ครัวไกลบ้านได้ทำการปรังปรุงเวบไซต์ให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นในระบบสมาร์ทโฟน และได้รวมข้อมูลเมนูอาหารและ สมาชิกจากทั้งเวบไซต์เก่าและใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว

สมาชิกท่านไหนมีปัญหาไม่สามารถล็อกอินได้ ให้ทำการเปลี่ยนพาสเวิร์ดโดยคลิ๊กลิ้งค์นี้ ลืมรหัสผ่าน
ถ้าท่านใดมีชื่อสมาชิกมากกว่าหนึ่งชื่อแล้วต้องการรวมโพสทั้งหมดให้อยู่ในชื่อสมาชิกเดียว หรือมีปัญหาในการใช้เวบไซต์
สามารถส่งอีเมล์แจ้งรายละเอียดมาได้ที่ admin@kruaklaibaan.com หรือส่งข้อความได้ที่ user: sillyfooks

ถ้าชอบครัวไกลบ้าน อย่าลืมคลิ๊กไลค์เฟสบุ๊คให้ครัวไกลบ้านด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

นิทานความรัก

อยากคุย อยากเล่า อยากบ่น เรื่องสุข เรื่องทุกข์ เรื่องสารพันปัญหา เชิญคุยกันได้ตามสบายที่ห้องนี้ค่ะ

นิทานความรัก

โพสต์โดย de loei » จันทร์ มิ.ย. 06, 2011 7:35 am

ในช่วงนี้ทุกประเทศประสบปัญหาภัยทางธรรมชาติบ้างภัยจากไม่ธรรมชาติบ้างและที่เมืองไทยก็กำลังประกาศศึกเลือกตั้งครั้งใหม่กัน วันนี้เลยคิดว่าเอานิทานที่เกี่ยวกับความรักมาเล่าสู่กันฟัง แล้วใครอยากจะเอานิทานเรื่องอื่นๆมาเล่าก็ยินดีมากค่ะ
แก้ไขล่าสุดโดย แน๊ตตี้ เมื่อ จันทร์ มิ.ย. 06, 2011 8:38 am, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
The road is narrow and long when eyes meet eyes and the feeling is strong.
ภาพประจำตัวสมาชิก
de loei
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 89
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ พ.ค. 23, 2011 6:59 am

Re: นิทานความรัก

โพสต์โดย de loei » จันทร์ มิ.ย. 06, 2011 8:37 am

จะว่าไปแล้วดอกไม้นี้เป็นดอกไม้ที่ให้กลิ่นอ่อนหวานอ่อนโยนหอมเย็นชื่นใจสีสวย
มีเรื่องเล่าต่อๆกันมาว่า.........
แต่ก่อนนี้ดอกลั่นทมมีเพียงสีขาวบริสุทธิ์และเป็นที่รักยิ่งของเทพแห่งแสงจันทร์ ทุกคืนที่แสงจันทร์สาดส่อง ดอกลั่นทมจะอวลกลิ่นหอมขจรไกล มีเทพแห่งแสงจันทร์เคียงใกล้อยู่ไม่ห่าง แต่เมื่อถึงคืนแรมอันไร้จันทร์ ดอกลั่นทมและเทพแห่งแสงจันทร์ก็โศกเศร้าทุกคราวที่ต้องพรากจากกัน
ในคืนหนึ่ง เทพแห่งแสงจันทร์จึงเอ่ยชวนให้ดอกลั่นทมไปอยู่ด้วยกันบนดวงจันทร์ แต่ ณ ที่นั้น ไม่มีหลากสีสันเช่นบนพื้นโลก ทุกสิ่งล้วนอาบน้ำค้างแสงจันทร์จนเป็นสีเหลืองเรืองรอง
"ก่อนอื่นต้องใช้น้ำค้างแสงจันทร์ระบายให้ทั่วกลีบดอก พุ่มใบและลำต้นของเธอเสียก่อน" เทพเจ้าแสงจันทร์กล่าว แต่ทำอย่างไรจึงจะนำน้ำค้างแสงจันทร์ลงมายังพื้นดินได้ ทันใดนั้นเทพแสงจันทร์พลันเหลือบไปเห็นดอกไม้สีขาวอีกชนิดหนึ่งซึ่งแย้มบานอยู่ใกล้ต้นลั่นทม "กรวยของดอกไม้นี้ลึกพอที่จะใช้ใส่น้ำค้างได้" เทพแห่งแสงจันทร์กล่าวอย่างยินดี ดังนั้นเทพแห่งแสงจันทร์จึงนำดอกไม้สีขาวกลับไปยังดวงจันทร์เพื่อใช้บรรจุหยาดน้ำค้าง เมื่อกลับมาที่ต้นลั่นทมอีกครั้ง เทพแห่งแสงจันทร์ใช้พู่ดอกหญ้าจุ่มน้ำค้างแสงจันทร์จากกรวยดอกไม้และเริ่มระบายลงที่กึ่งกลางดอกลั่นทมอย่างแผ่วเบา ยังผลให้ส่วนกลางของดอกไม้กลายเป็นสีเหลืองสดใส แต่ทว่าเมื่อเทพแห่งแสงจันทร์จุ่มพู่กันลงในกรวยดอกไม้ครั้งที่สาม เขาพบว่าในนั้นไม่มีน้ำค้างหลงเหลืออยู่เลยและดอกไม้แต่เดิมที่เคยเป็นสีขาวบริสุทธิ์ก็กลับกลายเป็นสีเหลือสดใสไปทั้งดอก
"ดอกไม้ที่ร้ายกาจขโมยน้ำค้างแสงจันทร์ไปเสียหมด" เทพเจ้าแห่งแสงจันทร์ร้องอย่างโกรธแค้น "ฉันไม่ได้ตั้งใจและไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไรด้วย" ดอกไม้สีเหลืองปฎิเสธ แต่เทพแห่งดวงจันทร์ไม่รับฟัง ผลุนผลันกลับไปยังดวงจันทร์อย่างรีบร้อน มีเวลาเพียงแค่คืนนี้เท่านั้นที่น้ำค้างจะเปลี่ยนสีของดอกลั่นทมได้ เมื่อใดที่แสงอาทิตย์สาดมาต้อง ต่อให้ใช้น้ำค้างแสงจันทร์มากเท่าไรก็ไม่อาจเปลี่ยนสีของดอกไม้ได้อีก
เทพเจ้าแห่งแสงจันทร์กลับมาหาดอกลั่นทมอีกครั้งด้วยความโศกเศร้า ดวงดาวที่เหนื่อยล้าดื่มกินน้ำค้างแสงจันทร์หมดสิ้นไม่เหลือน้ำค้างแม้เพียงสักหยดเดียวสำหรับดอกลั่นทม ก่อนรุ่งอรุณทั้งสองลาจากกันด้วยความเศร้าระทม แต่ต่างให้สัญญาว่าจะมั่นคงกันตลอดไป ดอกไม้สีขาวรู้สึกละอายใจที่เป็นเหตุแห่งความเศร้านี้ จนไม่กล้าบานรับแสงจันทร์ได้เหมือนอย่างเคย มันแย้มกลีบบานเวลาเช้าตรู่ และนอนหลับตลอดคืนอันยาวนาน จนกลายเป็นดอกไม้บานของเวลาเช้าในที่สุด
แต่สำหรับดอกลั่นทมยังคงเศร้าใจอยู่ไม่คลาย สีเหลืองของน้ำค้างแสงจันทร์ระบายไว้คอยย้ำเตือนให้เธอระลึกถึงเรื่องราวอันแสนเศร้านี้อยู่เสมอ ลั่นทมจึงกลายเป็นดอกไม้แห่งความเศร้าระทมตั้งแต่นั้นมา...........
The road is narrow and long when eyes meet eyes and the feeling is strong.
ภาพประจำตัวสมาชิก
de loei
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 89
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ พ.ค. 23, 2011 6:59 am

