หน้า 2 จากทั้งหมด 2

โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 11, 2008 7:59 pm
โดย {@-Enya-@}
พอทำน้ำเชื่อมเสร็จก็มาหั่นแห้วต่อค่ะ เราใช้แห้วดิบนะคะ นำมาปอกเปลือก (พิมซื้อแบบปอกแล้ว ๑/๒ กิโล) แล้วก็หั่นแห้วเป็นชิ้นเล็กๆ ขนาดสัก ๐.๕ x ๐.๕ ซม. กำลังดี แต่วันนี้พิมขี้เกียจค่ะ เนื่องด้วยเวลาในการทำน้อยมากก ก็เลยขอหั่นเป็นชิ้นใหญ่หน่อย

รูปภาพ

โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 11, 2008 8:00 pm
โดย {@-Enya-@}
พอหั่นแห้วเสร็จ รออีกเดี๋ยวก็ครบ ๓๐ นาที สาคูที่เรานวดและพักไว้ก็ใช้ได้พอดีเลยค่ะ เราก็เปิดฝา เตรียมตัวปั้นเม็ดสาคูบัวลอย กันนะคะ เริ่มแรกก็หยิบแป้งขึ้นมาสักนิดหน่อยค่ะ แล้วก็แผ่แป้งสาคูเป็นแผ่นประมาณนั้น ไม่ต้องให้แป้งหนามากนะคะ เดี๋ยวเวลาทานแล้วจะไม่อร่อย

รูปภาพ

โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 11, 2008 8:02 pm
โดย {@-Enya-@}
แล้วก็หยิบแห้ววางลงไป ๑ ชิ้น จัดการเอาแป้งสาคูห่อแห้วให้มิดทุกด้าน แล้วก็ปั้นให้เป็นกลมๆแบบนี้ค่ะ

รูปภาพ

โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 11, 2008 8:02 pm
โดย {@-Enya-@}
แป้งสีเขียวก็ทำเช่นเดียวกันจ้า แต่เนื่องจากพิมใส่น้ำให้เม็ดสาคูสีเขียวเกินไปหน่อย มันก็เลยแฉะ ทำให้ปั้นแล้วติดมือมาก แต่ก็ปั้นได้ค่ะ อาศัยมือเปียกๆน้ำนิด ปั้นสบายๆจ้า

รูปภาพ

โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 11, 2008 8:02 pm
โดย {@-Enya-@}
พอปั้นเสร็จทั้งหมด (ระหว่างปั้น ใช้แป้งมันเป็นนวลนะคะ เพื่อไม่ให้สาคูที่ปั้นแล้วเกาะติดกันเป็นก้อน) ก็เอาไปต้มในน้ำเดือดจัด อย่างนี้เลยค่ะ

รูปภาพ

โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 11, 2008 8:03 pm
โดย {@-Enya-@}
ทิ้งระยะเวลาให้เม็ดสาคูลอยขึ้นมา และก็ปล่อยไว้สักครู่ รอให้แห้วด้านในสุกราว ๒-๓ นาที ก็ตักขึ้นมาใส่ภาชนะที่มีน้ำเย็นรอไว้ได้เลยค่ะ ทิ้งไว้ในน้ำเย็นสัก ๑ นาที ก็ตักขึ้นใส่กระชอนให้สะเด็ดน้ำ และนี่ค่ะ หน้าตาของสาคูบัวลอยที่ต้มสุกเรียบร้อยและพร้อมรับทานได้แล้วค่ะ

รูปภาพ

โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 11, 2008 8:03 pm
โดย {@-Enya-@}
เมื่อเราเตรียมเครื่องทุกอย่างพร้อมก็เตรียมลงมือทานได้เลยจ้า ว่าแล้วก็หยิบถ้วยมา ตักเม็ดสาคูบัวลอยใส่ก่อนเป็นอันดับแรกเลยจ้า

รูปภาพ

โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 11, 2008 8:03 pm
โดย {@-Enya-@}
ตามด้วยข้าวโพดหวานๆ อันนี้พิมขาดไม่ได้เลยค่ะ เพราะชอบมากๆ ปริมาณแล้วแต่ชอบมากน้อยเลยนะคะ และก็น้ำเชื่อมใบเตยดอกมะลิหอมๆ

รูปภาพ

โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 11, 2008 8:03 pm
โดย {@-Enya-@}
ตามด้วยน้ำแข็งเลยค่ะ ร้อนๆอย่างนี้ต้องอะไรเย็นๆลูกเดียวเลย พิมเอาน้ำแข็งยูนิคมาทุบเอาจ้า เลยใหญ่หน่อย ไม่ว่ากันนะคะ

รูปภาพ

โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 11, 2008 8:04 pm
โดย {@-Enya-@}
และก็ราดหน้าด้วยกะทิสดๆ ขอบอกค่ะว่ากะทิขูดสดๆ คั้นสดๆ หอมหวานมันมากๆเลยค่ะ แต่อย่าทานเยอะเกินไปนะคะ มันไม่ค่อยดีต่อสุขภาพ ถ้าใครอยากทานขนมชนิดนี้แต่ทานกะทิไม่ได้ ใช้เป็นนมสดแทนก็ได้นะคะ

รูปภาพ

โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 11, 2008 8:04 pm
โดย {@-Enya-@}
แล้วก็คนสักเล็กน้อยให้เข้ากัน ตกแต่งด้านหน้าด้วยขนุนฉีกอีกนิดหน่อยก็เสร็จแล้วจ้า สาคูบัวลอยกะทิสด ใครสนใจจะทานกับพิมไหมคะ

รูปภาพ

โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 16, 2008 8:42 pm
โดย wasinee
ขอบคุณมากๆนะคะสำหรับสูตรอร่อยๆค่ะ นักเรียนไม่ได้ใส่สีนะคะ ลืมซื้อน่ะค่ะ แบบว่าอยากกินแบบกระทันหัน เลยทำแบบไม่ใส่สีแต่ยังไงก็อร่อยอยู่ดี ชมตัวเองก็เป็น เชิญเพื่อนๆชิมด้วยกันเลยจ้า

รูปภาพ

โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ค. 29, 2008 8:13 am
โดย kuk
อยากทำตั้งแต่เห็นการบ้านน้องไก่แล้วค่ะ เป็นขนมที่ไม่เคยทาน คล้ายทับทิมกรอบแต่ไม่ใช่ พอน้องโอ๋ส่งการบ้านอีกคน ยิ่งเป็นการตอกย้ำความอยากเลยค่ะ วิ่งเข้าไปหาสูตร ดูแล้วไม่ยาก พอได้โอกาสก็จัดการทำตามสูตรของครู ปั้นครั้งแรกได้ลูกใหญ่เคี้ยวเต็มปากเลย แต่ทำทีละน้อยเพราะทำง่าย ถ้วยหลังๆเลยปั้นให้เล็กลง เคี้ยวหนึบหนับ อร่อยกำลังดีค่ะ ยิ่งต้มเม็ดบัวลอยเสร็จ ทิ้งไว้ให้เย็นนิดหน่อยแล้วใส่เครื่อง ใส่น้ำกะทิทานทันที อร่อยมากๆเลยค่ะ ฝากบอกเพื่อนๆทีจะลองทำนะคะว่าถ้าเหลือแล้ววางทิ้งไว้โดยที่ยังไม่ผสมเครื่องอื่นๆ เนื้อบัวลอยจะแข็ง เคี้ยวไม่ออก เหนียวมาก ให้เอาน้ำต้มแล้วใส่เม็ดบัวลอยลงไปต้มใหม่ให้เม็ดใสๆ รับรองอร่อยหมือนเดิมค่ะ

โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ค. 29, 2008 8:22 am
โดย kuk
อันนี้ตักใส่ถ้วยแล้วค่ะ สังเกตไหมคะเม็ดบัวลอยลูกใหญ่เท่าแห้วเลย ก็ลูกสาวช่วยปั้นเลยได้ขนมแบบเด็กๆ แถมสีสันเข้มเชียว พอดีเพื่อนบ้านตัดลูกขนุนจากต้น เลยให้มาเป็นกะละมังเลย หามะพร้าวอ่อนเพิ่มรสชาติลงไปได้วย ทั้งหอม ทั้งอร่อย

โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ค. 29, 2008 8:25 am
โดย kuk
ถ้วยนี้ตักแจกค่ะ ชิมกันใหญ่ อร่อยถ้วนหน้านะคะ