื่อผ่าน
มาได้ครึ่งทางแรกของเส้นทางบินตรงในการเดินทางกลับบ้าน
เควินหันมาถามเธอในทันทีทันใดนั้นว่า
''แม่ฮะ แม่ชอบแกเร็ตมั้ย?''
''ใช่ แม่ชอบเขา แต่ที่สําคัญกว่านั้นคือ...ลูกชอบเขารึ
เปล่า?''
''ผมคิดว่าเขาเจ๋งดี ผมหมายถึงสําหรับคนที่เป็นผู้ใหญ่
น่ะฮะ''
เธเรซ่ายิ้ม ''ดูเหมือนลูกกับเขาทั้งสองคนจะเข้ากันได้ดีนะ
ลูกดีใจมั้ยที่เรามาที่นี่กัน?''
เขาผงกศรีษะ ''ฮะ ผมดีใจ'' เขาหยุดพูดไปครู่หนึ่งแล้ว
พลิกนิตยสารกลับไปกลับมาไม่หยุดหย่อน ''แม่ฮะ ให้ผมถาม
อะไรแม่บางอย่างได้มั้น?''
''ถามมาเลย อะไรก็ได้''
''แม่จะแต่งงานกับแกเร็ตรึเปล่าฮะ?''
''แม่ก้ไม่รู้เหมือนกัน ถามทําไม?''
''แม่อยากแต่งรึเปล่าล่ะฮะ?''
เธอต้องใช้เวลาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบ
''แม่ไม่แน่ใจ แม่รู้แน่ๆ ว่ายังไม่อยากแต่งงานกับเขา
ตอนนี้ เรายังอยู่ในระหว่างการเริ่มทําความรู้จัก''
''แต่แม่อาจอยากแต่งงานกับเขาในอนาคตไม่ใช่เหรอฮะ?''
''อาจจะ''
เควินโล่งอก ''ผมดีใจฮะ ดูเหมือนแม่จะมีความสุขจริงๆ
มื่อแม่อยู่กับเขา''
''ลูกเห็นด้วยเหรอ?''
''แม่ฮะ ผมอายุ 12 แล้วนะฮะ ผมรู้ดีกว่าที่แม่คิด''
เธอเอื้อมมาแตะมือเขา ''ดีละ ลูกจะว่ายังไง ถ้าแม่บอก
ลูกว่า แม่อยากแต่งงานกับเขาตอนนี?''
เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ''ผมคิดว่า ผมคงสงสัยว่าเราจะไปอยู่
กันที่ไหน?''
เธเรซ่าไม่สามารถคิดถึงคําตอบที่ดีสําหรับชีวิตของ
เธอได้ว่า...จริงๆ แล้วคือที่ไหนกัน?</span></span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
แมงป่อง
แม่ไข่หวาน พ่อไข่เค็ม
 
โพสต์: 1468
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ พ.ค. 05, 2007 10:25 pm

โพสต์โดย แมงป่อง » อาทิตย์ ก.ค. 06, 2008 8:03 pm

<span style='font-size:14pt;line-height:100%'><span style='color:purple'>บทที่ 11</span>

สี่วันหลังจากที่เธเรซ่าไปจากวิลมิงตัน แกเร็ตฝันอีก
ครั้ง เพียงแต่คราวนี้เขาฝันถึงแคธรีน ในความฝันนั้น เขาและ
เธออยู่ท่ามกลางท้องทุ่งที่ปกคลุมไปด้วยหญ้า ชายทุ่งเป็นหน้าผา
ตั้งตะหง่านอยู่เหนือผืนทะเล พวกเขาเดินจูงมือคุยกันในขณะ
ที่แกเร็ตพูดอะไรบางอย่างที่ทําให้เธอหัวเราะ แล้วทันใดนั้นโดย
ไม่คาดคิด เธอก็ถลันวิ่งหนีไปแล้วเหลียวหลังกลับมามองแกเร็ต
พร้อมกับหัวเราะเรียกให้แกเร็ตวิ่งไล่จับเธอ เขาหัวเราะและทํา
ตามที่เธอบอกอย่างว่าง่าย ทั้งยังรู้สึกเป็นอย่างมากว่าเหมือนกับ
เป็นวันแต่งงาน
แกเร็ตเฝ้ามองเธอวิ่ง เขาอดใจไม่ได้ที่จะสังเกตว่าเธอ
งดงามเพียงใด เส้นผมเธอสะบัดพลิ้วยามต้องแสงทองจากดวง
อาทิตย์เบื้องบนสะท้อนเป็นเงา ขาทั้งสองเรียวงาม และเคลื่อน
ไหวเป็นจังหวะด้วยท่วงท่าสบายๆ รวมทั้งปรากฏรอยยิ้มง่ายๆ
ผ่อนคลาย ประหนึ่งว่าเธอเพียงแค่ยืนอยู่นิ่งๆ ทั้งที่ความจริงเธอ
กําลังวิ่ง
''ไล่ฉันให้ทันสิ แกเร็ต คุณจับตัวฉันได้รึเปล่า?'' เธอร้อง
เรียก
เสียงหัวเราะของเธอดังกังวานล่องลอยไปในอากาศรอบตัว
เขาราวกับเสียงดนตรี
เขาเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นทีละน้อยเพื่อไล่ให้ทันเธอ เมื่อแกเร็ต
เห็นว่าเธอกําลังบ่ายหน้าไปยังหน้าผา ในห้วงอารมณ์แห่งความ
สุขและความตื่นเต้นนั้น ดูเหมือนเธอจะไม่รู้ตัวว่าเธอกําลังวิ่งไป
ที่ใด
แต่นั่นเป็นเรื่องน่าขัน เขาคิด เธอต้องรู้สิ
แกเร็ตเรียกร้องให้เธอหยุด แต่แทนที่จะหยุด เธอกลับเริ่ม
วิ่งเร็วขึ้น
เธอวิ่งเข้าไปใกล้ริมหน้าผา
เขารู้สึกหวาดกลัวอย่างท่วมท้นถึงอันตรายบางอย่าง เมื่อ
เห็นว่าเขายังอยู่ข้างหลังไกลเกินกว่าจะคว้าตัวเธอไว้ได้
เขาวิ่งเร็วที่สุดเท่าที่จะทําได้ และตะโกนสุดเสียงให้เธอหัน
กลับมา แต่เธอไม่แสดงท่าทีว่าได้ยินเสียงของเขาแม้แต่น้อย เขา
รู้สึกว่าฮอร์โมนอะดรนาลินซึ่งหลั่งออกมาเนื่องจากความกลัวจน
ตัวแข็งแกร่งฉัดพร่านไปทั่วร่าง
แคธรีนวิ่งต่อไปโดยไม่ทราบถึงอันตราย หน้าผาอยู่ห่าง
ออกไปเพียงไม่กี่ฟุต
เขากําลังเข้าไปใกล้เธอแล้ว
แต่เขาก็ยังคงอยู่ด้านหลังห่างไกลจากเธอเกินไป
''หยุด!'' เขาแผดเสียงร้องอีกครั้ง แต่คราวนี้เขารู้ดีว่าเธอ
ไม่ได้ยิน เสียงเขาแหบหายไปจนไม่เหลือแล้ว ความตระหนกที่
เขารู้สึกต่อจากนั้นมากมายกว่าสิ่งใดที่เคยรับรู้มาก่อน เขาตั้งใจ
ให้ขาของเขาเคลื่อนไหวไปได้เร็วขึ้นด้วยพลังทุกอย่างที่เขามี แต่
มันกลับเริ่มอ่อนเปลี้ยและหนักขึ้นเรื่อยๆ ทุกฝีก้าวที่ย่างเท้าไป
''เราช่วยเธอไม่ทันแล้ว'' เขาคิดอย่างอื่นตระหนก
ครั้นแล้วเธอก็วิ่งอย่างฉับพลัน เช่นเดียวกับตอนที่เธอ
วิ่งหนีเขาไปนั่นเอง เธอหันมามองเขา และดูเหมือนว่าเธอไม่ได้
รับรู้ถึงอันตรายใดๆ เลย
เธอยืนห่างจากขอบเหวเพียงนิดเดียว
''อย่าขยับตัวนะ'' เขาตะโกน แต่เสียงที่เปล่งออกมาเป็น
เสียงกระซิบอีกครั้ง เขาหยุดยืนหายใจหอบอยู่ห่างจากเธอไม่กี่ฟุต
แล้วยื่นมือออกไป
''เดินตรงมาหาผมเถอะ'' เขาอ้อนวอน
''ตอนนี้คุณอยู่ตรงขอบหน้าผาพอดีนะ''
เธอยิ้ม แล้วชําเลืองไปด้านหลัง
เมื่อเขาเห็นว่าจวนเจียนตกลงไปมากเพียงใดแล้ว เธอกลับ
หันมาทางเขา
''คุณคิดว่าคูณกําลังจะสูญเสียฉันไปเหรอ?''
''ใช่'' เขาพูดค่อยๆ ''ผมสัญญาว่าจะไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้
เกิดขึ้นอีกเด็ดขาด''

แกเร็ตตื่นและลุกขึ้นนั่งบนเตียง เขาไม่นอนอีกเลย
เป็นเวลาหลายชั่วโมงหลังจากนั้น ในที่สุดเขาจึงรีบหลับไปบ้าง
หรืออย่างมากที่สุดก็แค่หลับๆ ตื่นๆ กว่าที่เขาจะลุกขึ้นจากเตียง
ก็เป็นเวลาเกือบ 10 โมงเช้าของวันต่อมา เขายังคงอ่อนล้าและ
หดหู่ใจ เขารู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะคิดถึงเรื่องอื่นนอกจาก
ความฝันดังกล่าว เมื่อไม่รู้ว่าจะทําอย่างไรดีแล้ว เขาจึงโทรศัพท์
หาพ่อเขา ซึ่งมาพบเพื่อกินอาหารเช้ากันที่ร้านประจํา
''ผมไม่รู้ว่าทําไมผมรู้สึกแบบนี้'' เขาพูดกับพ่อหลังจากคุย
เรื่องสัพเพเหระกันไปไม่กี่นาที ''ผมไม่เข้าใจดีจริงๆ''
พ่อเขาไม่ตอบ ได้แต่นิ่งเงียบและเฝ้ามองดูลูกชายข้ามถ้วย
กาแฟมา ในขณะที่เขาพูดต่อไปว่า
''ไม่ใช่ว่าเธอทําอะไรให้ผมกลุ้มใจ'' เขาพูด
''เราเพิ่งใช้เวลาในวันหยุดสุดสัปดาห์ด้วยกัน และผมชอบ
เธอจริงๆ ผมได้พบลูกชายเธอ แล้วเขาเป็นเด็กที่ยอดเยี่ยม ก็แค่
นั้นเอง...ผมไม่รู้ ผมไม่รู้ว่าผมจะรักษาสิ่งนี้ไว้ได้หรือเปล่า''
แกเร็ตหยุดพูด มีเพียงเสียงจากโต๊ะอื่นรอบๆ ที่เขาได้ยิน
''รักษาอะไรไว้ล่ะ?'' เจบ เบล็กถามขึ้นในที่สุด
แกเร็ตคนกาแฟในถ้วยอย่างใจลอย
''ผมไม่รู้ว่าผมจะได้พบเธออีกรึเปล่า''
พ่อเขาขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้ตอบอะไร แกเร็ตพูดต่อไป
''บางทีมันอาจไม่ได้ถูกลิขิตมาแบบนี้ก็ได้ ผมหมายถึง เธอ
ไม่แม้แต่จะอยู่ที่นี่ เธออยู่ไกลออกไปหลายพันไมล์ เธอมีชีวิตของ
เธอ มีสิ่งต่างๆ ที่เธอสนใจ แล้วผมล่ะ อยู่ทางตอนใต้นี้ และกําลัง
ดึงเธอมาสู่ชีวิตที่ต้องแยกกันอยู่โดยสิ้นเชิง บางทีเธออาจเหมาะ
กับคนอื่นมากกว่า ใครบางคนซึ่งเธอจะพบปะกันได้สมํ่าเสมอ''
แกเร็ตนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดออกไป และรู้ตัวดีว่าเขาไม่เชื่อ
ตามนั้นเสียทีเดียวนัก กระนั้นเขายังไม่อยากเล่าเรื่องความฝันให้
พ่อเขาฟัง
''ผมหมายความว่า เราจะสร้างความสัมพันธ์ขึ้นมาได้อย่าง
ไร ถ้าเราไม่ได้พบกันบ่อยครั้งนัก?''
อีกครั้งที่พ่อเขาไม่พูดอะไรเลย แกเร็ตพูดต่อไปเหมือนคุย
กับตัวเอง
''ถ้าเธออยู่ที่นี่ แล้วผมพบเธอได้ทุกวัน ผมคิดว่าผมคงรู้สึก
ต่างไปจากนี้ แต่ด้วยการจากไปของเธอ...'' เขาพูดเสียงแผ่วลง
และพยายามหาเหตุผลให้กับความคิด หลังจากนั้นพักหนึ่งเขาจึง
พูดขึ้นอีกครั้งว่า
''ผมมองไม่เห็นเลยจริงๆ ว่าเราจะทําให้ความสัมพันธ์นี้
ดําเนินไปด้วยดีได้ยังไง ผมคิดเรื่องนี้มาก แล้วผมก็มองไม่เห็น
หนทางว่าจะเป็นไปได้ยังไงด้วย ผมไม่อยากย้ายไปอยู่บอสตัน
แล้วผมก็ไม่แน่ใจว่าเธอต้องการย้ายมาอยู่ที่นี่หรือเปล่า เมื่อเป็น
แบบนี้แล้วยังมีหนทางอื่นเหลือให้เราอีกรึไง?''
แกเร็ตหยุดพูด แล้วรอให้พ่อเขาพูดบางอย่างออกมา อะไร
ก้ได้เพื่อสนองตอบต่อสิ่งที่เขาพูดไปแล้วทั้งหมดจนถึงประเด็นที่
เพิ่งพูดกันไปนั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไปพักหนึ่งเขาก็ยังไม่เปล่งเสียง
ใดๆ ออกมา ในที่สุดเขาได้แต่ถอนหายใจ แล้วมองไปทางอื่น
''พ่อฟังดูเหมือนแกกําลังหาข้อแก้ตัวอยู่นะ!'' เจบพูดค่อยๆ
''แกกําลังพยายามทําให้ตัวแกเองเชื่อ แล้วแกก็ใช้พ่อให้ฟังแกพูด
กับตัวเอง''
''ไม่ใช่ พ่อ ผมไม่ได้ทําแบบนั้น ผมเพียงแค่กําลังพยา
ยามคิดหาทางแก้ปัญหาเรื่องราวทั้งหมดเท่านั้น''
''แกคิดว่าแกกําลังพูดอยู่กับใครกัน แกเร็ต'' เจบ เบล็กส่าย
หน้า
''พ่อสาบานได้เลยว่า บางทีแกคงคิดว่าพ่อน่ะช่างไร้เดียงสา
แล้วเดินต้วมเตี้ยมผ่านชีวิตไปวันๆ โดยไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยตลอด
เส้นทางที่ผ่านมา แต่พ่อรู้ถึงความทุกข์ที่แกประสบอยู่อย่างแจ่ม
แจ้ง แกไปติดยึดอยู่กับชีวิตที่เดียวดายมานานซะจนแกกลัวในสิ่ง
ที่อาจเกิดขึ้น ถ้าแกได้พบใครสักคนที่อาจพาแกออกมาจากชีวิต
แบบนั้นได้อย่างแท้จริง''
''ผมไม่ได้กลัว'' แกเร็ตค้าน
พ่อเขาจึงพูดตัดบทขึ้นมาอย่างห้วนๆ
''แกไม่สามารถยอมรับกับตัวแกเองได้ด้วยซํ้าไป ใช่มั้ย?''
นํ้าเสียงของเขาแสดงความผิดหวัง โดยไม่อาจเข้าใจเป็น
อื่นได้
''แกรู้มั้ย แกเร็ต ตอนที่แม่แกตาย พ่อก็สร้างข้อแก้ตัวขึ้น
มาเหมือนกัน ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา พ่อยกเอาเรื่องสารพัด
อย่างมาอ้างกับตัวเอง แล้วแกอยากรู้มั้ยว่า สิ่งเหล่านั้นนําพ่อไป
สู่ที่ไหน?''
เขาจ้องหน้าลูกชาย ''พ่อแก่และเหนื่อยแล้ว ที่สําคัญที่
สุดคือ พ่ออยู่อย่างเดียวดาย ถ้าพ่อย้อนเวลากลับไปได้แล้วละก็
พ่อจะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ มากมายเกี่ยวกับตัวเอง แล้วพ่อต้อง
เป็นไอ้คนระยําแน่ ถ้าพ่อปล่อยให้แกทําสิ่งเดียวกับที่พ่อเคยทํามา
แล้ว''
เจบเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะพูดต่อด้วยนํ้าเสียงนุ่มนวล
''พ่อพลาดไปแล้ว แกเร็ต พลาดที่ไม่พยายามมองหาคน
อื่น พลาดที่รู้สึกผิดกับแม่แก พลาดที่เฝ้าใช้ชีวิตตามวิถี
ทางที่พ่อเคยเป็นมา ด้วยความทุกข์ทรมานอยู่ภายในจิตใจตลอด
เวลาจากการเฝ้าแต่สงสัยว่าเธอจะคิดยังไง แกรู้มั้ยว่าเพราะอะไร?
พ่อคิดว่าแม่แกคงอยากให้พ่อหาคนอื่น แม่แกคงอยากให้พ่อมี
ความสุข แล้วแกรู้มั้ยว่าทําไม''
แกเร็ตไม่ตอบ
''เพราะแม่รักพ่อ แล้วพ่อคิดว่า ถ้าแกกําลังแสดงให้เห็น
ถึงความรักที่มีต่อแคธรีนด้วยความทุกข์ระทมใจแบบที่แกทํามา
ตลอดแล้วละก็ พ่อต้องทําสิ่งผิดพลาดในการเลี้ยงดูแกมาในบาง
ช่วงของชีวิตเป็นแน่''
''พ่อไม่ได้ทําอะไรผิดพลาด...?''
''พ่อต้องทําอย่างนั้นแน่ เพราะเมื่อพ่อมองดูแก พ่อได้เห็น
ตัวพ่อเอง ด้วยความสัตย์แล้ว พ่ออยากเห็นใครบางคนที่ต่างไป
จากนี้มากกว่า พ่ออยากเห็นใครบางคนซึ่งเรียนรู้ว่า มันไม่เป็นไร
ที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป พ่ออยากเห็นใครบางคนซึ่งเรียนรู้ว่า มันไม่
เป็นไรที่จะหาใครบางคนซึ่งทําให้แกมีความสุข แต่ในขณะนี้มัน
เหมือนพ่อมองดูในกระจกแล้วเห็นตัวพ่อเองเมื่อ 20 ปีที่แล้ว

