หน้า 1 จากทั้งหมด 1

คติธรรมนำชีวิต

โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 28, 2011 1:56 pm
โดย นิรินธนา
ห้องนี้สำหรับคนมีความรักเหลือเฟือ มีธรรมะ คติธรรมดี ๆ ต้องการเผื่อแผ่ให้คนอื่น แบ่งปันความรัก แบ่งปันน้ำใจ ไม่ว่าจะเป็นข้าวของ เงินทอง บอกกล่าวข่าวงานบุญ ระดมทุนทำสิ่งที่ดีมีประโยชน์คืนสู่โลกและสังคม

ขอเอาธรรมะจากเฟสบุ๊คท่าน ว.วชิรเมธี มาฝากชาวครัวนะคะ :D


รอยแผลจากคำพูด


เด็กน้อยคนหนึ่ง มีสีหน้าแสดงอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก พ่อของเขาจึงได้นำตะปูมาให้เขา1 ถุง และได้บอกกับเขาว่า
" ทุกครั้งเวลาที่เขารู้สึกโมโห หรือโกรธใครซักคนให้ตอกตะปู 1ตัวเข้าไปกับ รั้วหลังบ้าน "

วันแรกผ่านไป เด็กน้อยคนนั้นตอกตะปูเข้าไปที่รั้วหลังบ้านถึง 37 ตัว และก็ค่อยๆลดจำนวนลงเรื่อยๆ
ในแต่ละวันผ่านไปก็ลดจำนวนลง เพราะเขารู้สึกว่าการควบคุมอารมณ์ตนเองเริ่มสงบลง
และแล้วหลังจากที่เขาสามารถควบคุมตนเองได้ดีขึ้น ใจเย็นมากขึ้น เขาจึงเข้าไปพบกับพ่อ
และบอกกับพ่อของเขาว่า เขาสามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้แล้ว


พ่อยิ้ม..และบอก กับลูกชายว่า.." ถ้าเป็นเช่นนั้น ลองพิสูจน์ให้พ่อรู้
โดยทุกๆครั้งที่สามารถควบคุมตนเองได้ให้ถอนตะปูออกจากรั้วบ้าน 1 ตัว ทุกครั้ง "
วันแล้ว วันเล่า เด็กน้อยค่อยๆถอนตะปูออกทีละตัว จาก1 เป็น 2 2 เป็น 3 จนในที่สุด ตะปู ถูกถอดออกจนหมด
เด็กน้อยดีใจมาก รีบวิ่งไปบอกพ่อฉันทำได้ ในที่สุดฉันก็ทำสำเร็จ ..!!

พ่อไม่ได้พูดอะไร แต่ได้จูงมือลูกชายไปที่รั้วหลังบ้าน
"เจ้าลองมองที่รั้วเหล่านั้นสิ มันไม่เหมือนเดิมแล้ว เพราะมีรอยตะปูเต็มไปหมดจำไว้นะลูก


เวลาทำอะไรลงไป โดยใช้อารมณ์ สิ่งนั้นมันจะเกิดเป็นรอยแผล ต่อให้ใช้คำพูดว่า ขอโทษ สักกี่หน ก็ไม่อาจลบ ความเจ็บปวด ไม่อาจรบรอยแผลที่เกิดขึ้นกับคนนั้นได้ .....

จงระวัง ในสิ่งที่เราทำลงไปไม่ว่าจะป็นคำพูด หรือ การกระทำ และจดจำไว้เสมอว่า คำขอโทษ ไม่ว่าเขาจะยกโทษให้เราหรือไม่
แต่สิ่งที่มันเกิดขึ้น คือรอยร้าว แผลเป็นที่เค้าคงไม่อาจลืมมันได้ ......ตลอดไป


Re: คติธรรมนำชีวิต

โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 28, 2011 2:03 pm
โดย นิรินธนา
ถ้าเราทำอะไรลงไปโดยมีเจตนาพูดง่ายๆคือมีความตั้งใจ มันก็คือกรรม
และกรรมนั้นสามารถทำได้อยู่ 3 ช่องทาง

1.ทางใจเรียก มโนกรรม

2.ทางวาจาเรียก วจีกรรม

3.ทางการแสดงออกเรียก กายกรรม


บางคนอ้างว่าฉันแค่คิดอย่างเดียว ยังไม่ได้ลงมือทำ ยังไม่เป็นกรรม เป็นความเข้าใจที่ผิด
แค่การคิดไม่ดี ก็เข้าข่ายการทำกรรมแล้วทั้งนี้
เพราะคำพูดของเรา การกระทำของเรามันเป็นบุตรธิดาของความคิดของเรา