Re: นิทานความรัก

โพสต์โดย pen » จันทร์ มิ.ย. 06, 2011 9:37 am

เอาตำนานดอกกุหลาบมาแจมค่ะป้าติ๋ม
เพ็ญ UK จ้า
ภาพประจำตัวสมาชิก
pen
แม่ไข่ยัดไส้ พ่อไข่ลูกเขย
 
โพสต์: 748
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ม.ค. 31, 2008 3:34 pm

Re: นิทานความรัก

โพสต์โดย pen » จันทร์ มิ.ย. 06, 2011 9:48 am

ตำนาน ดอกกุหลาบ
กุหลาบ เป็นดอกไม้ที่นิยมปลูกไว้ชื่นชมมาแต่โบราณ ประมาณกันว่า กุหลาบเกิดขึ้นเมื่อกว่า 70 ล้านปีมาแล้ว เคยมีการค้นพบฟอสซิลของกุหลาบใน รัฐโคโลราโด และ รัฐโอเรกอน ประเทศสหรัฐอเมริกา และได้พิสูจน์ว่ากุหลาบป่าเป็นพืชที่มีอายุถึง 40 ล้านปี แต่กุหลาบป่าสมัยโลกล้านปีนี้ มีรูปร่างหน้าตาไม่เหมือนกุหลาบสมัยนี้

เนื่องจากมนุษย์ได้นำเอากุหลาบป่ามาปลูกและผสมพันธุ์ ขยายพันธุ์เป็นพันธุ์ต่างๆ มากมาย ความจริงแล้วกำเนิดของกุหลาบหรือกุหลาบป่านี้มีเฉพาะในแถบบริเวณเหนือเส้นศูนย์สูตรของโลกเท่านั้น คือกำเนิดในภาคกลางของทวีปเอเชีย
แล้วแพร่ขยายพันธุ์ไปตลอดซีกโลกเหนือ ไม่ว่าจะเป็นแถบที่มีอากาศหนาวจัดอย่าง อาร์กติก อลาสก้า ไซบีเรีย หรือแถบอากาศร้อนอย่าง อินเดีย แอฟริกาเหนือ แต่ในบริเวณแถบใต้เส้นศูนย์สูตรอย่างทวีปออสเตรเลีย หรือเกาะต่างๆ ในมหาสมุทรรวมทั้งแอฟริกาใต้ ไม่เคยมีปรากฏว่ามีกุหลาบป่าเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเลย

ตามประวัติศาสตร์เล่าว่า กุหลาบป่าถูกนำมาปลูกไว้ในพระราชวังของจักรพรรด์จีน ในสมัยราชวงศ์ฮั่นราว 5,000 ปีมาแล้ว ขณะที่อียิปต์เองก็ปลูกกุหลาบเป็นไม้ดอก ส่งไปขายให้แก่ชาวโรมัน ชาวโรมันเป็นชาติที่รักดอกกุหลาบมากถึงจะสั่งซื้อจากประเทศอียิปต์แล้ว ยังลงทุนสร้างเนอร์สเซอรี่ขนาดใหญ่สำหรับปลูกดอกกุหลาบอีกด้วย

สำหรับชาวโรมันแล้วเรียกได้ว่าดอกกุหลาบมีความสำคัญกับชีวิตประจำวัน
เพราะชาวโรมันถือว่า ดอกกุหลาบเป็นสัญลักษณ์ของความรัก ซึ่งเป็นทั้งของขวัญ เป็นดอกไม้สำหรับทำเป็นมาลัยต้อนรับแขก เป็นดอกไม้สำหรับงานเฉลิมฉลองต่างๆ ใช้เป็นส่วนประกอบสำหรับทำขนม ทำไวน์ ส่วนน้ำมันกุหลาบยังใช้ทำเป็นยาได้อีกด้วย


กุหลาบถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักและความโรแมนติก ซึ่งมีบางตำนานเล่าว่า ดอกกุหลาบเป็นเสมือนเครื่องหมายแทนการกำเนิดของ เทพธิดาวีนัส
ซึ่งเป็นเทพแห่งความงาม และความรัก วีนัสเป็นที่รู้จักกันในชื่อ อโฟรไดท์ ในตำนานเทพของกรีกได้กล่าวไว้ว่า น้ำตาของเธอหยดลงปะปนกับเลือดของ อคอนิส คนรักของเธอที่ถูกหมูป่าฆ่า เลือดและน้ำตาหยดลงสู่พื้นแล้วกลายเป็นดอกไม้สีแดงเข้มหรือดอกกุหลาบนั่นเอง


แต่บางตำนานก็เล่าว่า ดอกกุหลาบเกิดจากเลือดของ อโฟรไดท์ เองที่หยดลงสู่พื้น เมื่อเธอแทงตัวเองด้วยหนามแหลม

บาง ตำนานกล่าวว่า
กุหลาบเกิดจากการชุมนุมของบรรดาทวยเทพ เพื่อประทานชีวิตใหม่ให้กับนางกินรีนางหนึ่ง ซึ่งเทพธิดาแห่งบุปผาชาติ หรือ คลอริส บังเอิญไปพบนางนอนสิ้นชีพอยู่ ในตำนานนี้กล่าวว่า อโฟรไดท์ เป็นเทพผู้ประทานความงามให้ มีเทพอีกสามองค์ประทานความสดใส เสน่ห์ และความน่าอภิรมย์ และมี เซไฟรัส
ซึ่งเป็นลมตะวันตกได้ช่วยพัดกลุ่มเมฆ เพื่อเปิดฟ้าให้กับแสงของเทพ อพอลโล หรือแสงอาทิตย์ส่องลงมาเพื่อประทานพรอมตะ
จากนั้น ไดโอนีเซียส เทพเจ้าแห่งเหล้าองุ่นก็ประทานน้ำอมฤต และกลิ่นหอม เมื่อสร้างบุปผาชาติดอกใหม่นี้ขึ้นมาได้แล้ว เทพทั้งหลายก็เรียกดอกไม้ซึ่งมีกลิ่นหอมและทรงเสน่ห์นี้ว่า Rosa จากนั้น เทพธิดาคลอริส ก็รวบรวมหยดน้ำค้างมาประดับเป็นมงกุฎ เพื่อมอบให้ดอกไม้นี้เป็นราชินีแห่งบุปผาชาติทั้งมวล จากนั้นก็ประทานดอกกุหลาบให้กับเทพ อีโรส ซึ่งเป็นเทพแห่งความรัก

กุหลาบจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความรัก

แล้วเทพ อีโรส ก็ประทานกุหลาบนี้ให้แก่ ฮาร์โพเครติส ซึ่งเป็นเทพแห่งความเงียบ เพื่อที่จะเก็บซ่อนความอ่อนแอของทวยเทพทั้งหลาย
ดอกกุหลาบจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ ของความเงียบและความเร้นลับอีกอย่างหนึ่ง กุหลาบกลายเป็นของขวัญ ของกำนัลสำหรับการแสดงความรัก และมักจะมีผู้เปรียบเทียบความงามของผู้หญิงเป็นเสมือนดอกกุหลาบ