แกเร็ตใช้เวลาช่วงบ่ายที่เหลืออยู่ตามลําพังด้วยการ
เดินไปตามชายหาด แล้วคิดถึงสิ่งที่พ่อเขาพูด เมื่อมองย้อนกลับ
ไปแล้ว เขารู้ดีว่าเขาไม่ซื่อสัตย์มาตั้งแต่เริ่มสนทนากันแล้ว และ
ไม่แปลกใจเลยที่พ่อเขาคาดคะเนได้ แล้วทําไมเขาจึงอยากคุยกับ
พ่อ? เขาอยากให้พ่อมาเผชิญกับเขาเหมือนกับที่ได้ประสบมาหรือ
เปล่า?
ในขณะที่ยามบ่ายค่อยๆ ผ่านพ้นไป ความหดหู่ใจของเขาก็
กลายเป็นความสับสนเข้ามาแทนที่แล้วเปลี่ยนเป็นท่าทีของความ
รู้สึกอะนเฉยชา ต่อมาเมื่อเขาโทรศัพท์ไปหาเธเรซ่าในช่วงเย็นแล้ว
ความรู้สึกว่ากําลังทรยศอันเนื่องมาจากความฝันของเขาก็ลดลง
พอที่จะพูดคุยกับเธอได้ ความรู้สึกเหล่านั้นยังคงอยู่ที่นั่น แต่ไม่มี
พลังแรงกล้าเท่าเดิม และเมื่อเธอตอบรับโทรศัพท์ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่า
ความรู้สึกเหล่านั้นลดลงมากยิ่งขึ้น เสียงของเธอเตือนให้เขานึกถึง
สิ่งที่เขารู้สึกยามที่เขาและเธออยู่ด้วยกัน
''ฉันดีใจจังที่คุณโทร.มา'' เธอพูดอย่างร่าเริง
''วันนี้ฉันคิดถึงคุณมากเหลือเกินค่ะ''
''ผมอยากให้คุณมาอยู่ที่นี่เดี๋ยวนี้เลย''
''คุณเป็นอะไรรึเปล่าคะ? เสียงคุณฟังดูหดหู่นิดหน่อย''
''ผมสบายดี...แค่เหงาเท่านั้นเอง วันนี้คุณเป็นยังไงบ้าง''
''เหมือนเดิมค่ะ งานท่วมหัวทั้งที่ทํางานและที่บ้าน แต่
ตอนนี้ดีขึ้นบ้างแล้ว เพราะฉันได้ข่าวคราวจากคุณ''
แกเร็ตยิ้ม ''เควินอยู่แถวนั้นมั้ย?''
''เขาอยู่ในห้องเขาค่ะ กําลังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือการ
ดํานํ้าอยู่ เขาบอกฉันว่าเมื่อโตขึ้นเขาอยากเป็นครูสอนดํานํ้า''
''เขาไปเอาความคิดนั้นมาจากไหนกัน?''
''ฉันไม่รู้เลยแม้แต่นิดเดียว'' เธอพูดด้วยนํ้าเสียงขบขัน
''แล้วคุณล่ะ วันนี้ทําอะไรบ้าง?''
''จริงๆ แล้วไม่ได้ทําอะไรมากนักหรอก ผมไม่ได้ไปที่ร้าน
แบบว่าผมอยากหยุดพักน่ะ แล้วเดินเตร็ดเตร่ไปตามชายหาด''
''ฉันหวังว่าคุณคงฝันถึงฉัน ใช่มั้ยคะ?''
คําพูดเหน็บแหนมของเธอไม่ได้จางหายไปจากใจเขาเลย</span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
แมงป่อง
แม่ไข่หวาน พ่อไข่เค็ม
 
โพสต์: 1468
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ พ.ค. 05, 2007 10:25 pm

