เจีย (chia) บางคนเรียกว่า เชีย เรื่องราวของเมล็ดเจีย ที่ค้นหาได้ จากแหล่งต่างๆ สรุปได้ดังนี้:-
เจีย (Chia) หรืออีกชื่อ
Salvia Hispanica เป็นพืชในกลุ่มเครื่องเทศ ตระกลูเดียวกับ มินต์(Mint)
ชื่อมาจากภาษาลาติน " Salare" หมายถึง "Save"
เป็นพืชมีกำเนิดตอนกลางและใต้ประเทศเมกซิโก และกัวเตมาลา เป็นเมล็ดพืชที่ให้พลังงานสูงมากชาวอินเดียนทางตะวันตกเฉียงใต้ของแมกซิโกจะมีเมล็ดเจียติดตัวไว้ เป็นที่รู้จักกันดีในนามของอาหารนักวิ่ง หากเร่งรีบเดินให้ถึงภายใน ๒๔ ชั่วโมง จะมีเมล็ดเจียติดตัวไป ทานแค่ ๑ ช้อนชาก็สามารถเดินทางได้ทั้งวัน
มีวิตามินและแร่ธาตุ ไฟเบอร์ มีโปรตีนสูงถึง ๓๐ เปอร์เซนต์ แคลเซี่ยม ๕ เท่าของนม เป็นพืชเก่าแก่ที่อุดมไปด้วย โอเมก้า 3 โอเมก้า 6 โอเมกา 3 และ 6 ช่วยในเรื่องระบบหัวใจและหลอดเลือด อีกทั้งยังมีเส้นใยโปรตีน สารต้านอนุมูอิสระแร่ธาตุและวิตามินต่างๆ
การค้นพบอีกอย่างคือ เมล็ดเชีย นั้นมีประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยเคลือบกระเพาะอาหารในรูปแบบของเจล เจลนี้ชลอกระบวนการเปลี่ยนแป้งให้เป็นน้ำตาล อีกทั้งยังช่วยสร้างเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อ มีโปรตีนและโบรอน ซึ่งโบรอนนี้ช่วยในกระบวนการดูดซึมแคลเซียม
เป็นแหล่งสารโอเมก้า 3 ชนิด α-Linolenic acid (ALA) ที่สำคัญ ซึ่งเป็นกรดไขมันจำเป็นต่อการทำงานของระบบหลอดเลือดและหัวใจ ตลอดจนระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย (immune system) นอกจากนี้ยังมีวิตามิน เกลือแร่ และสารต้านอนุมูลอิสระสูง
คุณสมบัติพิเศษอีกอย่าง คือ การดูดซับน้ำของเส้นใย (soluble fiber) และเกิดปฏิกิริยาการเปลี่ยนรูปเป็นเจล (gel-forming reaction) ซึ่งนักวิจัยระบุว่าปฏิกิริยาดังกล่าวเป็นปฏิกิริยาเดียวกับที่เกิดในกระเพาะอาหาร หรือที่รู้จักกันในชื่อ Mucilage ซึ่งจะเป็นตัวขัดขวางการทำงานของเอนไซม์ในการย่อยสลายคาร์โบไฮเดรต ชะลอปฏิกิริยาการเปลี่ยนแป้งเป็นน้ำตาล
คุณค่าทางโภชนาการของเมล็ดเจีย
มีโปรตีนร้อยละ 23 น้ำมันร้อยละ 34 และใยอาหารร้อยละ 25 ไม่มี Gluten ทำให้เหมาะกับผู้เป็นโรคแพ้ gluten
เมล็ดเชียนั้นสามารถดูดซับน้ำได้ดี ชะลอการดูดซึมคาร์โบไฮเดรต ทั้งยังช่วยในการดูดซึมสารอาหารที่จำเป็น
เป็นแหล่งของโปรตีน ที่ร่างกายนำไปใช้ได้ทันที ทำให้สามารถสร้างเนื้อเยื่อในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เหมาะกับเด็กและวัยรุ่น สตรีมีครรถ์ นักกีฬา และช่วยในการเพิ่มกล้ามเนื้อ
