ครัวไกลบ้านได้ทำการปรังปรุงเวบไซต์ให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นในระบบสมาร์ทโฟน และได้รวมข้อมูลเมนูอาหารและ สมาชิกจากทั้งเวบไซต์เก่าและใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว

สมาชิกท่านไหนมีปัญหาไม่สามารถล็อกอินได้ ให้ทำการเปลี่ยนพาสเวิร์ดโดยคลิ๊กลิ้งค์นี้ ลืมรหัสผ่าน
ถ้าท่านใดมีชื่อสมาชิกมากกว่าหนึ่งชื่อแล้วต้องการรวมโพสทั้งหมดให้อยู่ในชื่อสมาชิกเดียว หรือมีปัญหาในการใช้เวบไซต์
สามารถส่งอีเมล์แจ้งรายละเอียดมาได้ที่ admin@kruaklaibaan.com หรือส่งข้อความได้ที่ user: sillyfooks

ถ้าชอบครัวไกลบ้าน อย่าลืมคลิ๊กไลค์เฟสบุ๊คให้ครัวไกลบ้านด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

หมี่เมืองนัง/หมี่ผัดปากพนัง

สูตรดี สูตรเด็ด สูตรประจำตัว ทำแล้วอร่อย อยากแบ่งให้เพื่อนๆได้ชม ได้ชิม ได้หัดทำด้วย เชิญห้องนี้ค่ะ ถามคำถามเรื่องงานบ้านงานครัว เชิญที่ห้องถามมาตอบไปนะคะ

หมี่เมืองนัง/หมี่ผัดปากพนัง

โพสต์โดย แตง » เสาร์ มิ.ย. 04, 2011 9:18 pm

หน้าตาของหมี่เมืองนัง
mee.jpg
บุญเหมือนน้ำใสสะอาด ส่วนบาปเหมือนตะกอนในน้ำแห่งบุญ
คนเราควรทานอาหารที่มีประโยชน์ แค่พอดีพออิ่ม อย่าทานเพราะความอยาก ทานเกินอิ่มซึ่งเป็นโทษต่อร่างกาย เป็นการเพิ่มกิเลสตัณหา ทุกอย่างเข้าปากไปแล้วเวลาออกมาก็เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจทั้งนั้น
แวะทักทายที่ http://rueanthai2.lefora.com/
ภาพประจำตัวสมาชิก
แตง
แม่ไข่คาร์เวียร์
 
โพสต์: 7789
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ม.ค. 18, 2006 10:43 pm

Re: หมี่เมืองนัง/หมี่ผัดปากพนัง

โพสต์โดย แตง » เสาร์ มิ.ย. 04, 2011 9:34 pm

ปากพนังเป็นอำเภอหนึ่ง ของจังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อปี ๒๕๐๕ ได้เกิดวาตภัยที่นี่ ทำให้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก สมัยเด็กเราเคยดูหนังเรื่องแหลมตะลุมพุก เลยจำชื่อได้ (อ่านรายละเอียดคร่าวๆเรื่องแหลมตะลุมพุกด้านล่าง)

ต่อมามีโอกาสไปตรวจงานที่นี่ ไม่อยากใช้รถหลวงเลยเดินทางด้วยรถตู้จากนครฯ ไปที่ท่าเรือ แล้วต่อเรือข้ามฟากไป นึกว่าถึงที่ทำงานแล้ว ที่ไหนได้ต้องนั่งมอเตอร์ไซด์ต่อไปอีก ดีที่คนแถวนั้นเค้ารู้จักหน่วยงานนี้ดี ด้วยความลำบากอย่างนี้พวกเราเลยซื้อข้าวห่อติดไปด้วยเป็นอาหารเที่ยง แต่แล้วถูกปล้นข้าวไป เพราะหัวหน้าการเงินที่นี่เค้าเอาไปใส่ตู้ล็อกกุญแจอย่างดี เหตุเพราะอยากเลี้ยงรับรอง เลยต้องไปทานอาหารที่ร้าน และแล้วก็ได้เจอกับผัดหมี่เมืองนัง นี่แหละ

ผัดหมี่ที่นี่มีชื่อมาก ใครมาปากพนังแล้วไม่ได้ทาน เหมือนไม่ได้มา เค้าผัดหมี่กับกะทิ และพริก ใส่กุ้งทะเลสดๆลงไปด้วย เดี๋ยวนี้นอกจากที่ปานพนังแล้วแถวนครฯก็พอที่หาซื้อทานได้ ไปเที่ยวแล้วลองๆถามหาดูแล้วกัน