โพสต์โดย แมงป่อง » พฤหัสฯ. ก.ค. 10, 2008 7:15 pm

<span style='color:gray'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>เขาไม่ได้ตอบตรงๆ
''วันนี้ผมคิดถึงคุณมากจริงๆ''
''ฉันเพิ่งจากมาแค่ไม่กี่วันนะคะ'' เธอพูดอย่างอ่อนโยน
''ผมรู้ เมื่อพูดถึงเรื่องนี้แล้ว เมื่อไหร่เราจะได้พบกันอีกล่ะ''
เธเรซ่านั่งอยู่ที่ห้องกินอาหาร และชําเลืองมองสมุดบันทึก
ตารางนัดหมายของเธอ
''อืม...ภายในสามสัปดาห์นี้เป็นไงคะ? ฉันคิดว่าบางที
คราวนี้คุณอาจขึ้นมาที่นี่ได้ เควินต้องไปเข้าค่ายฟุตบอลนาน
เป็นสัปดาห์ เราคงมีเวลาบางช่วงอยู่ด้วยกันตามลําพัง''
''คุณอาจลงมาที่นี่ปทนได้มั้ย?''
''มันน่าจะดีกว่านะ ถ้าคุณขึ้นมาที่นี่ หากคุณตกลงตามนั้น
ฉันเหลือวันลาหยุดพักผ่อนน้อยแล้ว และฉันคิดว่าอาจจะปรับ
ตารางการทํางานของฉันใหม่ได้ แล้วอีกอย่าง ฉันคิดว่าถึงเวลาที่
คุณจะออกมานอกเขตรัฐนอร์ทแคโรไลน่าแล้ว เพื่อให้คุณได้เห็น
สิ่งอื่นซึ่งมีอยู่ในประเทศนี้ที่มีให้คุณชม''
ในขณะที่เธอพูดอยู่นั้น เขารู้สึกว่าเขากําลังจ้องมองรูปของ
แคธรีนที่ตั้งอยู่บนโต๊ะตั้งโคมไฟหัวเตียง เขาใช้เวลาครู่หนึ่งก่อนที่
จะตอบไป ''ได้สิ...ผมคิดว่าผมน่าจะทําอย่างนั้นได้?''
''ฟังเสียงคุณไม่ค่อยแน่ใจในเรื่องนั้นเลยนะคะ?''
''ผมแน่ใจ''
''งั้นมีเรื่องอื่นอีกมั้ย''
''ไม่มี''
เธอหยุดพูดอย่างไม่แน่ใจ แล้วถามขึ้นว่า
''คุณไม่เป็นไรจริงๆ นะ แกเร็ต?''
เขาโทร.หาเธเรซ่าหลายครั้งในอีกสองสามวันต่อมา
เพื่อให้รู้สึกค่อนข้างกลับเป็นปกติอีกครั้ง มีมากกว่าหนึ่งครั้งที่เขา
พบว่าเขาโทร.ไปหาเธอในเวลาดึกมากเพียงเพื่อให้ได้ยินเสียงเธอ
''เฮ้'' เขาพูด ''นี่ผมเองโทร.มาอีกครั้ง''
''กี่โมงแล้ว''
เธอชําเลืองไปที่นาฬิกา ''เกือบเที่ยงคืน''
''ทําไมคุณยังตื่นอยู่ล่ะ? คุณควรนอนได้แล้วนะ'' เขา
หยอกล้อ จากนั้นเขาจึงยอมให้เธอวางสายเพื่อเธอจะได้พักผ่อน
บางครั้งถ้าเขาไม่อาจข่มตาหลับได้ เขาจะคิดถึงสัปดาห์ที่
เขาใช้เวลาอยู่กับเธเรซ่า และจําได้ว่าผิวกายเธอให้ความรู้สึกที่ดี
ยามที่เขาได้สัมผัสอย่างไร และเกิดความปราถนาอันท่วมท้นที่จะ
กอดเธอไว้อีกครั้ง
ครั้นแล้วเมื่อเดินเข้าไปในห้องนอน เขาก็เห็นรูปแคธรีนอยู่
ข้างเตียง และในชั่วขณะนั้นภาพในความฝันก็กลับพลุ่งพล่านขึ้น
มาในห้วงคํานึงของเขาอย่างกระจ่างชัดอีกครั้ง
เขารู้ดีว่าเขายังกังวลอยู่กับความฝัน ในอดีต เขาจะเขียน
จดหมายถึงแคธรีนดพื่อช่วยให้เขาอธิบายภาพในใจที่เขารู้สึกได้
ชัดเจน จากนั้นก็นําเรือแฮปเปนสแตนซ์ออกสู่ทะเลไปตามเส้น
ทางเดิมที่เขาและแคธรีนล่องเรือใบไปด้วยกันเป็นครั้งแรกหลังจาก
ซ่อมแซมเรือแฮปเปนสแตนซ์แล้ว เขาจะปิดขวดที่บรรจุจดหมาย
ซึ่งเขาเขียนถึงเธออย่างแน่นหนาแล้วโยนมันลงไปในทะเล
น่าแปลกที่ครั้งนี้เขาไม่สามารถทําเช่นนั้นได้ เมื่อนั่งลงเพื่อ
ที่จะเขียน เขาไม่อาจคิดถ้อยคําใดๆ ได้เลยจริงๆ ในที่สุดเมื่อเริ่ม
หงุดหงิด เขาจึงบังคับตัวเองให้ใช้ความทรงจําแทน
''ตอนนี้มีเรื่องแปลกแล้วละ'' แกเร็ตพูด ขณะชี้ไปที่จาน
ของแคธรีน เธอกําลังตักผักสปิแนชจากอาหารบุฟเฟ่ต์ตรงหน้ามา
จนพูนจาน
แคธรีนยังไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ''การอยากกินสลัดมันผิดตรง
ไหน?''
''ไม่มีอะไรผิดหรอก'' เขาพูดอย่างรวดเร็ว ''เพียงแต่นี่เป็น
ครั้งที่สามแล้วในสัปดาห์นี้ที่คุณกินสลัด''
''ฉันรู้ แค่อยากกินมันมากๆ หลือเกิน ไม่รู้ว่าทําไม''
''ถ้าคุณกินแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ คุณจะกลายเป็นกระต่าย
นะ''
เธอหัวเราะพร้อมกับราดนํ้าสลัด ''ถ้ากินแล้วทําให้เป็น
แบบนั้น'' เธอพูดแล้วเหลือตามองไปที่จานเขา ''ถ้าคุณยังกิน
อาหารทะเลไปเรื่อยๆ คุณก็จะกลายเป็นฉลาม''
''ผมเป็นฉลามอยู่แล้ว'' เขาพูดแล้วเลิกคิ้ว
''คุณอาจเป็นฉลามก็ได้ แต่ถ้าคุณเอาแต่พูดหยอกล้อฉัน
เล่นแบบนี้ คุณจะไม่มีโอกาสพิสูจน์เรื่องนี้กับฉันได้เลย''
เขายิ้ม ''ทําไมไม่ให้ผมพิสูจน์ในวันสุดสัปดาห์นี้เลยล่ะ?''
''เมื่อไหร่? คุณต้องทํางานในวันหยุดสุดสัปดาห์นี่''
''ไม่ใช่สุดสัปดาห์นี้ เชื่อมั้ยวว่าผมจัดตารางทํางานให้ว่างไว้
ในช่วงนั้นแล้ว เพื่อที่เราจะได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน เราไม่ได้ใช้เวลา
ตลอดช่วงสุดสัปดาห์กันตามลําพังเลย จนผมไม่รู้ว่ามันเริ่มเป็น
แบบนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่''
''คุณมีแผนอะไรในใจล่ะ?''
''ผมไม่รู้ บางทีอาจไปล่องเรือใบ บางทีอาจทําอย่างอื่น
อะไรก้ได้ที่คุณอยากทํา''
เธอหัวเราะ ''ดีละ ฉันมีแผนใหญ่ เช่น การเดินทางไป
ปารีสเพื่อซื้อของเล็กๆ น้อยๆ ท่องซาฟารีแบบรวบรัด หรือไม่ก็ไป
ทั้งสองแห่ง...แต่ฉันคิดว่าฉันอาจปรับปรุงแผนการเดินทางใหม่ได้''
''งั้นก็เป็นไปตามนั้น''
ในขณะที่วันเวลาผันผ่าน ภาพในความฝันของเขา
เริ่มเลือนจางหายไป แต่ละครั้งที่แกเร็ตพูดคุยกับเธเรซ่า เขาพบ
ว่าตัวเขารู้สึกจิตใจได้รับการฟื้นฟูมากขึ้นทีละน้อย เขาได้พูดกับ
เควินด้วยสองสามครั้ง และความชื่นชอบที่มีแกเร็ตเข้ามาในชีวิต
ช่วยทําให้เควินกลับมายืนหยัดใหม่อีกครั้งได้อย่างมั่นคงด้วย...แม้
ว่าสภาพอากาศอันร้อนชื้นในเดือนสิงหาคมจะทําให้เวลาผ่าน
ไปช้ากว่าปกติ แต่เขาก็ทําให้ตัวเองมีธุระยุ่งต่อไปเท่าที่จะทําได้
และพยายามทําดีที่สุดที่จะไม่คิดถึงเงื่อนแง่ของสถานการณ์ใหม่
ที่จะเกิดขึนกับเขา
สองสัปดาห์ต่อมา ซึ่งเป็นเวลาอีกไม่กี่วันก่อนที่เขาจะไป
บอสตัน ขณะที่แกเร็ตกําลังทําอาหารอยู่ในครัว เสียงโทรศัพท์ก็
ดังขึ้น
''สวัสดีค่ะ ไม่ได้เจอกันนานมากเลย'' เธอพูด ''มีเวลาแล้ว
สองสามนาทีมั้ย?''
''ผมมีเวลาสองสามนาทีคุยด้วยเสมอเมื่อเป็นคุณโทร.มา''
''ฉันแค่โทร.มาเพื่อจะถามว่าเที่ยวบินที่คุณเดินทางมาจะถึง
กี่โมง ครั้งสุดท้ายที่เราคุยกันดูคุณไม่แน่ใจ''
''รอเดี๋ยวนะ'' เขาพูดแล้วไปรื้อของในลิ้นชักครัวจนกระจุย
กระจายเพื่อหากําหนดการเดินทางของเขา ''ได้แล้ว ผมจะไปถึง
บอสตันเวลาบ่ายโมงกว่า''
''นั่นเป็นเวลาที่จะทําให้เรื่องทุกอย่างเรียบร้อยโดยสมบรูณ์
เลยค่ะ ฉันต้องไปส่งเควินสองสามชั่วโมงก่อนหน้านั้น และจะทํา
ให้ฉันมีเวลาจัดการดูแลห้องให้สะอาดเรียบร้อยด้วย''
''ทําความสะอาดไว้ให้ผมเหรอ?''
''คุณจะได้รับการปฏิบัติเต็มที่เลยค่ะ ฉันจะเช็คฝุ่นแถมให้
ด้วย''
''ผมรู้สึกเป็นเกียรติครับ''
''คุณควรรู้สึกเช่นนั้น มีเพียงคุณแล้วก็พ่อแม่ของฉันทํา
นั้นละค่ะที่ได้รับการเอาใจใส่แบบนี้''
''ผมควรนําถุงมือขาวสักคู่ใส่กระเป๋าไปด้วย เพื่อตรวจสอบ
ให้แน่ใจว่าคุณทําความสะอาดได้เรียบร้อยดีรึเปล่า?''
''ถ้าคุณทําแบบนั้น คุณจะไม่มีชีวิตอยู่ได้เห็นตอนเย็น
นะคะ''
เขาหัวเราะ แล้วเปลี่ยนเรื่องคุย
''ผมตั้งตารอที่จะได้พบคุณอีกครั้ง'' เขาพูดด้วยความกระ
ตือรือร้น
''3 สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ทรมานยิ่งกว่า 2 สัปดาห์แรกซะอีก''
''ฉันรู้ ฉันได้ยินจากนํ้าเสียงคุณ คุณหดหู่ลงไปจริงๆ ใน
ช่วงสองสามวันนี้ แล้ว...เฮ้อ ฉันเริ่มกังวลถึงคุณแล้วสิ''
เขาอยากรู้ว่าเธอสงสัยถึงเหตุผลแห่งความเศร้าหมองของ
เขาหรือเปล่า เขาพยายามไม่คิดอะไร แล้วพูดต่อไปว่า
''ผมก็รู้สึกอย่างนั้น แต่ตอนนี้มันจบไปแล้วละ ผมเก็บ
ของลงกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว''
''ฉันหวังว่าคุณจะไม่ทําให้เปลืองเนื้อที่กระเป๋าด้วยของที่
ไม่จําเป็นนะคะ''
''เช่นอะไรล่ะ?''
''เช่น...ฉันไม่รู้...ชุดนอนมั้ง''
เขาหัวเราะ ''ผมไม่มีชุดนอนเลยสักชุด''
''นั่นดีแล้ว เพราะถึงคุณจะมี คุณก็ไม่จําเป็นต้องใช้''
สามวันต่อมา แกเร็ต เบล็กมาถึงบอสตัน
หลังจากเธเรซ่าไปรับเขาที่สนามบินแล้ว เธอได้พาเขาไปเที่ยว
รอบๆ เมือง ทั้งสองกินอาหารกลางวันกันที่ฟาเนียลฮอลล์*
(*Faneuil Hall - อาคารตลาดกลางเก่าแก่ของบอสตัน มีร้านอาหาร
ร้านค้ามากมาย และเป็นแห่งชุมชนของชาวเมืองบอสตัน ตามประวัติ
กล่าวว่า พ่อค้าชื่อปีเตอร์ ฟาเนียล มอบอาคารนี้ให้เมืองบอสตัน ใน
ปี ค.ศ. 1742)
เฝ้าดูผู้คนพายเรือกรรเชียงเดี๋ยวไหลล่องไปตามแม่นํ้าชาร์ลส์*
(*Charles river - บริเวณเลียบแม่นํ้า มีสวนสาธารณะที่มีบรรยากาศ
รื่นรมย์ ผู้คนมาวิ่งออกกําลังกายและล่องเรือใบในแม่นํ้านี้อยู่เสมอ ตรง
ข้ามฝั่งแม่นํ้าคือเมืองเคมบรดจ์ แม่นํ้านี้ตั้งชื่อตามพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 1
แห่งอังกฤษ) แล้ว
ไปเที่ยวในบริเวณมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด* (*Harvard University -
มหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1636)
อย่างรวบรัด โดยปกติ
แล้วเขาและเธอจะจับมือกันไว้เป็นส่วนใหญ่ อันเป็นการเผยให้เห็น
ถึงความรู้สึกเป็นสุขที่ต่างฝ่ายต่างมีกันและกันมาอยู่เป็นเพื่อน
กว่าหนึ่งครั้งที่แกเร็ตรู้สึกสงสัยว่าเหตุใด 3 สัปดาห์ที่ผ่าน
มาช่างเป็นเวลาที่ยากเย็นสําหรับเขาเสียเหลือเกิน เขารู้ดีว่าความ
กระวนกระวายใจส่วนหนึ่งของเขามีสาเหตุุมาจากความฝัน แต่
การได้ใช้เวลาอยู่กับเธเรซ่าทําให้ความรู้สึกยุ่งยากใจอันเกิดจาก
ความฝันดูไกลห่างออกไปและไม่มีนัยสําคัญ ทุกครั้งที่เธเรซ่า
หัวเราะและบีบมือเขาไว้ เธอได้ตอกยํ้าความรู้สึกที่เขามีเมื่อครั้ง
ที่เธอมาวิลมิงตันครั้งสุดท้าย และขับไล่ความคิดอันมืดมนที่เฝ้า
รบกวนจิตใจเขายามเธอไม่อยู่ด้วยออกไป
เมื่ออากาศในวันนั้นเริ่มเย็นและดวงอาทิตย์คล้อยตํ่าลงไป
หลังแมกไม้ เธเรซ่าและแกเร็ตก็หยุดแวะซื้ออาหารเม็กซิกันเพื่อ
นํากลับไปกินที่อพาร์ตเมนต์ แกเร็ตนั่งอยู่บนพื้นห้องนั่งเล่นท่าม
กลางความสว่างจากแสงเทียน เขามองไปรอบๆ ห้อง
''ที่พักคุณสบายดีนะ'' เขาพูดหลังใช้ส้อมตักถั่วกับแผ่น
กรอบตอร์ติญา*(*tortilla - ขนมปังแป้งข้าวโพดแผ่นกลมบางๆ
ราดหน้าด้วยเนื้อสับหรือหรือเนยแข็งร้อนๆ เป็นอาหารซึ่งเป็นที่
นิยมอย่างหนึ่งของประเทศเม็กซิโก)
ขึ้นมา ''ด้วยเหตุผลบางอย่างแล้ว ผมคิดว่ามัน
น่าจะเล็กกว่านี้ แต่มันกว้างขวางกว่าบ้านผมอีก''
''แค่นิดหน่อยค่ะ แต่ก็ขอบคุณที่ชม มันเหมาะกับเรามาก
เลย ทุกสิ่งทุกอย่างสะดวกสบายจริงๆ''
''เหมือนภัตตาคารหรือ?''
''ใช่เลย ฉันไม่ได้พูดเล่นนะ เมื่อฉันบอกคุณว่าฉันไม่ชอบ
ทําอาหาร ฉันไม่ใช่มาร์ธา สจ๊วตแน่ๆ''
''ใครกัน?''
''ช่างมันเถอะค่ะ'' เธอพูด
เสียงการจราจรจากด้านนอกอพาร์ตเมนต์ได้ยินเข้ามาใน
ห้องชัดเจน รถยนต์คันหนึ่งเบรกเสียงดังเอี๊ยดอยู่บนถนนข้างล่าง
เสียงแตรรถดังลั่น และในทันใดนั้นบรรยากาศก็เต็มไปด้วยเสียง
อึกทึกขึ้นมาเมื่อรถคันอื่นบีบแตรพร้อมๆ กัน
''มันเงียบแบบนี้ตลอดเลยเหรอ?'' เขาถาม
เธอพยักพเยิดไปทางหน้าต่าง ''คืนวันศุกร์-เสาร์แย่ที่สุด
ปกติมันก็ไม่เลวร้ายอะไรนักหรอกค่ะ แต่คุณจะชินกับมันไปเอง
ถ้าคุณอยู่ที่นี่นานพอ''
เสียงของการใช้ชีวิตในเมืองดําเนินต่อไป ไซเรนแผดเสียง
ก้องมาจากระยะไกล และเริ่มส่งเสียงดังขึ้นอย่างต่อเนื่องขณะ
ใกล้เข้ามา
''คุณอยากเปิดเพลงฟังมั้ย?'' แกเร็ตถาม
''ได้สิ คุณชอบเพลงประเภทไหนล่ะ?''
''ผมชอบอยู่สองประเภท'' เขาพูดแล้วหยุดไปกะทันหัน
''ลูกทุ่ง แล้วก็ตะวันตก''
เธอหัวเราะ ''ฉันไม่มีเพลงแบบนั้นที่นี่หรอกค่ะ''
เขาส่ายหน้า และสนุกสนานไปกับเรื่องตลกของเขาเอง
''ผมพูดเล่นอยู่ดีนั่นแหละ มันเป็นตลกลายคราม ไม่ตลก
มากนัก แต่ผมรอโอกาสที่จะพูดถึงมันมาหลายปีแล้ว''
''คุณต้องดูรายการ Hee Haw*(*Hee Haw - รายการโชว์
ทางโทรทัศน์ในสหรัฐอเมริกา ที่นําเสนอเรื่องตลกเบาๆ
เกี่ยวคนในชนบทและเพลงลูกทุ่ง)มามากแน่เลยตอนคุณเป็น
เด็ก''
ตอนนี้ถึงตาเขาหัวเราะบ้าง
''กลับมาที่คําถามเดิมของฉันเถอะ คุณชอบเพลงประเภท
ไหน?'' เธอยืนกรานเอาคําตอบ
''เพลงอะไรก็ได้ที่คุณมี''
''เพลงแจ๊ซเป็นไงคะ?''
''ฟังดูดีนี่''
เธเรซ่าลุกขึ้นเลือกแผ่นเพลงซึ่งเธอคิดว่าเขาอาจชอบแล้ว
ใส่ลงไปในเครื่องเล่นซีดี ครู่หนึ่งเสียงเพลงเริ่มดังขึ้น ในเวลา
เดียวกับที่การจราจรอันแออัดข้างนอกดูเหมือนจะคล่องตัวขึ้น
''ถึงเวลานี้แล้ว คุณคิดว่าบอสตันเป็นไงบ้าง?'' เธอเดินกลับ
มานั่งที่เดิมแล้วถามขึ้น
''ผมชอบ สําหรับเมืองใหญ่แล้ว ก็ไม่เลวนัก มันไม่ได้ดู
ต่างคนต่างอยู่เหมือนกับที่ผมคิดไว้ว่าจะเป็นเลย แล้วก็สะอาด
กว่าเมืองใหญ่อีกหลายเมืองด้วย ผมคิดว่าผมคงวาดภาพเมือง
นี้ไว้แตกต่างจากที่เห็น คุณรู้มั้ย ผมนึกว่าจะมีผู้คนแออัด ถนน
ลาดยาง ตึกสูงๆ ไม่มีต้นไม้ให้เห็นสักต้น แล้วก็มีนักวิ่งราวอยู่ทั่ว
ทุกมุมตึก แต่มันไม่เหมือนอย่างนั้นเลย''
เธอยิ้ม ''มันสวยใช่มั้ย? ฉันหมายความว่า มันไม่มีชาย
หาดยาวด้านหน้า แต่ก็มีสิ่งดึงดูดใจในตัวมันเอง โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งถ้าคุณคิดถึงสิ่งที่เมืองนี้มีให้ คุณสามารถไปดูวงซิมโฟนี่
หรือพิพิธภัณฑ์ หรือแค่เดินเล่นไปรอบๆ ในสวนสาธารณะบอสตัน
คอมมอนส์*(*Bostom Commons - ลานกว้างซึ่งเป็นสวนสาธารณะ
แห่งแรกในสหรัฐอเมริกา และมีขึ้นมาพร้อมๆ กับเมืองบอสตัน)
มีบางสิ่งบางอย่างสําหรับทุกคนที่นี่ แม้แต่สโมสร
เรือใบ''
''ผมเข้าใจแล้วว่าทําไมคุณถึงชอบชีวิตที่นี่'' เขาพูด และ
สงสัยว่าทําไมมันจึงฟังดูเหมือนกับว่าเธอกําลังทําให้เขายอมรับ
สถานที่แห่งนี้
''ฉันชอบมันค่ะ แล้วเควินก็ชอบด้วย''
เขาเปลี่ยนเรื่องคุย ''คุณบอกเขาอยู่ในค่ายฟุตบอล?''
เธอผงกศรีษะ ''ใช่ค่ะ เขาอยู่ระหว่างการคัดตัวเพื่อเข้า
ร่วมทีมรวมดารารุ่นอายุ 12 ปี หรือตํ่ากว่านั้น ฉันไม่รู้ว่าเขาจะ
ทําสําเร็จรึเปล่า? แต่ตัวเขาคิดว่าปีที่แล้วเขาเตะได้ดีทีเดียว เขา
ผ่านเข้ารอบตัดเชือกสําเร็จในขณะที่อายุ 11 ปีค่ะ
''ฟังดูเขาเก่งนะ''
''เขาเก่งค่ะ'' เธอพูดพร้อมกับผงกศรีษะ แล้วผลักจานของ
เขาและเธอที่ตอนนี้ว่างเปล่าไปไว้ด้านข้างและเลื่อนมันไปไว้ใกล้ๆ
กัน ''แต่ว่าพอแล้วค่ะเรื่องเควิน'' เธอพูดขึ้นเบาๆ ''เราไม่ต้องคุย
ถึงเขาตลอดเวลาหรอก คุณพูดเรื่องอื่นบ้างก็ได้ คุณรู้มั้ยคะ?''
''เช่นเรื่องอะไรล่ะ?''
เธอจูบซอกคอเขา ''เช่นเรื่องที่ฉันอยากทํากับคุณอยู่ขณะ
นี้ไงคะ เพราะตอนนี้คุณเป็นของฉันคนเดียว''
''คุณแน่ใจนะว่าคุณแค่อยากคุยถึงเรื่องนั้น?''
''ถูกของคุณค่ะ'' เธอกระซิบ ''ใครกันที่อยากคุยในเวลา
แบบนี้บ้าง?''