มีไขมันและกรมโอเมก้า 3 ไขมันเหล่านี้เป็นกรดไขมันอิ่มตัวที่จำเป็นต่อร่างกาย ช่วยดูดซึมวิตามิน D E และK ซึ่งละลายได้ดีในไขมัน ซึ่งไขมันเหล่านี้ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ นอกจากนี้ยังมี โบรอน ซึ่งช่วยในการดูดซึมแคลเซียม
เมล็ดเจีย เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่ใช้ในการรักษาโรคมะเร็ง สามารถเพิ่มระดับพลังงาน และให้สารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายที่มีความจำเป็นในการรักษาโรคมะเร็ง ทั้งยังอุดมไปด้วย วิตามิน บี 17
เมล็ดเจีย ให้คุณค่ามากในแง่ของพลังงาน ไม่มีไขมัน ดังนั้นจึงไม่ทำให้อ้วน
สรรพคุณ : -
เป็นพืชที่ให้พลังงาน สามารถรับประทานเมล็ดเจีที่พองตัวแล้วอย่างเดียว โดยไม่รับประทานอาหารอื่นได้ เพราะเมล็ดเจีย ให้พลังงาน และมีคุณค่าทางอาหารสูง
- อุดมไปด้วยโปรตีน
- แมกนีเซียม
- แคลเซียม สามารถใช้สำหรับป้องกัน หรือการย้อนกลับของโรคกระดูกพรุน
- มี โอเมก้า 3 ทำให้ผิวดี ชุ่มชื้นไม่แตกแห้ง ผมมีสภาพดี บำรุงสมอง จนถึงเซลล์ของร่างกาย
- มีโบรอนที่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับกระดูก
- ทำหน้าที่เป็นตัวประสานแป้ง กับกรดน้ำย่อย ช่วยย่อยอาหารได้สมบูรณ์แบบต่อเนื่อง และค่อยๆเปลี่ยนแป้งเป็นน้ำตาล (ซึ่งกรณีนี้ดีสำหรับคนเป็นเบาหวาน) และทำให้ร่างกายได้รับผลต่อเนื่องในพลังงานนานขึ้น
- กากใยอาหารของเจีย ทำให้ท้องไม่ผูก ป้องกันการเป็นโรคหัวใจล้มเหลว แก้ไขปัญาหาไขมันตีบตัน และช่วยปรับระบบน้ำตาลในโรคเบาหวานให้ดีขึ้น โดยการปรับกรดอินสุลินออกมปรับสภาพน้ำตาลในร่างกาย
-เจลที่เกิดจากเมล็ดเจีย เรียกว่า มูซิลเลจ กากใยนี้จะทำให้อิ่มนานขึ้น ช่วยคนที่ควบคุมน้ำหนัก หรือลดความอ้วน
นอกจากเมล็ดจะมีประโยชน์แล้ว ใบสามารถทานได้ และมีประโยชน์ด้วยคือ
ใช้
ใบแห้งหรือสด ใช้ทำชาดื่มได้ ช่วยในการทำความสะอาดเลือด ลดไข้ แก้ปวด ไขข้ออักเสบ ปากเปื่อย โรคเบาหวาน ท้องร่วง กลั้วคอแก้เจ็บคอ ลดความดัน เพิ่มระดับคอเลสเตอรอลตัวดีช่วยให้ระบบประสาทแข็งแรง ลดอาการร้อนของผู้วัยทอง และอื่นๆ
***เราสรุปคร่าวๆแค่นี้ หากต้องการความรู้เพิ่มเติม ค้นหาอ่านทางอินเตอร์เน็ตได้ตามเว๊ปไซด์หลายแห่ง***ภาพต้นและดอกเจีย
(เอาภาพมาจากอินเตอร์เน็ต เนื่องจากเราเพิ่งเพาะยังเป็นต้นอ่อนอยู่ เลยไม่มีภาพของตัวเอง)
image019.jpg
image021.jpg