คนที่จะพูดอะไรดีๆ ทำอะไรดีๆ ต้องคิดก่อนใช่ไหม
คำพูดและการกระทำ เป็นเครื่องมือของความคิด
เพราะฉะนั้นรากเหง้า ของกรรมคือความคิด พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัด ตัวเจตนาคือกรรม




ดังนั้น ถ้าคุณคิดจะตัดกรรม คุณควรจะตัดตรงไหน ต้นทางของกรรมอยู่ที่ความคิด
เพราะฉะนั้นถ้าจะตัดกรรม ต้องตัดที่ความคิดชั่ว ก็จะตัดการทำชั่วได้
ดังนั้นตัดกรรมไม่ต้องไปที่วัด ตัดที่ตัวเราถึงจะถูก 

....................................................................................................

ตัดกรรม ว.วชิรเมธี

Re: คติธรรมนำชีวิต

โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 28, 2011 2:09 pm
โดย นิรินธนา
รู้ไหมว่า เรามีเวลาอยู่ในโลกนี้คนละกี่ปี
ชีวิตนั้นสั้นยิ่งกว่าหยดน้ำค้างเสียอีก จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่มีใครรู้ล่วงหน้า

ถ้าเราใช้เวลาอันแสนสั้นนี้ไปมัวหลับๆตื่นๆอยู่ในความรัก โลภ โกรธ หลงหมั่นไส้คนนั้น ปลาบปลื้มคนนี้
ริษยาเจ้านายใส่ไคล้ลูกน้องปกป้องภาพลักษณ์ (อัตตา) กด (หัว)คนรุ่นใหม่หลงใหลเปลือกของชีวิต
โดยลืมไปเลยว่าอะไรคือสิ่งที่ตนควรทำอย่างแท้จริงคิดดูเถิดว่า เราจะขาดทุนขนาดไหน


ท่านอังคาร กัลยาณพงศ์ เขียนบทกวีไว้ว่า
''น้ำไหลอายุขัยก็ไหลล่วง ใบไม้ร่วงชีพก็ร้างอย่างความฝันฆ่าชีวาคือพร่าค่าคืนวัน จะกำนัลโลกนี้มีงานใด''

คนเราไม่ควรพร่าเวลาอันสูงค่า ด้วยการปล่อยตัวปล่อยใจให้ตกเป็นทาสของความชอบ ความชัง มากนัก
เพราะถ้าเราวิ่งตามกิเลส กิเลสก็จะพาเราวิ่งทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ต่อไปไม่รู้จบ กิเลสไม่เคยเหนื่อย แต่ใจคนเราสิจะเหนื่อยหนักหนาสาหัสไม่รู้กี่เท่า

ควรคิดเสียใหม่ว่า เราไม่ได้เกิดมาเพื่อที่จะชอบหรือไม่ชอบใคร หรือเพื่อที่จะให้ใครมาชอบหรือมาชัง
แต่เราเกิดมาสู่โลกนี้เพื่อทำในสิ่งที่ดีที่สุด ที่มนุษย์คนหนึ่งควรจะทำ เอาเวลาที่รู้สึกแย่ๆกับคนอื่นนั้นหันกลับมามองตัวเองดีกว่า
ชีวิตนี้เรามีอะไรบ้างที่เป็นแก่นสาร มีงานอะไรบ้างที่เราควรทำ นอกจากนั้นก็ควรมองกว้างออกไปอีกว่า
เราได้ทำอะไรไว้ให้แก่โลกบ้างแล้วหรือยัง

คนทุกคนนั้นต่างก็มีดีมีเสียอยู่ในตัวเอง ถ้าเราเลือกมองแต่ด้านเสียของเขา จิตใจของเราก็เร่าร้อน หม่นไหม้
เวลาที่เสียไปเพราะมัวแต่สนใจด้านไม่ดีของคนอื่น ก็เป็นเวลาที่ถูกใช้ไปอย่างไร้ค่า
บางที่คนที่เราลอบมอง ลอบรู้สึกไม่ดีกับเขานั้นเขาไม่เคยรู้สึกอะไรไปด้วยกันกับเราเลย เราเผาตัวเราเองอยู่ฝ่ายเดียวด้วยความหงุดหงิด
ขัดเคืองและอารมณ์เสีย วันแล้ววันเล่า สภาพจิตใจแบบนี้ไม่เคยทำให้ใครมีคุณภาพชีวิตดีขึ้นมาได้เลย