วันต่อมาเธเรซ่าพาแกเร็ตไปเที่ยวบอสตันอีกครั้ง โดย
ใช้เวลาส่วนใหญ่ในช่วงเช้าที่ชุมชนอิตาเลียนย่านนอร์ทเอนด์*
(*North End - ศูนย์กลางของบอสตันเมื่อก่อตั้งเมืองใหม่ๆ ต่อ
มาเป็นแหล่งอาศัยของชาวอิตาเลียน โปรตุเกส ไอริช และยิว
จากยุโรปตะวันออก ปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยว เต็มไปด้วยร้าน
อาหาร ร้านขายของชําของชาวอิตาเลี่ยน และมีร้านกาแฟคาปูชิ
โน่อันหอมกรุ่นหลายร้าน)ซึ่ง
มีถนนคดเคี้ยว และหยุดพักกินคันโนลี่(*cannoli - ขนมแป้งกรอบ
ม้วนเป็นหลอดทรงกระบอกคล้ายเปราะเปี๊ยะทอด ใส่ไส้ครีมชีสและ
ผลไม้เชื่อม)และกาแฟเป็นครั้งคราว
แม้ว่าแกเร็ตจะรู้ดีว่าเธอเขียนบทความให้กับหนังสือพิมพ์ แต่เขา
ไม่รู้แน่ชัดถึงรายละเอียดอื่นๆ ที่เกี่ยวกับงานของเธอ เขาถามเธอ
เกี่ยวกับเรื่องงานในขณะที่เดินเล่นกันไปตามสบายยังที่ต่างๆ ทั่ว
เมือง
''คุณเขียนบทความที่บ้านไม่ได้เหรอ?''
''ฉันคิดว่าฉันคงทําได้ไม่ช้าก็เร็วค่ะ แต่ตอนนี้มันเป็นไป
ไม่ได้แล้ว''
''ทําไมล่ะ''
''ก็มันไม่ได้ระบุไว้ในสัญญาจ้างฉันมาตั้งแต่เริ่มต้นนี่คะ
อีกอย่าง ฉันต้องทําอะไรมากกว่าการนั่งอยู่กับเครื่องคอมพิวเตอร์
แล้วก็เขียนมากมายนัก บ่อยครั้งที่ฉันต้องสัมภาษณ์ผู้คน ดัง
นั้น จึงต้องมีเวลาที่ต้องใช้ในเรื่องนั้นด้วย บางครั้งก็ยังต้องมีการ
เดินทางเล็กน้อยอีก และยิ่งกว่านั้นยังมีการค้นคว้าทั้งหมดที่ฉัน
ต้องทํา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อฉันเขียนเรื่องที่มีประเด็นทางการ
แพทย์หรือทางด้านจิตวิทยา และเมื่อฉันอยู่ที่ๆทํางาน ฉันต้อง
เข้าไปดึงข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เพิ่มขึ้นอีก แล้วยังมีข้อเท็จจริงที่
ว่า ฉันจําเป็นต้องมีที่ซึ่งสามารถให้คนอื่นติดต่อได้ เรื่องมากมาย
ที่ฉันเขียนเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของผู้คน และฉันได้รับโทร
ศัพท์จากผู้คนตลอดวันอันยาวนาน ถ้าฉันทํางานที่บ้าน ฉันรู้สึก
ว่าผู้คนมากมายจะโทร.มาหาในช่วงเย็น ในขณะที่ฉันใช้เวลาอยู่
กับเควิน และฉันก็จะไม่ยอมสละเวลาที่ใช้ร่วมกับเควินไปด้วย''
''ปัจจุบันมีคนอ่านโทร.มาหาคุณที่บ้านด้วยหรือ?''
''เป็นบางครั้งค่ะ แต่หมายเลขโทรศัพท์ของฉันไม่มีอยู่ใน
สมุดบัญชีรายชื่อผู้ใช้โทรศัพท์ ดังนั้นจึงไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก''
''คุณได้รับโทรศัพท์บ้าๆ บอๆมากมั้ย?''
เธอผงกศรีษะ ''ฉันคิดว่าคอลัมนิสต์ทุกคนได้รับโทรศัพท์
แบบนั้น ผู้คนมากมายโทร.เข้ามาที่สํานักงานหนังสือพิมพ์พร้อม
กับเรื่องราวต่างๆ ที่พวกเขาต้องการให้ตีพิมพ์ ฉันได้รับโทรศัพท์
เกี่ยวกับเรื่องคนถูกขังคุก ซึ่งเป็นคนที่ไม่สมควรได้รับโทษ ฉันได้
รับโทรศัพท์เกี่ยวกับเรื่องการให้บริการชุมชนในเมืองและขยะไม่ได้
รับการเก็บตรงเวลา ฉันรับโทรศัพท์แจ้งเรื่องอาชญากรรมตาม
ท้องถนน ดูเหมือนฉันจะได้รับโทรศัพท์เกี่ยวกับทุกเรื่อง''
''ผมคิดว่า คุณบอกผมว่าคุณเขียนเรื่องเกี่ยวกับการเลี้ยงดู
ลูก''
''ฉันเขียนเกี่ยวกับเรื่องพวกนั้นค่ะ''
''แล้วพวกเขาโทร.มาหาคุทําไม? ทําไมพวกเขาไม่โทร.
ไปหาคนอื่น?''
เธอยักไหล่ ''ฉันแน่ใจว่าพวกเขาโทร.ค่ะ แต่ก็ยังคงไม่อาจ
หยุดยั้งพวกเขาไว้จากการโทร.หาฉันได้ หลายคนเริ่มต้นพูดโทร.
ศัพท์ด้วยคําพูดว่า 'ไม่มีใครรับฟังฉันเลย และคุณคือความหวัง
สุดท้ายของฉัน' ''
เธอชําเลืองมองเขาก่อนที่จะเล่าต่อไป
''ฉันเดาว่า พวกเขาคงคิดว่าฉันฉันอาจจะทําอะไรบางอย่างกับ
ปัญหาของพวกเขาได้น่ะ''
''ทําไมล่ะ''
''ก็คอลัมนิสต์ต่างจากนักเขียนหนังสือพิมพ์อื่นๆ นี่คะ
เรื่องส่วนใหญ่ที่ตีพิมพ์ในคอลัมน์หนังสือพิมพ์เป็นเรื่องที่ไม่ได้
หมายถึงผู้ใดโดยเฉพาะ เป็นการรายงานแบบตรงไปตรงมา เป็น
ข้อเท็จจริงและตัวเลข ตลอดจนสิ่งอื่นๆ คล้ายกัน แต่ถ้าผู้คนอ่าน
คอลัมน์ของฉันทุกวัน ฉันเข้าว่าพวกเขาคงคิดว่ารู้จักฉัน และ
เริ่มเห็นฉันเป็นเพื่อนประเภทหนึ่ง แล้วคนเราก็หวังว่าเพื่อนจะ
ช่วยเหลือได้ในยามยากเมื่อต้องการ''
''มันต้องทําให้คุณอยู่ในจุดที่กระอักกระอ่วนใจเป็นบางครั้ง
แน่''
เธอยักไหล่ ''ก็เป็นอย่างนั้นละค่ะ แต่ฉันพยายามไม่คิด
ถึงมัน อีกอย่าง มันก็มีส่วนดีเกี่ยวกับงานที่ฉันทําอยู่บ้าง ไม่ว่า
จะเป็นการให้ข้อมูลซึ่งผู้คนอาจนําไปใช้ประโยชน์ได้ การติดตาม
ข้อมูลทางการแพทย์ล่าสุดให้ทันแล้วอธิบายออกมาอย่างละเอียด
แจ่มแจ้งด้วยถ้อยคําของผู้ไม่สันทัดกรณี แม้แต่เรื่องเบาๆ
ให้ฟัง เพียงเพื่อทําให้วันนั้นสบายใจขึ้นบ้าง''
แกเร็ตหยุดแวะที่ร้านขายผลไม้สดข้างทาง เขาหยิบแอป
เปิลจากลังใส่ผลไม้มา 2 ลูก แล้วยื่นให้เธเรซ่าลูกหนึ่ง
''บทความไหนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดตั้งแต่คุณเคย
เขียนลงในคอลัมน์ของคุณ?'' เขาถาม
ธเรซ่ารู้สึกหายใจขัด เรื่องที่คนสนใจที่สุดน่ะหรือ? เรื่อง
ง่ายๆ ก็เมื่อฉันพบจดหมายในขวด แล้วฉันก็ได้รับจดหมายร่วม
สองร้อยฉบับยังไงล่ะ
เธอบังคับตัวเองให้คิดเรื่องอื่น ''โอ้...ฉันได้รับจดหมายมาก
มาย เมื่อเขียนเรื่องเกี่ยวกับการสอนเด็กพิการ'' เธอพูดขึ้นในที่สุด
''นั่นต้องถือเป็นรางวัลที่ได้รับนะ'' เขาพูดแล้วจ่ายเงินให้
เจ้าของร้าน
''ใช่ค่ะ''
ก่อนที่แกเร็ตจะกัดแอปเปิล เขาถามต่อว่า
''คุณยังจะเขียนบทความของคุณได้มั้ย ถ้าคุณเปลี่ยนไป
ทํางานกับหนังสือพิมพ์ฉบับอื่น?''
เธอใคร่ครวญคําถามนั้น
''มันคงยากที่จะทําอย่างนั้นค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉัน
อยากเผยแพร่บทความลงในหนังสือพิมพ์หลายฉบับในเวลาเดียว
กันต่อไป เนื่องจากฉันเป็นนักเขียนหน้าใหม่เหลือเกิน และยังอยู่
ในระหว่างสร้างชื่อเสียง การมีหนังสือพิมพ์บอสตันไทมส์ หนุน
หลังอยู่ช่วยฉันได้จริงๆ ถามทําไมคะ?''
''แค่อยากรู้น่ะ'' เขาพูดค่อยๆ

เช้าวันต่อมา เธเรซ่าไปทํางานเป็นเวลาไม่กี่ชั่วโมง
แต่กลับมาที่พักหลังอาหารเที่ยงเล็กน้อย เขาและเธอใช้เวลาช่วง
บ่ายที่สวนสาธารณะ บอสตันคอมมอนสื อันเป็นที่ซึ่งทั้งสองกิน
อาหารกลางวันที่นําใส่กล่องติดตัวมา มื้อกลางวันของเขาและเธอ
ถูกขัดจังหวะสองครั้งจากคนซึ่งจําเธอได้จากรูปในหนังสือพิมพ์
แกเร็ตรู้ว่าจริงๆ แล้วเธเรซ่าเป็นคนมีชื่อเสียงมากกว่าที่เขาคิด
''ผมไม่รู้เลยว่าคุณเป็นคนดังขนาดนั้น'' เขาพูดแซวเล่นหลัง
จากคนที่สองซึ่งเข้ามาทักทายเดินจากไป
''ฉันไม่ใช่คนดังจริงๆ หรอกค่ะ เพียงแค่รูปฉันไปปรากฏ
อยู่บนคอลัมน์ ดังนั้นผู้คนจึงรู้ว่าฉันมีหน้าตายังไง''
''เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อยมั้ย?''
''จริงๆ แล้วไม่หรอกค่ะ อาจจะสองสามครั้งในหนึ่งสัป
ดาห์''
''นั่นมากแล้วนะ'' เขาพูดด้วยความประหลาดใจ
เธเรซ่าสั่นศรีษะ ''ไม่หรอก เมื่อคุณนึกถึงคนดังจริงๆ พวก
เขาไม่สามารถจะไปตามร้านค้าโดยไม่มีใครถ่ายรูปพวกเขาได้ดีด้วย
ซํ้า ฉันค่อนข้างใช้ชีวิตไปได้ตามปกติธรรมดามาก''
''แต่ก็ยังต้องรู้สึกประหลาดอยู่ดีนั่นแหละ ที่มีคนแปลกหน้า
แท้ๆ เลยเดินเข้ามาทักทายคุณ''
''ทําไมล่ะคะ?''
''ผมอาจกลัวเกินกว่าที่จะขอให้คุณไปล่องเรือใบด้วยสิ''
เธอเอื้อมมาจับมือเขา
''ฉันนึกภาพไม่ออกเลยค่ะว่าคนอย่างคุณจะกลัวอะไรได้''
''งั้นคุณก็ยังไม่รู้จักผมดีมากนัก''
เธอเงียบไปครู่หนึ่ง ''จริงๆ แล้วคุณกลัวอะไรด้วยเหรอคะ?''
เธอถามอายๆ
''บางครั้ง''
''ทําไมคะ''
''ผมคิดว่า คงเป็นเพราะผมสงสัยว่าใครบางคนเช่นคุณอาจ
จะเห็นอะไรในตัวผมบ้าง''
เธอโน้มตัวขึ้นมาจูบเขา ''ฉันจะบอกคุณให้ว่าฉันเห็นอะไร
ฉันเห็นผู้ชายที่ฉันรัก ผู้ชายซึ่งทําให้ฉันมีความสุข...ใครบางคนซึ่ง
ฉันอยากเห็นไปเรื่อยๆ ตราบนานเท่านาน''
''ทําไมคุณถึงรู้ดีอยู่เสมอเลยจริงๆ ว่าจะพูดอะไร?''
''เพราะว่า'' เธอพูดเบาๆ ''ฉันรู้จักคุณมากกว่าที่คุณสงสัย
ว่าจะรู้ซะอีกน่ะสิคะ?''
''เป็นต้นว่าอะไรล่ะ''
เธอค่อยๆ พรายยิ้มออกมา ''ยกตัวอย่างเช่น ฉันรู้ว่าคุณ
อยากจูบฉันอีกครั้ง''
''ผมอยากทํางั้นเหรอ?''
''แน่นอนค่ะ''
แล้วเธอก็พูดถูกอีก

