<span style='color:green'>ไม่รู้จะเริ่มต้นยังงั๊ยค่ะ เพราะมันเหนื่อยใจมากๆ ตอนอยู่เมืองไทย ด้วยหน้าที่การงานและเงินเดือนดีกว่าพี่น้องคนอื่นๆ หน้าที่ลูกที่ดีกตัญญูดูแลแม่และค่าใช้จ่ายบ้านภายในทุกอย่างเลยตกเป็นของพี่ตีโดยปริยาย ยกเว้นผ่อนบ้านเป็นหน้าที่ของพี่สาว เพราะเธอยืมบ้านแม่ไปremortgage ขอบอกว่าค่าใช้จ่ายเดือนนึงไม่ใช้น้อยๆเพราะมีห้าชีวิตในบ้านรวมถึงอดีตแฟนชาวอเมริกันเป็นปลิงเกาะขาอีกคน ทำงานได้เงินเดือนหลังจากหักภาษีและประกันสังคม ประมาณ 49,252.50 ไม่พอใช้ค่ะ พี่ตีทำอย่างนี้ตั้งแต่เริ่มทำงาน มันเลยเป็นหน้าที่ของพี่ตีที่ต้องดูแลทุกอย่างและทุกคนในบ้าน
จนแต่งงานย้ายมาอังกฤษ หน้าที่ดังกล่าวก็ยังไม่หลุดพ้นแถมยังมากขึ้นกว่าเดิม จนบางครั้งพี่ตีรู้สึกว่าชาติที่แล้วเราคงติดหนี้คนในครอบครัวไว้เยอะ (โดยเฉพาะกับพี่สาวของพี่ตี) ชาตินี้เลยเหมือนต้องเกิดมาใช้หนี้คนในครอบครัว เหนื่อยจังเลยค่ะ เหมือนโดน พี่น้องเอาเปรียบตลอด
ขอย้อนไปเรื่อง remortgage พี่สาวแสนดี เอาเงินออกประมาณล้านห้า มาทำธุรกิจกับสามีเธอ เชื่อมั้ยค่ะไม่เคยส่งแบงค์เลย แม่มารู้ตอนมีหมายศาลมาที่บ้าน แม่ก็รีบบอกข่าวดีให้พี่ตีฟังทันทีว่าแบงค์จะมายึดบ้าน แถมบ้านของเธอเองก็โดนแบงค์ยึดขายทอดตลาดไปเีรียบร้อยแต่ไม่พอใช้หนี้แบงค์เธอกลายเป็นบุคคลล้มละลายค่ะ
ทีนี้เดือดร้อนยายลูกสาวที่มีสามีฝรั่ง(ที่ไม่รวย)สิค่ะ (แต่งงานยังไม่ทันถึงหกเดือนเลย) ทำยังงั๊ยจะหาเงินเกือบสองล้าน (ขาดไป2,327.83บาท) ไปใช้หนี้แบงค์ ไถ่บ้านออกจากแบงค์ให้แม่ แถมยังต้องหาเงินอีก สี่แสนไปปลดพี่สาวออกจากล้มละลายจากบ้านหลังเก่าก่อน ถึงจะดำเนินเรื่องบ้านของแม่ได้ ยังไม่รวมต้องหาเงินส่งให้แม่ใช้ทุกเดือนอีก</span>
<span style='color:blue'>พี่ตีเริ่มเกริ่นถึงปัญหาที่เมืองไทยให้คุณสาฟัง เธอก็ได้แต่อึ้ง แล้วก็บอกว่า มันไม่ใช้เงินน้อยๆเลย แถมยังมานั่งใช้หนี้กับหนี้ที่เมียเ้ขาไม่ได้ก่อขึ้นอีก แล้วถามออกมาหนึ่งคำว่า ลูกคนอื่นๆไม่คิดที่จะช่วยอะไรกันบ้างหรอกหรือ