และผู้หญิงคนแรกในประวัติศาสตร์โลก ที่ได้รับสมญาว่าเป็นผู้หญิงงามเสมือนดอกกุหลาบคือ พระนางคลีโอพัตรา ซึ่งพระนางยังได้เคยต้อนรับ มาร์ค แอนโทนี คนรักของพระนาง ในห้องซึ่งโรยด้วยดอกกุหลาบหนาถึง 18 นิ้ว หอมฟุ้งไปด้วยกลิ่นกุหลาบ

เรื่องย่อ
จอมเทพสุเทษณ์เป็นทุกข์อยู่ด้วยความลุ่มหลงเทพธิดามัทนา แม้จิตระรถผู้เป็นสารถีคู่บารมีจะนำรูปของเทพเทวีผู้เลอโฉมหลาย
ต่อหลายองค์มาถวายให้เลือกชม สุเทษณ์ก็มิสนใจไยดี จิตระรถจึงนำมายาวินวิทยาธรมาเฝ้า สุเทษณ์ให้มายาวินใช้เวทมนตร์
เรียกนางมัทนามาหา เมื่อมาแล้วนางมัทนาก็เหม่อลอยมิมีสติสมบูรณ์เพราะตกอยู่ในฤทธิ์มนตรา สุเทษณ์มิต้องการได้นางด้วย
วิธีเยี่ยงนั้น จึงให้มายาวินคลายมนตร์ แต่ครั้นได้สติแล้ว นางมัทนาก็ปฏิเสธ ว่ามิมีจิตเสน่หาตอบด้วยมิว่าสุเทษณ์จะเกี้ยวพา
และรำพัน รักอย่างไร สุเทษณ์โกรธนัก จึงจะสาปมัทนาให้ไปเกิดในโลกมนุษย์
มัทนาขอให้นางได้ไปเกิดเป็นดอกไม้มีกลิ่นกลิ่นหอมเพื่อให้มีประโยชน์บ้าง สุเทษณ์จึงสาปมัทนาให้ไปเกิดเป็นดอกกุหลาบ
ที่งามทั้งกลิ่นทั้งรูป และมีแต่เฉพาะบนสวรรค์ยังไม่เคยมีบนโลกมนุษย์
โดยที่ในทุกๆ หนึ่งเดือน นางมัทนาจะหลายร่างเป็นคนได้ชั่ว หนึ่งวัน หนึ่งคืน ในเฉพาะวันเพ็ญของแต่ละเดือนเท่านั้น
และถ้านางมีความรักเมื่อใด นางก็จะมิต้องคืนรูปเป็นกุหลาบอีก แต่นางจะได้รับความทุกข์ทรมานเพราะความรัก
จนมิอาจทนอยู่ได้ และเมือนั้นถ้านางอ้อนวอนขอความช่วยเหลือ ตนจึงจะงดโทษทัณฑ์นี้ให้แก่นาง
นางมัทนาไปจุติเป็นกุหลาบงามอยู่ในป่าหิมะวัน บรรดาศิษย์ของฤษีนามกาละทรรศินมาพบเข้าจึงนำความไปบอกพระอาจารย์
กาละทรรศินจึงให้ขุดไปปลูกในบริเวณอาศรมของตน ในขณะที่จะทำการขุดก็มีเสียงผู้หญิงร้อง กาละทรรศินเล็งญาณดูก็รู้ว่า
เป็นเทพธิดามาจุติ จึงได้เอ่ยเชิญและสัญญาว่าจะคอยดูแลปกป้องสืบไป เมื่อนั้นการจึงสำเร็จด้วยดี
วันเพ็ญในเดือนหนึ่งท้าวชัยเสนกษัตริย์แห่งหัสตินาปุระได้เสด็จออกล่าสัตว์ในป่าหิมะวันและได้แวะมาพักที่อาศรมพระฤษี
ครั้นได้เห็นนางมัทนาในโฉมของนารีผู้งดงามก็ถึงกับตะลึงและตกหลุมรัก จนถึงกับรับสั่งให้มหาดเล็กปลูกพลับพลาพักแรม
ไว้ใกล้อาศรมนั้นทันที ท้าวชัยเสนรำพันถึงความรักลึกซึ้งที่มีต่อนางมัทนา ครั้นเมื่อนางมัทนาออกมาที่ลานหน้าอาศรม
ก็มิเห็นผู้ใด ด้วยเพราะท้าวชัยเสนหลบไปแฝงอยู่หลังกอไม้

อิทิสังฉันท์ ๒๐
อ้าอรุณแอร่มระเรื่อรุจี ประดุจมโนภิรมย์รตี ณ แรกรัก
แสงอรุณวิโรจน์นภาประจักษ์ แฉล้มเฉลาและโสภินัก นะฉันใด
หญิงและชาย ณ ยามรตีอุทัย สว่าง ณ กลางกมลละไม ก็ฉันนั้น
แสงอุษาสะกาวพะพราว สวรรค์ ก็เหมือนรตีวิสุทธิอัน สว่างจิต
อ้าอนงค(ะ) เชิญดำเนิร สนิธ ณ ข้าดนูประดุจสุมิตร มโนมาน
ไปกระทั่ง ณ ฝั่งอุทก(ะ)จีรธาร และเปล่งพจี ณ สัจจการ ประกาศหมั้น
ต่อพระพักตร์สุราภิรักษ(ะ) อัน- เสด็จสถิต ณ เขตอรัณ – ยะนี่ไซร้
ว่าดนูและน้องจะเคียงคระไล และครองตลอด ณ อายุขัย บ่คลาดคลา
นางมัทนาได้พรรณาถึงความรักที่เกิดขึ้นในใจอย่างท่วมท้น ท้าวชัยเสนได้สดับฟังทุกถ้อยความจึงเผยตัวออกมา
ทั้งสองจึงกล่าวถึงความรู้สึกอันล้ำลึกในใจที่ตรงกัน จนเข้าใจในรักที่มีต่อกัน จากค่ำคืนถึงยามรุ่งอรุณ ท้าวชัยเสนจึงทรง
ประกาศหมั้นและคำสัญญารัก ณ ริมฝั่งลำธารใกล้อาศรมนั้น