ต่อมาในเย็นวันนั้นแกเร็ตเอ่ยขึ้นว่า ''คุณรู้มั้ยเธเรซ่า
ผมหาข้อบกพร่องในตัวคุณไม่ได้เลยแม้แต่อย่างเดียว''
เขาและเธออยู่ในอ่างอาบนํ้าด้วยกัน โดยมีกองฟางสบู่ล้อม
รอบตัว ในขณะที่เธเรซ่าอเนกายซบอกเขาไว้ เขาพูดพร้อมกับใช้
ฟองนํ้าทําความสะอาดผิวกายให้เธอ
''นั่นน่าจะหมายถึงอะไรคะ?'' เธอถามด้วยความอยากรู้
และหันหน้าไปมองเขา
''ก็เหมือนที่ผมพูดนั่นแหละ ผมหาข้อบกพร่องในตัวคุณไม่
ได้เลยแม้แต่ข้อเดียว ผมหมายความว่า คุณเป็นผู้หญิงที่สมบรูณ์
พร้อม''
''ฉันไม่ได้สมบรูณ์พร้อมหรอกค่ะ แกเร็ต'' เธอพูด แต่กระ
นั้นก็รู้สึกพึงใจ
''แต่คุณใช่ คุณเป็นผู้หญิงสวย คุณใจดี คุณทําให้ผม
หัวเราะ คุณฉลาด แล้วคุณก็เป็นแม่ที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย แม้จะ
โยนข้อเท็จจริงว่าคุณมีชื่อเสียงทิ้งไป...ผมก็ไม่คิดว่าจะมีใครมา
เทียบเทียมคุณได้''
เธอลูบไล้แขนขาอย่างแผ่วเบา แล้วผ่อนคลายอยู่แนบชิด
กายเข ''ฉันคิดว่า คุณมองทุกอย่างมนตัวฉันในแง่ดีเกินไปนะคะ
แต่ฉันก็ชอบ...''
''คุณกําลังจะบอกว่าผมมีอคติงั้นรึ?''
''ไม่ใช่ค่ะ แต่เท่าที่ผ่านมา คุณได้เห็นเพียงด้านดีของฉัน
เท่านั้น''
''ผมไม่ยักรู้ว่าคุณมีอีกด้านอยู่ในตัวคุณด้วย'' เขาพูดแล้ว
บีบแขนทั้งสองข้างเธอพร้อมกันเบาๆ ''ตอนนี้รู้สึกว่าทั้งสอง
ด้านจะดีพอใช้แล้ว''
เธอหัวเราะ
คุณก็รู้นี่คะว่าฉันหมายถึงอะไร คุณยังไม่ได้
เห็นด้านมืดของฉัน''
''คุณไม่มีด้านมืดหรอก''
''ฉันมีแน่นอน ทุกคนมี เพียงแต่เมื่อมีคุณอยู่ใกล้ๆ ก็
เหมือนมันจะเก็บซ่อนตัวเองไว้''
''งั้นคุณจะอธิบายด้านมืดของคุณให้ฟังว่ายังไง?''
เธอคิดอยู่พักหนึ่ง ''เอาละ เริ่มต้นด้วยฉันดื้อ และฉันอาจ
ใจร้ายได้เมื่อฉันโกรธ ฉันมักจะกล่าวประณามอะไรแรงๆ และพูด
สิ่งแรกที่ผุดขึ้นมาในหัว แล้วเชื่อฉันเถอะว่ามันไม่น่ารักเลย ฉัน
มักจะบอกกับคนอื่นตรงกับสิ่งที่ฉันกําลังคิดอยู่ทุกประการด้วย
แม้ในขณะที่ฉันรู้ว่าวิธีที่ดีที่สุดคือเพียงแค่เดินหนีไป''
''นั่นไม่ได้ฟังดูเลวร้ายอะไรนักหนาเลยนี่''
''คุณยังไม่เคยตกเป็นฝ่ายรับนี่คะ''
''มันก็ยังไม่ได้ฟังดูเลวร้ายอะไรนักหนาอยู่ดีนั่นแหละ''
''ดีละ...ให้ฉันอธิบายให้ฟังแบบนี้ดีกว่า ครั้งแรกที่ฉันเผชิญ
หน้ากับเดวิดเมื่อรู้ว่าเขามีชู้นั้น ฉันเรียกเขาด้วยคําบางคําที่เลวร้าย
ที่สุดในภาษาอังกฤษ''
''เขาก็สมควรได้รับการเรียกอย่างนั้นแล้วนี่''
''แต่ฉันไม่แน่ใจว่าเขาสมควรได้รับแจกันที่เขวี้ยงใส่เขารึ
เปล่า?''
''คุณทําแบบนั้น?''
เธอผงกศรีษะ ''คุณน่าจะได้เห็นสีหน้าเขานะ เขาไม่เคย
เห็นฉันทําแบบนั้นมาก่อน''
''เขาทํายังไง?''
''ไม่ทําอะไรเลย ฉันคิดว่าเขาคงตกใจมากเกินกว่าจะทํา
อะไรได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อฉันเริ่มทําต่อด้วยจานอีกหลายใบ
ฉันทําของส่วนใหญ่โล่งไปจากตู้เลยในคืนนั้น''
เขายิ้มกว้างจนเห็นฟันด้วยความชื่นชม ''ผมไม่ยักรู้ว่าคุณ
เป็นคนโผงผางขนาดนั้น''
''มันเป็นสิ่งที่ฉันได้รับการอบรมเลี้ยงดูมาแบบตะวันตกตอน
กลางค่ะ อย่ามาทําเป็นเล่นกับฉันนะ ไอ้เกลอ''
''ผมจะไม่ทําแบบนั้นครับผม''
''นั่นดีแล้วค่ะ ทุกวันนี้ฉันเขวี้ยงแม่นกว่าเดิมมาก''
''ผมจะจําเรื่องนั้นไว้''
เขาและเธอเลื่อนตัวจมลงไปลึกยิ่งขึ้นในนํ้าอุ่น แกเร็ตใช้
ฟองนํ้าลูบทั่วร่างเธอต่อไปเรื่อยๆ
''ผมก็ยังคิดว่าคุณสมบรูณ์พร้อมอยู่ดี'' เขาพูดอย่างอ่อน
โยน
เธอหลับตาพริ้ม ''แม้กับด้านมืดของฉันหรือคะ?'
เธอถาม
''โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับด้านมืดของคุณ มันเพิ่มรสชาติ
ของความตื่นเต้นดี''
''ฉันดีใจค่ะ เพราะฉันคิดว่าตัวคุณเองก็สมบรูณ์แบบที
เดียว''

วันหยุดพักผ่อนที่เหลือของเขาและเธอผ่านพ้นไป
อย่างรวดเร็ว ในตอนเช้าเธเรซ่าไปทํางานสองสามชั่วโมงแล้วกลับ
มาบ้าน จากนั้นจึงใช้เวลาช่วงบ่ายและเย็นกับแกเร็ต ในตอนเย็น
เขาและเธอจะสั่งอาหารมากินด้วยกัน หรือไม่ก็ตรงไป
ยังภัตตาคารเล็กๆ แห่งหนึ่งในหลายแห่งใกล้ๆ อพาร์ตเมนต์ที่เธอ
อยู่ หลังจากนั้นเขาและเธอก็เช่าหนังมาดูกันเป็นบางครั้ง แต่โดย
ปกติแล้วทั้งสองชอบใช้เวลาอยู่ด้วยกันโดยไม่มีสิ่งอื่นมารบกวน
ในคืนวันศุกร์ เควินโทร.มาจากค่ายฟุตบอล เขาอธิบาย
ด้วยความตื่นเต้นว่าได้รับคัดเลือกให้เล่นกับทีมรวมดาวสําเร็จ แม้
จะหมายถึงการต้องไปแข่งกีฬานอกเขตบอสตัน และต้องเดินทาง
ไปแข่งในวันสุดสัปดาห์เป็นส่วนใหญ่ เธเรซ่าก็มีความสุขไปกับ
เขาด้วย จากนั้นเควินได้ทําให้เธอประหลาดใจ เมื่อเขาขอพูดกับ
แกเร็ต แกเร็ตฟังอยู่ในขณะที่เขาอธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในสัปดาห์
นั้นและแสดงความยินดีกับเขาด้วย หลังจากวางสายเธเรซ่าจึง
เปิดไวน์แล้วทั้งสองก็ฉลองชัยให้กับความโชคดีของเควินจนกระทั่ง
ถึงเวลาเช้าตรู่
ในเช้าวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันที่เขากําลังจะจากไป ทั้งสอง
กินอาหารมื้อรวมเช้ากลางวันกับเดียนน่าและไบรอัน แกเร็ตเห็น
ได้ทันทีถึงสิ่งที่เธเรซ่ารักในตัวเดียนน่า เธอทั้งสองเป็นคนมีเสน่ห์
และสนุกสนาน แกเร็ตจึงหัสเราะไปตลอดมื้ออาหาร เดียนน่าถาม
เขาเรื่องการดํานํ้าและการล่องเรือใบ ในขณะที่ไบรอันประเมิณว่า
ถ้าเขาเป็นเจ้าของธุรกิจของตัวเอง เขาคงจะทําอะไรไม่สําเร็จ
เลย เพราะกอล์ฟได้เข้าครอบงําชีวิตเขาอย่างแท้จริง
เธเรซ่าพอใจที่ทุกคนดูเหมือนจะเข้าใจกันดีเหลือเกิน เดียน
น่าเธเรซ่าขอตัวหลังจากกินอาหารเสร็จ แล้วตรงไปห้องนํ้า
ด้วยกันเพื่อพูดคุย
''แล้วเธอคิดยังไงบ้าง'' เธเรซ่าถามด้วยความคาดหวัง
''เขาเยี่ยมไปเลย'' เดียนน่ายอมรับ ''เขาดูดีกว่าในรูปที่
เธอนํากลับมาด้วยซํ้า''
''ฉันรู้ หัวใจฉันแทบหยุดเต้นทุกครั้งที่ฉันมองดูเขา''
เดียนน่าจัดผมเธอให้เรียบร้อย และทําอย่างดีที่สุดให้ผม
เธอพองขึ้นมา
''เธอใช้เวลาในสัปดาห์นี้คุ้มเท่าที่เธอหวังไว้หรือเปล่า?''
''ดีกว่าด้วยซํ้า''
เดียนน่ายิ้มแป้น ''ฉันสามารถบอกด้วยท่าทีที่เขามองดูเธอ
ได้ว่าเขาก็ชอบเธอจริงๆ ด้วยเหมือนกัน ท่าทีที่เธอทั้งสองปฏิบัติ
ต่อกัน ทําให้ฉันนึกถึงความสัมพันธ์ของฉันกับไบรอัน ดูเหมือน
เธอจะได้คู่ที่ดีแล้วละ''
''เธอคิดอย่างนั้นจริงๆ เหรอ?''
''ฉันคงไม่พูดเช่นนั้นหรอก ถ้าฉันไม่ได้หมายความอย่างที่
พูด''
เดียนน่าหยิบลิปสติกออกมาจากกระเป๋าถือแล้วเริ่มทาปาก
''เขาชอบบอสตันมั้ย?'' เธอถามอย่างไม่ใส่ใจ
เธเรซ่าหยิบลิปสติกของเธออกมาด้วย ''มันไม่ใช่ที่ๆเขา
คุ้นเคย แต่ดูเหมือนเขาจะทําให้ตัวเขาเพลิดเพลินได้ เราไปที่
สนุกๆ กันหลายแห่ง''
''เขาพูดอะไรเป็นการเฉพาะหรือเปล่า?''
''ไม่...ทําไมเหรอ?'' เธอมองเดียนน่าด้วยความอยากรู้
''เพราะว่า'' เดียนน่าตอบเสียงราบเรียบ ''ฉันแค่สงสัยว่า
เขาพูดอะไรบางอย่างซึ่งอาจทําให้เธอคิดว่าเขาจะย้ายมาอยู่ที่นี่
ถ้าเธอขอร้องให้เขาทําอย่างนั้นรึเปล่า''
คําพูดของเธอทําให้เธเรซ่าคิดถึงบางอย่างซึ่งเธอหลีกเลี่ยง
มาตลอด
''เรายังไม่ได้คุยเรื่องนั้นกันเลย'' เธอพูดขึ้นในที่สุด
''เธอตั้งใจไว้ว่าจะคุยเรื่องนั้นรึเปล่า?''
ความห่างไกลระหว่างเราเป็นปัญหาหนึ่ง แต่ก็ยังคงมีอย่าง
อื่นอีกใช่มั้ย? เธอได้ยินเสียงภายในใจตัวเธอกระซิบถาม
เธเรซ่าไม่อยากคิดถึงเรื่องนี้ เธอสั่นศรีษะ ''ฉันไม่คิดว่า
มันเป็นเวลาที่เหมาะสมนะ อย่างน้อยที่สุดก็ยังไม่ใช่ตอนนี้'' เธอ
หยุดพูดเพื่อรวบรวมความคิด ''ฉันหมายถึง ฉันรู้ดีว่าเราต้องคุย
เรื่องนี้กันสักครั้ง แต่ฉันไม่คิดว่าเรารู้จักกันนานพอที่จะเริ่มตัดสิน
ใจเกี่ยวกับอนาคต เรายังเพิ่งเริ่มทําความรู้จักซึ่งกันและกัน''
เดียนน่าจับตามองเธอด้วยความสงสัยเหมือนแม่ที่รักลูก
''แต่เธอก็รู้จักเขานานพอที่จะตกหลุมรักเขาไม่ใช่เหรอ?''
''ใช่'' เธเรซ่ายอมรับ
''งั้นเธอก็รู้แล้วว่าการตัดสินใจเช่นมีที่มาจากอะไร ไม่ว่า
เธออยากเผชิญกับมันหรือไม่ก็ตาม''
เธอต้องใช้เวลาสักพักหนึ่งก่อนตอบ
''ฉันรู้''
เดียนน่าวางมือลงบนบ่าเธเรซ่า
''จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าจะต้องสูญเสียเขาไป หรือไม่ก็ไปจาก
บอสตัน''
เธเรซ่าใคร่ครวญคําถามและนัยของมัน ''ฉันไม่แน่ใจ'' เธอ
เอ่ยเบาๆ แล้วมองเดียนน่าด้วยความไม่แน่ใจ
''ฉันขอให้คําแนะนําอะไรบางอย่างกับเธอได้มั้ย?'' เดียนน่า
ถาม
เธเรซ่าผงกศรีษะ เดียนน่าจูงแขนเธออกมาจากห้องนํ้า
แล้วโน้มตัวไปที่หูเธเรซ่าเพื่อไม่ให้มีใครแอบได้ยิน
''อะไรก็ตามที่เธอตัดสินใจทํา จงจําไว้ว่าเธอต้องสามารถ
ที่จะเดินหน้าในชีวิตต่อไปได้โดยไม่มองย้อนกลับ ถ้าเธอแน่ใจว่า
แกเร็ตให้ความรักแบบที่เธอต้องการ และเธอจะมีความสุขกับ
ความรักนั้นแล้ว เธอต้องทําทุกอย่างที่จําเป็นเพื่อรักษาเขาไว้ รัก
แท้หายาก และมันเป็นเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่ทําให้ชีวิตมีความ
หมายอย่างแท้จริง''
''แต่เรื่องเดียวนําไปใช้กับเค้าไม่ได้รึไง? เขาไม่ควรเต็ม
ใจยอมเสียสละอะไรเลยเหรอ?''
''แน่นอน''
''แล้วมันจะทิ้งปัญหาอะไรไว้ให้ฉันตรงไหนล่ะ?''
''มันก็ทิ้งปัญหาเดียวกับที่เธอมีมาก่อนนั่นแหละ เธเรซ่า
ปัญหาที่เธอต้องคิดถึงมันอย่างแน่นอน''
กว่าสองเดือนต่อมา ความสัมพันธ์ที่ต้องอยู่ห่างไกล
กันของเขาและเธอเริ่มพัฒนาไปในแบบที่เธเรซ่าและแกเร็ตไม่
คาดคิด แม้ว่าทั้งสองควรจะเห็นล่วงหน้ามาก่อนนั้นแล้วก็ตาม
ด้วยการหาทางปรับตารางการทํางานของแต่ละคน ทั้ง
สองอยู่ด้วยกันเพิ่มอีก 3 ครั้ง แต่ละครั้งเป็นเวลาในช่วงสุด
สัปดาห์ เมื่อเธเรซ่านั่งเครื่องบินไปวิลมิงตัน เพื่อที่เขาและเธอจะ
ได้อยู่กันตามลําพังแล้ว ทั้งสองก็ใช้เวลาเก็บตัวอยู่ในบ้านแกเร็ต
นอกจากช่วงเย็นที่เขาและเธอใช้เวลาไปกับการล่องเรือใบ แกเร็ต
เดินทางไปบอสตัน 2 ครั้ง โดยใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่บนถนนเพื่อไป
ดูการแข่งขันฟุตบอลของเควิน แต่เขาก็ไม่ได้รังเกียจแต่อย่างใด
มันเป็นการแข่งขันฟุตบอลครั้งแรกที่เขาเคยไปดูและรู้สึกใจจดจ่อ
กับการแข่งขันมากกว่าที่คิดว่าจะเป็น
''ทําไมคุณถึงไม่ตื่นเต้นเหมือนผมเลยล่ะ?'' เขาถามเธเรซ่า
ระหว่างชั่วขณะของความโกลาหลครั้งหนึ่งในสนาม
''ทําไมคุณไม่รอจนกว่าคุณได้ดูการแข่งขันมาสักสองสาม
ร้อยครั้งล่ะ? แล้วฉันแน่ใจว่าคุณอาจตอบคําถามของตัวคุณเอง
ได้'' เธอตอบยั่วเย้า
เมื่อเขาและเธออยู่ด้วยกันระหว่างวันสุดสัปดาห์เหล่านั้น
ดูเหมือนกับว่าในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดสําคัญเลย โดยปกติแล้วเควินจะ
ใช้เวลาคืนหนึ่งในช่วงหลายๆ คืนที่บ้านเพื่อน ดังนั้น เขาและเธอ
จึงอยู่กันตามลําพังได้อย่างึงอยู่กันตามลําพังได้อย่างน้อยที่สุดในช่วงเวลาสั้นๆ ทั้งสองใช้
เวลาพูดคุยกันและหัวเราะกันหลายชั่วโมง ก่อนที่จะกอดกันแน่น
และร่วมรักกันเพื่อพยายามชดเชยให้กับเวลาหลายๆ สัปดาห์ที่
ต้องแยกจากกัน กระนั้นทั้งเขาและเธอก้ไม่ได้คุยเจาะลึกลงไปใน</span></span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
แมงป่อง
แม่ไข่หวาน พ่อไข่เค็ม
 