พอดีจะทานก๋วยเตี๋ยวเลยนึกถึงผัดหมี่เมืองนังขึ้นมา และแล้วเราก็ลงมือทำ ถือโอกาสถ่ายรูปมาโพสไว้ที่นี่ด้วย เผื่อคนอื่นๆจะลองทำดูบ้าง เราทำแบบคนไกลบ้าน เท่าที่หาเครื่องประกอบได้ ใครทำดัดแปลงเพิ่มเติมได้ตามชอบ

เครื่องประกอบสำหรับ ๓ ที่:-
เส้นก๋วยเตี๋ยวจันทร์ ๒๐๐ กรัม หรือประมาณ ๑/๒ ห่อ [หนึ่งห่อจะมี ๒ ชั้น เราใช้แค่ชั้นเดียว (แช่น้ำให้นิ่ม)]
กุ้งสดๆ ปริมาณตามชอบ
น้ากะทิ ๑ ๑/๒ - ๒ ถ้่วยตวง (วันนี้เราใช้กะทิกระป๋องทำ แต่ไม่ใช้หมด ตักแบ่งออกมาผสมนมสดหรือน้ำ)
พริกชี้ฟ้าแห้ง ๑๐ เม็ด (เราใช้พริกฝรั่งมันเม็ดใหญ่นะ เลยใช้แค่ ๒ เม็ด พริกฝรั่งไม่ค่อยเผ็ดจะผสมพริกขี้หนูแห้งปนด้วยก็ได้ สำหรับคนชอบเผ็ด)
น้ำตาลปี๊บ ๒ ช้อนโต๊ะ (ชอบหวานมากเพิ่มได้ ชอบหวานน้อยลดได้)
เกลือป่น ๑ ๑/๒ - ๒ ช้อนชา
หอมแดงซอย ๑/๔ ถ้วยตวง
ผักเคียงต่างๆ ตามชอบ ตามที่หาได้

***เครื่องต่างๆ เพิ่ม ลดได้ตามชอบ***

วิธีทำ:-
ใส่พริก หอม และเกลือ โขลกหรือปั่นให้ละเอียด วันนี้เราใช้วิธีปั่นพริกให้ละเอียดก่อนแล้วค่อยเทใส่ครกโขลกพร้อมหอมและเกลือ
mee1.jpg


โขลกพริกให้ละเอียดดีแล้วพักไว้

ตวงกะทิใส่กระทะ ยกตั้งไฟปานกลาง วันนี้เราผัดที่ละจาน เพราะสะดวกในการคนให้เข้ากัน
ตัวอย่างนี้เราใส่กระทิลงไปแค่ ๑/๒ ถ้วยตวง

เคี่ยวพอกะทิเดือดดี ก็ตักพริกที่ทำไว้ใส่ลงไป เราทำทีละจานก็แบ่งใส่เท่าที่ต้องการ

ผัดเข้ากันใส่น้ำตาลลงไป
(ถ้าน้ำตาลใครเป็นก้อนแข็งๆแบบนี้แนะนำให้สับเป็นชิ้นเล็กๆก่อน จะได้ละลายง่ายๆ ตัวอย่างในรูปนี้เราใส่ลงไปทั้งก้อนใช้เวลานานมากในการละลายเลยต้องตักออกมาสับก่อนแล้วใส่ลงไปใหม่)
mee2.jpg


ใส่กุ้งตามลงไปด้วย

ผัดจนกุ้งสุก ใส่เส้นก๋วยเตี๋ยวลงไป
mee3.jpg


ผัดให้เส้นเข้ากันกับเครื่องและสุกดีแล้วตักออกเสิร์ฟ พร้อมผักเคียง เช่น ถั่วงอก ใบบัวบก ยอดกระถิน มะม่วงซอย ผักชี ฯลฯ พร้อมด้วยมะนาวสักซีก

วันนี้เราใช้แครอทซอย แอปเปิ้ลเขียวซอย ใบบัวบก และถั่วงอก
mee4.jpg


ลองทำทานดู แล้วจะรู้ว่ารสชาติเป็นยังไง มีโอกาสไปเที่ยวนครศรีธรรมราชลองแวะหาหมี่เมืองนังทานบ้าง
mee5.jpg