เมื่อมีความรักแล้ว นางมัทนาก็ยังคงรูปเป็นนารีผู้งดงาม มิต้องกลายรูปเป็นกุหลาบอีก ท้าวชัยเสนได้ทูลขอนางมัทนา
พระฤษีก็ยกให้โดยให้จัดพิธีบูชาทวยเทพและพิธีวิวาหมงคลในป่านั้นเสียก่อน
ท้าวชัยเสนเสด็จกลับวังหลายเพลาแล้วแต่ก็มิได้เสด็จไปยังพระตำหนักข้างในด้วยว่ายังทรงประทับอยู่แต่ในอุทยาน
พระนางจัณฑี มเหสีให้นางกำนัลมาสืบดูจนรู้ว่าพระสวามีนำสาวชาวป่ามาด้วย จึงตามมาพบท้าวชัยเสนกำลังอยู่กับนางมัทนา
พอดี เมื่อพระนางจัณฑีเจรจาค่อนขอดดูหมิ่นนางมัทนา ท้าวชัยเสนก็กริ้วและทรงดุด่าว่าเป็นมเหสีผู้ริษยา
พระนางจัณฑีแค้นใจนัก ให้คนไปทูลฟ้องพระบิดาผู้เป็นเจ้าแห่งมคธนครให้ยกทัพมาทำศึกกับท้าวชัยเสน จากนั้นก็คบคิดกับ
นางค่อมอราลีและวิทูรพราหมณ์หมอเสน่ห์ ทำอุบายกลั่นแกล้งนางมัทนาโดยส่งหนังสือไปทูลท้าวชัยเสนว่านางมัทนาป่วย
ครั้นเมื่อท้าวชัยเสนรีบเสด็จกลับมาเยี่ยมนางมัทนา ก็กลับพบหมอพราหมณ์กำลังทำพิธีอยู่ใกล้ๆต้นกุหลาบ วิทูรกับนางเกศินีข้า
หลวงของนางจัณฑีจึงทูลใส่ความว่านางมัทนาให้ทำเสน่ห์เพื่อให้ได้ร่วมชื่นชูสมสู่กับศุภางค์
ท้าวชัยเสนกริ้วนัก รับสั่งให้ศุภางค์ประหารนางมัทนาแต่ศุภางค์ไม่ยอม ท้าวชัยเสนจึงสั่งประหารทั้งคู่
พระนางจัณฑีได้ช่องรีบเข้ามาทูลว่าตนจะอาสาออกไปห้ามศึกพระบิดาซึ่งคงเข้าใจผิดว่านางกับท้าวชัยเสนนั้นบาดหมางกัน
แต่ท้าวชัยเสนตรัสว่าทรงรู้ทันอุบายของนางที่คิดก่อศึกแล้วจะห้ามศึกเอง พระองค์จะขอออกทำศึกอีกคราแล้วตัดหัวกษัตริย์มคธ
พ่อตาเอามาให้นางผู้ขบถต่อสวามีตนเอง
ขณะตั้งค่ายรบอยู่ที่นอกเมือง วิทูรพรหมณ์เฒ่าได้มาขอเข้าเฝ้าท้าวชัยเสนเพื่อสารภาพความทั้งปวงว่าพระนางจัณฑีเป็นผู้วางแผน
การร้าย ซึ่งในที่สุดแล้วตนสำนึกผิดและละอายต่อบาปที่เป็นเหตุให้คนบริสุทธิ์ต้องได้รับโทษประหาร
ท้าวชัยเสนทราบความจริงแล้วคั่งแค้นจนดำริจะแทงตนเองให้ตาย แต่อำมาตย์นันทิวรรธนะเข้าห้ามไว้ทันและสารภาพว่าในคืน
เกิดเหตุนั้นตนละเมิดคำสั่ง มิได้ประหารศุภางค์และนางมัทนา หากแต่ได้ปล่อยเข้าป่าไป ซึ่งนางมัทนานั้นได้โสมะทัตศิษญ์เอก
ของฤษีกาละทรรศินนำพากลับสู่อาศรมเดิม แต่ศุภางค์นั้นแฝงกลับเข้าไปร่วมกับกองทัพแล้วออกต่อสู้กับข้าสึกจนตัวตาย
ท้าวชัยเสนจึงรับสั่งให้ประหารท้าวมคธที่ถูกจับมาเป็นเชลยไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว ส่วนพระนางจัณฑีมเหสีนั้นทรงให้เนรเทศออก
นอกพระนคร ด้วยทรงเห็นว่าอันนารีผู้มีใจมุ่งร้ายต่อผู้เป็นสามีก็คงต้องแพ้ภัยตนเอง มิอาจอยู่เป็นสุขได้นานแน่
ฝ่ายนางมัทนานั้นได้ทำพิธีบูชาเทพและวอนขอร้องให้สุเทษณ์จอมเทพช่วยนางด้วย สุเทษณ์นั้นก็ยินดีจะแก้คำสาปและรับนาง
เป็นมเหสี แต่นางมัทนาก็ยังคงปฏิเสธและว่าอันนารีจะมีสองสามีได้อย่างไร

วสันตดิลกฉันท์ ๑๔
สุเทษณ์ : รักจริงมิจริงฤก็ไฉน อรไทบ่แจ้งการ
มัทนา : รักจริงมิจริงก็สุรชาญ ชยะโปรดสถานใด
สุเทษณ์ : พี่รักและหวังวธุ จะรัก และบ่ทอดบ่ทิ้งไป
มัทนา : พระรักสมัคร ณ พระหทัย ฤจะทอดจะทิ้งเสีย?
สุเทษณ์ : ความรักละเ่ยอุระระทด เพราะมิอาจจะคลอเคลีย
มัทนา : ความรักระทดอุระละเ่ย ฤจะหายเพราะเคลียคลอ
สุเทษณ์ : โอ้โ๋อ๋กระไรนะ มทนา บ่มิตอบ พจี พอ?
มัทนา : โอ้โอ๋กระไร อมระ ง้อ มทนา มิพอดี
สุเทษณ์เห็นว่านางมัทนายังคงปฏิเสธความรักของตนจึงกริ้วนักสาปส่งให้นางมัทนาเป็นดอกกุหลาบไปตลอดกาล
มิอาจกลายร่างเป็นมนุษย์ได้อีกต่อไป

ยานี ๑๑
ความรักเหมือนโรคา บันดาลตาให้มืดมน
ไม่ยินและไม่ยล อุปสรรคะใดใด
ความรักเหมือนโคถึก กำลังคึกผิขังไว้
ก็โลดออกจากคอกไป บ ยอมอยู่ ณ ที่ขัง
ถึงหากจะผูกไว้ ก็ดึงไปด้วยกำลัง
ยิ่งห้ามก็ยิ่งคลั่ง บ หวนคิดถึงเจ็บกาย
เมื่อท้าวชัยเสนตามมาถึงในป่า นางปริยัมวะทาที่ตามมาปรนนิบัติดูแลนางมัทนาด้วยก็ทูลเล่าความทั้งสิ้นให้ทรงทราบ
ท้าวชัยเสนจึงร้องร่ำให้ด้วยความอาลัยรักแล้วขอให้พระฤษีช่วย โดยใช้มนตราและกล่าวเชิญนางมัทนาให้ยินยอมกลับเข้าไปยัง
เวียงวังกับตนอีกครา เมื่อพระฤษีทำพิธีแล้ว ท้าวชัยเสนก็รำพันถึงความหลงผิดและความรักที่มีต่อนางมัทนาให้ต้นกุหลาบได้รับ
รู้ จากนั้นจึงสามารถขุดต้นกุหลาบได้สำเร็จ ท้าวชัยเสนได้นำต้นกุหลาบขึ้นวอทองเพื่อนำกลับไปปลูกในอุทยาน และขอให้
ฤาษีกาละทรรศินให้พรวิเศษว่ากุหลาบจะยังคงงดงามมิโรยราตราบจนกว่าตัวพระองค์เองจะสิ้นอายุขัย
พระฤษีก็อวยพรให้ดังใจ และประสิทธิประสาทพรให้กุหลาบนั้นดำรงอยู่คู่โลกนี้มิมีสูญพันธ์ อีกทั้งยังเป็นไม้ดอกที่กลิ่นอันหอม
หวานสามารถช่วยดับทุกข์ในใจคนและดลบันดาลให้จิตใจเบิกบานเป็นสุขได้
ชาย-หญิงเมื่อมีรักก็จักใช้ดอกกุหลาบเป็นสัญญลักษณ์แห่งความรักแท้สืบต่อไป


โดยดอกกุหลาบนั้นสามารถสื่อความหมายได้หลายอย่างทีเดียว อาทิ
สีกุหลาบสื่อความหมาย
สีแดง สื่อความหมายถึง ความรัก และ ความปรารถนา เป็นดอกไม้ของกามเทพ คิวปิด
และอีรอส เป็นสิ่งนำโชคนำความรักมาให้แก่หญิงหรือชายที่ได้รับ