โพสต์: 1468
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ พ.ค. 05, 2007 10:25 pm

โพสต์โดย แมงป่อง » พฤหัสฯ. ก.ค. 17, 2008 8:12 pm

<span style='color:blue'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>เรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อความสัมพันธ์ในอนาคต ทั้วสองใช้ชีวิต
อยู่เฉพาะในปัจจุบันขณะ โดยที่ทั้งเขาและเธอไม่แน่ใจชัดแจ้งถึง
สิ่งที่คาดหวังจากอีกฝ่าย ไม่ใช่เป็นเพราะทั้งสองไม่ได้หลงรักกัน
อย่างน้อยที่สุดเขาและเธอต่างก็แน่ใจในเรื่องนั้น
แต่เนื่องจากไม่ได้พบกันบ่อยมากนัก ความสัมพันธ์ของทั้ง
สองจึงขึ้นๆ ลงๆ มากกว่าที่เคย ด้วยเหตุที่ทุกอย่างรู้สึกจะดีไป
หมดเมื่อทั้งสองอยู่ด้วยกัน ทุกอย่างจึงรู้สึกแย่ไปหมดเมื่อไม่ได้อยู่
ด้วยกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแกเร็ตรู้สึกว่าต้องต่อสู้กับความห่าง
ไกลระหว่างกัน ปกติแล้วเขาได้รับความรู้สึกที่ดีในยามที่พบกัน
ครั้งล่าสุดต่อเนื่องมาเป็นเวลาสองสามวันหลังจากนั้น แต่แล้วก็
รู้สึกเริ่มซึมเศร้าในขณะที่เฝ้ารอสัปดาห์ต่อๆ ไปก่อนที่จะได้พบเธอ
อีกครั้ง
แน่นอนว่าเขาต้องการใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากกว่าที่เป็นไปได้
เนื่องจากฤดูร้อนผ่านพ้นไปแล้ว จึงเป็นการง่ายกว่าสําหรับ
เขาที่จะผละไปจากงานมากกว่าเธอ แม้ว่าลูกจ้างส่วนใหญ่ไม่ได้
อยู่ทํางานแล้ว แต่ก็ไม่มีสิ่งใดในร้านให้ทํามากนัก แตกต่างจาก
ตารางการทํางานของเธเรซ่าโดยสิ้นเชิง ไม่ใช่เพียงเพราะเรื่องของ
เควินเท่านั้น เขาไปโรงเรียนอีกครั้งและต้องไปแข่งฟุตบอลในวัน
สุดสัปดาห์ จึงเป็นการยากสําหรับเธอที่จะปลีกตัวออกมาแม้เพียง
แค่สองสามวัน แม้ว่าแกเร็ตจะเต็มใจมาเยือนบอสตันเพื่อพบเธอ
บ่อยมากขึ้น แต่เธเรซ่าก็ไม่มีเวลาเลยจริงๆ มีมากกว่าหนึ่งครั้งที่
เธอแนะนําให้เขาเลื่อนการเดินทางมาพบเธอไปเป็นครั้งต่อไป แต่
ด้วยเหตุผลหนึ่งหรือมากกว่านั้น มันก็ทําไม่ได้อีก
ความจริงแล้วเขารู้ดีว่าคู่รักหลายคู่ที่ต้องเผชิญกับสถาน
การณ์ในการใช้ชีวิตที่ยากลําบากกว่านี้ พ่อเขาเล่าให้ฟังถึงเรื่องที่
พ่อและแม่เขาไม่ได้พูดคุยกันเป็นเวลาหลายเดือนในช่วงนั้น พ่อ
ไปเกาหลีและใช้เวลา 2 ปีเป็นนาวิกโยธิน และเมื่อถึงเวลาที่ธุรกิจ
กุ้งประสบความยุ่งยาก เขาเคยหางานทํากับเรือบรรทุกสินค้าที่
แล่นผ่านมาในระหว่างเส้นทางไปอเมริกาใต้ บางครั้งการเดินทาง
เหล่านั้นใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะสิ้นสุดลง สิ่งเดียวที่พ่อแม่เขา
ติดต่อกันระหว่างเวลานั้นคือจดหมาย ซึ่งบ่อยครั้งไม่ได้รับ แกเร็ต
และเธเรซ่าประสบกับสิ่งยุ่งยากน้อยกว่า แต่นั่นก็ยังคงไม่ได้ทํา
ให้เรื่องง่ายเลย
เขารู้ดีว่าระยะทางอันห่างไกลระหว่างเขาและเธอคือปัญหา
แต่ก็ไม่ได้ดูเหมือนว่ามันจะเปลี่ยนแปลงอะไรในอนาคตเลย เท่าที่
เขาเห็นมีวิธีแก้ปัญหาเพียงสองวิธีเท่านั้นคือ เขาย้ายที่อยู่หรือเธอ
ย้ายที่อยู่ ไมว่าเขาจะพิจารณาโดยถี่ถ้วนอย่างไร และไม่ว่าเขา
และเธอจะใส่ใจกันมากแค่ไหน มันก็สรุปได้เพียงหนึ่งในสองทาง
เลือกนี้เท่านั้น
ในใจลึกๆ แล้ว เขาสงสัยว่าเธเรซ่าจะมีความคิดแบบเดียว
กับเขาหรือเปล่า ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทําไมทั้งเขาและเธอไม่มีใครต้อง
การพูดถึงมันเลย ดูเหมือนจะเป็นการง่ายกว่าที่จะไม่นําประเด็นนี้
ขึ้นมาพูดคุยกัน เพราะนั่นจะหมายถึงการเริ่มเดินลงไปสู่ทางที่ทั้ง
เขาและเธอไม่แน่ใจว่าต้องการทําตามนั้นหรือไม่
เขาและเธอคนใดคนหนึ่งจะต้องเปลี่ยนแปลงชีวิตไปอย่าง
กะทันหัน
แต่ใครคือคนนั้น?
เขามีธุรกิจของตัวเองที่วิลมิงตันซึ่งเป็นชีวิตแบบที่เขาต้อง
การ เป็นชีวิตแบบเดียวเท่านั้นที่เขารู้วิธีดํารงชีพ บอสตันเป็น
เมืองสวยงามที่จะไปเยือน แต่มันไม่ใช่บ้าน เขาไม่เคยแม้แต่คิด
ที่จะไปใช้ชีวิตที่อื่น แล้วยังพ่อของเขาอีกล่ะ พ่อเขาแก่ลงไปทุกปี
และแม้ว่าภายนอกจะดูแข็งแรง แต่สังขารเขาเสื่อมโทรมไปตาม
วัย และแกเร็ตคือที่เพิ่งเดียวที่เขามี
ในทางตรงข้าม เธเรซ่ามีความผูกพันธ์ที่เหนียวแน่นอยู่ที่
บอสตัน แม้ว่าพ่อแม่เธอจะอาศัยอยู่ที่อื่น แต่เควินก็เข้าเรียนใน
โรงเรียนที่เขาชอบ เธอมีอาชีพที่เจริญก้าวหน้าอยู่กับหนังสือพิมพ์
รายใหญ่และมีเครือข่ายกลุ่มเพื่อนซึ่งต้องจากไป เธอทํางานหนัก
เพื่อมาถึงจุดที่เธอเป็นอยู่ แล้วถ้าเธอไปจากบอสตัน บางทีเธอ
อาจต้องสละทิ้งสิ่งเหล่านั้นไป เธอจะทําเช่นนั้นโดยปราศจาก
ความขุ่นเคืองในสิ่งที่เขาบังคับให้เธอต้องทําได้หรือ?
แกเร็ตไม่อยากคิดถึงสิ่งนั้น เขาจดจ่ออยู่กับข้อเท็จจริงที่
ว่าเขารักเธเรซ่าแทน ด้วยยึดมั่นในความเชื่อที่ว่าตั้งใจที่จะอยู่ด้วย
กันแล้ว เขาและเธอจะต้องพบหนทางที่จะทําเช่นนั้นได้
อย่างไรก็ตาม ในใจลึกๆ แล้วเขารู้ดีว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย
ขนาดนั้น และไม่ใช่เพียงเพราะระยะทางที่ห่างไกลระหว่างเขา
และเธอเท่านั้น หลังกลับมาจากการเดินทางไปบอสตันครั้งที่สอง
เขานํารูปเธเรซ่าไปขยายแล้วใส่กรอบตั้งไว้บนโต๊ะหัวเตียงตรงข้าม
กับรูปแคธรีน ก็ทั้งๆ ที่เขามีความรู้สึกให้กับเธเรซ่า แต่ก็ดูเหมือน
ว่ารูปเธอจะอยู่ผิดที่ผิดทางเมื่อนํามาตั้งไว้ในห้องนอนของเขา
สองสามวันต่อมาเขาจึงย้ายรูปเธอไปไว้อีกฟากหนึ่งของห้อง แต่
ก็ยังไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก ทุกแห่งที่เขาวางรูปเธอลงไป ดูเหมือน
เขาจะรู้สึกราวกับว่าดวงตาของแคธรีนจะมองตามรูปนั้นไปทุกหน
ทุกแห่ง นี่เป็นเรื่องน่าหัวเราะ เขาบอกกับตัวเองหลังจากที่ยังคง
ย้ายรูปเธอต่อไปอีก กระนั้นเขาพบว่าเขาเลื่อนรูปของเธเรซ่าไปไว้
ในลิ้นชักแล้วเอื้อมไปหยิบรูปแคธรีนขึ้นมาแทนในที่สุด เขา
ถอนหายใจในขณะที่นั่งลงบนเตียงแล้วถือรูปแคธรีนไว้ตรงหน้า
''เราไม่เคยมีปัญหาแบบนี้เลย'' เขากระซิบ ขณะไล่นิ้วไป
ตามรูปเธอ ''ทุกอย่างดูเหมือนจะง่ายต่อเราเหลือเกินเสมอใช่มั้ย?''
เมื่อเขาตระหนักว่ารูปนั้นตอบไม่ได้แล้ว เขาจึงก่นด่าความ
โง่งมของเขาเอง แล้วไปหยิบรูปของเธเรซ่ากลับขึ้นมาใหม่
เขาจ้องมองรูปทั้งสองและเข้าใจอย่างแท้จริงว่าเหตุใดเขา
จึงประสบความยุ่งยากใจกับเรื่องทั้งหมดนี้มากมายเหลือเกิน เขา
รักเธเรซ่ามากกว่าที่เขาเคยคิดว่าเขาอาจรักเธอได้...แต่เขาก็ยังคง
รักแคธรีน...
เป็นไปได้ไหมที่จะรักเธอในขณะเดียวกัน?

