ครัวไกลบ้าน

พอทุบเปลือกกุ้งแตกไปได้สักพัก ก็เทกุ้งแห้งกับเปลือกออกมาใส่กระด้ง เพื่อเตรียมฝัดเอาเปลือกกุ้งแห้งที่แตกๆ แล้วออกไปน่ะค่ะ

จากนั้นก็ฝัดให้เปลือกที่แตกๆแล้วออกไป แล้วก็เทใส่ถุง บดใหม่ แล้วก็เอามาฝัดอีกค่ะ ทำไปทำมา ซ้ำๆกันอย่างนี้ หรือจะใช้มือ ใส่ถุงมือช่วยก็ได้ค่ะ

สุดท้ายแล้วเราก็จะได้กุ้งแห้งหน้าตาแบบนี้มาน่ะค่ะ

ขอบอกว่ากุ้งแห้งที่ได้ออกมา ตัวใหญ่มากๆ แถมสีก็แดงสวย โดยไม่ต้องใส่สีด้วยนะคะ ว่าแล้วก็ชวนเพื่อนๆมาลองชิมกันคนละตัวสองตัวจ้า

พี่มิ้นท์เป็นคนกินกุ้งแห้งแล้วแพ้ค่ะ แพ้สารกันเชื้อรา สารกันบูด สีผสมอาหาร ฯลฯ พอได้อ่านวิธีถนอมอาหารที่คุณพิมชวนทำกุ้งแห้ง และบอกว่ากินได้อย่างสบายใจเพราะไม่มีสารกันเชื้อราอย่างแน่นอน ได้แรงดลใจอย่างแรง ไม่รอช้าเลยค่ะ นอนคิดทั้งคืนจะไปหากุ้งสดๆที่ไหน หลับไปหนึ่งคืน ฟื้นขึ้นมา (ไม่สบายค่ะเพราะแพ้อาหารอย่างแรง) ได้สููตรกุ้งแห้งปลอดสารพิษที่ปลอดภัยเป็นของตัวเอง ต้องขอขอบคุณ หมููแดงและน้องพิมจ้า ที่มีแต่สิ่งดีๆมาแบ่งปันกัน การได้กินกุ้งแห้งแล้วไม่แพ้ เหมือนได้ขึ้นสวรรค์ค่ะ เสียเวลาหน่อยแต่ไม่ต้องไปนอนโรงพยาบาล ดีใจมากๆ มาดููหน้าตากุ้งแห้งไร้สารพิษค่ะ



วิธีทำ (ที่นอร์เวย์นะคะ)

ไปซื้อกุ้งค่ะ เป็นกุ้งต้มแล้วแช่แข็ง กุ้งชนิดนี้อร่อยมากเพราะเค้าต้มด้วยน้ำทะเล และเป็นกุ้งที่สะอาดจับมาจากบริเวณน่านน้ำทะเลประเทศนอร์เวย์และกรีนแลนด์ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเขตที่รักษาสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุดและเข้มงวดที่สุดแห่งหนึ่งของโลก



หนึ่งกล่องจะบรรจุกุ้งน้ำหนัก ๕ กิโลกรัม เมื่อได้มาแล้วเอาออกมาใส่ถาดประมาณ ๒-๓ ชั่วโมงให้น้ำแข็งละลาย

เปิดเตาอบค่ะ ใช้ไฟประมาณ ๑๙๐ องศาเซลเซียส เตรียมถาดและตะแกรง จัดกุ้งเรียงบนตะแกรง (ผึ่งแดดก็ได้ค่ะแต่ต้องมานั่งเฝ้าอีกาค่ะ จมููกไว แมลงวันหัวเขียวอีก ไม่ไหวค่ะ แดดก็ไม่แรงด้วย)



นำไปอบประมาณ ๓๐ นาที เอาออกมากลับด้าน เทน้ำทิ้ง อบต่ออีก ๓๐ นาที หรือจนแห้งประมาณนี้ค่ะ



นำมาแกะเปลือกออก แล้วอบต่ออีกประมาณ ๒๐ นาที



เอาออกมาใส่ผ้าขาวบางหรือถุงผ้า แล้วฟาดหรือหาไม้ตีไม่ต้องแรงนะคะ แค่พอให้เปลือกกุ้งที่ยังติดแตกออก แล้วเปิดดูู เอามือหยิบแต่ตัวกุ้งแยกอกมา

จะได้กุ้งแห้งอย่างนี้ค่ะ



ถ้าดููว่ายังแห้งไม่ถููกใจก็นำเข้าอบต่อสัก ๑๕ นาที นี่เป็นเปลือกที่เราตีให้แตกค่ะ



นี่เป็นกุ้งแห้งที่ได้ แห้งอร่อยมากๆ







กุ้งห้ากิโลได้กุ้งแห้งประมาณ ๒๕๐ กรัม คุ้มค่าเหนื่อยสำหรับพี่มิ้นท์ค่ะ วันนี้กินหมดแล้ว มีนายแบบมาแจมชิมด้วยค่ะ

กุ้งแห้งเข้าไปนอนในท้องเราสองคนแม่ลููกค่ะ การันตีความอร่อย

นี่เป็นเปลือกกุ้งค่ะ อบแห้งประมาณนี้ กำลังอร่อยค่ะไม่แข็งจนเกินไป แต่เมื่อวันก่อนที่บ้านกลิ่นหอมเหมือนสี่แยกบ้านเพ จ.ระยองเลยค่ะ แต่เปลือกกุ้งเหม็นมากๆ ต้องห่อให้มิดชิดก่อนนำไปทิ้งค่ะ เหม็นจริงๆ แต่กุ้งแห้งห้อมหอม

ดูหน้าค่าตากุ้งแห้งของเหมียวก่อนนะคะ



ทำเยอะนะคะ แต่พอแห้งแล้วได้ออกมาถ้วยนิดเดียวเองค่ะ

ทีแรกเหมียวกะจะทำแบบที่พี่มิ้นท์แนะนำไว้ค่ะ คือตากไปเลยทั้งเปลือกแล้วก็มาทุบเปลือกออกทีหลัง หลังจากที่ตากกุ้งได้แห้งแล้วค่ะ ก็เลยเอาตากทั้งเปลือกกุ้งเลยค่ะ ซื้อกุ้งมาแบบแช่แข็งนะคะ เค้าต้มมาสุกแล้วค่ะ แล้วก็เทลงตะแกรงเลยค่ะ



สักพักน้ำแข็งเริ่มละลายแล้วเหมียวก็เลยคิดใหม่ค่ะ ถ้าแกะเปลือกกุ้งออกแล้วตากนี่คงจะแห้งไวขึ้นเนอะ ก็เลยนั่งแกะเปลือกกุ้งออกค่ะ แล้วหัวกุ้งบางส่วนก็โยนเข้าปากคนแกะไปตามระเบียบค่ะ



แกะเปลือกเสร็จก็เอามาเรียงบนตะแกรงใหม่ค่ะ



งานยากนิดหน่อยค่ะ เพราะต้องค่อยๆเรียงทีละตัวค่ะ

หลังจากผ่านไป ๒ ชั่วโมง เริ่มแห้งแล้วค่ะ

เหมียวตากไปแค่ ๖ ชั่วโมงเองค่ะ แห้งสนิทเลย นี่เก็บเข้าบ้านแล้วค่ะ แต่ว่าเอาผึ่งไว้บนตะแกรงจนเช้านะคะ ถึงเก็บใส่ถ้วยสีเขียวๆที่เห็นนั่นแหละค่ะ






แห้งแล้วได้นิดเดียวเองค่ะ

วันนี้ลองแบบ เอากุ้งมาแกะเปลือกออกก่อน กะว่าจะใช้แสงแดด ผิดหวังค่ะ ฝนตก เลยเอาไปอบ ไฟ ๒๐๐ องศาเซลเซียส ประมาณ ๓๐ นาที

กุ้ง ๑ กิโล ได้กุ้งแห้ง ๗๕ กรัมค่ะ แต่พี่มิ้นท์ชอบรสชาติแบบอบทั้งเปลือกค่ะ หวานกว่ากันอร่อยกว่าด้วย



แกะกุ้งไม่ค่อยสวยค่ะ ไม่ปราณีต

แบบว่ากุ้งแห้งที่ซื้อน่ะมันตัวเล็กๆ แข็งๆ ไม่อร่อยเอาซะเลย พอไปร้านซีฟู้ด เห็นกุ้งต้มตัวไม่โตเท่าไหร่ เลยซื้อมาทำกุ้งแห้งกินดีกว่า วันไหนอยากกินส้มตำไทยจะได้แซ่บๆ ซื้อมาได้จนถึงวันที่เริ่มทำก็ประมาณ ๗ เดือน กุ้งนอนแช่อยู่ในช่องฟรีซ กุ้งแห้งทำเองนี่มันอร่อย กินเล่นจนเพลิน อาจจะไม่เหลือถึงส้มตำ นี่ค่ะครู ทำตามวิธีที่ ๒ นะคะ ปอกกุ้งก่อนแล้วค่อยอบค่ะ ไม่ได้ตากแดด กลัวแมลงวันตอมหึ่งๆค่ะ

ขออีกสักรูปนะคะ มันเสียเวลาปอกเปลือกตั้งนานค่ะ

เห็นพี่ปุ้ยทำแล้วเลยอยากลองบ้างค่ะ กุ้งใหญ่ไม่มีก็เลยเอานี่เลยค่ะ กุ้งเล็ก แต่ก็หอม อร่อยเหมือนกันค่ะคุณครูขา เข้ามาให้กำลังใจด้วยนะคะครู