สำหรับคนแพ้กุ้ง แต่อยากทานหมี่ผัดแบบปากพนัง เปลี่ยนจากกุ้งเป็นเนื้อสัตว์อื่นๆได้
ตัวอย่างนี้เราใช้ไก่ผัดให้พ่อบ้านทาน เพราะเค้าแพ้กุ้ง
mee6.jpg
บุญเหมือนน้ำใสสะอาด ส่วนบาปเหมือนตะกอนในน้ำแห่งบุญ
คนเราควรทานอาหารที่มีประโยชน์ แค่พอดีพออิ่ม อย่าทานเพราะความอยาก ทานเกินอิ่มซึ่งเป็นโทษต่อร่างกาย เป็นการเพิ่มกิเลสตัณหา ทุกอย่างเข้าปากไปแล้วเวลาออกมาก็เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจทั้งนั้น
แวะทักทายที่ http://rueanthai2.lefora.com/
ภาพประจำตัวสมาชิก
แตง
แม่ไข่คาร์เวียร์
 
โพสต์: 7789
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ม.ค. 18, 2006 10:43 pm

Re: หมี่เมืองนัง/หมี่ผัดปากพนัง

โพสต์โดย แตง » เสาร์ มิ.ย. 04, 2011 9:37 pm

ข้อมูลเหล่านี้คัดลอกมาตั้งแต่ปีที่แล้ว

แหลมตะลุมพุกอยู่ที่ชายหาดปากพนัง
ลักษณะของชายหาดปากพนังในปัจจุบัน เป็นชายหาดสีขาวเหยียดไปตามชายฝั่งทะเล
มีแหลมตะลุมพุกเป็นแหลมทรายยาวเรียวยื่นไปในอ่าวไทย มีพื้นที่ติดกับพื้นดินบริเวณตอนบนของอำเภอปากพนัง และขณะนี้แหลมตะลุมพุกได้ขยายแนวยาวดูสวยงามมีเปลือกหอยต่าง ๆ อยู่มาก
การเดินทาง ไปชายทะเลปากพนังและแหลมตะลุมพุกนั้น จากตัวเมืองเดินทางไปปากน้ำพนังแล้วเช่าเรือต่อไปยังแหลมตะลุมพุก ใช้เวลาเดินทางราวครึ่งชั่วโมงหรือใช้เส้นทางนครศรีธรรมราช – ปากพนัง (ทางหลวงสาย 4013) ไปยังอำเภอปากพนังฝั่งตะวันตกถึงบ้านบางฉลากมีทางแยกเข้าสู่แหลมตะลุมพุก ระยะทางจากทางแยกไปยังแหลมประมาณ 16 กิโลเมตร เส้นทางตลอดสายสู่ปลายแหลมมีการทำนากุ้งสองข้างทางสลับกับแนวป่าชายเลน