''ผมรอไม่ไหวแล้วที่จะรอพบคุรอีกครั้ง'' แกเร็ตเอ่ย
มันเป็นช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน สองสัปดาห์ก่อนวัน
ขอบคุณพระเจ้า เธเรซ่าและเควินกําลังนั่งเครื่องบินกลับบ้านเพื่อ
ไปพบพ่อแม่เธอในวันหยุด เธเรซ่าได้จัดการเดินทางลงมาในวัน
สุดสัปดาห์ก่อนที่จะใช้เวลาบางช่วงกับแกเร็ต มันเป็นเวลาหนึ่ง
เดือนมาแล้ว นับจากครั้งสุดท้ายที่เขาและเธอได้พบกัน
''ฉันตั้งตารอวันนั้นเช่นกันค่ะ'' เธอพูด ''แล้วคุณสัญญา
ว่าฉันจะได้พบพ่อของคุณซะที ใช่มั้ย?''
''พ่อวางแผนว่าจะทําอาหารเย็นก่อนวันขอบคุณพระเจ้าให้
เรากินกันที่บ้านเขา เขาเฝ้าแต่ถามผมว่าคุรอยากกินอะไร ผม
คิดว่าอยากสร้างความประทับใจที่ดีน่ะ''
''บอกเขาด้วยว่าไม่ต้องกังวล อะไรก็ได้ค่ะที่เขาทํา ดีทั้ง
นั้นแหละ?''
''นั่นคือสิ่งที่ผมบอกเขามาตลอด แต่ผมบอกได้เลยว่าเขา
ตื่นเต้นกับการมาของคุณ''
''ทําไมคะ?''
'เพราะคุรเป็นแขกคนแรกที่เราเคยมี หลายปีมาแล้วมี
เพียงแค่เราสองคนเท่านั้น''
''ฉันกําลังจะไปขัดธรรมเนียมครอบครัวหรือเปล่าคะ''
''ไม่หรอก ผมกลับคิดว่า เรากําลังเริ่มธรรมเนียมใหม่กัน
มากกว่า อีกอย่าง งานน้พ่อเป็นคนอาสาทําเอง จําไม่ได้เหรอ?''
''คุณคิดว่าเขาจะชอบฉันมั้ยคะ?''
''ผมรู้ดีว่าเขาต้องชอบคุณ''

เมื่อเจบ เบล็กรู้ว่าเธเรซ่าจะมา เขาได้ทําบางอย่างที่
ไม่เคยทํามาก่อน ประการแรก เขาจ้างคนเข้ามาทําความสะอาด
ในบ้านหลังเล็กที่เขาอาศัยอยู่ ซึ่งต้องใช้เวลาเกือบ 2 วันกว่างาน
จะเสร็จสิ้นลง เพราะเขายืนกรานว่าบ้านต้องเนี้ยบ เขาซื้อเสื้อ
เชิ้ตตัวใหม่และเนคไทใหม่ด้วย เมื่อเขาออกมาจากห้องนอนพร้อม
กับเสื้อผ้าชุดใหม่แล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะเห็นความประหลาดใจใน
ดวงตาของแกเร็ต
''พ่อดูเป็นยังไงบ้าง?'' เขาถาม
''ก็ดูดีนี่ แต่พ่อผูกเนคไททําไม?''
''ไม่ใช่เพื่อแก มันเพื่ออาหารมื้อคํ่าสุดสัปดาห์นี้''
แกเร็ตยังคงจ้องมองพ่อเขาด้วยรอยยิ้มแหยๆ บนใบหน้า
''ผมคิดว่าผมไม่เคยพ่อผูกเนคไทมาก่อนเลยนะ''
พ่อเคยผูกมาก่อนแล้ว เพียงแต่แกไม่ได้สังเกตเท่านั้นเอง''
''พ่อไม่ต้องผูเนคไทเพียงเพราะว่าเธเรซ่าจะมาที่นี่นะ''
''พ่อรู้เรื่องนั้นดีน่า'' เขาตอบห้วนๆ ''พ่อแค่อยากผูกเนคไท
กินอาหารมื้อคํ่าสักครั้งในปีนี้''
''พ่อตื่นเต้นที่จะได้พบเธอใช่มั้ย?''
''ไม่''
''พ่อ พ่อไม่ต้องเป็นใครบางคนที่ไม่ได้เป็นหรอก ผมแน่ใจ
ว่าเธเรซ่าจะต้องชอบพ่อไม่ว่าจะแต่งตัวยังไง''
''นั่นไม่ได้หมายความว่า พ่อไม่อาจแต่งตัวให้ดูดีสําหรับ
เพื่อนหญิงของแกไม่ใช่รึ?''
''ไม่ใช่''
''งั้นพ่อเข้าใจว่านั่นคือข้อตกลงใช่มั้ย? พ่อไม่ได้ออกมานี่
เพื่อมาฟังคําแนะนําของแกในเรื่องนี้นะ พ่ออกมานี่เพื่อให้แกดู
ว่าพ่อดูดีรึเปล่า''
''ดูดีแล้วพ่อ''
''ดีแล้ว''
เขาหันหลังแล้วออกเดินกลับเข้าไปในห้องนอน พร้อมทั้ง
ถลกชายเสื้อเชิ้ตขึ้นมาและปลดเนคไทออก แกเร็ตมองดูจนเขา
หายลับตาไป แล้วครู่หนึ่งต่อมาเขาก็ได้ยินพ่อเรียกชื่อเขา
''อะไรอีกล่ะตอนนี้?'' แกเร็ตถาม พ่อเขายื่นศรีษะแวบออก
มาจากมุมห้อง ''แกจะผูกเนคไทด้วยใช่มั้ย?''
''ผมไม่ได้ตั้งใจเอาไว้อย่างนั้น''
''งั้นก็เปลี่ยนความตั้งใจของแกซะ ฉันไม่อยากให้เธเรซ่า
เห็นว่าฉันเลี้ยงดูคนซึ่งไม่รู้วิธีแต่งตัวให้เข้ากับหมู่พวก''

ก่อนวันที่เธอจะมาถึง แกเร็ตช่วยพ่อเขาทําสิ่งต่างๆ
ที่เตรียมไว้จนเสร็จ เขาตัดหญ้าที่สนาม ในขณะที่เจบแกะกล่อง
ภาชนะกระเบื้องเคลือบที่เป็นของขวัญวันแต่งงานซึ่งเขาเคยใช้มา
ก่อนแต่ไม่บ่อยออกมา แล้วล้างจานชามในกล่องด้วยมือของเขา
เอง หลังจากหาเครื่องเงินที่เข้าชุดกัน ซึ่งพูดง่ายกว่าการหาได้แล้ว
เจบจึงไปหาผ้าปูโต๊ะในตู่โดยตั้งใจไว้ว่า มันจะต้องสร้างบรรยากาศ
ที่น่าประทับใจ เขาโยนผ้าปูโต๊ะลงในเครื่องซักผ้าในเวลาเดียวกับ
ที่แกเร็ตเข้ามาในบ้านพอดีหลังจากตัดหญ้าที่สนามเสร็จ แกเร็ต
เดินไปยังตู้แล้วหยิบแก้วออกมาจากชั้น
''พรุ่งนี้เธอจะมาถึงบ้านกี่โมง?'' เจบถามจากแถวๆ มุมห้อง
แกเร็ตรินนํ้าใส่แก้ว แล้วเหลียวหลังมาตอบว่า ''เครื่องบิน
จะมาถึงเวลาประมาณ 10 โมงเช้า เราน่าจะมาถึงที่นี่กันเวลา
ประมาณ 11 โมง หรือราวๆ นั้น''
''แกคิดว่าเธออยากกินอาหารกี่โมง?''
''ผมไม่รู้''
เจบเดินเข้าไปในครัว ''แกไม่ได้ถามเธอเหรอ?''
''เปล่า ไม่ได้ถาม''
''งั้นพ่อจะรู้ได้ยังไงว่าเมื่อไหร่จะใส่ไก่งวงลงไปในเตาอบ''
แกเร็ตดื่มนํ้า ''แค่กะไว้ว่าเราจะกินกันบางช่วงตอนกลาง
วันบ่ายพอ เวลาไหนก็ได้ ผมแน่ใจ''
''แกไม่คิดว่าแกควรโทร.ไปถามเธอเหรอ?''
''ผมคิดว่าไม่จําเป็นเลยจริงๆ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร
ขนาดนั้นหรอกครับ''
''อาจไม่ใช่สําหรับแก แต่มันเป็นครั้งแรกที่พ่อจะได้พบเธอ
และถ้าแกสองคนลงเอยด้วยการแต่งงานกัน พ่อไม่อยากให้เรื่องนี้
เป็นหัวข้อชวนหัวใดๆ ในภายหลัง''
แกเร็ตเลิกคิ้ว ''ใครบอกว่าเราจะแต่งงานกัน?''
''ไม่มีใครบอกหรอก''
''แล้วทําไมพ่อพูดประเด็นนี้ขึ้นมาล่ะ?''
''เพราะว่า'' เขาพูดอย่างรวดเร็ว ''พ่อคิดว่าหนึ่งในเราสอง
คนควรทําเช่นนั้น และพ่อไม่แน่ใจว่าแกจะหาเวลาทําแบบนี้ได้อีก
รึเปล่าน่ะสิ''
แกเร็ตจ้องมองพ่อเขา ''งั้นพ่อคิดว่าผมควรแต่งงานกับเธอ
หรือ?''
เจบหลิ่วตาในขณะที่ตอบ ''มันไม่สําคัญหรอกว่าพ่อคิด
อะไร สิ่งที่แกคิดอยู่ต่างหากที่สําคัญไม่ใช่รึ?''

ต่อมาเย็นวันนั้น แกเร็ตเปิดประตูหน้าบ้านเข้ามาใน
ขณะเดียวกันที่โทรศัพท์เริ่มดังขึ้นพอดี หลังจากรีบวิ่งไปรับโทร
ศัพท์แล้วเขาก็ได้ยินเสียงที่คาดไว้
''แกเร็ตใช่มั้ยคะ?'' เธเรซ่าถาม
''เสียงคุณฟังดุเหนื่อยหอบนะ''
เขายิ้ม ''โอ้...เฮ้ เธเรซ่า ผมเพิ่งเดินเข้ามาในบ้านน่ะ พ่อ
ให้ผมไปบ้านเขาทั้งวันเพื่อเตรียมการให้เรียบร้อย เขาตั้งตารอพบ
คุณจริงๆ''
เสียงพูดหยุดเงียบไปด้วยความอึดอัดใจ
''เรื่องวันพรุ่งนี้...'' เธอพูดขึ้นในที่สุด
เขารู้สึกคอแข็งเกร็งขึ้นมา
''พรุ่งนี้มีอะไร?''
เธอต้องใช้เวลาพักนึงก่อนตอบ
''ฉันเสียใจจริงๆ ค่ะ แกเร็ต...ฉันไม่รู้ว่าจะบอกคุรเรื่องนี้
ยังไงดี ผลที่สุดแล้วฉันไม่อาจลงไปที่วิลมิงตันได้''
''มีบางอย่างไม่ปกติรึ?''
''ไม่ค่ะ ทุกอย่างเรียบร้อยดี เพียงแต่มีบางอย่างเกิดขึ้นใน
นาทีสุดท้าย คือมีการประลุมใหญ่ที่ฉันต้องไปค่ะ''
''การประชุมแบบไหนกัน?''
''เรื่องงานของฉันน่ะค่ะ'' เธอหยุดพูดไปอีกครั้ง ''ฉันรู้ค่ะ
ว่ามันฟังดูแย่มาก แต่ฉันคงไม่ไปหรอกถ้ามันไม่ใช่เรื่องสําคัญ
จริงๆ''
เขาหลับตาลง ''เพื่ออะไร?''
''เป็นการประชุมสําหรับกลุ่มบรรณาธิการที่เป็นบุคคล
สําคัญและสื่อมวลชนแขนงต่างๆ พวกเขาจะประชุมกันที่ดัลลัส
สุดสัปดาห์นี้ เดียนน่าคิดว่าน่าจะเป็นความคิดที่ดี ถ้าฉันได้ไปพบ
กับพวกเขาบางคน''
''คุณเพิ่งรู้เรื่องนี้งั้นรึ?''
''ไม่ค่ะ...ฉันหมายถึง ใช่น่ะค่ะ เอ้อ...ฉันรู้ว่าจะมีการประ
ชุม แต่ฉันไม่คิดว่าจะไป ปกติแล้วคอลัมนิสต์ไม่ได้รับเชิญให้ไป
แต่เดียนน่าใช้เส้นสายนิดหน่อยแล้วจัดการให้ฉันไปกับเธอ'' เธอ
พูดตะกุกตะกัก ''ฉันเสียใจจริงๆ ค่ะ แกเร็ต แต่ก็เหมือนที่ฉันพูด
ไปแล้วนั่นแหละค่ะ มันจะเป็นการเปิดตัวที่แสนวิเศษ และเป็น
โอกาสหนึ่งที่มีในชั่วชีวิต''
เขาเงียบไปพักหนึ่ง จากนั้นจึงพูดเพียงว่า ''ผมเข้าใจ''
''คุณโกรธฉันรึเปล่าคะ?''
''ไม่หรอก''
''คุณแน่ใจนะคะ?''
''แน่ใจ''
เธอรู้ได้จากนํ้าเสียงของเขาว่าเขาไม่ได้พูดความจริง แต่
เธอก็ไม่คิดว่าจะมีสิ่งอื่นใดที่เธออาจพูดออกมาซึ่งจะทําให้เขารู้สึก
ดีขึ้นได้เลย
''คุณช่วยบอกพ่อคุณด้วยได้มั้ยคะว่าฉันขอโทษ?''
''ผมจะบอกเขาให้''
''ให้ฉันโทร.หาคุณสุดสัปดาห์นี้ได้มั้ยคะ?''
''ถ้าคุณอยากโทร.นะ'

วันต่อมาเขากินอาหารเย็นกับพ่อ เขาซึ่งพยายาม
ทําดีที่สุดที่จะลดความสําคัญของเรื่องทั้งหมดลง
''ถ้าเป็นอย่างที่เธอพูด'' พ่อเขาอธิบาย ''เธอก็มีเหตุผลที่ดี
มันไม่ใช่เรื่องที่เธอจะต้องเก็บงานไว้ทีหลังเพราะเห็นว่ามันมีความ
สําคัญน้อยกว่า เธอมีลูกชายที่ต้องส่งเสียเลี้ยงดู แล้วเธอก็ต้องทํา
ดีที่สุดเพื่อจัดหาสิ่งต่างๆ ให้เขา อีกอย่าง มันก็แค่สุดสัปดาห์เดียว
ไม่ได้มากมายอะไรเลยเมื่อเทียบกับสถานการณ์โดยรวม''
แกเร็ตผงกศรีษะรับฟังพ่อเขา แต่ก็ยังคงขุ่นเคืองกับเรื่อง</span></span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
แมงป่อง
แม่ไข่หวาน พ่อไข่เค็ม
 
โพสต์: 1468
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ พ.ค. 05, 2007 10:25 pm