สีชมพู สื่อความหมายถึง ความรักที่มีความสุขอย่างสมบูรณ์
สีขาว สื่อความหมายถึง ความมีเสน่ห์ ความบริสุทธิ์ มิตรภาพ และความสงบเงียบ และนำโชคมาให้แก่หญิงหรือชายเช่นเดียวกับกุหลาบแดง
สีเหลือง สื่อความหมายถึง เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเสมอนะ
สีขาวและแดง สื่อความหมายถึง ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
สีส้มสื่อความหมายถึง ฉันรักเธอเหมือนเดิม

กุหลาบตูม สื่อความหมายถึง ความงามและความเยาว์วัย

จำนวนกุหลาบสื่อความหมาย
1 ดอก รักแรกพบ
2 ดอก แสดงความรู้สึกที่ดีให้กัน
3 ดอก ฉันรักเธอ
7 ดอกคุณทำให้ฉันหลงเสน่ห์
9 ดอก เราสองคนจะรักกันตลอดไป
10 ดอก คุณเป็นคนที่ดีเลิศ
11 ดอก คุณเป็นสมบัติชิ้นที่มีค่าชิ้นเดียวของฉัน
12 ดอกขอให้เธอเป็นคู่ของฉันเพียงคนเดียว
13 ดอก เพื่อนแท้เสมอ
15 ดอก ฉันรู้สึกเสียใจจริงๆ
20 ดอก ฉันมีความจริงใจต่อเธอ
21 ดอก ชีวิตินี้ฉันมอบเพื่อเธอ
36 ดอก ฉันยังจำความหลังอันแสนหวาน
40 ดอกความรักของฉันเป็นรักแท้
99 ดอก ฉันรักเธอจนวันตาย
100 ดอก ฉันอุทิศชีวิตนี้เพื่อเธอ
101 ดอก ฉันมีคุณเพียงคนเดียวเท่านั้น
108 ดอกคุณจะแต่งงานกับฉันไหม
999 ดอกฉันจะรักคุณจนวินาทีสุดท้าย



ความหมายอื่น


กุหลาบแดงเข้ม (สีเหมือนไวน์แดง) “เธอช่างมีเสน่ห์งามเหลือเกิน”


กุหลาบตูมสีแดง “ฉันเริ่มรักเธอแล้วจ้ะ”


กุหลาบบานสีแดง “ฉันรักเธอเข้าแล้ว”


กุหลาบสีแดงที่โรยแล้ว “ความรักของเรานั้นจบลงแล้ว”


กุหลาบตูมสีขาว “เธอช่างไร้เดียงสาน่าทนุถนอมเหลือเกิน ฉันรักเธอ”


กุหลาบสีขาวที่โรยแล้ว “เสน่ห์ของเธอมันเริ่มลดน้อยถอยลงแล้วนะจ๊ะ”


และทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวที่น่าสนใจของของดอกกุหลาบ

ขอขอบคุณ Tale Room
เพ็ญ UK จ้า
ภาพประจำตัวสมาชิก
pen
แม่ไข่ยัดไส้ พ่อไข่ลูกเขย
 
โพสต์: 748
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ม.ค. 31, 2008 3:34 pm

Re: นิทานความรัก

โพสต์โดย de loei » จันทร์ มิ.ย. 06, 2011 10:05 am

ดีใจจังเลยนู๋น้องเพ็ญมาร่วมสนุกเล่าเรื่องนิยายความรักดอกกุหลาบ"นางมัทนะพาธา"
หรือ นาง มัทนา ทำให้รู้จักที่ไปที่มา ความหมายของดอกกุหลาบด้วยแต่ที่สำคัญ
ได้อ่านอิทิทังฉันท์๒๐ด้วย ทำให้หวลเมื่อครั้งยังเป็นสาวศิลป์ต้องแต่งกาพย์ยานีและโคลงฉันท์วิบากพอควรแต่พอเวลาล่วงเลยและวัยร่วงโรยคำฉันท์ กาพย์ กลอนทำให้มีความสุขได้ เช่นคำฉันท์บทพระราชนิพนธ์รัชกาลที่๖
คำฉันท์ ๕ องค์


ความรักเหมือนโรคา..........บันดาลตาให้มืดมน
ไม่ยินและไม่ยล...............อุปสรรคใดใด
ความรักเหมือนโคถึก.........กำลังคึกผิขังไว้
ก็โลดออกจากคอกไป.......บ ยอมอยู่ ณ ที่ขัง
ถึงหากจะผูกไว้...............ก็ดึงไปด้วยกำลัง
ยิ่งห้ามก็ยิ่งคลั่ง..............บ หวนคิดถึงเจ็บกาย
[/color][/i][/i]

กาพย์ยานี ๑๑

ข้าทราบและพลอยโศก.....อันโรครักนี้หนักใจ
แต่ในสุราลัย.................สุรางค์ดีก็มีถม
ข้าเชื่อว่าพระองค์...........ประสงค์นางสอางค์ชม
คงได้สัมฤทธิ์สม.............หทัยแท้ทุกนงคราญ


ชอบมากเลยค่ะน้องเพ็ญ
แก้ไขล่าสุดโดย แน๊ตตี้ เมื่อ จันทร์ มิ.ย. 06, 2011 3:49 pm, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.
The road is narrow and long when eyes meet eyes and the feeling is strong.
ภาพประจำตัวสมาชิก
de loei
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 89
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ พ.ค. 23, 2011 6:59 am

Re: นิทานความรัก

โพสต์โดย pimlapas » จันทร์ มิ.ย. 06, 2011 1:25 pm

สองป้า เค้ากำลังอินเลิฟ ก็เงี้ยแหละ อิอิ มีความสุขมากๆ นะค่ะ กับความรักของทุกๆ คน

ไว้มีเวลาว่างๆ จะเอานิทานความรักมาเล่าให้ฟัง
<a href='http://www.freewebs.com/pimlapas/' target='_blank'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>หิวๆเชิญแวะ ร้านน้ำพริก มีบริการส่งความสุขให้ครอบครัวที่เืมืองไทยในทุกเทศกาล และรับฝากซื้อของส่งจากไทยไปทั่วโลก คลิ๊กเลยจ้า</span> </a><img src='http://i131.photobucket.com/albums/p301/pimmybraz/smjk.jpg' border='0' alt='user posted image' />
ภาพประจำตัวสมาชิก
pimlapas
แม่ไข่นกกระทา พ่อไข่จะละเม็ด
 
โพสต์: 3740
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ม.ค. 15, 2006 1:46 pm

Re: นิทานความรัก

โพสต์โดย de loei » จันทร์ มิ.ย. 06, 2011 3:00 pm

Mrs.Braz เขียน:สองป้า เค้ากำลังอินเลิฟ ก็เงี้ยแหละ อิอิ มีความสุขมากๆ นะคะ กับความรักของทุกๆ คน

ไว้มีเวลาว่างๆ จะเอานิทานความรักมาเล่าให้ฟัง

โหมีแซวด้วยนะเค๊อะ Mrs'Braz(ป้าพิมโปรเกด) หากเป็นงั้นก็ดีสินี่รอนางฟ้าพี่พิมมณีติดปีกสีขาวเป็นคิวปิคยิงธนูปักอกอยู่นี่5555
The road is narrow and long when eyes meet eyes and the feeling is strong.
ภาพประจำตัวสมาชิก
de loei
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 89
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ พ.ค. 23, 2011 6:59 am

Re: นิทานความรัก

โพสต์โดย de loei » จันทร์ มิ.ย. 06, 2011 3:05 pm

เอาตำนานความรักมาฝากให้อ่านอีกเรื่องเป็นความรักสาวพม่ากับเจ้าชายเมืองเชียงใหม่น๊อ
เจ้าน้อย.jpg
มะเมี๊ยะ.jpg

ตอนนั้นเชียงใหม่เป็นประเทศราชของสยามทางเชียงใหม่ส่งเจ้าดารารัศมีซึ่งเป็นเจ้าอาของเจ้าน้อยไปอภิเษกกับ ร. 5 เป็นการผูกสัมพันธ์ตอนนั้นเจ้าดารารัศมีอายุแค่ 13เอง…
โอ้! จอร์จ นี่เรื่องจริงตามประวัติศาสตร์เลยนะเจ้าน้อยถูกส่งไปเรียนที่ รร.เซนต์แพทริก เป็น รร.แคธอลิกของฝรั่งที่พม่าโดยแอบส่งไป ขี่ช้างไปเพราะตอนนั้นพม่าเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษซึ่งมีเรื่องกับไทยอยู่
เจ้าน้อยไปตอนอายุ 15 เพราะทางบ้านต้องการให้ได้ภาษาอังกฤษกะพม่าเพราะค้าขายกะพม่า เจ้าน้อยเรียนอยู่หลายปี วันหนึ่งไปเดินเล่นที่ตลาดได้พบมะเมี้ยะแม่ค้าสาวสวยซึ่งเพิ่งมาจากตองอูเจ้าน้อยอายุ 19 มะเมี๊ยะอายุ 15 ก็ตัดสินใจแต่งงานกันจนอายุ 20 เรียนจบถูกเรียกกลับเชียงใหม่เจ้าน้อยเลยเอาเมียกลับมาด้วยโดยให้ปลอมเป็นเด็กรับใช้ชาย เอาเมียไปแอบในเรือนเล็กโดยไม่รู้เลยว่าเจ้าพ่อเจ้าแม่ได้หมั้นเจ้าบัวนวลเอาไว้ให้
เจ้าน้อยไม่ยอมแต่งงานเลยเปิดเผยว่ามีเมียแล้วคือมะเมี้ยะ เอามะเมี้ยะมากราบเจ้าพ่อเจ้าแม่แต่ไม่ได้รับการยอมรับ เรื่องนี้ไปถึงสยาม ร. 5 กะเจ้าดารารัศมีเห็นว่าไม่ควรเลยส่งผู้สำเร็จราชการมาเจรจา บอกว่าเจ้าน้อยจะมีเมียกี่คนไม่ใช่ปัญหาแต่ต้องไม่ใช่สาวพม่า เพราะว่าคนพม่า ถือสัญชาติอังกฤษ เดี๋ยวอังกฤษจะถือโอกาสแทรกแซง ว่าแต่งกะพม่าก็ต้องถือว่าเป็นพม่าด้วยไปอยู่กะเมียที่พม่าก็ไม่ได้เพราะงี้ ที่สำคัญเจ้าน้อยเป็นเจ้าชายของล้านนาถูกวางตัวไว้ให้เป็นรัชทายาทล้านนาเท่ากับว่าสยามอาจต้องเสียเชียงใหม่ให้อังกฤษ ก็เลยบังคับส่งมะเมี้ยะกลับพม่าเจ้าน้อยสัญญาว่าอีก 3 เดือนจะไปรับมะเมี้ยะกลับ ทั้งคู่สาบานกันไว้ว่าจะไม่รักใครอื่น หากใครผิดคำสาบานขอให้อายุสั้น ตอนที่จะส่งมะเมี้ยะกลับพม่านั้นตรงนี้เป็นส่วนของตำนานเลย ” ตอนนั้นมะเมี้ยะโพกผมไว้พอจะไปก็ก้มลงกราบเท้าเจ้าน้อยที่ประตูเมือง ชาวบ้านออกมามุงกันทั้งเมืองเพราะได้ยินว่ามะเมี้ยะงามจ๊าดนัก พอกราบเสร็จ ก็เอาผ้าโพกผมออกแล้วสยายผมเอามาเช็ดเท้าเจ้าน้อย จงรักภักดีบูชาสามีสุดชีวิตแล้วก็กอดขาร้องไห้เจ้าน้อยเองก็ร้องทำเอาคนที่มามุงร้องไห้ไปทั้งเมืองด้วยความสงสารความรักของทั้งคู่”
ต่อมาเจ้าน้อยโดนเรียกไปสยาม พอเข้าไปก็โดนจับแต่งงานเลยเจ้าดาราฯจัดเจ้าบัวชุม ซึ่งเป็นพระญาติและเป็นสาวที่สวยที่สุดในตำหนักเจ้าดารารัศมี ร่ำลือกันว่าเล่นดนตรีไทยเก่ง แต่ดูรูปแล้วถ้ามาสมัยนี้ ถือว่าหน้าตาธรรมดาอ่ะ ถ้าในสมัยที่ผู้หญิงไม่มีศัลยกรรมคงจัดว่าสวย แต่ที่นี่แน่ๆ มินิไซค์มากๆ สาวๆ สมัยนั้นด้วยเหตุนี้เจ้าน้อยก็เลยต้องแต่งแล้วถูกกักอยู่ที่นั่น ตอนนั้นเจ้าพ่อของเจ้าดาราฯ สิ้นพระชนม์ พระญาติทางสยาม ไม่อนุญาตให้เจ้าล้านนาพระองค์ใดในวังขึ้นไปประกอบพิธีปลงพระศพ เป็นเรื่องการเมืองเตะถ่วงการแต่งตั้งเจ้าครองแคว้นคนใหม่เอาไว้ระยะหนึ่ง เจ้าอาของเจ้าน้อยได้ขึ้นเป็นเจ้าองค์ใหม่ เจ้าพ่อได้เป็นเจ้าราชบุตร(อุปราช)เท่ากับว่าเจ้าน้อยเป็นรัชทายาทอันดับ 3 ถ้าสิ้นเจ้าสองพระองค์นี้เจ้าน้อยจะครองเชียงใหม่ก็ยิ่งไม่มีทางได้รับมะเมี้ยะกลับมา มะเมี้ยะรอเกิน 3 เดือนแล้วเจ้าน้อยไม่มาตามสัญญาเลยไปบวชชีเพื่อพิสูจน์รักแท้ว่าจะไม่มีคนใหม่
ต่อมา…เมื่อได้ยินว่าเจ้าน้อยกลับเชียงใหม่แล้วเลยมาดักที่คุ้มแต่เจ้าน้อยไม่ยอมออกมาพบ
รอนานเท่าไรก็ไม่ยอมออกมา จริงๆแล้วเจ้าน้อยแอบดูอยู่ข้างหน้าต่างได้แต่ร้องไห้ไม่กล้าสู้หน้าที่ผิดสัญญาก็เลยฝากให้ท้าวบุญสูงพี่เลี้ยง เอาแหวนทับทิม กับเงินอีก 1 กำปั่น
( 800 บาท) ไปให้แม่ชีมะเมี้ยะ ทางด้านแม่ชีบอกว่าไม่มาขอรักคืน เพียงแต่มาถอนคำสาบานให้ เจ้าน้อยฝากมาบอกแม่ชีว่า เงินนี่ทำบุญตามแต่แม่ชีจะใช้สอยเรียกว่าบริจาคในฐานะโยมอุปฐาก ส่วนแหวนให้แทนใจว่าหัวใจอยู่กับมะเมี้ยะเสมอ แม่ชีเสียใจมาก รับไปแต่แหวนไม่รับเงินสมัยก่อน 800 คงเยอะมากว่ะ 100 ปีก่อนคง 8 แสนล่ะมั้ง เงินเดือนคนสมัยนั้น 4 บาทเอง เจ้าน้อยหลังจากกันกับแม่ชีคราวนั้น…..ก็เอาแต่กินเหล้าไม่มีใจรักเจ้าบัวชุม ในที่สุดก็ตรอมใจตายหลังจากแต่งงานได้ไม่กี่ปีในขณะที่อายุแค่ 30 ปีเท่านั้นเอง ในบันทึกบอกว่าสิ้นพระชนม์ด้วยโรคพิษสุรา อีก 6 ปีต่อมาหลังจากพบแม่ชีมะเมี้ยครั้งสุดท้าย ส่วนแม่ชีมะเมี้ยะ… บวชจนสิ้นอายุขัยเมื่อ 73 ปี