ข้อมูลจริงจากเหตุการณ์ มหาวาตภัยที่แหลมตะลุมพุก
1. เส้นผ่าศูนย์กลางของพายุ มีขนาด 300 กิโลเมตร หรือใหญ่เท่ากับจังหวัดนครศรีธรรมราช
2. ความเร็วลม 180 – 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
3. ความเร็วในการเคลื่อนที่ 92.622 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
4. เสียงดังเหมือนเครื่องบินไอพ่น,น้ำทะเลม้วนตัวสูงขึ้นเป็นทรงกระบอกสูงกว่าต้นตาลหลายสิบเท่า
5. พายุลูกนี้ชื่อ แฮเลียตเป็นพายุระดับโซนร้อน
6.วันที่เกิดเหตุการณ์ 25 ตุลาคม พ.ศ.2505 เวลาประมาณ 19.00-22.30 น.
7. ท้องฟ้าแดงฉาน คลื่นสูงเทียมยอดสน ( 20 เมตร ) ถล่มใส่แหลมตะลุมพุกลูกเดียว
8. ฝนตกลงมาเป็นบ้าเป็นหลังนานกว่า 3 ชั่วโมง
9. พอ 4 ทุ่มคลื่นลมหยุดนิ่งเป็นปลิดทิ้ง ผู้คนเริ่มออกมาสำรวจความเสียหาย
10. อีกครึ่งชั่วโมงต่อมา คลื่นลมมาอีกลูกสวนทางกับลูกแรก กวาดผู้คนและบ้านเรือนลงทะเลเหี้ยนเตียน
( คำอธิบาย – รูปแบบของพายุ เป็นรูปวงกลมตรงกลางเป็นช่องว่างเหมือนโดนัท เมื่อพายุลูกแรกซัดเข้า แหลมก็จะนำน้ำทะเลปริมาณมหาศาลขึ้นมาบนฝั่ง เมื่อเข้าสู่ศูนย์กลางของพายุ ลมจะสงบนิ่ง และเมื่อพายุเคลื่อนตัวออก ปีกของพายุด้านท้ายจะกวาดต้อนสิ่งของและผู้คนบนแผ่นดินลงไปสู่ทะเล )
11. ลักษณะพื้นที่ของแหลมตะลุมพุก คือแผ่นดินเล็กๆที่ยื่นออกไปในทะเลเมื่อถูกพายุซัดเข้าใส่จะมีความรุน แรงมากกว่าพื้นแผ่นดินริมทะเลทั่วๆไปหลายเท่าตัว
12. ก่อนเกิดเหตุการณ์น้ำทะเลบริเวณแหลมหดแห้งหายไปในทะเลยาวนับกิโลเมตร
มีหอยกาบปูขึ้นมาตายเต็มความยาวของหาด
13. พื้นที่บริเวณแหลมตะลุมพุก เป็นที่รวมของความหลากหลายทางวัฒนธรรม และ ศาสนา ที่
สามารถอยู่กันได้อย่างกลมกลืน มีทั้งชาวไทยพุทธ, ชาวจีน, ชาวมุสลิมที่เป็นชนส่วนใหญ่บนพื้นที่นั้น
อาชีพหลักคือการทำประมง แต่หลังจากเหตุการณ์มหาวาตภัยครั้งนั้น เหลือแต่ชาวมุสลิมที่ทำนากุ้ง
เท่านั้นและลดจำนวนลงเป็นอย่างมาก ปัจจุปันถ้าไปยืนที่ปลายแหลมบางครั้งจะได้ยินเสียงลม
ที่เคลื่อนที่เป็นวงกลมอยู่รอบๆตัว
14. ความเสียหายครั้งนั้น มูลค่ากว่า 377 ล้านบาท เป็นจุดเริ่มต้นของมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ

(ที่มา เว๊ปสนุก)


(อีกบทความจาก คม ชัด ลึก)