โพสต์โดย แมงป่อง » พฤหัสฯ. ก.ค. 17, 2008 8:15 pm

<span style='color:red'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>ทั้งหมดอยู่ เจบพูดต่อไป
''พ่อแน่ใจว่าแกทั้งสองคนจะสามารถแก้ปัญหาได้ ความ
จริงแล้ว บางทีเธออาจจะทําอะไรบางอย่างเป็นพิเศษจริงๆ ใน
คราวหน้าที่แกทั้งสองอยู่ด้วยกันก็ได้''
แกเร็ตไม่พูดอะไรเลย เจบกินอาหารไปสองสามคําก่อน
พูดขึ้นอีกครั้ง
''แกต้องเข้าใจนะ แกเร็ต เธอมีความรับผิดชอบเหมือนกับ
ที่แกมี แล้วบางครั้งความรับผิดชอบเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ต้องทําก่อน
พ่อแน่ใจว่า ถ้ามีอะไรบางอย่างในร้านเกิดขึ้นซึ่งแกต้องดูแลแล้ว
แกก็คงต้องทําสิ่งเดียวกัน''
แกเร็ตเอนหลังกลับแล้วผลักจานที่กินอาหารเพียงครึ่งเดียว
ไปไว้ด้านข้าง ''ผมเข้าใจเรื่องทั้งหมดนั้นดีน่าพ่อ เพียงแต่ตอนนี้
ผมไม่ได้พบเธอมาหนึ่งเดือนแล้ว แล้วผมก็ตั้งตารอการมาของเธอ
จริงๆ''
''แกไม่คิดรึว่าเธอก็อยากมาพบแกเหมือนกัน?''
''เธอก้พูดอย่างนั้น''
เจบชะโงกตัวข้ามโต๊ะผลักจานกลับมาไว้ตรงหน้าแกเร็ตอีก
ครั้ง ''กินอาหารเย็นของแกซะ'' เขาพูด ''พ่อใช้เวลาทําอาหาร
นั่นทั้งวัน และแกต้องไม่ทําให้มันเสียของ''
แกเร็ตมองดูจานเขา แม้ว่าเขาจะไม่หิวอีกแล้ว แต่เขาก็
หยิบซ้อมขึ้นตักอาหารไปอีกเล็กน้อย
''แกรู้มั้ย'' พ่อเขาพูดในขณะที่ตักอาหารในจาน ''นี่ไม่ใช่
ครั้งสุดท้ายที่เรื่องนี้จะเกิดขึ้น ดังนั้น ตอนนี้แกไม่ต้องห่อเน้องสาว่ยใจ
ให้มันมากนักกับเรื่องนี้''
''พ่อหมายถึงอะไร''
''พ่อหมายความว่า ตราบใดที่แกสองคนยังคงอยู่ไกลกัน
หลายพันไมล์ เรื่องแบบนี้จะต้องเกิดขึ้นอีก แล้วแกก็จะไม่ได้พบ
กันได้บ่อยเท่าที่ทั้งแกและเธอต้องการ''
''พ่อไม่คิดเหรอว่าผมรู้เรื่องนั้นดี?''
''พ่อแน่ใจว่าแกรู้ แต่พ่อไม่รู้ว่าทั้งแกและเธอมีกึ๋นพอที่จะ
ทําอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้รึเปล่า''
แกเร็ตมองดูพ่อเขาแล้วครุ่นคิด โอ้พระเจ้า...พ่อบอกผม
หน่อยเถอะว่า จริงๆ แล้วพ่อรู้สึกยังไง อย่ากั๊กไว้เลย
''เมื่อพ่อเป็นหนุ่ม'' เจบพูดต่อไปโดยไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้า
อันขมขื่นของลูกชาย ''เรื่องต่างๆ ง่ายกว่านี้มาก ถ้าผู้ชายรัก
ผู้หญิงสักคนเขาจะขอเธอแต่งงาน จากนั้นเขาและเธอก็ใช้ชีวิต
อยู่ด้วยกัน แต่แกสองคนน่ะเหมือนกับว่าแกไม่รู้จะทําอะไรกัน?''
''ผมบอกพ่อก่อนหน้านั้นแล้วว่า มันไม่ง่ายอย่างนั้น...?''
''ง่ายแน่ ถ้าแกรักเธอ แล้วมองหาหนทางที่จะอยู่กับเธอ
มันง่ายขนาดนั้นเลย ด้วยวิธีนั้น หากมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแล้ว
แกไม่ได้เห็นหน้ากันหนึ่งสัปดาห์ แกจะไม่จบลงด้วยการทําตัว
เหมือนกับชีวิตแกได้จบสิ้นลงไปเลย''
เจบหยุดพูดก่อนจะกล่าวต่อไปว่า ''ก็แค่สิ่งที่แกทั้งสอง
กําลังพยายามทําอยู่มันไม่เป็นธรรมชาติ และในระยะยาวแล้ว
มันก็ไม่ได้ผล แกรู้เรื่องนั้นดีไม่ใช่หรือ?''
''ผมรู้ดี'' แกเร็ตพูดเพียงเท่านั้น และอยากให้พ่อเขาหยุดพูด
ถึงเรื่องนี้ซะที
พ่อเขายักคิ้วข้างหนึ่งแล้วรอให้แกเร็ตพูดต่อ เมื่อแกเร็ตไม่
พูดอะไรเพิ่มเติม เจบจึงพูดขึ้นอีกครั้ง
''ผมรู้งั้นหรือ? นั่นคือทั้งหมดที่แกต้องพูดงั้นเหรอ?''
เขายักไหล่ ''ผมจะพูดอะไรอย่างอื่นได้อีกล่ะ?''
''แกอาจพูดว่า ครั้งต่อไปที่แกพบเธอ แกสองคนจะคิดเรื่อง
นี้กัน นั่นคือสิ่งที่แกสามารถพูดได้''
''ก็ได้ เราจะพยายามคิดแก้ปัญหาเรื่องนี้กัน''
เจบวางซ้อมในมือลงแล้วจ้องหน้าลูกชายเขม็ง ''พ่อไม่ได้
พูดว่าพยายามนะ แกเร็ต พ่อพูดว่าแกสองคนต้องคิดแก้ปัญหา
เรื่องนี้ให้ได้''
''เพราะว่า'' เขาพูด ''ถ้าแกสองคนไม่คิดหาทางแก้ปัญหา
เรื่องนี้แล้ว แกกับฉันจะต้องกินอาหารกันตามลําพังต่อไปอีกเป็น
เวลา 20 ปีจากนี้ไป''
วันต่อมา สิ่งแรกที่แกเร็ตทําในตอนเช้าคือนําเรือแฮปเปน
สแตนซ์ออกทะเล และอยู่กลางทะเลจนกระทั่งถึงเวลาหลังจากที่
ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า แม้ว่าเธเรซ่าจะโทรศัพท์ฝากข้อความถึง
เขาไว้โดยแจ้งให้ทราบถึงรายละเอียดของโรงแรมที่เธอพักในดัลลัส
ก็ตาม แต่เขาไม่ได้โทร.หาเธอเมื่อคืนวาน โดยบอกกับตัวเองว่า
ดึกเกินไปและเธอคงหลับไปแล้ว มันเป็นเรื่องโกหกตัวเอง และ
เขารู้ดี แต่เขายังไม่อยากคุยกับเธอจริงๆ
ความจริงคือเขาไม่อยากพูดคุยกับใครเลย เพราะยังโกรธ
ในสิ่งที่เธอทํา และที่ดีที่สุดสํหรับเขาคือการออก
ไปกลางทะเล อันเป็นที่ซึ่งไม่มีใครรบกวนได้เกือบตลอดช่วงเช้า
เขารู้สึกสงสัยว่าเธอจะรู้หรือไม่ว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นรบกวนจิต
ใจเขามากเพียงใด เขาทําให้ตัวเองเชื่อว่า มีแนวโน้มมากกว่าที่
เธอไม่รู้ มิฉะนั้นแล้วเธอคงไม่ทําเช่นนั้น
นั่นคือ ถ้าเธอแคร์เขาจริงๆ
เมื่อดวงอาทิตย์เคลื่อนตัวสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า ความโกรธ
ของเขาก็เริ่มจางหายไป ในขณะที่เขาคิดให้กระจ่างขึ้นถึงสถาน
การณ์ดังกล่าวแล้ว เขาก็ตัดสินใจว่าพ่อเขาพูดถูกเหมือนทุกครั้ง
เหตุผลของเธอที่ไม่มาไม่ได้สะท้อนให้เห็นความรู้สึกของเขามาก
เท่ากับที่มันสะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างในการดําเนินชีวิตของ
เขาและเธอ เธอมีความรับผิดชอบจริงๆ ในสิ่งที่เธอไม่อาจเพิกเฉย
ได้ และตราบใดที่เขาและเธอยังใช้ชีวิตแยกกันอยู่ เหตุการณ์เช่น
นี้ก็จะต้องเกิดขึ้นต่อไปเรื่อยๆ''
แม้ว่าเขาจะไม่มีความสุขกับมัน แต่เขาก็สงสัยว่าจะเกิด
อะไรขึ้นถ้าความสัมพันธ์ทั้งหมดจะต้องมีช่วงเวลาที่เป็นแบบนี้ไป
ตลอด ถ้าความจริงเป็นอย่างที่ได้ฟังมา เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะ
เป็นอย่างไร เขาเคยมีความสัมพันธ์อื่นจริงๆ ก็เพียงกับแคธรีน
เท่านั้น และไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะนําความสัมพันธ์ทั้งสองมาเปรียบ
เทียบกัน สิ่งหนึ่งคือ เขาและแคธรีนแต่งงานกันและอยู่ร่วมชายคา
เดียวกัน ยิ่งกว่านั้นเขาและเธอยังรู้จักกันมาตลอดเวลาส่วนใหญ่
ของชีวิต และเนื่องจากในขณะนั้นยังมีอายุน้อยกว่านี้ จึงไม่ต้อง
มีความรับผิดชอบเหมือนกับทั้งแกเร็ตหรือเธเรซ่ามีอยู่ในปัจจุบัน
เขาและเธอเพิ่งเรียนจบจากมหาวิทยาลัย ไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง
และแน่นอนว่าไม่มีลูกๆ ที่ต้องดูแล มันไม่เหมือนกันเลย สิ่งที่เขา
และแคธรีนเป็นอยู่ในขณะนั้นแตกต่างจากสิ่งที่เขาและเธเรซ่าเป็น
อยู่ในปัจจุบันโดยสิ้นเชิง มันจึงไม่ยุติธรรมเลยที่จะพยายามโยง
สถานการณ์ทั้งสองเข้าด้วยกัน</span></span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
แมงป่อง
แม่ไข่หวาน พ่อไข่เค็ม
 
โพสต์: 1468
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ พ.ค. 05, 2007 10:25 pm

โพสต์โดย แมงป่อง » พฤหัสฯ. ก.ค. 17, 2008 8:16 pm

<span style='color:purple'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>กระนั้นก็ยังคงมีสิ่งหนึ่งที่เขาไม่อาจเพิกเฉยได้ สิ่งหนึ่งซึ่ง
รบกวนจิตใจเขามาตลอดช่วงบ่าย ใช่ เขารู้ว่ามีสิ่งที่แตกต่างกัน
ใช่ เขารู้ว่ามันไม่ยุติธรรมที่จะนําสถานการณ์ทั้งสองมาเปรียบเทียบ
กัน แต่ในท้ายที่สุดสิ่งที่เห็นได้ชัดสําหรับเขาก็คือความจริงที่ว่า
เขาไม่เคยตั้งคําถามเลยว่า เขาและแคธรีนอยู่กันเป็นทีมหรือเปล่า
ไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียวที่เขาจะถามเธอถึงอนาคต ไม่เคยแม้แต่ครั้ง
เดียวที่จะมีคําถามเข้ามาในใจว่า เขาหรือไม่แคธรีนจะยอมสละ
ทุกอย่างเพื่ออีกคนหรือไม่ แม้ในขณะที่เขาและเธอทะเลาะถก
เถียงกันเสียงดัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ว่าจะไปอยู่ที่ไหน จะเริ่มต้นทํา
ร้านหรือไม่ หรือแม้แต่จะทําอะไรกันในคืนวันเสาร์ มันไม่มีสิ่ง
ที่เหมือนกับว่าทั้งเขาและเธอเคลือบแคลงในความสัมพันธ์ที่มีต่อ
กันเลย มีแค่บางคนที่เขาและเธอมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน อันส่ง
ผลถึงความสัมพันธ์ในระยะยาว ซึ่งเป็นบางอย่างที่ยํ้าเตือนให้เขา
นึกถึงว่า เขาและเธอจะอยู่ด้วยกันเสมอ
ในทางตรงข้าม เธเรซ่ากับเขายังไม่ได้มีความสัมพันธ์กันถึง
ขนาดนั้น
เมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้ว เขาจึงรู้ว่ามันไม่ยุติธรรมที่
จะคิดแบบนี้ เขาและเธเรซ่ารู้จักกันเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ มันจึง
ไม่มีเหตุผลที่จะคาดหวังให้สิ่งต่างๆ เกิดขึ้นรวดเร็วอย่างนั้น ด้วย
การให้เวลาที่เพียงพอ และสถานการณ์ที่เหมาะสม เขาและเธอก็
คงจะเปลี่ยนเป็นทีมได้เช่นกัน
เขาและเธอจะทําไม่ได้เชียวหรือ?
เขาสั่นศรีษะด้วยรู้ว่าเขาไม่แน่ใจทีเดียวนัก
เขาไม่แน่ใจในเรื่องต่างๆ มากมาย
แต่สิ่งหนึ่งที่เขารู้แน่ๆ ก็คือ เขาไม่เคยวิเคราะห์ความสัม
พันธ์ระหว่างเขากับแคธรีนในแบบที่เขาทํากับเธเรซ่าเลย และนี่ก็
ไม่ยุติด้วยเช่นกัน อีกอย่าง การวิเคราะห์ไม่ใช่สิ่งที่จะช่วย
เขาได้เลยในสถานการณืเช่นนี้ การวิเคราะห์นานับประการในโลกนี้
ไม่ได้เปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่า เขาและเธอไม่ได้พบกันบ่อยครั้ง
เท่าที่ต้องการหรือจําเป็นที่จะต้องพบกัน
ไม่ สิ่งที่เขาจําเป็นต้องทําเวลานี้ก็คือ การลงมือทํา
แกเร็ตโทร.หาเธเรซ่าทันทีที่เขากลับถึงบ้านในเย็นวันนั้น
''สวัสดีค่ะ'' เธอตอบรับสายด้วยนํ้าเสียงง่วงนอน
เขาพูดโทรศัพท์ด้วยเสียงอ่อนโยนว่า ''เฮ้ นี่ผมเอง''
''แกเร็ตเหรอคะ?''
''ผมขอโทษที่ทําให้คุณตื่น แต่คุณฝากข้อความไว้สองครั้ง
ในเครื่องตอบรับโทรศัพท์ของผม''
''ฉันดีใจที่คุณโทร.มา ฉันไม่แน่ใจว่าคุณออกไปไหนรึเปล่า''
''พักนึง ผมไม่ได้อยากไปหรอก''
''คุณยังโมโหฉันอยู่หรือคะ?''
''ไม่แล้ว'' เขาพูดเบาๆ ''อาจเสียใจ แต่ไม่ได้โมโห''
''เพราะว่าฉันไม่ได้อยู่ที่นั่นในวันสุดสัปดาห์นี้เหรอคะ?''
''ไม่ใช่ เพราะว่าคุณไม่ได้อยู่ที่นี่ในวันสุดสัปดาห์ส่วนใหญ่
ต่างหาก''

คืนนั้นเขาฝันไปอีกครั้ง
ในฝัน เธเรซ่าและเขาอยู่ที่บอสตัน กําลังเดินไปตามทางเดิน</span></span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
แมงป่อง
แม่ไข่หวาน พ่อไข่เค็ม
 
โพสต์: 1468
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ พ.ค. 05, 2007 10:25 pm

ต่อไป

ย้อนกลับไปยัง คุยกันเจ๊าะแจ๊ะ

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Majestic-12 [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน