ขนมครกไทย สูตรแป้งกรอบ

[แตง]

สุกดีแล้วก็แคะออกใส่จานได้ หรือแคะออกวางบนตะแกรงก่อนก็ดี ด้านล่างแป้งจะได้กรอบนาน เพราะความร้อนระบายออกไปได้ ถ้าวางในจานความร้อนจากขนมจะทำให้มีน้ำเปียกด้านล่าง

[แตง]

โรยหน้าด้วยฟักทอง

[แตง]

จับเข้าคู่กันไว้ก็ได้

[แตง]

เอาภาพช้อนที่เราใช้กดให้แป้งล้นออกมาเป็นขอบให้ดูเป็นตัวอย่าง สีดำเป็นช้อนตวงขนาด ๑ ช้อนโต๊ะ ส่วนสีขาวเป็นช้อนลักษณะกลม ขนาดประมาณเกือบ ๑ ช้อนโต๊ะ เช่นกัน ใครมีกระบวยตักน้ำก็ใช้กระบวยเลือกขนาดให้พอดีกับเบ้าขนมครกที่ใช้

หยอดแป้งใส่เบ้าขนมครกแล้วก็ใช้ก้นช้อนกดลงไป ดูรูปตามภาพที่ ๒

ยกช้อนออกจะได้แป้งที่มีขอบแบบภาพ ๓

วิธีนี้เป็นแค่ตัวอย่างเท่านั้นไม่ใช่มาตรฐานอะไร เราทำเพราะชอบใส่หน้าขนมครกมากๆ และอีกอย่าง แป้งที่มีขอบเวลาหยอดหน้าลงไปมาก น้ำกะทิหวานๆไม่ล้นเลอะตามขอบเบ้าทำให้เหนียวติดเหล็ก

ใครชอบก็ลองทำดูรับรองว่าได้ขนมครกแป้งบางกรอบเนื้อนุ่มหน้าเยอะทาน

[แตง]

ภาพตอนยกช้อนออกหลังจากกดลงไปแล้วแป้งจะมีขอบแบบนี้

[แตง]

หยอดหน้าลงไปแล้วก็จะได้ขนมครกมีขอบกรอบๆแบบนี้

[แตง]

ใครไม่มีเบ้าขนมครก จะใช้วิธีจี่ในกระทะก็ได้ เอากระทะตั้งไฟอ่อน (ใช้กระทะเทฟร่อนก็ดี) ทาน้ำมันพืชบางๆ พอกระทะร้อนตักแป้งใส่ลงไปแล้วยกกระทะเกลือกให้แป้งร่อนทั่วกระทะ ตักหน้ากะทิหยอดข้างบน แล้วหาฝาปิดไว้แป๊บหนึ่งแป้งจะพองขึ้นมา แสดงว่าสุกแล้ว ก็ค่อยๆแซะออกจากกระทะได้ ใครชอบเกรียมก็รอให้แป้งเกรียมก่อนแซะก็ได้

ไม่มีรูปตอนทำ มีรูปที่ทำเสร็จแล้ว ตัวอย่างนี้ใช้แป้งสาลีอเนกประสงค์ทำ ใช้นมสดแทนกะทิ หน้าขนมก็ใช้กะทิผสมนมสด

แบบนี้หน้าตาไม่เหมือนขนมครกแต่ทานแล้ว เหมือนทานขนมครก

[แตง]

จบการทำขนมครกไทยเพียงแค่นี้ ฝากข้อคิดจากห้องครัวนิดหน่อย

คนเราถ้ารู้จักมองสิ่งต่างๆให้เป็นธรรมชาติ เข้าใจธรรมชาติแล้วก็จะสามารถที่จะดัดแปลงสิ่งต่างมาใช้ทดแทนกันได้ เพราะเมื่อเราเข้าใจธรรมชาติของสิ่งนั้นแล้ว ก็จะรู้ว่าสิ่งที่เป็นประเภทเดียวกัน จะมีเนื้อแท้คล้ายๆกัน จะแตกต่างกันก็เพราะสิ่งแวดล้อมที่เป็นแหล่งกำเนิด และชื่อที่เรียกเท่านั้น ตัวอย่างนี้ แป้งข้าวเจ้าและแป้งสาลีอเนกประสงค์ กำเนิดของมันก็คือข้าว เพียงแต่เผ่าพันธุ์มันต่าง แป้งข้าวเจ้าจะไม่มีกลูเตน แต่แป้งสาลีอเนกประสงค์มีกลูเตนพอสมควร แต่ธรรมชาติของมันก็คือข้าว เมื่อเข้าใจธรรมชาติของมันแล้ว เวลาเราเอาแป้งสาลีอเนกประสงค์มาทำขนมแทนแป้งข้าวเจ้า หรือเอาแป้งข้าวเจ้าไปใช้แทนแป้งสาลี ก็เพียงแต่ปรับปรุงส่วนประกอบที่มันต่างกันให้สมดุล ผลผลิตที่ได้ก็คือสิ่งเดียวกัน เพราะฉะนั้น หัดมองทุกสิ่งรอบๆตัวให้เป็นธรรมชาติ มองให้เข้าใจ

ที่สำคัญหมั่นมองดูจิตดูใจของตัวเอง เข้าใจตัวเองเมื่อไหร่แล้วชีวิตจะไม่ทุกข์ไม่ร้อนกับสิ่งใดๆ ไม่ยินดียินร้ายกับสุขหรือทุกข์ เข้าใจตัวเองเมื่อไหร่ก็จะทำให้เข้าใจคนอื่นที่เป็นเพื่อนร่วมเกิด แก่ เจ็บ ตาย

(ใครจะโรยหน้าด้วยฝอยทองมากๆแบบเรา หัวกะทิที่ราดหน้าไม่ต้องใส่น้ำตาลลงไป เพราะฝอยทองหวานอยู่แล้ว)

[ขุนสุพรรณ]

ตอนนี้กำลังอยู่เมืองไทย
อยากกินอะไรยอมตามใจปาก เพราะไม่ได้มาตั้งสิบกว่าปี
ที่เข้ามานี่เพื่อจะมาบอกว่า คิดถึงคุณแตง ครับ

[jayla]

"ส่วนมากเราจะทำแป้งไว้ตอนกลางคืน แล้วมาทำเป็นขนมครกทานตอนเช้า"
พี่แตงค่ะ คือผสมแป้งน้ำกะทิแล้วต้องค้างคืนในตู้เย็นใช่ไหมค่ะ คือถ้าค้างคืนข้างนอกคงเสีย เพราะมีกะทิผสมอยู่ด้วย หรือว่าผสมกับน้ำแล้วค้างคืน วันรุ้งขึ้นผสมกะทิค่ะ ขอบคุณค่ะ

[PHAN]

น้ำปูนใสคืออะไรคะ หาซื้อได้ที่ไหน อยากจะลองทำบ้าง เพราะศุกร์เสาร์อาทิตย์นี้หยุดยาวที่เกาะนี้เขาห้าม ออกนอกบ้านห้ามเปิดไฟ ห้ามเปิดทีวี ห้ามส่งเสียงดังไห้ปิดประตูหน้าต่าง คิดว่า คงเบื่อแน่เลย กะว่าจะซื้อ วัตถุดิบ ทำอาหารไห้หายเหงาไปเลย ตลอดวันหยุด

[Jawan]

ขออนุญาตเก็บสูตรนะคะพี่แตง น่าทานมากมาก

ที่สำคัญหมั่นมองดูจิตดูใจของตัวเอง เข้าใจตัวเองเมื่อไหร่แล้วชีวิตจะไม่ทุกข์ไม่ร้อนกับสิ่งใดๆ ไม่ยินดียินร้ายกับสุขหรือทุกข์ เข้าใจตัวเองเมื่อไหร่ก็จะทำให้เข้าใจคนอื่นที่เป็นเพื่อนร่วมเกิด แก่ เจ็บ ตาย

ขอบคุณสำหรับสูตรอาหารเด็ดๆข้อคิดดีๆที่มาแบ่งปันนะคะ

[NooPang]

โห้ย พี่แตงขอบคุณมากค่ะ ...ละเอียดมากๆ ดูสูตร+วิธีทำแล้วเข้าใจดีมาก อธิบายแบบไม่หวง

สูตรเลย ขอบคุณจริงๆ ค่ะ

เวลาที่ได้ทานอะไรที่เคยทานตอนอยู่เมืองไทย แล้วทำให้หายคิดถึงบ้านได้ทีเดียว

[หญิงป้า ณ คุ้มฮาแตก]

น้ำปูนใสคืออะไรคะ

ก็ปูนแดงที่กินกับหมาก แล้วเทน้ำผสมลงไป ทิ้งให้ตกตะกอน
เวลาใช้ ก็รินแต่น้ำใสๆมาใช้ เขาจึงเรียกน้ำปูนใส
อัตราส่วนระหว่างปูนแดงกับน้ำเป็นเท่าไหร่ ต้องถามคุณแตงเอง

[Sunisa]

เข้ามาดูวิธีทำและสูตรอีกครั้งหนึ่ง ต่อจากเมื่อวานนี้ ...ขอบคุณความรู้ดีๆที่แบ่งปันด้วยค่ะพี่แตง ...เห็นคำถามเรื่องปูนแดง พอดีว่าทางบ้านเพิ่งส่งปูนแดงมาให้ เท่าที่พอจะทราบนี่ ปูนที่เอามาทำน้ำปูนใสจะมีปูนสีขาว และปูนสีแดง ที่ใช้กินกับหมาก ที่เป็นสีแดงเพราะเค้าผสมขมิ้น(เท่าที่เคยอ่านพบมานะคะ) เพื่อให้มีรสชาติดี โดยทั่วๆไป ก็จะใช้ปูน 1 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำเปล่า 5 ถ้วย แต่บางทีก็ผ่านๆตาว่าใช้ ปูน 1 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำ 10 ถ้วยตวง
รอคำตอบจากพี่แตงด้วยคนค่ะ เพราะตัวเองไม่ค่อยได้ทำอะไรที่ใส่น้ำปูนใส เพราะหาปูนไม่ได้ พอได้มาก็หาวิธีใช้อยู่เหมือนกันค่ะ