เมื่อวันที่ 25-26 ตุลาคม พ.ศ. 2505 หรือเกือบ 50 ปีก่อนได้เกิด "มหาวาตภัย" ครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ชาติไทยที่ "แหลมตะลุมพุก" อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช จนมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก และกลายเป็นตำนานอันน่าสะพรึงกลัวมาจนถึงวันนี้
ความสูญเสียอย่างประเมินค่ามิได้ครั้งนั้นทำให้นานาชาติเริ่มยื่นมือมาช่วยเหลือผู้ประสบภัย แต่คงไม่มีการช่วยเหลืออันใดที่จะซาบซึ้งไปถึงก้นบึ้งหัวใจเทียบเท่าน้ำพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้วิทยุ อ.ส. พระราชวังดุสิต กระจายข่าวเชิญชวนให้ประชาชนร่วมบริจาคสิ่งของ เครื่องใช้ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม และเงินทองตามศรัทธา เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบวาตภัย
ประชาชนที่ทราบข่าวหอบหิ้วสิ่งของเท่าที่ตนมีอยู่ ทั้งข้าวสาร เสื้อผ้า จอบ เสียม หม้อ กระทะ ฯลฯ มาบริจาคที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน จนข้าวของกองพะเนินเป็นภูเขา
จากนั้นทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ ร.ส.พ. รถไฟ เครื่องบินของกองทัพอากาศ เรือของกองทัพเรือ และรถยนต์ของหน่วยราชการ ระดมขนสิ่งของที่มีผู้บริจาคนำมาช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน แต่หลังจากบริจาคไปแล้วก็ยังมีเงินเหลืออยู่ก้อนหนึ่ง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อธิบดีกรมประชาสงเคราะห์จดทะเบียนตั้ง มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2505
ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระราชทรัพย์ 3 ล้านบาท เป็นทุนประเดิมของมูลนิธิ เพื่อเป็นกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัย และถือเป็น "ต้นธาร" ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่างๆ ในประเทศไทยมาจนถึงปัจจุบัน
นั่นคือพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ชุบชีวิตให้คนแหลมตะลุมพุกลุกขึ้นกลับมามีชีวิตใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ปัจจุบัน ต.แหลมตะลุมพุก ซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 29.14 ตารางกิโลเมตร หรือคิดเป็น 18,212.50 ไร่ อยู่ภายใต้การดูแลของ ประยุทธ แก้วประสิทธิ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลแหลมตะลุมพุก ซึ่งมุ่งมั่นที่จะใช้ตำนานของแหลมตะลุมพุกมาเป็นจุดขายทางการท่องเที่ยว
ประยุทธ บรรยายว่า แหลมตะลุมพุกเป็นพื้นที่ที่มีลักษณะพิเศษหนึ่งเดียวของประเทศไทย โดยมีลักษณะเป็นแหลมที่ยื่นออกไปในทะเล มีลักษณะเป็นสันทรายขนานกับชายฝั่ง
ลักษณะชายฝั่งด้านตะวันตกของแหลมเป็นป่าชายเลนที่เป็นป่าแสมและโกงกาง ส่วนชายฝั่งทางด้านตะวันออกเป็นหาดทรายที่มีป่ามะพร้าวและป่าสนสลับกันเป็นทิวยาว
พื้นที่แหลมตะลุมพุกอุดมสมบูรณ์ไปด้วยสัตว์น้ำ ทั้งหอยแครง ปูม้า ปูดำ กุ้ง ฯลฯ จึงเป็นแหล่งทำมาหากินหลักของประมงพื้นบ้าน
ประยุทธ จึงเล็งเห็นว่า ลักษณะภูมิประเทศอันสวยงาม และอุดมสมบูรณ์ของแหลมตะลุมพุก จึงเหมาะจะพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวด้วยทิวทัศน์อันสวยงามของแหลมที่ยื่นไปในทะเล และร้านอาหารทะเลรสชาติจัดจ้านถึงใจ รวมทั้งวิถีชีวิตอันเรียบง่ายของชาวเลพื้นถิ่น
ไฮไลต์อย่างหนึ่งของแหลมตะลุมพุก คือ ห้วยทรายสุด ซึ่งเป็นปลายสุดของแหลมตะลุมพุกอันเกิดจากน้ำทะเลทั้งสองฝั่งซัดซากพืชและซากสัตว์มากองเกยรวมกันเป็นสันทรายยื่นลงไปในทะเล โดยมีทิวสน และนกน้ำอพยพเป็นฉากหลังที่สวยแบบสงบเงียบ
บริเวณนี้ยังมีสะพาน ซึ่งเป็นจุดชมวิว และหอคอยไว้สำหรับชมธรรมชาติด้วยหลายจุด คือ
1.กระโจมไฟ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของตำบล สามารถเดินเท้าไปตามชายหาด และทางเรือ อยู่ห่างจากชุมชนประมาณ 3 กิโลเมตร
2.เขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าแหลมตะลุมพุก ซึ่งมีสัตว์ป่าหายากหลงเหลืออยู่หลายชนิด เช่น ลิงแสม ชะมด และนกหลากสายพันธุ์
3.แนวชายฝั่งดินทราย ที่ทอดเป็นแนวยาวติดต่อกันหลายจังหวัด ซึ่งบริเวณนี้จะมีร้านอาหาร ร้านค้า ตลอดจนร้านค้าชุมชนไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวด้วย
4.อ่าวปากพนัง หรือที่คนแหลมตะลุมพุกเรียกว่า "ทะเลใน" ซึ่งสามารถชมวิถีชีวิตของชาวประมงพื้นบ้าน และยังชมความสวยงามของพระอาทิตย์ตกดินได้ด้วย
5.วัดแหลมตะลุมพุก เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของชาวแหลมตะลุมพุก ซึ่งมีรูปหล่อของ "พ่อท่านลาภ" ที่เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจ และเป็นที่เคารพบูชาของชาวแหลมตะลุมพุกมาช้านาน
นี่คือเสน่ห์ของแหลมตะลุมพุกที่มีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งยังมีตำนานแห่งมหาวาตภัยอันแสนเลวร้ายเป็นฉากหลัง และพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นอนุสรณ์เตือนใจให้คนแหลมตะลุมพุก และคนไทยทุกคนซาบซึ้งในน้ำพระราชหฤทัยของพระองค์