ลองเปลี่ยนวิธีคิด วิธีมองโลกเสียใหม่ดีกว่าคิดเสียว่า
คนเราไม่มีใครดีพร้อมหรือ เลวไม่มีที่ติไปเสียทั้งหมดหรอกเราอยู่ในโลกกันคนละไม่กี่ปี
ประเดี๋ยวเดียวก็จะล้มหายตายจากกันไปหมดแล้ว มาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระทำไม
อะไรที่ควรทำก็รีบทำเถิดปล่อยวางเสียบ้างความโกรธ ความเกลียดนั้นไม่มีคุณค่าอะไรต่อชีวิตอันแสนน้อยนิดนี้เลย
มุ่งไปข้างหน้า ไปหาสิ่งที่มีคุณค่าให้ชีวิตดีงามดีกว่า


วิธีที่แนะนำทั้งหมดนั้น นักภาวนาเรียกว่า ''การกลับมาอยู่กับตัวเอง'' กล่าวคือ
ถ้าเราเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องอยู่กับคนที่ไม่ถูกโฉลก แทนที่จะปล่อยใจให้อยู่กับความรู้สึกแย่ๆไปตลอด
ก็ควรหันกลับเข้ามา ''มองด้านใน''แก้ไขที่ตัวเอง อย่ามุ่งแก้ไขที่คนอื่นเพราะยิ่งพยายามแก้ไขคนอื่น ก็ยิ่งยุ่งเหมือนลิงทอดแห
ยิ่งเราให้ความสำคัญกับคนที่เราเกลียดมากเท่าใด สภาพจิตใจก็ยิ่งแย่ลงมากเท่านั้น
วิธีที่ดีที่สุดในการอยู่กับคนที่เรารู้สึกไม่ดี หรือเป็นปฏิปักษ์ก็คือ การดึงความรู้สึกจากเขามาอยู่เราทุกขณะ
หรือถ้าเช่นนั้นก็ย้ายตัวเองออกไปเสียจาก สภาพแวดล้อมเช่นนั้นให้เร็วที่สุด อย่าอยู่นานจนทุกข์นั้นกลัดหนองเป็นมะเร็งร้ายในอารมณ์



ปราชญ์จีนบอกว่า ''ถ้ามีขุนเขาขวางท่านอยู่ข้างหน้า อย่าเสียเวลาย้ายขุนเขาแต่จงย้ายตัวเอง ''

ดังนั้นเราควรจะย้ายภูเขาที่อยู่ข้างใน หรือจะย้ายภูเขาที่อยู่ข้างนอก?



โดย ว.วชิรเมธี

Re: คติธรรมนำชีวิต

โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 28, 2011 7:03 pm
โดย fookbiot
นิรินธนา เขียน:ถ้าเราทำอะไรลงไปโดยมีเจตนาพูดง่ายๆคือมีความตั้งใจ มันก็คือกรรม
และกรรมนั้นสามารถทำได้อยู่ 3 ช่องทาง

1.ทางใจเรียก มโนกรรม

2.ทางวาจาเรียก วจีกรรม

3.ทางการแสดงออกเรียก กายกรรม


บางคนอ้างว่าฉันแค่คิดอย่างเดียว ยังไม่ได้ลงมือทำ ยังไม่เป็นกรรม เป็นความเข้าใจที่ผิด
แค่การคิดไม่ดี ก็เข้าข่ายการทำกรรมแล้วทั้งนี้
เพราะคำพูดของเรา การกระทำของเรามันเป็นบุตรธิดาของความคิดของเรา




มาสนับสนุนพี่หนูนาด้วยการทดลองทางวิทยาศาสตร์ สำหรับคนรุ่นใหม่ที่ไม่ได้เชื่ออะไรโดยไม่ได้พิสูจน์

มีนักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่น Masaru Emoto ทำการทดลองโดยการฟรีสอนุภาคน้ำ หลังจากที่ได้พูดกับน้ำ หรือ ใช้ความคิดกับน้ำ
อนุภาคน้ำที่ได้ทำการฟรีสนั้น ให้นึกภาพ หิมะตก หิมะจะตกลงมาเป็นอนุภาคน้ำที่แข็ง เป็นดาวแฉก รูปแบบต่าง ๆ

Emoto ได้ทำการหยดน้ำ แล้วทำให้น้ำแข็ง เป็น water crystals อนุภาคน้ำแข็งนั้นเอง ระหว่างที่หยดน้ำ Emoto ได้พูดคำต่าง ๆ กัน เช่น ขอบคุณ
ฉันรักเธอ ฉันเกลียดแก ฉันจะทำให้แกตาย อื่น ๆ หลังจากนั้น ก็ได้ทำให้อนุภาคน้ำนั้นแข็ง แล้ว ถ่ายรูปอนุภาคน้ำแข็ง แต่ละแบบออกมา

ผลปรากฎว่า อนุภาคน้ำแข็งนั้นได้เปลี่ยนรูปต่าง ๆ ตามคำพูดของเรา หรือ ความคิดของเรา เวลาพูดสิ่งที่เป็นด้านบวก อนุภาคน้ำแข็งสร้างตัวออกมาเป็นรูปแบบดาวต่าง ๆ ที่สวยงาม

ในขณะที่ อนุภาคน้ำแข็ง ที่ผ่านกับคำพูด หรือความคิดด้านลบ อนุภาคน้ำแข็งนั้นไม่สร้างตัวเป็นรูปดาว กลับสร้างตัวเป็นก้อนที่ไม่เป็นรูปร่าง ดูไม่สวยงาม

ผลการทดลองของ Emoto นั้นได้รับการยอมรับทั่วโลก และได้มีการทดลองซ้ำเพื่อดูว่า อะไรคือสาเหตุแห่งการเปลี่ยนรูปของอนุภาคน้ำแข็งรูปแบบต่าง ๆ

สรุปว่า ความคิด คำพูดได้สามารถทำให้เกิดผลลัพธ์ กับสิ่งที่จับต้องได้ จริง ๆ และได้มีการทดลองที่สนับสนุนสมมติฐานนี้

ลองคิดดูสิว่า มนุษย์นั้น ในร่างกายประกอบด้วยน้ำประมาณ 80% เพราะฉะนั้น เวลาเรามีความคิดหรือ คำพูดในด้านลบออกมานั้นมีผลกระทบต่อตัวเรา
หรือบุคคลอื่น มากแค่ไหน

เพราะฉะนั้น ความคิด และคำพูด เป็นกรรมที่ได้เริ่มก่อขึ้นแล้ว อยากให้ร่างกายของเราเอง และผู้คนรอบข้างเราเป็นแบบไหน ก็แล้วแต่ตัวท่านจะเป็นผู้กำหนด

สามารถอ่านต่อได้ในเวบไซต์ข้างล่างนี้

Re: คติธรรมนำชีวิต

โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 28, 2011 7:44 pm
โดย Vilai
ขอบคุณพี่หนูนากับน้องฟูกมากเลยค่ะ
ที่นำสิ่งดีๆมาฝาก ทุกวันนี้น่ะเนอะเเค่คิดก็ผิดเเล้วว่ามั้ยคะ

Re: คติธรรมนำชีวิต

โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 31, 2011 12:14 am
โดย Vilai
พี่นึกได้เเระว่าจะเอารูปหนังสือมาให้น้องฟูกดูจ้า

Re: คติธรรมนำชีวิต

โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 31, 2011 12:17 am
โดย Vilai
:P

Re: คติธรรมนำชีวิต

โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 31, 2011 12:20 am
โดย Vilai
:P

Re: คติธรรมนำชีวิต

โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 31, 2011 12:22 am
โดย Vilai
:P

Re: คติธรรมนำชีวิต

โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 02, 2011 5:10 am
โดย de loei
สวัสดีจ้า เข้ามานั่งอ่านแระ ต้องขอขอบคุณน้องหนูนา น้องฟูก และน้องวิไลมั่กๆ เลยค่ะ อ่านแล้วทำให้ต้องสำเหนียกในตัวตนของเรานะ จริงค่ะ " แค่คิดก็ผิดแล้ว"

Re: คติธรรมนำชีวิต

โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 08, 2011 3:20 pm
โดย Nhupom
ชอบเรื่องคุณฟูกลงมากค่ะ
และคิดอยู่เสมอว่า คำพูดสำคัญ
คนเราเมื่อไม่ถูกกัน ชอบพูดจาทำร้ายกัน แหนะแหนกัน ซึ่งมันทำให้แย่มาก...
แต่เมื่อเราให้ความสำคัญกับสิ่งที่พูดออกไป บางครั้งอาจจะมองว่าพูดจาแบบนี้ เขียนแบบนี้ เป็นแบบเอาใจ ประจบประแจง
แต่การคิดแบบนี้ก็เป็นการคิดในแง่ร้ายแล้ว ความคิดไม่ดี จิตใจที่คิดแต่เรื่องนี้ก็ทำให้ตัวเองไม่มีสุข ร้อน
การที่ให้กำลังใจกัน ไม่ทำร้ายใจกัน ส่งเสริมไปในทางดี กลับมุมมองที่มองใหม่ แค่คิดยังไม่ได้ใช้คำพูด ก็มีผลแล้ว
น้ำก็แสดงผลออกมาให้ดูแล้วว่า คำพูดมีผลอย่างไรเกิดขึ้น