หลังจากพี่ตีถูกสามีปฏิเสธที่จะช่วยเหลือในครั้งแรก ต่อมน้ำตาแตก โทรทางไกลหาแม่ บอกแม่ว่า แม่เค้าไม่ช่วย แม่ฟังได้ก็พูดกลับมาด้วยน้ำเสียงปรกติว่า แม่ไม่แปลกใจหรอกที่เค้าไม่ช่วย อะไรจะเกิดก็ปล่อยให้มันเกิด พี่ตีเริ่มหางานทำ งานที่ไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต ทำงานสุจริตทุกอย่างที่ได้เงิน พยายามพิสูจน์ให้คุณสาเชื่อใจและเห็นว่าไม่ได้แต่งกับเค้าเพราะต้องการเงินเค้า ในที่สุดสิงหาคม 2009 สามปีที่รอคอยก็ประสบผลสำเร็จ เรื่องบ้านของแม่ โดยพี่ตีเป็นหนี้แบงค์ ผ่อนแบงค์เดือนละ 300 ปอนด์ คุณสาบอกว่าถ้าเมื่อไรที่พี่ตีต้องผ่อนเงินแบงค์แล้ว ต้องหยุดส่งเงินไปเมืองไทย และคุณสาเป็นคนช่างจำ เธอเคยพูดว่า แม่มาช่วยเลี้ยงลูกหาปีแรกแม่ได้ที่ดินคืน(ที่ดินที่โคราชของยายยกให้แม่ พี่สาวแสนดี เธอก็เอาไปจำนองกับนอกระบบ 60,000 บาทไถ่คืนในราคา 100,000) แม่มาช่วยเลี้ยงลูกปีที่สองแม่ได้บ้านคืน ครั้งหน้าแม่มาแม่จะได้อะไรกลับเมืองไทย
สิ่งที่จะบอกเล่า ถึงความหมายของคำว่าเหนื่อยใจของพี่ตี ในช่วงเวลาสามปีที่ไม่รู้ว่าจะเกิดอะำไรขึ้นกับบ้านของแม่ พี่ตีทำงานทุกอย่างไม่เลือกที่เพื่อจะได้มีเงินส่วนหนึ่งส่งไปเมืองไทยโดยไม่ต้องขอสามี พี่ตีส่งให้แม่ใช้เดือนละ 400 หรือไม่ก็ 500 ปอนด์ทุกเดือน แม่จะได้มีเงินใช้จ่ายและมีไว้ไปหาหมอ รวมถึง ค่าไฟ ค่าน้ำ โทรศัพท์ สิ่งที่ทำให้แม่พี่ตีไม่เคยเหนื่อย แต่สิ่งที่เหนื่อยและเสียความรู้สึกที่สุดคือ พี่น้องที่เห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ พี่น้องไม่เคยอายที่จะขอยืมเงินแม่ และไม่เคยคิดที่จะคืน แม่ไหว้วานให้ทำอะไรนิดอะไรหน่อย เป็นไม่ทำ ทุกวันที่ออนเอ็มกับแม่ ต้องมีเรื่องเล่า ว่าคนนั้นเป็นอย่างนี้ คนนี้เป็นอย่างนั้น ก็ไม่พ้นปรึกษาแม่อยากได้เงินไปลงทุน ซึ่งนั้นก็หมายถึงแหล่งเงินลงทุนที่ชื่อพี่ตี การที่พี่ตีดูแลแม่ กลายเป็นว่าเงินก้อนนั้นดูแลทุกๆคนในครอบครัว เหมือนว่าแม่มีหน้าที่เอาเงินที่พี่ตีให้ไว้ใช้เอาไปให้ลูกคนอื่นใช้ แม่พูดกับพี่ตีว่า แม่สงสารพี่เค้าไม่มีตังค์ให้ลูกไปโรงเรียน พี่เค้าจะโดนตัดไฟ น้องมันจะโดนยึดรถ น้องมันจะลงทุนเปิดร้านเหล้าปั้น
เพราะทุกวันนี้ยังโอนเงินกลับเมืองไทยให้แม่(แต่ไม่ได้มากเท่าเมื่อก่อนเพราะมีภาระต้องผ่อนแบงค์ํที่นี่) เพื่อแม่จะได้ไม่เดือดร้อนและไม่อดอยาก พยายามทำเท่าที่ทำได้ พยายามหาเงินทุกทางที่ทำได้ โดยไม่ให้คุณสารู้ เพราะเค้าไม่เข้าใจว่าทำไมลูกคนอื่นเลี้ยงแม่ไม่ได้....</span>