"กฤษณะ ทิวัตถ์สิริกุล"
แก้ไขล่าสุดโดย บุคคลทั่วไป เมื่อ เสาร์ มิ.ย. 04, 2011 9:46 pm, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
บุญเหมือนน้ำใสสะอาด ส่วนบาปเหมือนตะกอนในน้ำแห่งบุญ
คนเราควรทานอาหารที่มีประโยชน์ แค่พอดีพออิ่ม อย่าทานเพราะความอยาก ทานเกินอิ่มซึ่งเป็นโทษต่อร่างกาย เป็นการเพิ่มกิเลสตัณหา ทุกอย่างเข้าปากไปแล้วเวลาออกมาก็เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจทั้งนั้น
แวะทักทายที่ http://rueanthai2.lefora.com/
ภาพประจำตัวสมาชิก
แตง
แม่ไข่คาร์เวียร์
 
โพสต์: 7789
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ม.ค. 18, 2006 10:43 pm

Re: หมี่เมืองนัง/หมี่ผัดปากพนัง

โพสต์โดย pimlapas » เสาร์ มิ.ย. 04, 2011 9:41 pm

สุดยอดเลยค่ะคุณแตง นำสูตรมาลงให้ แถมเล่าเรื่องต่างๆ ให้ฟังด้วย อ่านเพลินเลยค่ะ ชอบมากค่ะ
ขอบคุณที่มีแต่สาระดี ๆ มาฝากคนไกลบ้านนะค่ะ ขอให้คุณแตงและครอบครัว มีแต่ความสุขจ้า
<a href='http://www.freewebs.com/pimlapas/' target='_blank'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>หิวๆเชิญแวะ ร้านน้ำพริก มีบริการส่งความสุขให้ครอบครัวที่เืมืองไทยในทุกเทศกาล และรับฝากซื้อของส่งจากไทยไปทั่วโลก คลิ๊กเลยจ้า</span> </a><img src='http://i131.photobucket.com/albums/p301/pimmybraz/smjk.jpg' border='0' alt='user posted image' />
ภาพประจำตัวสมาชิก
pimlapas
แม่ไข่นกกระทา พ่อไข่จะละเม็ด
 
โพสต์: 3740
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ม.ค. 15, 2006 1:46 pm

Re: หมี่เมืองนัง/หมี่ผัดปากพนัง

โพสต์โดย แตง » เสาร์ มิ.ย. 04, 2011 9:41 pm

ท้ายนี้ฝากข้อคิดอีกเช่นเคย

"ในทางพุทธศาสนานั้น สอนให้รู้จักแบ่งปัน ช่วยเหลือผู้อื่น แต่การช่วยเหลือผู้ใดแล้ว ผู้ช่วยย่อมไม่หวังผลตอบแทนกลับคืนมา ถ้าช่วยแล้วหวังผลตอบแทนกลับคืน หากเขาไม่ทำในส่ิงที่คาดหวังไว้ จิตผู้ให้ย่อมเป็นทุกข์ เช่น ให้ความช่วยเหลือเพื่อนๆ แต่พอเราต้องการความช่วยเหลือ เพื่อนเหล่านั้นไม่ช่วย ทำให้คิดไปว่าทำไมเราช่วยเค้าแต่เค้ากลับไม่ช่วยเรา การให้เช่นนี้แหละ เรียกว่า ให้แล้วหวังผลตอบแทน เกิดความทุกข์ที่ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนที่คาดหวังไว้

เพราะฉะนั้นให้สิ่งที่ดีงามกับใครแล้ว ต้องไม่ปรารถนาส่ิงตอบแทนกลับคืนสู่ตน"


ขอจบด้วยภาพนี้แล้วกัน
mee7.jpg

mee8.jpg
บุญเหมือนน้ำใสสะอาด ส่วนบาปเหมือนตะกอนในน้ำแห่งบุญ
คนเราควรทานอาหารที่มีประโยชน์ แค่พอดีพออิ่ม อย่าทานเพราะความอยาก ทานเกินอิ่มซึ่งเป็นโทษต่อร่างกาย เป็นการเพิ่มกิเลสตัณหา ทุกอย่างเข้าปากไปแล้วเวลาออกมาก็เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจทั้งนั้น
แวะทักทายที่ http://rueanthai2.lefora.com/
ภาพประจำตัวสมาชิก
แตง
แม่ไข่คาร์เวียร์
 
โพสต์: 7789
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ม.ค. 18, 2006 10:43 pm

Re: หมี่เมืองนัง/หมี่ผัดปากพนัง

โพสต์โดย แตง » เสาร์ มิ.ย. 04, 2011 9:51 pm

Mrs.Braz ขอบคุณจ๊ะที่แวะมาแถมอวยพรให้ด้วย เราประทับใจที่นี่เพราะดูหนังแล้วสลดใจ อยากเห็นสถานที่ พอไปทำงานที่นครฯเลยถือโอกาสเลือกตรวจที่ปากพนัง ตอนนี้น้องชายเราไปทำงานที่นั่น มีพายุทีไรเป็นต้องคอยโทรเช็คข่าวทุกที
บุญเหมือนน้ำใสสะอาด ส่วนบาปเหมือนตะกอนในน้ำแห่งบุญ
คนเราควรทานอาหารที่มีประโยชน์ แค่พอดีพออิ่ม อย่าทานเพราะความอยาก ทานเกินอิ่มซึ่งเป็นโทษต่อร่างกาย เป็นการเพิ่มกิเลสตัณหา ทุกอย่างเข้าปากไปแล้วเวลาออกมาก็เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจทั้งนั้น
แวะทักทายที่ http://rueanthai2.lefora.com/
ภาพประจำตัวสมาชิก
แตง
แม่ไข่คาร์เวียร์
 
โพสต์: 7789
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ม.ค. 18, 2006 10:43 pm

Re: หมี่เมืองนัง/หมี่ผัดปากพนัง

โพสต์โดย อร่อยเหาะ » จันทร์ มิ.ย. 06, 2011 4:03 am

ว้าว...ทำได้น่าทานมากเลยค่ะ ต้องขอขอบคุณพี่แตง ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของชาวเมืองนครศรีธรรมราช ได้อย่างสวยงาม
ซ่่าซึ่งเป็นชาวเมืองนครศรี ไม่เคยลืมเหตุการ์ณครั้งนั๋นเลย ...(ถึงแม้ว่าจะเกิดไม่ทันก้อตาม )
ภาพประจำตัวสมาชิก
อร่อยเหาะ
แม่ไข่กุ้ง พ่อไข่ปู
 
โพสต์: 1593
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 17, 2009 8:39 pm

Re: หมี่เมืองนัง/หมี่ผัดปากพนัง

โพสต์โดย แตง » จันทร์ มิ.ย. 06, 2011 10:48 pm

อร่อยเหาะ ตอนเด็กดูหนังเรื่องนี้เค้าถ่ายทอดเหตุการ์ณได้เหมือนจริงมาก พี่เลยจำติดใจมาตลอดจนทุกวันนี้ และที่ไม่ลืมอีกอย่างคือ มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือประชาชนจริงๆ เด็กกำพร้าหลายคนจากเหตุการณ์ครั้งนั้นได้รับความช่วยเหลืออุปถัมภ์จากมูลนิธินี้
บุญเหมือนน้ำใสสะอาด ส่วนบาปเหมือนตะกอนในน้ำแห่งบุญ
คนเราควรทานอาหารที่มีประโยชน์ แค่พอดีพออิ่ม อย่าทานเพราะความอยาก ทานเกินอิ่มซึ่งเป็นโทษต่อร่างกาย เป็นการเพิ่มกิเลสตัณหา ทุกอย่างเข้าปากไปแล้วเวลาออกมาก็เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจทั้งนั้น
แวะทักทายที่ http://rueanthai2.lefora.com/
ภาพประจำตัวสมาชิก
แตง
แม่ไข่คาร์เวียร์
 
โพสต์: 7789
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ม.ค. 18, 2006 10:43 pm

Re: หมี่เมืองนัง/หมี่ผัดปากพนัง

โพสต์โดย เก็บดาว » อังคาร มิ.ย. 07, 2011 1:16 am

น่าทานมากเลยค่ะพี่แตง สีสันน่าอร่อยจัง ขอบคุณสำหรับสุตรและข้อมุลดีๆด้วยค่ะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
เก็บดาว
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 34
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ พ.ค. 23, 2011 12:42 am

Re: หมี่เมืองนัง/หมี่ผัดปากพนัง

โพสต์โดย หนูหิ่น » พุธ มิ.ย. 08, 2011 9:09 am

น่าทานจริงๆด้วยค่ะพี่แตง ทานกับผักเหนาะเยอะๆอร้อย
ภาพประจำตัวสมาชิก
หนูหิ่น
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 22
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. พ.ค. 26, 2011 1:52 pm

Re: หมี่เมืองนัง/หมี่ผัดปากพนัง

โพสต์โดย guitar » อาทิตย์ มิ.ย. 12, 2011 4:40 pm

พี่แตงคะ รู้ไหม๊ว่าพี่แตงได้ทำคนท้องน้ำลายสอแล้วอ่ะ น่าทานมากมากค่ะ
ไว้วันหลังจะลองทำดูนะคะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
guitar
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 7
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ค. 22, 2008 5:55 am

Re: หมี่เมืองนัง/หมี่ผัดปากพนัง

โพสต์โดย แตง » อังคาร มิ.ย. 14, 2011 8:11 pm

เก็บดาว ขอบคุณที่แวะมาจ๊ะ

หนูหิ่น ใช่จ๊ะทานกับผักเหนาะเยอะๆ อิ่มอร่อยแบบได้คุณค่าด้วย

guitar คนท้องน้ำลายสอแบบนี้คงไม่ทำให้ลูกในท้องน้ำลายสอไปด้วยนะ ทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อเด็กในท้อง รักษาสุขภาพมากๆ เวลาคลอดจะได้ง่าย ว่างเมื่อไหร่ลองทำทานได้
บุญเหมือนน้ำใสสะอาด ส่วนบาปเหมือนตะกอนในน้ำแห่งบุญ
คนเราควรทานอาหารที่มีประโยชน์ แค่พอดีพออิ่ม อย่าทานเพราะความอยาก ทานเกินอิ่มซึ่งเป็นโทษต่อร่างกาย เป็นการเพิ่มกิเลสตัณหา ทุกอย่างเข้าปากไปแล้วเวลาออกมาก็เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจทั้งนั้น
แวะทักทายที่ http://rueanthai2.lefora.com/
ภาพประจำตัวสมาชิก
แตง
แม่ไข่คาร์เวียร์
 
โพสต์: 7789
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ม.ค. 18, 2006 10:43 pm

Re: หมี่เมืองนัง/หมี่ผัดปากพนัง

โพสต์โดย bamboo » ศุกร์ มิ.ย. 17, 2011 9:21 pm

เข้ามาแล้วไม่เคยผิดหวัง น่าทานมากเลยพี่แตงชอบจังเมนูเส้นๆเนี่ย
ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น
bamboo
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 36
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ พ.ค. 28, 2011 9:46 pm

Re: หมี่เมืองนัง/หมี่ผัดปากพนัง

โพสต์โดย แตง » เสาร์ มิ.ย. 18, 2011 5:24 am

bamboo ขอบคุณจ๊ะที่แวะมา เมนูเส้นๆพี่ชอบทานง่ายลื่นดี ขึ้นเหนือแล้ว คราวนี้เลยลงใต้บ้าง
บุญเหมือนน้ำใสสะอาด ส่วนบาปเหมือนตะกอนในน้ำแห่งบุญ
คนเราควรทานอาหารที่มีประโยชน์ แค่พอดีพออิ่ม อย่าทานเพราะความอยาก ทานเกินอิ่มซึ่งเป็นโทษต่อร่างกาย เป็นการเพิ่มกิเลสตัณหา ทุกอย่างเข้าปากไปแล้วเวลาออกมาก็เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจทั้งนั้น
แวะทักทายที่ http://rueanthai2.lefora.com/
ภาพประจำตัวสมาชิก
แตง
แม่ไข่คาร์เวียร์
 
โพสต์: 7789
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ม.ค. 18, 2006 10:43 pm

Re: หมี่เมืองนัง/หมี่ผัดปากพนัง

โพสต์โดย pumpui playim » อาทิตย์ มิ.ย. 26, 2011 2:30 am

ขอบคุณพี่แตงสำหรับสูตร และความรู้ดีดี นะคะ
กำลังหาสูตรจานเส้นพอดี ทานข้าวมาสองอาทิตย์แล้ว
อาทิตย์นี้อยากจานเส้นนน บ้างค่าาา

คิดถึงนะคะ
รูปภาพ
อดทนเวลาที่ฝนพรำอย่างน้อยก็ทำให้เราได้เห็นถึงความแตกต่าง
เมื่อวันเวลาที่ฝนจางฟ้าก็คงสว่างและทำให้เราได้เข้าใจ
ว่ามันคุ้มค่าแค่ไหนที่เฝ้ารอ
ภาพประจำตัวสมาชิก
pumpui playim
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 36
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ พ.ค. 23, 2011 11:01 pm
ที่อยู่: Adelaide SA Australia

ต่อไป

ย้อนกลับไปยัง สูตรใครก็สูตรใคร

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน
cron