เศร้ามะ ? เรื่องนี้ไม่มีตัวอิจฉามีแต่คนหัวใจสลาย ผู้บันทึกเรื่องนี้คือ เจ้าบัวนวลคู่หมั้นคนแรกที่ถอนหมั้นไปหลังจากรู้ว่าเจ้าน้อยมีมะเมี้ยะ…ส่วนเจ้าบัวชุมไม่ผิดอะไรเลย แต่สามีไม่รักก็อยู่เป็นข้าบาทจาริกาจนอายุ 81 ปี เจ้าบัวนวลว่าตลอดชีวิตเจ้าน้อยรักผู้หญิงคนเดียวจนสิ้นลม คือ มะเมี๊ยะ หลังจากนั้นเรื่องของเจ้าน้อยกับมะเมี้ยะก็ถูกสั่งห้ามพูดถึงไปหลายปีเพราะเป็นเรื่องทางการเมืองต้องปิดบังรายละเอียดเลยหายไปเหลือแต่ตำนานอุปสรรคความรักของเจ้าน้อยกับมะเมี้ยะ ไม่ใช่ฐานันดร ไม่ใช่เชื้อชาติ แต่เป็นการเมืองแท้ๆ เศร้าเนอะ ความรักในตำนานมักจบลงด้วยความเศร้าสลด ทั้งที่รักเดียวทั้งสองฝ่าย น่าสงสารจริงๆ เรื่องนี้มีแต่คนน่าสงสาร เจ้าบัวชุมเมียแต่งก็น่าสงสาร ทางเจ้าดารารัศมี มีบันทึกไว้แค่ว่าทรงไม่คิดว่าเจ้าน้อยจะปักใจมั่นกับมะเมี้ยะขนาดนี้ เจ้าดารารัศมีทรงคิดว่าหลายปีผ่านไปและได้ภรรยาที่ดีพร้อมก็คงลืมความรักครั้งแรกได้ แต่เจ้าน้อยไม่ลืมจนสิ้นชีวิต เจ้าบัวนวล คู่หมั้นเมื่อแรกรู้สึกเสียหน้าแต่หลังจากนั้นก็รู้สึกเห็นใจและศรัทธาในรักแท้ของเจ้าน้อยจริงๆ แล้วเราแอบคิดว่าถ้าเจ้าน้อยโกหกให้มะเมี้ยะหนีเข้าเมืองเถื่อนแล้วปลอมเป็นสาวไทย ให้เป็นเมียบ่าว เรื่องก็จบแต่มันเป็นเพราะ..เจ้าน้อยต้องการมีภรรยาคนเดียว คือ…มะเมี้ยะ
หายากมากผู้ชายสมัยนั้นเรื่องรักเดียวเนี่ยแต่ก็เป็นไปตามคำสาบานนะผิดรักไปแต่งกับหญิงอื่นเลยอายุสั้น รูปหล่อ รักเดียว รักจนตาย ยังกะนิยายเศร้าจริงๆๆๆ…ว่าแล้วก็เผื่อแผ่ความเศร้าให้คนอื่นบ้าง สังเกตมั้ยว่า ความรักที่เป็นตำนาน…มักจะมีจุดจบที่เศร้ารันทดใจ รักแฮ้ปปี้มันคงไม่กินใจพอที่จะเป็นตำนาน..สำหรับเราขอมีความสุขดีกว่าเป็นตำนาน…เฮ้อ…อ
แต่น่าเสียดาย…ไม่มีรูปมะเมี้ยะ คาดว่าเป็นสามัญชนคนธรรมดาเลยไม่มีรูปถ่ายเก็บไว้เป็นหลักฐานบ้างไม่งั้นคงได้เห็นว่ามะเมี๊ยะงามจ๊าดแค่ไหน….แต่บางทีการไม่เห็นหน้า…
จินตนาการอาจทำให้มะเมี๊ยะสวยงามยิ่งในความทรงจำของผู้ที่ได้รู้เรื่องราวเธอก็ว่าได้
ณ วันนี้… 99 ปีผ่านไป เจ้าน้อยกับมะเมี๊ยะ คงได้พบกันบนเส้นทางสายดวงดาวแล้วความรักครั้งหน้า…ขอให้ไร้อุปสรรคทั้งปวงสมกับที่รอคอยกันมาแสนนาน

เพลงมะเมี๊ยะ
ของ จรัล มโนเพ็ชร
( พูด)…..
เรื่องมันเก้าสิบปี๋มาแล้ว
เจ้าน้อยสุขเกษมอายุได้สิบห้าปี๋
เจ้าป้อก็ส่งไปเฮียนหนังสือ
ตี้เมืองมะละแมงปู้น…
ก็เลยเป๋นเรื่องของก๋ำของเวรเขา
( ร้อง)มะเมี๊ยะ เป๋นสาวแม่ก้า คนพม่า เมืองมะละแมง
งามล้ำ เหมือนเดือนส่องแสง คนมาแย่ง หลงฮักสาว.
มะเมี๊ยะ บ่ยอมฮักไผ มอบใจ๋ ฮื้อหนุ่มเจื้อเจ้า.
เป๋นลูก อุปราชท้าว เจียงใหม่
แต่เมื่อ เจ้าชาย จบก๋าน ศึก ษา
จ๋ำต้อง ลาจาก มะเมี๊ยะไป.
เหมือนโดน มีดสับ ดาบฟัน หัวใจ๋
ปลอมเป๋น ป้อจาย หนีตามมา
เจ้าชายเป๋นราชบุตร แต่สุด ตี้ฮักเป๋นพม่า
ผิดประเพณี สืบมา ต้องร้าง ลา แยกทาง
วันตี้ต้อง ส่งคืนบ้านนาง เจ้าชาย ก็จัดขบวนช้าง
ไปส่งนาง คืน ทั้งน้ำตา
มะเมี๊ยะ ตรอมใจ๋ อาลัย ขื่น ขม
ถวาย บังคม ทูล ลา.
สยาย ผมลง เจ๊ดบาท บา ทา
ขอลา ไปก่อน แล้วจ้าดนี้.
เจ้าชายก็ตรอม ใจ๋ตาย มะเมี๊ยะเลยไป บวชชี
ความฮัก มักเป๋นเช่นนี้ แล เฮย

http://www.padusa.org/Blog1/?p=798
แก้ไขล่าสุดโดย แน๊ตตี้ เมื่อ พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2011 5:49 am, แก้ไขแล้ว 4 ครั้ง.
The road is narrow and long when eyes meet eyes and the feeling is strong.
ภาพประจำตัวสมาชิก
de loei
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 89
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ พ.ค. 23, 2011 6:59 am

Re: นิทานความรัก

โพสต์โดย หญิงป้า ณ คุ้มฮาแตก » จันทร์ มิ.ย. 06, 2011 3:22 pm

ป้าติ๋ม มัทนะพาธา แปลว่า ความเจ็บปวดจากความรัก
ไม่ได้เป็นชื่อนางในวรรณคดีจ้า :lol: :lol: :lol:
คุณหญิงป้า...นางเอกลิเกเก่า...
ภาพประจำตัวสมาชิก
หญิงป้า ณ คุ้มฮาแตก
แม่ไข่กุ้ง พ่อไข่ปู
 
โพสต์: 2048
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ พ.ค. 23, 2011 7:11 pm

Re: นิทานความรัก

โพสต์โดย de loei » จันทร์ มิ.ย. 06, 2011 3:47 pm

หญิงป้า ณ คุ้มฮาแตก เขียน:ป้าติ๋ม มัทนะพาธา แปลว่า ความเจ็บปวดจากความรัก
ไม่ได้เป็นชื่อนางในวรรณคดีจ้า :lol: :lol: :lol:

ว๊ายอายจัง ขอบคุณมากค๊า สบายดีนะค่ะJj
อยากให้ในครัวมีเรื่องอ่านหลากหลาย หลากสีสรร ผิดพลาดไปก็ขอฟ้าทองผ่องอำไพป้าติ๋มได้ไปเยี่ยมคุ้มฮาแตกบ้างฮิ(เกี่ยวกันม๊าาาาเนี่ย)
ว่าแต่ว่าใครจะเป็นมือวางมาเล่า/เอามาฝากต่อเดี๋ยวส่งไม้ให้จ้า
The road is narrow and long when eyes meet eyes and the feeling is strong.
ภาพประจำตัวสมาชิก
de loei
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 89
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ พ.ค. 23, 2011 6:59 am

เรื่องที่ 4 นิทานรักสอนใจสำหรับคนรักกัน

โพสต์โดย de loei » พุธ มิ.ย. 29, 2011 5:10 pm

นิทานรักสอนใจ สำหรับคนรักกัน

วันหนึ่งมีชายหญิงคู่หนึ่ง ทั้งคู่รักกันมาก ผู้ชายให้สัญญากับผู้หญิงว่า .. ผมจะรักคุณตลอดไป ผู้หญิงจึงบอกกลับว่า ฉันเชื่อคุณ และจะรักคุณอย่างที่รักฉันให้ดีที่สุด ทั้ง 2 คบกันไปชั่วในระยะเวลาหนึ่ง ในระหว่างที่ 2 คนได้เดินจับมือกัน อยู่ในสวนสาธารณะนั้น ได้มี นางฟ้าคนหนึ่ง ปรากฎกายลงมา พร้อมกับบอกว่า…..

“ท่านทั้ง 2 มีความรัก บริสุทธิ์ต่อกัน เราอยากจะให้ท่าน ได้เห็นอนาคตของท่านทั้ง 2″
ชาย หญิงคู่นั้น จับมือกันไว้แน่น และรู้สึกดีใจที่ความรักของเค้าและเธอ ถึงขนาดนางฟ้ามาให้พร นางฟ้าจึงพูดขึ้นว่า “ท่านจะดูอนาคตของท่านทั้ง 2 นับตั้งแต่นี้หรือไม่” ชายและหญิงคู่รักมองตากัน แล้วตอบพร้อมกันว่า “เราทั้ง 2 ไม่กลัวอนาคตเรามั่นใจในกันและกัน” นางฟ้าได้ยินดังนั้น จึง เสก ของออกมาเป็นซีดี 2 แผ่นให้ทั้งคู่ไปดูอนาคต …………………

ที่บ้านของหญิงสาว หญิงสาวค่อยๆควักแผ่นซีดีที่ได้จากนางฟ้า แล้วใส่ลงในเครื่องเล่นซีดี ในภาพ เห็น ในภาพแรกเธอและแฟนของเธอแต่งงานกัน เธอยิ้มแก้มปริ มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ในภาพหลังๆ หญิงสาวได้เห็นว่า มีรูปของแฟนเธอคบชู้ …. เธอนั่งร้องไห้ เสียใจ ทันใดนั้น มีเสียงประตูเคาะขึ้นที่ห้องของเธอ เธอรีบปิดเครื่องวีซีดี และซับน้ำตา รีบไปเปิดประตู ปรากฎว่าเป็นแฟนของเธอเอง แฟนเธอยิ้ม แต่เธอโมโหจึงตบหน้าเค้าอย่างแรง และปิดประตูโดยที่ฝ่ายชาย งง ๆ เธอนอนร้องไห้ถึงอนาคตที่จะต้องเกิดเช่นในวีซีดีนั้น
หลังจากนั้น เธอพยายามหนีหน้าชายคนรักของเธอ โดยที่ผู้ชายก็ตามง้อยกใหญ่ โดยผู้ชายไม่รู้ว่าตัวเองทำผิดอะไร เธอพยายามหาทางเลิกกับผู้ชาย จนสำเร็จ
จนวันหนึ่ง.. ได้มีเสียงเคาะประตู เธอเปิดประตู แต่ทันใดนั้น คนที่เคาะประตูก็หันหลังจนลับตาไปเสียแล้ว เธอจำได้ดีถึงแผ่นหลังของอดีตชายที่ตัวเองรัก เธอมองลงพื้นพบซีดีอีกแผ่นหนึ่งของที่นางฟ้าได้ให้ผู้ชาย….. เธอนำซีดีแผ่นนี้ไปเปิดอีกคั้ง พบภาพ ที่เหมือนกันคือ.. ภาพที่ทั้งคู่แต่งงานกันอย่างมีความสุขแต่ภาพหลังจากแต่งงานคือ ภาพที่เธอมีชู้กับผู้ชายคนใหม่ โดยมีแฟนของเธอร้องไห้อยู่ข้างๆ …….. เธอน้ำตาไหลและปิดวีดิโออย่างช้าๆ.. เธอค่อยๆเปิดจดหมาย ที่แนบมากับซีดีนี้อ่าน ข้อความเขียนว่า

“ผมไม่กลัวอนาคตเรามั่นใจในกันและกัน ขอบคุณแม้ผมจะเชื่อในคุณฝ่ายเดียวก็ตาม ลาก่อน

คำว่า เชื่อใจ เท่านั้น ที่ทำให้ คนทั้ง 2 คน คบกันอย่างมีความสุข


ขอขอบคุณนิทานจากคุณสาคริตค่ะ
แก้ไขล่าสุดโดย แน๊ตตี้ เมื่อ พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2011 5:47 am, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
The road is narrow and long when eyes meet eyes and the feeling is strong.
ภาพประจำตัวสมาชิก
de loei
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 89
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ พ.ค. 23, 2011 6:59 am

Re: นิทานความรัก

โพสต์โดย pen » พุธ มิ.ย. 29, 2011 10:31 pm

เดี๋ยวว่างๆจะหามาแจมอีกค่ะป้าติ๋ม ว่าแต่คุณนายโปรหายเงียบเลยอ่ะฝากสะกิดด้วยน่ะค่ะว่าคิดถึง
เพ็ญ UK จ้า
ภาพประจำตัวสมาชิก
pen
แม่ไข่ยัดไส้ พ่อไข่ลูกเขย
 
โพสต์: 748
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ม.ค. 31, 2008 3:34 pm


ย้อนกลับไปยัง คุยกันเจ๊าะแจ๊ะ

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน