โดย prettypass2000 » เสาร์ ก.ค. 05, 2008 6:26 pm
quasi-auxiliary verb คือ กริยาที่ใช้เหมือนกริยาช่วย
ส่วน auxiliary verb คือ กริยาช่วย กริยาช่วยที่นิยมใช้ทั่วไป คือ to have, to be, to do, will, shall, would, should, can, may, might, and could ซึ่งในภาษาอังกฤษจะใช้เปลี่ยนรูปแบบของกริยาหลักในประโยคเป็น passive, progressive, perfect, modal, dummyนะคะ
ประโยคโดยทั่วไปในภาษาอังกฤษจะมี ประธาน +กริยา +คำนาม เราสามารถใส่กริยาช่วยเพื่อขยายกริยาหลักได้มากกว่าหนึ่งค่ะ เช่น I have slept.[one auxiliary]/ I have been sleeping.[two auxiliary]
ซึ่งกริยาช่วยบางตัวสามารถใช้เป็นกริยาหลักได้เช่น "to be" => auxiliary = I was hit by a bike หรือ full verb = I am a ladyค่ะ หรือ "to have" => auxiliary = I have done my homework / full verb = I have a carค่ะ
ทีนี้มาพูดถึงหน้าที่ของกริยาช่วยนะคะ
1. passive: กริยาช่วย "to be" เมื่อนำมาใช้กับ verb ช่องสามจะทำให้ประโยคเป็น passive ซึ่งหมายถึงประธานของประโยคเป็นผู้ถูกกระทำ เช่น Peter was hit by a car[ปีเตอร์ถูกรถชน] แต่การใช้บางครั้งก็ทำให้ไม่เป็น passiveเช่นกันเพราะ past participleสามารถใช้ีadjectiveแบบบอกสถานะได้ ยกตัวอย่างคือ "at 9 pm.,the window was closed"สามารถแปลได้ว่า ตอนสามทุ่มหน่าต่างถูกปิืด หรือ ตอนสามทุ่มหน้าต่างไม่เปิด เราสามารถใช้ verb "get" แทน "to be" ได้นะคะและจะทำให้ประโยคเป็น passiveเหมือนเดิม คือ "at 9pm, the window got closed"
2. prgressive: เราสามารถใช้ "to be" แล้วตามด้วย verb+ingเพื่อที่จะบอกว่าสิ่งที่นั้นกำลังเกิดขึ้นขณะที่คนพูดกำลังพูด เช่น I am swimming in the creek=>ฉันกำลังว่ายน้ำอยู่ในลำธาร
3. perfect: เราใช้ "to have" กะ verbช่องสามนะคะ เป็นการเชื่อมโยงอดีตถึงปัจจุบันว่าเหตุการณ์ที่กล่าวมีความเป็นมาจากอดีตถึงปัจจุบัน e.g., I have been reading this book I read this book อันแรกจะเป็น perfect หมายถึง ฉันอ่านหนังสือเล่มนี้มา ส่วนอันหลังจะเป็นแค่บอกว่าฉันอ่านหนังสือเล่มนี้แต่ไม่ได้บอกว่าอ่านมานานไหม perfectส่วนใหญ่จะมี for, since ต่อท้ายประโยคเพื่อบอกระยะเวลา for + years/ since + year or sentence or time เช่น I have been reading this book for 10 days. หรือ I have been reading since I was young/ I have been reading since 1992.
4. Modal: กริยาต่อไปนี้ในภาษาอังกฤษไม่สามารถใช้เป็นกริยหลักได้ จำต้องเป็นกริยาช่วยเสมอคือ can, could, may, might, shall, should, will, would, and must กริยาช่วยที่กล่าวนี้จะใช้บอกถึงความคิดหรือความเห็นของผู้พูดหรือผู้ฟังขณะที่กำลังสนทนาหรือเขียน ซึ่งกริยาช่วยบางตัวจนี้จะำพบได้บ่อยใน conditional tense
ข้อควรรู้ คือ "could" ไม่ได้เป็น past tenseของ canเสมอนะคะ ขึ้นอยู่กะการใช้ในประโยคเช่น
-I couldn't do it.[เป็นpastของ can]
-It could happen.[บอกถึงความน่าจะเป็น ]
-Could you do me a favor? [เป็นการช่วยให้สุภาพกะคนที่คุ้นเคย]
5. Dummy: หมายถึง การใช้กริยาช่วยในการสร้างคำถามหรือทำประโยคให้เป็นปฏิเสธค่ะ นอกจาก"to be" & "to have" เราใช้ dummy auxiliary "to do"สำหรับตั้งคำถามหรือปฏิเสธเมื่อประโยคที่เป็น positiveมีกริยสหลัก เช่น I know the way. => I don't know the way / Do you know the way? ซึ่งปกติเราจะไม่เห็น dummy "to do" ในประโยดที่มีกริยาหลักที่เป็น positiveและไม่อยู่ในเชิงคำถาม แต่ก็มีข้อยกเว้นว่าเราสามารถใช้ dummy "to do"เป็น "do-insertion เพื่อยืนยันประโยคpostiveนั้น เช่น I do know the truth=> ฉันรู้ความจริงนั้น[ผู้พูดมั่นใจว่ารู้ความจริงนั้นจริงๆ"
<img src='http://i134.photobucket.com/albums/q90/prettypass2000/180032_160763360641641_100001239355999_351328_6246049_n-1.jpg' border='0' alt='user posted image' />